สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนค่ะ เราอยากลองเขียนบอกเล่าเรื่องราวในยุควินเทจของเราเอง (ในยุคเก่านั่นแล แค่อยากใช้คำให้เก๋ไก๋เท่านั้นเอง) ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับยุควินเทจของใคร ยุควินเทจของเราในที่นี้นี่ย้อนไปช่วงเวลาประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว ซึ่งทุกเหตุการณ์ ทุกความทรงจำเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
-ได้แรงบันดาลใจจากการอ่านเรื่องสั้น “พ่อเป็นหมอ” ค่ะ
-หากแท็กผิดห้อง ขออภัย กระทู้แรกค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
“เรื่องเล่าวินเทจ ตอนที่ 1อนุบาล เลข5 และนม(?)”
สมัยเรียนอนุบาล ณ โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ในชนบทติดชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ตอนนั้นเราจำได้ว่า ตอนที่เริ่มเข้าเรียนอนุบาลครั้งแรก เรื่องการร้องไห้นี่เด็กๆน่าจะเป็นทุกคนนะ คิดถึงแม่ อยากกลับบ้าน เราก็เป็น แต่พอผ่านไปซักพัก มันก็หายไปเอง เริ่มชิน เริ่มสนุกกับการมีเพื่อนที่โรงเรียน เรื่องโก๊ะๆของเราสมัยเรียนอนุบาล ก็จะมีตอนเริ่มหัดเขียนหนังสือ เราแบบเขียนสวยมาก ได้คัดลายมือประกวด แต่!! ที่มันน่าตลกคือ เขียนเลข 5 ไม่เป็น มารู้ตัวว่าเขียนเลข 5 ไม่ได้ ก็ตอนได้การบ้าน คุณครูให้คัดเลข 5 มา 1 หน้ากระดาษ พอกลับถึงบ้าน เราก็จัดแจงเตรียมทำการบ้านเป็นอย่างดี จำได้ว่า ลองเขียนแล้ว พยายามแล้ว แต่ก็ไม่ได้ จนนั่งร้องไห้ อารมณ์ประมาณ เจ็บใจตัวเองทำไมแค่นี้ทำไม่ได้สักที จนแม่เห็นว่าเรานั่งร้องไห้อยู่ ก็เข้ามาถามไถ่ สุดท้ายแม่ก็ต้องมาจับมือเราหัดเขียน แต่ก็ทุลักทุเลพอดู เพราะเราเขียนมือซ้าย แต่แม่เขียนมือขวา แต่แม่ก็พยายามใช้มือซ้ายข้างที่แม่ไม่ถนัด จับมือเราพาเขียนเลข 5 จนเราเขียนได้ สองมือของแม่ ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดในโลกจริงๆ
พูดถึงตัวเลข มีเพลงนึงที่เราได้ร้องตอนเริ่มเรียนเรื่องตัวเลขนี่แหละ ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้
“เลข 1 เสาธง เลข 2 เป็ดว่ายน้ำ เลข 3 นกบิน เลข 4 เก้าอี้นั่ง เลข 5 ปากสิงโต เลข 6 ไม้ตีลูกโป่ง เลข 7 ผูกโบว์ เลข 8 ไข่แฝด เลข 9 กุญแจ เลข 10 มีหนึ่งกับศูนย์”
ช่วงนอนกลางวันของเด็กอนุบาล เราเชื่อว่าเด็กๆทุกคน ไม่ชอบการนอนกลางวันที่โรงเรียนเป็นที่สุด (แต่พอโตมาล่ะ อยากจะนอนทั้งวันทั้งคืนเลย นอนไม่พอ T_T) วีรกรรมเด็ดๆของเราที่จำได้คือ ปกติเราจะติดเล่นนิ้วมาก คืออยู่บ้านจะนอนต้องเขี่ยนิ้ว เขี่ยเล็บมือของแม่ ถึงจะนอนหลับได้ มันรู้สึกเพลินๆดี ทีนี้ที่โรงเรียนบ้าง เราก็แอบไปขโมยเขี่ยนิ้วของเพื่อนที่กำลังนอนหลับ จนเพื่อนรำคาญ ก็ฟ้องครู โดนดุไปตามระเบียบ สุดท้ายต้องมานอนเขี่ยนิ้วตัวเอง กว่าจะหลับได้ เพื่อนๆก็เกือบจะตื่นกันแล้ว
พอตื่นจากนอนกลางวันก็ต้องมาล้างหน้า ทาแป้ง และกินนม ไอ้กินนมนี่แหละ ที่จำจนวันตายเลยนมที่โรงเรียนให้กินคือ จะเป็นนมผงกระป๋อง แล้วคุณครูจะชงใส่หม้อใบใหญ่ๆแล้วตักแจกเด็กๆคนละ 1 แก้ว รสหวานๆหน่อย ด้วยความเป็นเด็ก ครั้งแรกที่รับแก้วนมมาจากครู เราก็จัดการดื่มทันที ไม่ได้คิดอะไร ปรากฏว่า อ้วกแตกเลยจ้า ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากวันนั้นมา เราก็จะแอบเอานมไปเททิ้ง เพราะกินไม่ได้จริงๆ จนมาค้นพบตัวเองว่า ตอนอยู่ที่บ้าน กินแต่นมรสจืด พอลองกินนมรสหวาน รสช็อกโกแลต หรือรสอื่นๆเรากินไม่ได้เลย พอกินแล้วก็จะออกปากอย่างเดียวเลย สุดท้ายคุณครูจับได้ว่าแอบเอานมไปเททิ้ง ก็มีการเรียกผู้ปกครองมาพบ (ผมนี่โดนเรียกผู้ปกครองตั้งแต่อนุบาลเลยฮะ) ซึ่งจริงๆ แม่ก็เจอครูทุกวันอยู่แล้ว ก็พูดคุย แก้ปัญหากันไป ลงท้ายด้วยการที่เราไม่ต้องกินนมตอนตื่นนอนคนเดียว จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งกันทุกฝ่าย
ตอนที่ 2 จะเป็นเรื่องอะไร ติดตามกันเร็วๆนี้ค่ะ ขอไปนึกก่อน จริงๆเรื่องเยอะ แต่เริ่มไม่ถูก เรียบเรียงไม่ถูกจริงๆค่ะ มือใหม่หัดเขียน
เรื่องเล่าวินเทจ ตอนที่ 1อนุบาล เลข5 และนม(?)
-ได้แรงบันดาลใจจากการอ่านเรื่องสั้น “พ่อเป็นหมอ” ค่ะ
-หากแท็กผิดห้อง ขออภัย กระทู้แรกค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
“เรื่องเล่าวินเทจ ตอนที่ 1อนุบาล เลข5 และนม(?)”
สมัยเรียนอนุบาล ณ โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ในชนบทติดชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ตอนนั้นเราจำได้ว่า ตอนที่เริ่มเข้าเรียนอนุบาลครั้งแรก เรื่องการร้องไห้นี่เด็กๆน่าจะเป็นทุกคนนะ คิดถึงแม่ อยากกลับบ้าน เราก็เป็น แต่พอผ่านไปซักพัก มันก็หายไปเอง เริ่มชิน เริ่มสนุกกับการมีเพื่อนที่โรงเรียน เรื่องโก๊ะๆของเราสมัยเรียนอนุบาล ก็จะมีตอนเริ่มหัดเขียนหนังสือ เราแบบเขียนสวยมาก ได้คัดลายมือประกวด แต่!! ที่มันน่าตลกคือ เขียนเลข 5 ไม่เป็น มารู้ตัวว่าเขียนเลข 5 ไม่ได้ ก็ตอนได้การบ้าน คุณครูให้คัดเลข 5 มา 1 หน้ากระดาษ พอกลับถึงบ้าน เราก็จัดแจงเตรียมทำการบ้านเป็นอย่างดี จำได้ว่า ลองเขียนแล้ว พยายามแล้ว แต่ก็ไม่ได้ จนนั่งร้องไห้ อารมณ์ประมาณ เจ็บใจตัวเองทำไมแค่นี้ทำไม่ได้สักที จนแม่เห็นว่าเรานั่งร้องไห้อยู่ ก็เข้ามาถามไถ่ สุดท้ายแม่ก็ต้องมาจับมือเราหัดเขียน แต่ก็ทุลักทุเลพอดู เพราะเราเขียนมือซ้าย แต่แม่เขียนมือขวา แต่แม่ก็พยายามใช้มือซ้ายข้างที่แม่ไม่ถนัด จับมือเราพาเขียนเลข 5 จนเราเขียนได้ สองมือของแม่ ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดในโลกจริงๆ
พูดถึงตัวเลข มีเพลงนึงที่เราได้ร้องตอนเริ่มเรียนเรื่องตัวเลขนี่แหละ ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้
“เลข 1 เสาธง เลข 2 เป็ดว่ายน้ำ เลข 3 นกบิน เลข 4 เก้าอี้นั่ง เลข 5 ปากสิงโต เลข 6 ไม้ตีลูกโป่ง เลข 7 ผูกโบว์ เลข 8 ไข่แฝด เลข 9 กุญแจ เลข 10 มีหนึ่งกับศูนย์”
ช่วงนอนกลางวันของเด็กอนุบาล เราเชื่อว่าเด็กๆทุกคน ไม่ชอบการนอนกลางวันที่โรงเรียนเป็นที่สุด (แต่พอโตมาล่ะ อยากจะนอนทั้งวันทั้งคืนเลย นอนไม่พอ T_T) วีรกรรมเด็ดๆของเราที่จำได้คือ ปกติเราจะติดเล่นนิ้วมาก คืออยู่บ้านจะนอนต้องเขี่ยนิ้ว เขี่ยเล็บมือของแม่ ถึงจะนอนหลับได้ มันรู้สึกเพลินๆดี ทีนี้ที่โรงเรียนบ้าง เราก็แอบไปขโมยเขี่ยนิ้วของเพื่อนที่กำลังนอนหลับ จนเพื่อนรำคาญ ก็ฟ้องครู โดนดุไปตามระเบียบ สุดท้ายต้องมานอนเขี่ยนิ้วตัวเอง กว่าจะหลับได้ เพื่อนๆก็เกือบจะตื่นกันแล้ว
พอตื่นจากนอนกลางวันก็ต้องมาล้างหน้า ทาแป้ง และกินนม ไอ้กินนมนี่แหละ ที่จำจนวันตายเลยนมที่โรงเรียนให้กินคือ จะเป็นนมผงกระป๋อง แล้วคุณครูจะชงใส่หม้อใบใหญ่ๆแล้วตักแจกเด็กๆคนละ 1 แก้ว รสหวานๆหน่อย ด้วยความเป็นเด็ก ครั้งแรกที่รับแก้วนมมาจากครู เราก็จัดการดื่มทันที ไม่ได้คิดอะไร ปรากฏว่า อ้วกแตกเลยจ้า ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากวันนั้นมา เราก็จะแอบเอานมไปเททิ้ง เพราะกินไม่ได้จริงๆ จนมาค้นพบตัวเองว่า ตอนอยู่ที่บ้าน กินแต่นมรสจืด พอลองกินนมรสหวาน รสช็อกโกแลต หรือรสอื่นๆเรากินไม่ได้เลย พอกินแล้วก็จะออกปากอย่างเดียวเลย สุดท้ายคุณครูจับได้ว่าแอบเอานมไปเททิ้ง ก็มีการเรียกผู้ปกครองมาพบ (ผมนี่โดนเรียกผู้ปกครองตั้งแต่อนุบาลเลยฮะ) ซึ่งจริงๆ แม่ก็เจอครูทุกวันอยู่แล้ว ก็พูดคุย แก้ปัญหากันไป ลงท้ายด้วยการที่เราไม่ต้องกินนมตอนตื่นนอนคนเดียว จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งกันทุกฝ่าย
ตอนที่ 2 จะเป็นเรื่องอะไร ติดตามกันเร็วๆนี้ค่ะ ขอไปนึกก่อน จริงๆเรื่องเยอะ แต่เริ่มไม่ถูก เรียบเรียงไม่ถูกจริงๆค่ะ มือใหม่หัดเขียน