จากกระทู้เดิมกระทู้นี้นะคะ
พร้อมเป็นเจ้าสาวกันรึยังน้าาาา ถ้าพร้อมแล้วเชิญทางนี้จ้าาาาา
หลายคนอาจจะมีอุปสรรคเรื่องเก็บเงินไม่ได้สักทีแต่อยากแต่งงานทำไงดีน้า
เงื่อนไขสำหรับกระทู้นี้คือ คุณต้องมีเงินเดือนประจำสม่ำเสมอเท่านั้น ถ้าเงื่อนไขตรงก็ไปอ่านต่อได้เลยค่ะ
เล่าพื้นหลังคร่าวๆ เราสองคนเงินเดือนระดับพนักงานกินเงินเดือนทั่วไป อาศัยในต่างจังหวัด
งานนี้ตั้งใจจะไม่รบกวนพ่อแม่เลยสักบาท เพื่อแสดงให้ท่านเห็นว่าเราโตพอที่จะบริหารเงิน บริหารชีวิตตัวเองได้แล้ว
ภาระตอนนี้มีผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต หนี้กยศ. (เรียกได้ว่าหนี้พี่ก็เพียบนะครั่ช)
ไม่ตั้งงบประมาณเนื่องจากว่าค่อยๆอาศัยการบริหารเงินในแต่ละเดือนว่ามีเท่าไหร่ งานเราคืบหน้าทุกๆสิ้นเดือนถึงต้นเดือน ฮาาาา
เข้าเรื่องกันดีกว่าเนอะะะ
อันดับแรกเลย เช็คกับตัวเองนะคะว่าต้องการแต่งงานเพื่ออะไร คิดเยอะๆค่ะ อย่าใช้คำว่าเสียดายเวลาที่คบกัน เพราะการแต่งงานไม่ใช่เล่นขายของ ที่จะเลิกเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ การเเต่งงานไม่ใช่จุดจบของชีวิตคู่ ไม่ใช่การจบลงแบบว่า แล้วทั้งคู่ก็แต่งงานและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป เพราะใครจะรู้ว่าหลังจากนางซินแต่งกับเจ้าชายแล้ว จะถูกถีบหัวส่งไปอยู่ก้นครัว หรือเป็นเจ้าหญิงไปตลอดชีวิต
>> สำหรับเรา วัตถุประสงค์เดียวคือมีชีวิตสมรสที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าของเราค่ะ .. อ๊ะๆๆๆ อย่าเพิ่งด่าน้าาา ความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ
และแล้วเราก็เริ่มอธิษฐาน (อาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์หน่อยนะ แหะๆ) แล้วเราก็มานั่งคำนวนเลยว่า
- เงินแต่ละเดือนของเราทั้งสองคนเข้าเดือนละเท่าไหร่ >> หลังไมค์ค่ะ
- ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายประจำต่อเดือนเท่าไหร่ (เป็น 3 เดือนที่ประหยัดถึงขีดสุดเลยค่ะ 555) >> หลังไมค์นะคะ
- เรามีเวลาในการเตรียมงานกี่เดือน >>ของเรา 3 เดือนค่ะ
- โรงแรม รีสอร์ท หรือร้านอาหารที่เราหมายตา เค้ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ส่วนสำคัญสุดคือ มัดจำเท่าไหร่
จ่ายจบงานเท่าไหร่(สำหรับพนักงานออฟฟิศอย่างเราส่วนใหญ่แกะซองจ่ายเพิ่มค่ะ)
- ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากจะขาดทุนในงานแต่ง เพราะฉะนั้นแนะนำว่าเอาแค่พอสมฐานะนะคะ
- ความสามารถในการใส่ซองของเพื่อน+ญาติ ประมาณเท่าไหร่ อย่าหาว่างกเลยนะคะ ยอมรับเถอะค่ะว่ากำลังคิดแบบนี้ >>ของเราคำนวนไว้ 500/หัวค่ะ
*ถ้าญาติผู้ใหญ่เยอะ เรามองว่ายังไงก็ไม่ขาดทุนค่ะ เพราะซองส่วนใหญ่ล้วนมาจากญาติค่ะ
หลังจากที่เราคำนวนทุกอย่างเรียบร้อย คราวนี้จะเป็นประสบการณ์จริงแล้วนะคะ
กุมภา 2558
เมื่อเงินเดือนออก สิ่งแรกที่เราต้องจ่ายคือ เรื่องสถานที่ เพื่อที่จะจัดทำการ์ด และสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเราคือ รีสอร์ทชื่อดังแถวบางพระศรีราชา (ไม่รู้เอ่ยชื่อได้มั้ยน้าาาา เนื่องจากค่ามัดจำที่แสนจะเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าคือ 2,000 บาท เราจองโต๊ะจีนไว้ที่ 15 โต๊ะ จำนวนโต๊ะให้คำนวนไปเลยว่าเงินเดือนงวดสุดท้ายออกมีจ่ายชัวร์ โดยไม่แกะซอง แต่เนื่องจากว่าแขกเรามาเยอะเกินคาด ตอนหลังเลยต้องเพิ่มเป็น 23โต๊ะ (จองแค่ว่าเราจะเอาสถานที่ริมทะเล รายละเอียดอื่นๆยังไม่ได้คุย)สิ่งที่สองที่ต้องทำคือจัดทำการ์ด และแล้วเราก็ได้การ์ดมาในราคา ใบละ 13 บาท จำนวน 120 ใบ ค่าบล็อค 500 ค่าจัดส่ง ประมาณ 200 รวมทั้งหมดเราจ่ายสำหรับค่าการ์ดไป มัดจำ 1200 และจ่ายเพิ่มก่อนรับการ์ด 1000 ถ้วน (เค้าลดให้ 60 บาทนะ)
สรุปเดือนนี้เราจ่ายเงินไป
2,200+2,000 = 4,200 บาทถ้วน
เริ่มเห็นแสงทองที่ปลายอุโมงค์รึยังคะว่าที่เจ้าสาว งดเที่ยวสักเดือน ก็เป็นว่าที่เจ้าสาวได้แล้ว
หลายคนอาจจะหาการ์ดได้ถูกกว่านี้ก็ประหยัดไปอีกน้าาาาาา
มีนา 2558
เราเริ่มมองหาชุดเจ้าสาวตามเน็ต เพราะจะไปเช่าก็แพงเหลือเกิน เลยได้มาในราคารวมเครื่องประดับและค่าส่งแล้ว อยู่ที่ 2,200 บาทถ้วน
(ซึ่งมาทราบทีหลังว่าแถวบ้านให้เช่าชุดแค่ คู่ละ 2,500 ร้องไห้หนักมาก แต่เดินหน้าต่อค่ะ)
และแล้วก็ถึงเวลาพรีเวดดิ้ง เงื่อนไขเราคือขอจ่ายเดือนนี้แค่มัดจำ และรับรูปจ่ายที่เหลือทั้งหมด ซึ่งที่นี่เราถ่ายรูปพรีเวดดิ้งเซท 9,900 บาท
จ่ายมัดจำวันลองชุด 3,000 วันรับรูปอีก 6,900 บาท
ช่วงนี้ก็ถึงเวลาหาของชำร่วยแล้วนะคะ เพราะงานเราจะมีในสิ้นเดือนหน้าแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้เวลาค่ะ ของชำร่วยของเราก็เป็นกระเป๋าผ้าน่ารักๆจากเพื่อนสนิทค่ะ ราคาค่อนข้างสูงสักหน่อย อันนี้อาจจะต้องลองเลือกดูนะคะว่าของชำร่วยแบบไหนจะเหมาะสมกับแขกที่มาในงาน
ซึ่งเนื่องจากงานเรา ไม่มีรดน้ำสังข์หรือยกน้ำชา จึงไม่มีของชำร่วยที่ใหญ่พิเศษ เราจึงมองหาของชำร่วยที่แจกผู้ใหญ่ได้ไม่น่าเกลียดด้วย เลยต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ เราก็ได้ของชำร่วยมาราคาประมาณ 50-60 บาท เราไม่แน่ใจเพราะเพื่อนเราทำให้ในส่วนนี้ค่ะ เลยได้ราคาพิเศษค่ะ
สำหรับเราของชำร่วยชิ้นนี้ไม่ได้เลอค่าที่ราคานะคะ แต่เลอค่าที่เพื่อนทำให้ค่ะ
ส่วนนี้ เราไม่ได้จ่ายมัดจำ รอจ่ายจบงานทีเดียว
ส่วนใหญ่ราคาของชำร่วยที่เห็นทั่วไป ประมาณ 5-20 บาทค่ะ สำเพ็งมีเยอะนะคะ ลองหาดูค่ะ
และนี่คือของชำร่วยของเรา
พวกสมุดเซ็นอวยพร กล่องซอง ปากกา เพื่อนเราหามาให้หมดเลยค่ะ รักเพื่อนก็ตรงนี้ อิอิ
แต่ของพวกนี้สามารถเช่าหรือแนะนำว่าไปซื้อที่สำเพ็งค่ะ ราคารวมทั้งหมดไม่เกิน 2000 แน่นอน
สำหรับส่วนอื่นในงานเนื่องจากเราไม่ใช้ออแกนไนซ์เลยได้จัดการเองทั้งหมด เราจึงไม่เน้นงานดอกไม้สดค่ะ
งานนี้เนื่องจากงบประมาณเราน้อย ไม่เหมาะอย่างแรงกับของที่เน่าเสีย เราเลยตกลงว่าจะใช้ ผ้าชีฟองสิขาวและโมบายเปลือกหอย
ซึ่งเข้ากับธีมทะเลพอดี
มีการปักคบเพลิงไม้ไผ่รอบงาน ซึ่งส่วนนี้ก็สั่งซื้อจากบ้านเกิดทางเหนือของประเทศเลยค่ะ สนนราคา อันละ 25-35 + ตะเกียง 9 บาท ใช้ทั้งงานประมาณ 30++ แต่สั่งมา 80 ค่ะ ราคารวมไม่ถึงสองพัน แต่ส่วนนี้แม่แฟนจัดการให้ค่ะ
สรุปเดือนนี้เราใช้เงินไปทั้งหมด
2,200+3000 = 5,500 บาทถ้วน
อ่อ เราลืมมัดจำช่างภาพไป 500 บาทถ้วน (ราคาเต็ม 10000+ค่าเดินทาง 500 ช่างภาพ 2 วิดิโอ 1)
*เราไม่จ้างช่างแต่งหน้าค่ะเพราะเสียดายเงิน 5555
เริ่มเล็งเห็นภาระหนักมั้ยคะ มัดจำน้อยมาก จบงานนี่มีเกือบอ้วกนะครั่ช เลยต้องเล็งหาหนทางประหยัดกันบ้างแล้วว
และแล้วเดือนเมษาก็มาถึง
สิ้นเดือนมีนาเราได้เงินมาเยอะกว่าปกติ แต่ก็พอจะแพลนไว้แล้ว เพราะเราได้คอมมิชชั่น และคุณแฟนมีเงินพิเศษอีกนิดหน่อย
สำหรับใครที่เงินเข้าเท่ากันทุกเดือน ก็อาจจะยืดเวลาออกไปอีกนิดหน่อย เพิ่มจำนวนเดือนในการบริหารเข้าไป รับรอง ไม่เกินปีได้แต่งแน่ๆ
ไม่แนะนำวิธีกู้เงินมาแต่งนะคะ ไม่คุ้ม
เดือนนี้เราซื้อชุดเจ้าบ่าว เป็นสูท เนื่องจากเช่าสูทแยกราคามันบาดเงินในกระเป๋าเหลือเกิน ซื้อสูทที่ร้านในโซนพลาซ่าของห้าง (จริงๆตลาดนัดก็มีนะ ถูกกว่าด้วย รู้ทีหลัง ร้องไห้หนักมากกก) ราคารวมทั้งหมดประมาณ 1,400 บาท
ซื้อผ้าสีขาวซึ่งเป็นอุปกรณ์ในหลักในการตกแต่งสถานที่รวมทั้งหมด 90 หลา 2,250 บาท
ด้วยความติส อยากได้ลูกไม้ติดชายกระโปรงชุดแต่งงาน เลยเสียตังค์เพิ่ม แต่ข้ามส่วนนี้ไปละกันเนอะ
พอใกล้วันจริง พาแม่ผู้ชายเข้าไปดูสถานที่จริง ปรากฎว่า มันร้อนมว๊ากกกกกกกกก เวลาที่เรานัดแขกคือ สี่โมงครึ่ง(เย็น)
แต่แดดชลบุรีไม่เกรงใจเราเลยค่ะ แม่เลยขอให้ไปจัดพิธีที่หอประชุม
เลยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกทั้งค่าสถานที่และงานดอกไม้สดที่ต้องตามมาด้วย ไหนจะเชิงเทียนที่ต้องใช้ในพิธีคริสต์อีก
แต่สรุปทุกอย่างก็ออกมาสวยสมกับที่รอคอยค่ะ
ก่อนวันงานหนึ่งวันเราไปซื้อดอกไม้สดมาจัดงาน ใช้งบประมาณ 3,500 บาท ณ ปากคลองตลาดค่ะ
รวมช่อดอกไม้เจ้าสาว และพวงมาลัยบ่าวสาวแล้วนะคะ
ในเดือนนี้เราใช้เงินช่วงก่อนเงินเดือนออกทั้งหมด 7150 บาท ไม่รวมค่าน้ำมันรถ
และแล้วเมื่อวันเงินเดือนออกมาถึง เราเช่าชุดราตรีช่วงงานเลี้ยงเพิ่ม เช่าพรมที่จะใช้ในงาน เช่าขาตั้งรูปหน้างาน ไปรับรูป
ไปรับโมบายเปลือกหอยที่สั่งไว้ ซื้อไม้ไผ่มาจัดงาน ซื้ออุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเติม เรียกได้ว่าวันเงินเดือนออกเรานี่วิ่งวุ่นสุดริด
มีตังค์ค่ะ เสียงดังได้แล้ว อิอิ
สรุปวันสุดท้ายจบงานเราจ่ายค่ารีสอร์ทไป 84,550 หักมัดจำ 2000 เหลือจ่าย 82550 ใส่ซองให้กับผู้ช่วยงานไปประมาณ 7000 บาท ค่าช่างภาพ 10000 บาท
ค่าเสียหายทั้งหมดของงานเราประมาณ 150,000 บาท บวกลบ ไม่เกิน 10,000 ค่ะ รู้แค่ว่า ได้ซองมาไม่ขาดทุนค่ะ
*ฤกษ์แต่งงานแนะนำว่าควรจัดสิ้นเดือนนะคะ วันเงินเดือนออกจะเป็นวันที่เรายังไม่ต้องใช้เงินเดือนไปจ่ายอะไร
ค่าใช้จ่ายยังพอรอเราได้สักสองสามวัน และวันสิ้นเดือนยังมีผลทำให้แขกมีอำนาจในการใส่ซองให้คุณอย่างที่เค้าตั้งใจด้วยค่ะ
อยากได้รายละเอียดอื่นๆ หลังไมค์มาเลยค่ะ ยินดีตอบ อยากเห็นงานในฝันของคุณเช่นกัน
ขอพระเจ้าอวยพรสาวๆทุกคนที่มีความหวังใจว่าอยากแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณ๊และกฎหมายทุกคน
ได้มีงานแต่งในฝันในงบประมาณที่เอื้อมถึง
พระเจ้าอวยพรค่ะ
ไม่มีเงินเก็บสักบาท จะแต่งงานได้ยังไง????
พร้อมเป็นเจ้าสาวกันรึยังน้าาาา ถ้าพร้อมแล้วเชิญทางนี้จ้าาาาา
หลายคนอาจจะมีอุปสรรคเรื่องเก็บเงินไม่ได้สักทีแต่อยากแต่งงานทำไงดีน้า
เงื่อนไขสำหรับกระทู้นี้คือ คุณต้องมีเงินเดือนประจำสม่ำเสมอเท่านั้น ถ้าเงื่อนไขตรงก็ไปอ่านต่อได้เลยค่ะ
เล่าพื้นหลังคร่าวๆ เราสองคนเงินเดือนระดับพนักงานกินเงินเดือนทั่วไป อาศัยในต่างจังหวัด
งานนี้ตั้งใจจะไม่รบกวนพ่อแม่เลยสักบาท เพื่อแสดงให้ท่านเห็นว่าเราโตพอที่จะบริหารเงิน บริหารชีวิตตัวเองได้แล้ว
ภาระตอนนี้มีผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต หนี้กยศ. (เรียกได้ว่าหนี้พี่ก็เพียบนะครั่ช)
ไม่ตั้งงบประมาณเนื่องจากว่าค่อยๆอาศัยการบริหารเงินในแต่ละเดือนว่ามีเท่าไหร่ งานเราคืบหน้าทุกๆสิ้นเดือนถึงต้นเดือน ฮาาาา
เข้าเรื่องกันดีกว่าเนอะะะ
อันดับแรกเลย เช็คกับตัวเองนะคะว่าต้องการแต่งงานเพื่ออะไร คิดเยอะๆค่ะ อย่าใช้คำว่าเสียดายเวลาที่คบกัน เพราะการแต่งงานไม่ใช่เล่นขายของ ที่จะเลิกเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ การเเต่งงานไม่ใช่จุดจบของชีวิตคู่ ไม่ใช่การจบลงแบบว่า แล้วทั้งคู่ก็แต่งงานและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป เพราะใครจะรู้ว่าหลังจากนางซินแต่งกับเจ้าชายแล้ว จะถูกถีบหัวส่งไปอยู่ก้นครัว หรือเป็นเจ้าหญิงไปตลอดชีวิต
>> สำหรับเรา วัตถุประสงค์เดียวคือมีชีวิตสมรสที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าของเราค่ะ .. อ๊ะๆๆๆ อย่าเพิ่งด่าน้าาา ความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ
และแล้วเราก็เริ่มอธิษฐาน (อาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์หน่อยนะ แหะๆ) แล้วเราก็มานั่งคำนวนเลยว่า
- เงินแต่ละเดือนของเราทั้งสองคนเข้าเดือนละเท่าไหร่ >> หลังไมค์ค่ะ
- ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายประจำต่อเดือนเท่าไหร่ (เป็น 3 เดือนที่ประหยัดถึงขีดสุดเลยค่ะ 555) >> หลังไมค์นะคะ
- เรามีเวลาในการเตรียมงานกี่เดือน >>ของเรา 3 เดือนค่ะ
- โรงแรม รีสอร์ท หรือร้านอาหารที่เราหมายตา เค้ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ส่วนสำคัญสุดคือ มัดจำเท่าไหร่
จ่ายจบงานเท่าไหร่(สำหรับพนักงานออฟฟิศอย่างเราส่วนใหญ่แกะซองจ่ายเพิ่มค่ะ)
- ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากจะขาดทุนในงานแต่ง เพราะฉะนั้นแนะนำว่าเอาแค่พอสมฐานะนะคะ
- ความสามารถในการใส่ซองของเพื่อน+ญาติ ประมาณเท่าไหร่ อย่าหาว่างกเลยนะคะ ยอมรับเถอะค่ะว่ากำลังคิดแบบนี้ >>ของเราคำนวนไว้ 500/หัวค่ะ
*ถ้าญาติผู้ใหญ่เยอะ เรามองว่ายังไงก็ไม่ขาดทุนค่ะ เพราะซองส่วนใหญ่ล้วนมาจากญาติค่ะ
หลังจากที่เราคำนวนทุกอย่างเรียบร้อย คราวนี้จะเป็นประสบการณ์จริงแล้วนะคะ
กุมภา 2558
เมื่อเงินเดือนออก สิ่งแรกที่เราต้องจ่ายคือ เรื่องสถานที่ เพื่อที่จะจัดทำการ์ด และสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเราคือ รีสอร์ทชื่อดังแถวบางพระศรีราชา (ไม่รู้เอ่ยชื่อได้มั้ยน้าาาา เนื่องจากค่ามัดจำที่แสนจะเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าคือ 2,000 บาท เราจองโต๊ะจีนไว้ที่ 15 โต๊ะ จำนวนโต๊ะให้คำนวนไปเลยว่าเงินเดือนงวดสุดท้ายออกมีจ่ายชัวร์ โดยไม่แกะซอง แต่เนื่องจากว่าแขกเรามาเยอะเกินคาด ตอนหลังเลยต้องเพิ่มเป็น 23โต๊ะ (จองแค่ว่าเราจะเอาสถานที่ริมทะเล รายละเอียดอื่นๆยังไม่ได้คุย)สิ่งที่สองที่ต้องทำคือจัดทำการ์ด และแล้วเราก็ได้การ์ดมาในราคา ใบละ 13 บาท จำนวน 120 ใบ ค่าบล็อค 500 ค่าจัดส่ง ประมาณ 200 รวมทั้งหมดเราจ่ายสำหรับค่าการ์ดไป มัดจำ 1200 และจ่ายเพิ่มก่อนรับการ์ด 1000 ถ้วน (เค้าลดให้ 60 บาทนะ)
สรุปเดือนนี้เราจ่ายเงินไป 2,200+2,000 = 4,200 บาทถ้วน
เริ่มเห็นแสงทองที่ปลายอุโมงค์รึยังคะว่าที่เจ้าสาว งดเที่ยวสักเดือน ก็เป็นว่าที่เจ้าสาวได้แล้ว
หลายคนอาจจะหาการ์ดได้ถูกกว่านี้ก็ประหยัดไปอีกน้าาาาาา
มีนา 2558
เราเริ่มมองหาชุดเจ้าสาวตามเน็ต เพราะจะไปเช่าก็แพงเหลือเกิน เลยได้มาในราคารวมเครื่องประดับและค่าส่งแล้ว อยู่ที่ 2,200 บาทถ้วน
(ซึ่งมาทราบทีหลังว่าแถวบ้านให้เช่าชุดแค่ คู่ละ 2,500 ร้องไห้หนักมาก แต่เดินหน้าต่อค่ะ)
และแล้วก็ถึงเวลาพรีเวดดิ้ง เงื่อนไขเราคือขอจ่ายเดือนนี้แค่มัดจำ และรับรูปจ่ายที่เหลือทั้งหมด ซึ่งที่นี่เราถ่ายรูปพรีเวดดิ้งเซท 9,900 บาท
จ่ายมัดจำวันลองชุด 3,000 วันรับรูปอีก 6,900 บาท
ช่วงนี้ก็ถึงเวลาหาของชำร่วยแล้วนะคะ เพราะงานเราจะมีในสิ้นเดือนหน้าแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้เวลาค่ะ ของชำร่วยของเราก็เป็นกระเป๋าผ้าน่ารักๆจากเพื่อนสนิทค่ะ ราคาค่อนข้างสูงสักหน่อย อันนี้อาจจะต้องลองเลือกดูนะคะว่าของชำร่วยแบบไหนจะเหมาะสมกับแขกที่มาในงาน
ซึ่งเนื่องจากงานเรา ไม่มีรดน้ำสังข์หรือยกน้ำชา จึงไม่มีของชำร่วยที่ใหญ่พิเศษ เราจึงมองหาของชำร่วยที่แจกผู้ใหญ่ได้ไม่น่าเกลียดด้วย เลยต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ เราก็ได้ของชำร่วยมาราคาประมาณ 50-60 บาท เราไม่แน่ใจเพราะเพื่อนเราทำให้ในส่วนนี้ค่ะ เลยได้ราคาพิเศษค่ะ
สำหรับเราของชำร่วยชิ้นนี้ไม่ได้เลอค่าที่ราคานะคะ แต่เลอค่าที่เพื่อนทำให้ค่ะ
ส่วนนี้ เราไม่ได้จ่ายมัดจำ รอจ่ายจบงานทีเดียว
ส่วนใหญ่ราคาของชำร่วยที่เห็นทั่วไป ประมาณ 5-20 บาทค่ะ สำเพ็งมีเยอะนะคะ ลองหาดูค่ะ
และนี่คือของชำร่วยของเรา
พวกสมุดเซ็นอวยพร กล่องซอง ปากกา เพื่อนเราหามาให้หมดเลยค่ะ รักเพื่อนก็ตรงนี้ อิอิ
แต่ของพวกนี้สามารถเช่าหรือแนะนำว่าไปซื้อที่สำเพ็งค่ะ ราคารวมทั้งหมดไม่เกิน 2000 แน่นอน
สำหรับส่วนอื่นในงานเนื่องจากเราไม่ใช้ออแกนไนซ์เลยได้จัดการเองทั้งหมด เราจึงไม่เน้นงานดอกไม้สดค่ะ
งานนี้เนื่องจากงบประมาณเราน้อย ไม่เหมาะอย่างแรงกับของที่เน่าเสีย เราเลยตกลงว่าจะใช้ ผ้าชีฟองสิขาวและโมบายเปลือกหอย
ซึ่งเข้ากับธีมทะเลพอดี
มีการปักคบเพลิงไม้ไผ่รอบงาน ซึ่งส่วนนี้ก็สั่งซื้อจากบ้านเกิดทางเหนือของประเทศเลยค่ะ สนนราคา อันละ 25-35 + ตะเกียง 9 บาท ใช้ทั้งงานประมาณ 30++ แต่สั่งมา 80 ค่ะ ราคารวมไม่ถึงสองพัน แต่ส่วนนี้แม่แฟนจัดการให้ค่ะ
สรุปเดือนนี้เราใช้เงินไปทั้งหมด 2,200+3000 = 5,500 บาทถ้วน
อ่อ เราลืมมัดจำช่างภาพไป 500 บาทถ้วน (ราคาเต็ม 10000+ค่าเดินทาง 500 ช่างภาพ 2 วิดิโอ 1)
*เราไม่จ้างช่างแต่งหน้าค่ะเพราะเสียดายเงิน 5555
เริ่มเล็งเห็นภาระหนักมั้ยคะ มัดจำน้อยมาก จบงานนี่มีเกือบอ้วกนะครั่ช เลยต้องเล็งหาหนทางประหยัดกันบ้างแล้วว
และแล้วเดือนเมษาก็มาถึง
สิ้นเดือนมีนาเราได้เงินมาเยอะกว่าปกติ แต่ก็พอจะแพลนไว้แล้ว เพราะเราได้คอมมิชชั่น และคุณแฟนมีเงินพิเศษอีกนิดหน่อย
สำหรับใครที่เงินเข้าเท่ากันทุกเดือน ก็อาจจะยืดเวลาออกไปอีกนิดหน่อย เพิ่มจำนวนเดือนในการบริหารเข้าไป รับรอง ไม่เกินปีได้แต่งแน่ๆ
ไม่แนะนำวิธีกู้เงินมาแต่งนะคะ ไม่คุ้ม
เดือนนี้เราซื้อชุดเจ้าบ่าว เป็นสูท เนื่องจากเช่าสูทแยกราคามันบาดเงินในกระเป๋าเหลือเกิน ซื้อสูทที่ร้านในโซนพลาซ่าของห้าง (จริงๆตลาดนัดก็มีนะ ถูกกว่าด้วย รู้ทีหลัง ร้องไห้หนักมากกก) ราคารวมทั้งหมดประมาณ 1,400 บาท
ซื้อผ้าสีขาวซึ่งเป็นอุปกรณ์ในหลักในการตกแต่งสถานที่รวมทั้งหมด 90 หลา 2,250 บาท
ด้วยความติส อยากได้ลูกไม้ติดชายกระโปรงชุดแต่งงาน เลยเสียตังค์เพิ่ม แต่ข้ามส่วนนี้ไปละกันเนอะ
พอใกล้วันจริง พาแม่ผู้ชายเข้าไปดูสถานที่จริง ปรากฎว่า มันร้อนมว๊ากกกกกกกกก เวลาที่เรานัดแขกคือ สี่โมงครึ่ง(เย็น)
แต่แดดชลบุรีไม่เกรงใจเราเลยค่ะ แม่เลยขอให้ไปจัดพิธีที่หอประชุม
เลยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกทั้งค่าสถานที่และงานดอกไม้สดที่ต้องตามมาด้วย ไหนจะเชิงเทียนที่ต้องใช้ในพิธีคริสต์อีก
แต่สรุปทุกอย่างก็ออกมาสวยสมกับที่รอคอยค่ะ
ก่อนวันงานหนึ่งวันเราไปซื้อดอกไม้สดมาจัดงาน ใช้งบประมาณ 3,500 บาท ณ ปากคลองตลาดค่ะ
รวมช่อดอกไม้เจ้าสาว และพวงมาลัยบ่าวสาวแล้วนะคะ
ในเดือนนี้เราใช้เงินช่วงก่อนเงินเดือนออกทั้งหมด 7150 บาท ไม่รวมค่าน้ำมันรถ
และแล้วเมื่อวันเงินเดือนออกมาถึง เราเช่าชุดราตรีช่วงงานเลี้ยงเพิ่ม เช่าพรมที่จะใช้ในงาน เช่าขาตั้งรูปหน้างาน ไปรับรูป
ไปรับโมบายเปลือกหอยที่สั่งไว้ ซื้อไม้ไผ่มาจัดงาน ซื้ออุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเติม เรียกได้ว่าวันเงินเดือนออกเรานี่วิ่งวุ่นสุดริด
มีตังค์ค่ะ เสียงดังได้แล้ว อิอิ
สรุปวันสุดท้ายจบงานเราจ่ายค่ารีสอร์ทไป 84,550 หักมัดจำ 2000 เหลือจ่าย 82550 ใส่ซองให้กับผู้ช่วยงานไปประมาณ 7000 บาท ค่าช่างภาพ 10000 บาท
ค่าเสียหายทั้งหมดของงานเราประมาณ 150,000 บาท บวกลบ ไม่เกิน 10,000 ค่ะ รู้แค่ว่า ได้ซองมาไม่ขาดทุนค่ะ
*ฤกษ์แต่งงานแนะนำว่าควรจัดสิ้นเดือนนะคะ วันเงินเดือนออกจะเป็นวันที่เรายังไม่ต้องใช้เงินเดือนไปจ่ายอะไร
ค่าใช้จ่ายยังพอรอเราได้สักสองสามวัน และวันสิ้นเดือนยังมีผลทำให้แขกมีอำนาจในการใส่ซองให้คุณอย่างที่เค้าตั้งใจด้วยค่ะ
อยากได้รายละเอียดอื่นๆ หลังไมค์มาเลยค่ะ ยินดีตอบ อยากเห็นงานในฝันของคุณเช่นกัน
ขอพระเจ้าอวยพรสาวๆทุกคนที่มีความหวังใจว่าอยากแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณ๊และกฎหมายทุกคน
ได้มีงานแต่งในฝันในงบประมาณที่เอื้อมถึง
พระเจ้าอวยพรค่ะ