เเม่ผมเกษียณไปเป็นBackpacker.....

แม่ผมเองเป็นข้าราชการธรรมดาๆคนหนึ่งเหมือนๆใครหลายๆคนครับ แม่ทำงานในตำเเหน่งนักวิชาการโรงพยาบาล ก่อนแม่เกษียณ เเม่ทำงานที่สำนักงานควบคุมโรค กรมควบคุมโรค แม่เป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพ แม่เองมีวิถีชีวิตเเบบคนต่างจังหวัดเป็นพื้นฐานครับ แม่ประหยัด อดออม ใช้เท่าที่จำเป็น สิ่งของฟุ่มเฟือยหรือสิ่งที่จะช่วยเสริมให้เปลือกของแม่ดูดีนานา เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า gadget รถยนต์ ของเหล่านี้เเม่มีน้อยมาก แม่ให้ความสำคัญกับวิธีการใช้ชีวิตเป็นหลัก แม่เลือกกินอาหารที่ดี ทานน้อยหรือเเทบจะงดเสียด้วยซ้ำกับพวกของทอดหรือของมัน ออกกำลังทุกวันตั้งเเต่เเม่อายุได้สามสิบกว่าสี่สิบ ทำเรื่อยมาจนเกษียณครับ
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ก่อนเเม่เกษียณผมก็ถามเเม่ว่าเกษียณเเล้วจะไปทำอะไรล่ะเเม่? อยู่บ้านทุกวันจะเบื่อมั้ยล่ะนั่น?? คำตอบของเเม่ก็ตอบกลับมาคล้ายๆกับคนที่ใกล้ๆเกษียณหลายๆคนนะครับ คือ ว่าจะเที่ยว มีเวลาเเล้วนี่นา เมื่อเเม่เกษียณเมื่อกันยายนปีที่เเล้ว เเม่เริ่มต้นทริปประเดิมด้วยการไปพม่าคนเดียวสองอาทิตย์โดยนั่งรถทัวร์ไปเชียงรายเเล้วเข้าเมียววดีโดยการโบกรถไปหรือนั่งรถรับจ้างที่สุดเเต่จะหาได้ แล้วก็ไปพักโรงแรมที่สุดเเต่จะหาได้เเละพอรับได้เช่นกัน(โดยมากแล้วเเม่จะนอนราว150-300บาทต่อคืน) วิธีการเที่ยวของเเม่นั้น คือ การเปิดเว็บไซค์หาข้อมูล ซื้อLonely Planetมาอ่าน แล้วจดเรื่องสำคัญๆ เช่น สถานที่ ชื่อเมืองที่อยากไป วิธีการเดินทาง ค่าครองชีพ อาหารการกิน หรืออะไรก็ตามที่สำคัญเเละอยากจะโน้ตไว้อ่าน จดทั้งหมดลงกระดาษA4 เเล้วเย็บรวมกันไว้ พร้อมถือติดมือไปเที่ยวด้วย ไปถึงก็เดินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป้าหมายของเเม่หลักๆเเล้ว จะอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ หอสมุด ประวัติศาสตร์ความเป็นมา ตลอดไปจนตึกรามบ้านช่อง ภูมิประเทศ อาหารการกินเเละวิถีชีวิตนานา เเม่จะเล่าเรื่องราวผ่านโปรเเกรมเเชทในกรุ้ปของครอบครัวตลอดระยะเวลาการเดินทาง เพื่อเเบ่งปันประสบการณ์และเพื่อความสบายใจของคนทางบ้าน
ก่อนนี้ตัวผมเองไปทำงานอยู่สิงคโปร์อยู่หลายปีเเละตัดสินใจกลับมาเพราะคิดถึงบ้าน แล้วการอยู่เฝ้าบ้านดูเเลบ้านตอนที่แม่ไปเที่ยวก็เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจครับ ก่อนกลับมาไทยผมถามเเม่ว่าอยากได้อะไรมั้ย? เเม่ตอบสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว เอาเป้เเบคเเพคใบพอดีๆนะลูก ใบที่ใช้อยู่มันเก่ามากเเล้ว!!!!
หลังจากทริปฉายเดี่ยวในพม่าของเเม่เมื่อปลายปีที่เเล้ว แม่เริ่มค้นพบวิธีหลายอย่างที่เอื้อต่อการเดินทางของเเม่มากขึ้น เช่น การนำเสื้อผ้าเก่าของลูกชายที่ไม่ใส่เเล้วจากห้องเก็บของมาใช้ใหม่ คือนำมาใส่ไปเที่ยวแล้วใส่เสร็จก็ทิ้งไว้ที่โรงเเรม เเม่บอกว่าเด๋วมันต้องมีคนเก็บไปใส่หรือเอาไปให้คนตามถนนบ้าง เป็นการบริจาคไปทางหนึ่งและลดน้ำหนักกระเป๋าไปในตัวด้วย
ล่าสุด คือ เมื่อเช้านี้ เช้านี้ออกไปส่งคุณเเม่ไปเที่ยวตะลุยเดี่ยวอีกเช่นเคย แม่จะอยู่ราวสองอาทิตย์แล้วก็ออกไปเที่ยวอีกสองอาทิตย์ เดือนที่เเล้วไปปีนังแล้วก็เมืองไหนอีกผมเองก็จำไม่ได้ เเต่รอบนี้เห็นว่าไปมะละกา,กัวลาลัมเปอร์ มีหลายทีที่ผมเองก็สงสัยว่าทำไมแม่ชอบไปประเทศเดิมซ้ำๆหลายๆรอบ ไปทีละสองสามเมือง อย่างที่เล่าไว้ในตอนเเรก วิถีของแม่คือ ไปเดินๆๆๆๆๆๆๆดูๆๆๆๆๆๆ ศึกษาประวัติศาสตร์ และดูวิถีชีวิต การกินอยู่และอื่นๆ ไปทีละ10วัน 15วัน
ก็เก็บได้เเค่สองเมือง สามเมืองอย่างมาก จริงๆเเล้วจากวิถีของเเม่นี่ มันดูฮิปสเตอร์มากครับ สโลว์ไลฟ์ตัวจริง อย่างว่า60กว่าเเล้วจะเร็วมากคงไม่ได้ จากนั้นเเล้วก็เดินทางกลับมาพักเพื่อวางเเผนการเดินทางครั้งหน้า
ทั้งหมดทั้งมวลที่บ่นมา ผมเองไม่ได้อยากจะบอกว่าเเม่มีเงินมากพอหลังเกษียณเเล้วก็ยังเที่ยวได้ตามใจอยาก เเม่เองมีเงินเก็บประมาณหนึ่งเเละมีเวลาถมถืด แต่ทั้งสองอย่างจะรวมกันเเล้วไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าเเม่ไม่ได้รักษาสุขภาพให้ดีตั้งเเต่ตอนยังไม่เเก่ ผมเลยอยากเเบ่งปันเเละเตือนสติใครหลายๆคนที่ใช้ชีวิตอย่างประมาท และนั่นอาจรวมถึงตัวผมเองเสียด้วยซ้ำ ชีวิตที่ดีที่มีคุณภาพ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยนะครับ มันต้องมาจากการวางเเผน, เตรียมตัวและดูเเลตัวเอง เงิน, เวลาและสุขภาพ สามสิ่งนี้เป็นปัจจัยหลักที่จะขาดข้อใดไปไม่ได้เลย ฉนั้นเเล้ว ขอให้คนที่ได้อ่านเรื่องนี้เเล้วหันมาดูเเล ใส่ใจตัวเองบ้างนะครับ
ปล.ไว้ว่างๆจะเอารูปเเม่มาลงให้ดู ถ้าอยากดูกันนะครับ.......:]
ผมเพิ่มเติมกระทู้เรื่องของคุณเเม่ที่แชร์สู่คุณลูกให้ออกสู่ผู้คนที่สนใจได้ลองอ่านกันนะครับ
ตามลิ้งค์ด้านล่างได้เลยครับ
http://ppantip.com/topic/33650481
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่