อยู่ดีๆไม่ว่าดี ทำงานกับบริษัทมั่นคง เงินเดือนสูงลิ่ว สวัสดิการขั้นเทพ แต่จะลาออกไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ …!!!

สวัสดีค่ะเพื่อนพี่น้องทุกท่าน

เรากำลังวางแผนไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ สัก 1 ปี  ซึ่งก่อนอื่นขออนุญาตเกริ่น background ตัวเองนิดนึงนะคะ  คือเราเรียนจบป.โท ทำงานอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งปัจจุบันเราอายุสามสิบต้นๆ ปัจจุบันตำแหน่ง Manager แล้วค่ะ (เราได้ Promote เร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน)  บริษัทที่ทำค่อนข้างมีชื่อเสียง ติดอันดับ Top 5 ของโลกในอุตสาหกรรมเดียวกัน ถือเป็นองค์กรใหญ่และมั่นคง สวัสดิการที่ได้นั้นสำหรับเราคิดว่าดีถึงดีมากค่ะ และเนื่องจากเราอยู่ในระดับบริหารแล้วรายได้จึงค่อนข้างสูง เอา 50 ทวิมาเฉลี่ยก็ประมาณ 160,000 นิดๆ/เดือน  ที่ต้องบอกรายได้นี่ขอสาบานเลยว่าไม่ได้จะอวดอ้างแต่อย่างใด ใครจะแช่งว่าถ้าเราพูดไม่จริงก็ให้เป็นอะไรก็ได้ค่ะ  เรานอนคิดนั่งคิดอยู่ระยะหนึ่งแล้วว่าจะทิ้งมันไปดีหรือเปล่า เลยอยากให้ทุกท่านลองพิจารณาดูว่าสิ่งที่เรากำลังตัดสินใจนั้นมัน OK ไหม  มีใครเคยตัดสินใจทำอะไรแบบเราบ้าง  แล้วปัจจุบันท่านเสียใจไหมกับการตัดสินใจแบบนั้น  ซึ่งเรามีเหตุผลประกอบการตัดสินใจดังนี้ค่ะ

เมื่อประมาณกลางปี 2556 บริษัทเรามีนโยบายว่าพนง.ระดับบริหารทุกคนต้องมีผลทดสอบ TOEIC ได้ไม่ต่ำกว่า 750 หรือขั้น Advance โดยการให้สถาบันมาทำการทดสอบ  และผลการทดสอบเราออกมาว่าเราได้ 450 !!!…  ซึ่งบอกเลยว่า 450 ที่ได้นี่เราทำมั่วด้วย ฟังฝรั่งพูดไม่รู้เรื่องเลย  หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมอยู่ระดับนี้  จ้างแพงแบบนี้แล้วยังสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้  คือที่ผ่านมาเราทำงานสาย Operation มาตลอดค่ะ ภาษาที่ใช้ก็เป็นศัพท์เทคนิคเฉพาะสายงาน  เวลาประสานงานก็คุยกับทีม Operation  เหมือนกัน และเกือบ 100% เป็นคนไทย (มีบ้างที่เป็นฝรั่งแต่ไม่ค่อยได้คุย ส่วนใหญ่เป็น e-mail ก็พอหาศัพท์มาโต้ตอบได้)  พอหลังจากการทดสอบนั้น บริษัทจ้างฝรั่งจากสถาบันชื่อดังมาสอนให้ตัวต่อตัวเลยค่ะ ต้องเรียน 3 เดือน ทุกเย็น  คือตอนนั้นคุยกับฝรั่งก็พอเข้าใจบ้าง ใช้มือใช้ภาษากายสื่อสารบ้างมั่วไปหมด จบหลักสูตรก็คิดว่าตัวเองดีขึ้นระดับนึง บริษัทก็ให้ไปสอบใหม่ สรุปคือได้ 430… หนักกว่าเดิม หลังจากเหตุการณ์นี้ก็เริ่มท้อแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา

แต่จุดที่พีคที่สุดของชีวิตคือ นายเราเกษียณค่ะ แล้วนายใหม่ของเราเป็นชาวต่างชาติ Manager ทุกคนต้องรายงานผลการทำงาน ปัญหา หรือสื่อสารชีวิตประจำวันเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เวลาประชุมก็ discuss กันเป็นภาษาอังกฤษ 100% ถึงเราจะเก่ง Operation มากแค่ไหน แต่เราสื่อสารหรือรายงานปัญหาไม่ได้ กลายเป็นว่าเราเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ไปโดยทันที  เราเครียดมากๆค่ะ เครียดจนบางครั้งนอนไม่หลับติดกันหลายวัน ทุกวันที่เคยสนุกกับการทำงาน สนุกกับการแก้ไขปัญหาหรือคิดกลยุทธ์ปรับปรุงระบบก็กลายเป็นไม่อยากไปทำงานเลยดื้อๆ  ............ หลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงมีคำถามว่าทำไมไม่ฝึกล่ะ ทั้ง Youtube ทั้งสื่อต่างๆก็มีมากมาย  เราทำหมดแล้วค่ะ ลองดูหนัง ฟังเพลง ลองทำทุกอย่างแต่ได้ในเวลาจำกัด เพราะทำงานตั้งแต่เช้า กลับบ้านก็ 2-3 ทุ่ม บางวันล้ามากก็หลับไม่ได้ฝึก เป็นมาปีกว่าๆแล้วก็คิดว่าตัวเองยังสื่อสารไม่ดีพอ ไม่ได้สามารถโต้ตอบได้ทันทีอย่างพี่ๆ Manager คนอื่นเวลาคุยกับนาย (คนอื่นๆ degree นอกกันทั้งนั้น) ทุกวันนี้เราเหมือนคนไม่มีค่ากับองค์กรเลย ทั้งๆที่น้องๆทีมงานหรือลูกค้ามีอะไรก็จะถามเรา น้องทีมงานบอกว่าเราเป็นเหมือน dictionary ของหน่วยงาน มีอะไรที่ใครไม่รู้ก็มาถาม  คือทุกครั้งที่ได้ยินมันก็พอเป็นยาหล่อเลี้ยงจิตใจได้  แต่ก็รู้ตัวเองอยู่ตลอดว่าเรายังไม่ดีพอ เรายังไม่เหมาะสมกับทุกอย่างที่องค์กรให้เราจริงๆ

สรุปค่ะ ..  จากเหตุผลที่ผ่านมา  เราตัดสินใจว่าจะต้องพัฒนาตัวเองอย่างจริงจัง ถ้าฝึกแล้วไม่ได้ก็ลองเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ๆที่มีแต่คนใช้ภาษาอังกฤษมันไปเลย  ไม่ว่าจะกลับมาแล้วหางานทำรายได้ไม่เท่าเดิม เราก็ไม่แคร์ค่ะ  คิดว่าชีวิตนี้ถ้าเราเต็มที่กับอะไรสักอย่างมันต้องได้ดี หรือถ้าไม่ได้ดีก็ดีกว่าไม่ลองทำ

ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไปเรียนอยู่ในที่ๆคนไทยน้อยหน่อย  ไปอยู่สักปีแล้วลองประเมินตัวเองใหม่ว่าใช้ได้ไหม  ที่ดูๆไว้คือ NZ เพราะเราไม่ใช่คนชอบอะไรครึกครื้น ไม่เที่ยวกลางคืน  ชอบอยู่บ้านอ่านหนังสือ หรือเที่ยวในที่ๆมีธรรมชาติสวยๆ ค่าครองชีพไม่สูงมาก และอยากหางานทำเพราะคิดว่าน่าจะได้ภาษาเร็ว แถมไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินเก็บมากนักด้วยค่ะ เราเคยไปเที่ยวอังกฤษและอเมริกาแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับตัวเอง  คิดเอาเองว่า NZ น่าจะเป็นทำตอบที่แมทกับความต้องการมากที่สุด


จบแล้วค่ะ ขอความกรุณาทุกท่านให้ความเห็นนะคะ ไม่ว่าจะออกมาทางลบหรือทางบวกเราก็น้อมรับและขอขอบคุณที่เสียสละเวลามาแนะนำด้วยค่ะ

หมายเหตุ : ชื่อหัวข้อเหมือนจะอวดๆไปสักหน่อย แต่เพื่อนๆบอกว่าแกลงไปเลย  เรียกร้องความสนใจได้เยอะดี 555+ ใครอ่านแล้วรู้สึกไม่ดีเราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่