เห็นภาพข่าวรับน้องมัธยมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่รุ่นพี่ให้น้องนอนตากแดด
ทำให้เราย้อนนึกไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน
งานรับน้องมัธยมปลายของโรงเรียนเราซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม แต่ไม่ใช่โรงเรียนที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ และไม่ใช่โรงรียนช่างกล
(อ้อ ชื่อกิจกรรมในเอกสารโครงการไม่ได้ใช้ชื่องานรับน้องหรอกนะ แต่หัวใจของกิจกรรมก็คือรับน้องนั่นแหละ)
ม.4 เราเป็นคนหนึ่งที่นอนกลางพื้นกรวด แดดบ่าย และกลิ้งไปตามคำสั่งรุ่นพี่ (ผู้ชายถอดเสื้อกลิ้งนะคะ โหดมาก)
ม.5 เราสมัครใจเป็นพี่ฐานเดียวกัน เพราะความคิด (โง่ๆ ในตอนนั้น) ว่าอยู่ฐานที่โหดที่สุด จะทำให้น้องรักมากที่สุด
ลักษณะกิจกรรมโดยรวมของค่ายรับน้อง "นอกสถานที่+ค้างคืน" นี้ก็คือ
มีฐานให้เข้าสี่ห้าฐาน เฮฮาหมด ยกเว้นฐานเดียวคือฐานที่เราเลือกไปอยู่นั่นแหละ
ฐานตากแดดกลิ้งคือโหดสุด เป็นฐานด่ากราด ด่าไม่มีเหตุผล น้องผิดทุกกรณี พี่คือพระเจ้า ประมาณนั้น
พอตอนค่ำ ก็จะมีกิจกรรมผูกข้อมือ บิวท์น้อง พี่ทำไปเพราะรักน้อง ประมาณนั้น
พอวันกลับ ก็จะมีกิจกรรมรุ่นพี่ม.6 ด่าม.5 ต่อหน้าน้องม.4 ว่าทำค่ายห่วย บลา ๆ ๆ (หาเรื่องด่าน่ะ) เพื่อให้น้องม.4 รู้สึกปกป้องพี่ม.5
ร้องไห้ ดราม่ากันไป และกลับจากค่ายอย่างรักใคร่ปรองดอง เจอหน้าน้องไหว้พี่-พี่รับไหว้ ฯลฯ
เราเป็นโซตัสเลิฟเวอร์อยู่จนกระทั่งเข้าป.ตรี
ปี 1 เราไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องหรือโซตัสของป.ตรีด้วยเหตุผลว่าขี้เกียจ
จนโตขึ้น ได้เรียนได้รู้ได้เห็นอะไรมากขึ้น เปิดโลกมากขึ้น
เราก็กลายเป็นคนแอนตี้โซตัส
จนกระทั่งวันหนึ่ง เราถูกลากเข้ากรุ๊ปค่ายรับน้องของโรงเรียนเรา และเราก็พบว่า
เฮ้ย ยังมีค่ายอยู่อีกเหรอ แล้วเข้าไปอ่านคร่าว ๆ ก็พบว่า
เฮ้ย (2) รูปแบบกิจกรรมยังไม่เปลี่ยนอีกเหรอ (วะ)
เราถึงกับถอนหายใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปโวยวายอะไร เพราะรู้ว่าจะต้องโดนรุมแน่
ณ ตอนนั้น เรารักโซตัสเพราะเชื่อว่ามันทำให้รุ่นพี่รุ่นน้องสนิทกัน รักกัน พึ่งพากันตลอดไป.....?
แต่ปัจจุบัน เราแทบไม่ได้ติดต่อกับรุ่นพี่ รุ่นน้อง เหล่านั้นอีกเลย
โอเค เราไม่ปฏิเสธว่าเพื่อนเราหลายคนยังคงสนิทกับรุ่นพี่รุ่นน้องดี
แต่ที่เราเห็นก็คือ คนที่ปฏิเสธค่ายรับน้องในวันนั้น ก็สนิทสนมดีกับรุ่นพี่รุ่นน้องไม่ต่างกัน
เราจึงมองภาพข่าวในวันนี้อย่างไม่ตื่นตกใจ ที่บอกว่าการรับน้องรุนแรงลามไปถึงมัธยม...ไม่ใช่หรอก
ไม่ได้เพิ่งลาม แต่มันมีมานานแล้ว อย่างน้อยก็โรงเรียนเราแหละ
ปัจุบันค่ายโรงเรียนเรายังมีนะ แต่กิจกรรมเปลี่ยนไปยังไงเราไม่ได้ติดตาม
ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยด่าน้อง สั่งน้องถอดเสื้อกลิ้งกลางแดด
พี่หวังว่าโรงเรียนของเราจะมีค่ายรับน้องที่สร้างสรรค์กว่าที่พี่และพี่ของพี่เคยปูทางไว้
การทำให้น้องเคารพรักรุ่นพี่ ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการทำให้น้องเกลียดเสมอไป
การทำให้น้องรู้จักอดทน (เค้าอ้างต่อกันมาแบบนั้น) ไม่จำเป็นต้องฝึกด้วยการสั่งน้องนอนตากแดดเปรี้ยง
โต ๆ กันแล้ว
รับน้องมัธยม นอนกลางแดด ไม่ได้เพิ่งมีนะ (จากรุ่นพี่ที่เคยสั่งน้องนอนกลางแดด)
ทำให้เราย้อนนึกไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน
งานรับน้องมัธยมปลายของโรงเรียนเราซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม แต่ไม่ใช่โรงเรียนที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ และไม่ใช่โรงรียนช่างกล
(อ้อ ชื่อกิจกรรมในเอกสารโครงการไม่ได้ใช้ชื่องานรับน้องหรอกนะ แต่หัวใจของกิจกรรมก็คือรับน้องนั่นแหละ)
ม.4 เราเป็นคนหนึ่งที่นอนกลางพื้นกรวด แดดบ่าย และกลิ้งไปตามคำสั่งรุ่นพี่ (ผู้ชายถอดเสื้อกลิ้งนะคะ โหดมาก)
ม.5 เราสมัครใจเป็นพี่ฐานเดียวกัน เพราะความคิด (โง่ๆ ในตอนนั้น) ว่าอยู่ฐานที่โหดที่สุด จะทำให้น้องรักมากที่สุด
ลักษณะกิจกรรมโดยรวมของค่ายรับน้อง "นอกสถานที่+ค้างคืน" นี้ก็คือ
มีฐานให้เข้าสี่ห้าฐาน เฮฮาหมด ยกเว้นฐานเดียวคือฐานที่เราเลือกไปอยู่นั่นแหละ
ฐานตากแดดกลิ้งคือโหดสุด เป็นฐานด่ากราด ด่าไม่มีเหตุผล น้องผิดทุกกรณี พี่คือพระเจ้า ประมาณนั้น
พอตอนค่ำ ก็จะมีกิจกรรมผูกข้อมือ บิวท์น้อง พี่ทำไปเพราะรักน้อง ประมาณนั้น
พอวันกลับ ก็จะมีกิจกรรมรุ่นพี่ม.6 ด่าม.5 ต่อหน้าน้องม.4 ว่าทำค่ายห่วย บลา ๆ ๆ (หาเรื่องด่าน่ะ) เพื่อให้น้องม.4 รู้สึกปกป้องพี่ม.5
ร้องไห้ ดราม่ากันไป และกลับจากค่ายอย่างรักใคร่ปรองดอง เจอหน้าน้องไหว้พี่-พี่รับไหว้ ฯลฯ
เราเป็นโซตัสเลิฟเวอร์อยู่จนกระทั่งเข้าป.ตรี
ปี 1 เราไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องหรือโซตัสของป.ตรีด้วยเหตุผลว่าขี้เกียจ
จนโตขึ้น ได้เรียนได้รู้ได้เห็นอะไรมากขึ้น เปิดโลกมากขึ้น
เราก็กลายเป็นคนแอนตี้โซตัส
จนกระทั่งวันหนึ่ง เราถูกลากเข้ากรุ๊ปค่ายรับน้องของโรงเรียนเรา และเราก็พบว่า
เฮ้ย ยังมีค่ายอยู่อีกเหรอ แล้วเข้าไปอ่านคร่าว ๆ ก็พบว่า
เฮ้ย (2) รูปแบบกิจกรรมยังไม่เปลี่ยนอีกเหรอ (วะ)
เราถึงกับถอนหายใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปโวยวายอะไร เพราะรู้ว่าจะต้องโดนรุมแน่
ณ ตอนนั้น เรารักโซตัสเพราะเชื่อว่ามันทำให้รุ่นพี่รุ่นน้องสนิทกัน รักกัน พึ่งพากันตลอดไป.....?
แต่ปัจจุบัน เราแทบไม่ได้ติดต่อกับรุ่นพี่ รุ่นน้อง เหล่านั้นอีกเลย
โอเค เราไม่ปฏิเสธว่าเพื่อนเราหลายคนยังคงสนิทกับรุ่นพี่รุ่นน้องดี
แต่ที่เราเห็นก็คือ คนที่ปฏิเสธค่ายรับน้องในวันนั้น ก็สนิทสนมดีกับรุ่นพี่รุ่นน้องไม่ต่างกัน
เราจึงมองภาพข่าวในวันนี้อย่างไม่ตื่นตกใจ ที่บอกว่าการรับน้องรุนแรงลามไปถึงมัธยม...ไม่ใช่หรอก
ไม่ได้เพิ่งลาม แต่มันมีมานานแล้ว อย่างน้อยก็โรงเรียนเราแหละ
ปัจุบันค่ายโรงเรียนเรายังมีนะ แต่กิจกรรมเปลี่ยนไปยังไงเราไม่ได้ติดตาม
ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยด่าน้อง สั่งน้องถอดเสื้อกลิ้งกลางแดด
พี่หวังว่าโรงเรียนของเราจะมีค่ายรับน้องที่สร้างสรรค์กว่าที่พี่และพี่ของพี่เคยปูทางไว้
การทำให้น้องเคารพรักรุ่นพี่ ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการทำให้น้องเกลียดเสมอไป
การทำให้น้องรู้จักอดทน (เค้าอ้างต่อกันมาแบบนั้น) ไม่จำเป็นต้องฝึกด้วยการสั่งน้องนอนตากแดดเปรี้ยง
โต ๆ กันแล้ว