เกริ่นนำ
เป็นกระทู้เล็กๆที่อยากจะบอกเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ
รีบตื่นแต่เช้า กลัวไปไม่ทันลงชื่อยืนยันหน้างาน เพื่อรับตั๋วชมภาพยนตร์ในโครงการคีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์ โดยฝีมือของ 4 ผู้กำกับ โดยหยิบเอาบทเพลงพระราชนิพนธ์ 4 เพลง มาสรรค์สร้างแรงบันดาลใจ ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตผู้คนที่แตกต่างกันไปถึง 4 เรื่อง
มีโอกาสได้รับแผ่น CD ที่รวมเอา 4 บทเพลงในภาพยนตร์ กลับไปฟังที่บ้านอย่างมีความสุข...แต่พลาดตรงที่เค้ามีแจกเสื้อยืดคีตราชนิพนธ์ สีเหลืองด้วย 10 ท่านแรก แต่ผู้เขียนเป็นคนที่ 11 ค่ะ เสียใจ อดไป เอาล่ะเม้าท์แค่นี้พอ เราไปดูกันค่ะว่าแต่ละเรื่องนั้นดีงามอย่างไร
The Singers
ผู้กำกับ : นนทรีย์ นิมิบุตร
เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ : เพลงชะตาชีวิต
ทีมนักแสดง : นีรนุช ปัทมสูต, วาสนา ชลากร, อนัญญา ธรรมวิชุกร
เนื้อเรื่องพูดถึงคุณยายท่านหนึ่งที่มีเสียงอันไพเราะ แต่ไม่สามารถร้องเพลงต่อหน้าผู้คนได้ แต่มิตรภาพได้ถูกทักถอขึ้นมาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว หนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นดราม่าหนักๆ มีฉากน่ารักเป็นธรรมชาติแบบวิถีชาวบ้าน สอดแทรกเข้ามาให้เราได้ยิ้มตามอยู่เป็นระยะๆ
นั่นยิ่งทำให้ช่วงพีคทำเอาผู้ชมตายได้ คือมันพลิกกลับมาบีบหัวใจอย่างแรง ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะ ว่าน้ำตามันไหลออกมา เป็นน้ำตาของหลายความรู้สึกผสมปนเปอยู่ในนั้น ทั้งเศร้า ทั้งอิ่มเอม ทั้งละมุนละไม...ในชะตาชีวิตที่อับจนหนทาง ยังมีแสงสว่างแห่งมิตรภาพส่องลงตรงกลางใจ
นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปราณี
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี
อมยิ้ม
ผู้กำกับ : วัลลภ ประสพผล
เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ : ยิ้มสู้
ทีมนักแสดง : ชานน สันติธรกุล, ญานนีน ภารวีไวเกล, กลรัตน์ เตชะอินทร์, กัญฐ์เอนก นัยนาประเสริฐ,
สุดาพร เทศนะนาวิน
มาที่เรื่องราวของเด็กชายในวัยมัธยม ที่ไม่เคยแสดงออกซึ่งความรู้สึก แต่สุดท้าย มันจะดีซักแค่ไหน ถ้ามีใครซักคนหนึ่งเข้าใจว่าข้างในรู้สึกอย่างไร
ชีวิตในทุกวันของเราสมัยนี้ มีแต่ความเร่งรีบ เหนื่อย เครียด โกรธ ทำร้ายกัน ไม่ทางวาจาก็ทางกาย แต่เรากลับลืมไปว่า คนที่เราไม่พอใจนั้น เค้าอาจจะมีเหตุผลของการกระทำ ถ้าเรารู้....เราจะยังโกรธ ยังเกลียด ยังจะทำร้ายเค้าอยู่รึปล่าว...
ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา
สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน
ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง
ผู้กำกับ : ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ : เพลง สายฝน
ทีมนักแสดง : นพชัย ชัยนาม, อะตอม สัมพันธภาพ, พงศ์ภัทร์ พงษ์ประไพ, โยธิน มาพบพันธ์,
คุณากร เกิดพันธุ์, วิทยา ปานศรีงาม, ภารดี อยู่โสภา
เป็นเรื่องที่อยากดูที่สุด เพราะนับถือคุณสืบ นาคะเสถียรมาก ซื้อหนังสือประวัติและผลงานของท่านมาอ่านนานมาแล้ว
ฝันว่าซักวันหนึ่ง คงจะมีใครซักคนหยิบประวัติของท่านมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์บ้าง ดีใจและขอขอบคุณผู้กำกับ คุณวัลลภ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ถึงแม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆก็ตาม
คงไม่ต้องกล่าวอะไรมากสำหรับหนังเรื่องนี้ คนไทยรู้จักคุณสืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษผู้ปกป้องผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์แห่งห้วยขาแข้ง และเป็นผู้ผลักดันให้ป่าแห่งนี้เป็นมรดกโลก โดยแลกกับชีวิตของเขาเอง บางครั้ง...ต้องยอมรับความจริงข้อที่ว่า ประเทศของเรา...มักจะมองไม่เห็นค่า มักจะสูญเสียคนดี คนที่ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม คำนึงถึงประเทศชาติ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง...น่าเศร้านะคะ
" ผมคิดว่า ชีวิตผมทำได้ดีที่สุดแล้วเท่าที่ผมมีชีวิตอยู่
ผมคิดว่า ผมได้ช่วยเหลือสังคมดีแล้ว
ผมคิดว่า ผมได้ทำตามกำลังของผมดีแล้ว
และผมภูมิใจ ผมภูมิใจสิ่งที่ผมทำ..."
น้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อดูจบ ต่างจากเรื่อง The Singers ตรงที่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความเศร้าล้วนๆ หนักหน่วง....ได้แต่หวังว่า จะมีสายฝนอันชุ่มเย็น โปรยสายมาดับทุกข์เข็ญในจิตใจของคนไทยทุกผู้นาม
พระพรหมช่วยอำนวยให้ชื่นฉ่ำ
เพื่อจะนำดับความร้อนใจ
น้ำฝนหลั่งลงมาจากฟ้าแดนไกล
พืชพรรณไม้ชื่นยืนยง
ดาว
ผู้กำกับ : “สิน” ยงยุทธ ทองกองทุน
เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ : เพลงความฝันอันสูงสุด
ทีมนักแสดง : ธนากร โปษยานนท์, จารุภัส ปัทมะศิริ, กฤตเมธ เมืองดี, วศิน เกิดนานา, อภิธาร รุ่งเจริญรอด, พรรณสิริ โฆษิตสุริยะพันธุ์, ธัชพงศ์ รักตวัตร, สุกัญญา มงคล
กลับมาปิดท้ายหนังเรื่องสุดท้าย กันด้วยความสดใสของเด็กชั้นประถมปีที่ 5 ที่อยากทำความดี...ต้องเจอกับอุปสรรคหลอกล่อให้หวั่นไหว การทำสิ่งไม่ดีนำพาให้ชีวิตไปสู่สิ่งที่หวังไว้ นำพาให้ประสบความสำเร็จ เร็วกว่าการทำดีจริงหรือไม่...เราไปค้นหาคำตอบพร้อมๆกับเด็กชายหนึ่งกันค่ะ
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียหายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
ส่งท้าย
ดีใจและอิ่มเอมมากค่ะ กับภาพยนตร์ไทยที่ทรงคุณค่าและดีที่สุดในรอบหลายๆปี ทุกเรื่องแฝงข้อคิดให้เราได้กลับมาปรับใช้ในชีวิตเมื่อหนังจบ สวยงามสอดคล้องไปกับท่วงทำนองของบทเพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เป็นอีกเรื่องที่จะประทับอยู่ในความทรงจำอันดีในโรงภาพยนตร์ ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ทำให้ผู้เขียนได้มีโอกาสซึมซับความดีงาม ของสารที่พวกคุณตั้งใจสื่อ เพื่อสังคมไทย
Credit
ขอบคุณภาพสวยๆบางส่วนและข้อมูลของผู้กำกับ นักแสดง รายชื่อเพลงพระราชนิพนธ์จาก youtube ค่ะ
คีตราชนิพนธ์...บทเพลงในดวงใจราษฎร์...พิไลพิลาศบนแผ่นฟิล์ม...
เป็นกระทู้เล็กๆที่อยากจะบอกเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ
รีบตื่นแต่เช้า กลัวไปไม่ทันลงชื่อยืนยันหน้างาน เพื่อรับตั๋วชมภาพยนตร์ในโครงการคีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์ โดยฝีมือของ 4 ผู้กำกับ โดยหยิบเอาบทเพลงพระราชนิพนธ์ 4 เพลง มาสรรค์สร้างแรงบันดาลใจ ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตผู้คนที่แตกต่างกันไปถึง 4 เรื่อง
มีโอกาสได้รับแผ่น CD ที่รวมเอา 4 บทเพลงในภาพยนตร์ กลับไปฟังที่บ้านอย่างมีความสุข...แต่พลาดตรงที่เค้ามีแจกเสื้อยืดคีตราชนิพนธ์ สีเหลืองด้วย 10 ท่านแรก แต่ผู้เขียนเป็นคนที่ 11 ค่ะ เสียใจ อดไป เอาล่ะเม้าท์แค่นี้พอ เราไปดูกันค่ะว่าแต่ละเรื่องนั้นดีงามอย่างไร
The Singers
ผู้กำกับ : นนทรีย์ นิมิบุตร
เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ : เพลงชะตาชีวิต
ทีมนักแสดง : นีรนุช ปัทมสูต, วาสนา ชลากร, อนัญญา ธรรมวิชุกร
เนื้อเรื่องพูดถึงคุณยายท่านหนึ่งที่มีเสียงอันไพเราะ แต่ไม่สามารถร้องเพลงต่อหน้าผู้คนได้ แต่มิตรภาพได้ถูกทักถอขึ้นมาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว หนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นดราม่าหนักๆ มีฉากน่ารักเป็นธรรมชาติแบบวิถีชาวบ้าน สอดแทรกเข้ามาให้เราได้ยิ้มตามอยู่เป็นระยะๆ
นั่นยิ่งทำให้ช่วงพีคทำเอาผู้ชมตายได้ คือมันพลิกกลับมาบีบหัวใจอย่างแรง ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะ ว่าน้ำตามันไหลออกมา เป็นน้ำตาของหลายความรู้สึกผสมปนเปอยู่ในนั้น ทั้งเศร้า ทั้งอิ่มเอม ทั้งละมุนละไม...ในชะตาชีวิตที่อับจนหนทาง ยังมีแสงสว่างแห่งมิตรภาพส่องลงตรงกลางใจ
นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปราณี
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี
อมยิ้ม
ผู้กำกับ : วัลลภ ประสพผล
เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ : ยิ้มสู้
ทีมนักแสดง : ชานน สันติธรกุล, ญานนีน ภารวีไวเกล, กลรัตน์ เตชะอินทร์, กัญฐ์เอนก นัยนาประเสริฐ,
สุดาพร เทศนะนาวิน
มาที่เรื่องราวของเด็กชายในวัยมัธยม ที่ไม่เคยแสดงออกซึ่งความรู้สึก แต่สุดท้าย มันจะดีซักแค่ไหน ถ้ามีใครซักคนหนึ่งเข้าใจว่าข้างในรู้สึกอย่างไร
ชีวิตในทุกวันของเราสมัยนี้ มีแต่ความเร่งรีบ เหนื่อย เครียด โกรธ ทำร้ายกัน ไม่ทางวาจาก็ทางกาย แต่เรากลับลืมไปว่า คนที่เราไม่พอใจนั้น เค้าอาจจะมีเหตุผลของการกระทำ ถ้าเรารู้....เราจะยังโกรธ ยังเกลียด ยังจะทำร้ายเค้าอยู่รึปล่าว...
ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา
สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน
ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง
ผู้กำกับ : ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ : เพลง สายฝน
ทีมนักแสดง : นพชัย ชัยนาม, อะตอม สัมพันธภาพ, พงศ์ภัทร์ พงษ์ประไพ, โยธิน มาพบพันธ์,
คุณากร เกิดพันธุ์, วิทยา ปานศรีงาม, ภารดี อยู่โสภา
เป็นเรื่องที่อยากดูที่สุด เพราะนับถือคุณสืบ นาคะเสถียรมาก ซื้อหนังสือประวัติและผลงานของท่านมาอ่านนานมาแล้ว
ฝันว่าซักวันหนึ่ง คงจะมีใครซักคนหยิบประวัติของท่านมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์บ้าง ดีใจและขอขอบคุณผู้กำกับ คุณวัลลภ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ถึงแม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆก็ตาม
คงไม่ต้องกล่าวอะไรมากสำหรับหนังเรื่องนี้ คนไทยรู้จักคุณสืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษผู้ปกป้องผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์แห่งห้วยขาแข้ง และเป็นผู้ผลักดันให้ป่าแห่งนี้เป็นมรดกโลก โดยแลกกับชีวิตของเขาเอง บางครั้ง...ต้องยอมรับความจริงข้อที่ว่า ประเทศของเรา...มักจะมองไม่เห็นค่า มักจะสูญเสียคนดี คนที่ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม คำนึงถึงประเทศชาติ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง...น่าเศร้านะคะ
" ผมคิดว่า ชีวิตผมทำได้ดีที่สุดแล้วเท่าที่ผมมีชีวิตอยู่
ผมคิดว่า ผมได้ช่วยเหลือสังคมดีแล้ว
ผมคิดว่า ผมได้ทำตามกำลังของผมดีแล้ว
และผมภูมิใจ ผมภูมิใจสิ่งที่ผมทำ..."
น้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อดูจบ ต่างจากเรื่อง The Singers ตรงที่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความเศร้าล้วนๆ หนักหน่วง....ได้แต่หวังว่า จะมีสายฝนอันชุ่มเย็น โปรยสายมาดับทุกข์เข็ญในจิตใจของคนไทยทุกผู้นาม
พระพรหมช่วยอำนวยให้ชื่นฉ่ำ
เพื่อจะนำดับความร้อนใจ
น้ำฝนหลั่งลงมาจากฟ้าแดนไกล
พืชพรรณไม้ชื่นยืนยง
ดาว
ผู้กำกับ : “สิน” ยงยุทธ ทองกองทุน
เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ : เพลงความฝันอันสูงสุด
ทีมนักแสดง : ธนากร โปษยานนท์, จารุภัส ปัทมะศิริ, กฤตเมธ เมืองดี, วศิน เกิดนานา, อภิธาร รุ่งเจริญรอด, พรรณสิริ โฆษิตสุริยะพันธุ์, ธัชพงศ์ รักตวัตร, สุกัญญา มงคล
กลับมาปิดท้ายหนังเรื่องสุดท้าย กันด้วยความสดใสของเด็กชั้นประถมปีที่ 5 ที่อยากทำความดี...ต้องเจอกับอุปสรรคหลอกล่อให้หวั่นไหว การทำสิ่งไม่ดีนำพาให้ชีวิตไปสู่สิ่งที่หวังไว้ นำพาให้ประสบความสำเร็จ เร็วกว่าการทำดีจริงหรือไม่...เราไปค้นหาคำตอบพร้อมๆกับเด็กชายหนึ่งกันค่ะ
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียหายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
ส่งท้าย
ดีใจและอิ่มเอมมากค่ะ กับภาพยนตร์ไทยที่ทรงคุณค่าและดีที่สุดในรอบหลายๆปี ทุกเรื่องแฝงข้อคิดให้เราได้กลับมาปรับใช้ในชีวิตเมื่อหนังจบ สวยงามสอดคล้องไปกับท่วงทำนองของบทเพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เป็นอีกเรื่องที่จะประทับอยู่ในความทรงจำอันดีในโรงภาพยนตร์ ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ทำให้ผู้เขียนได้มีโอกาสซึมซับความดีงาม ของสารที่พวกคุณตั้งใจสื่อ เพื่อสังคมไทย
Credit
ขอบคุณภาพสวยๆบางส่วนและข้อมูลของผู้กำกับ นักแสดง รายชื่อเพลงพระราชนิพนธ์จาก youtube ค่ะ