!!!!!! สปอยเน้นๆ ใครยังไม่ได้ดูมิควรจะอ่านก่อน แต่จริงๆแล้ว Matrix ต่อให้อ่านสปอยไป ก็ยากที่จะเข้าใจอยู่ดี 5555
ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังเก่า แต่ก็เป็นหนึ่งในหนังที่ชอบที่สุด ที่ในฤกษ์งามยามดีที่หลังจากดูไปรอบที่ยี่สิบ พร้อมกับอ่านบทวิเคราะห์มากมายต่างๆ ก็เป็นครั้งแรกที่เข้าใจ The Matrix ได้สัก 70% ทำให้อยากจะลองวิเคราะห์ในแบบของตัวเองดู ถึงแม้จะมีบทความมากมายที่เคยเขียนวิเคราะห์กันมานับไม่ถ้วนแล้ว (แม้กระทั่งใน Pantip นี้เอง) ยังไงก็ลองอ่าน มาแย้งกัน มาพูดคุยถกเถียงกับผมกันอีกสักครั้งกับหนังเรื่องนี้กันครับ
ไตรภาค The Matrix เป็นหนึ่งในหนัง Action-Fantasy-Scifi ในดวงใจตลอดกาลของผมเลยทีเดียว ด้วยการที่มันเป็นหนังที่ตอบโจทย์แทบจะทุกด้านของเด็กผู้ชายเลยทีเดียว ทั้งแอ๊คชั่นสุดเวอร์อลังการงานสร้าง ไซไฟสุดล้ำ สงครามระหว่างคนและเครื่องจักร แถมยังพ่วงด้วยปรัชญาสุดลึกล้ำ และเนื้อหาสุดล้ำแดนสมองอันยากจะเข้าใจ แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือต่อให้เราไม่เข้าใจ The Matrix ทั้งหมด เราก็ยังสนุกกับมัน เหมือนกับผมที่ดูมาเป็นสิบๆรอบ ตั้งแต่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยตอนที่ดูตอนเด็กๆ (ตอนนั้นคิดซะว่าสู้กันในสายโทรศัพท์ซะด้วยซ้ำไป) ดูซ้ำอีกรอบเพื่อเสริมความเข้าใจ ดูซ้ำอีกรอบพร้อมหาข้อมูลการวิเคราะห์ของคนอื่นๆ ดูอีกทีเพื่อความกระจ่าง (และเพิ่มความงงเข้าไปอีก) เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ดูซ้ำได้ไม่เบื่อจริงๆ
และหลังจากที่ดูรอบที่ 20 อยากจะมาลองวิเคราะห์ดูว่าจริงๆแล้วเนื้อเรื่องทั้งหมดในไตรภาคมันบอกเล่าถึงอะไร ถึงแม้ว่าเป็นหนังเก่า แต่ในเมื่อหยิบมาดูอีกรอบ ก็เริ่มที่จะเห็นมุมมองใหม่ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าตรงไหนที่ผมคิดผิดไป หรือมีอะไรเสริม มาคุยกันได้เลยครับ
The Matrix
เรื่องราวของ The Matrix ภาคแรก เป็นการบอกว่ามนุษย์ได้ทำสงครามกับเครื่องจักร จนถึงขั้นที่มนุษย์ต้องทำลายท้องฟ้าเพื่อตัดพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ให้มีพลังงานไปป้อนกับเครื่องจักร แต่ทว่าเหล่าเครื่องจักรก็พบว่ามนุษย์เรานี่แหละเป็นแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยม เพราะมนุษย์เรามีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะในสมอง เครื่องจักรเลยนำมนุษย์มาแทนพลังงานที่สูญเสียไป และจองจำให้มนุษย์อยู่ใน The Matrix เพื่อสร้างชีวิตหลอกๆให้สมองมนุษย์สร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมา (เมื่อเวลาที่เราคิด เรากระทำ จะมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปมาอยู่ในร่างกายโดยตลอด)
แต่ทว่าก็มีมนุษย์อยู่กลุ่มหนึ่งที่หลุดพ้นจากการจองจำ และลุกขึ้นมาต่อต่านเหล่าเครื่องจักร โดยมีแหล่งพำนักอยู่ใน ไซออน แหล่งอาศัยใกล้ใจกลางโลกแห่งสุดท้ายของมนุษย์ เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการต่อต้านเหล่าเครื่องจักร คือการปลดปล่อยมนุษย์ที่อยู่ในการจองจำเป็นเพียงถ่านไฟฉายให้พลังงานกับเครื่องจักร
และนี่คือแก่นปรัชญาของหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดวิชาปรัชญาเอาแก่นคิดของ The Matrix ไปสอนกันในมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว
หนัง Matrix มอบคำถามให้กับเราว่า หากคุณเลือกได้คุณจะเลือกความจริง (โลกที่เสื่อมโทรม) หรือคุณจะเลือกอยู่ใน Matrix ต่อไป เหมือนตอนที่สายลับสมิท ทำข้อตกลงกับ ไซเฟอร์ ว่าหากไซเฟอร์ทรยศพวกมนุษย์ เขาจะได้เสวยสุขอยู่ใน Matrix และขอลืมความเป็นจริงอันโหดร้ายไปเสีย หากมองในอีกมุมหนึ่ง ประเด็นเช่นนี้ก็เหมือนกับการตัดขาดจากกิเลส มองเห็นความจริงแท้ของชีวิตเลยทีเดียว
กลับมาที่เรื่องราวของ Matrix ภาค 1 ต่อ การจะต่อกรกับเหล่าเครื่องจักรนั้นเป็นไปได้ยากแสนยาก แต่เทพพยากรณ์ที่อยู่ใน Matrix ได้ให้คำทำนายไว้แก่มอเฟียซไว้ว่า จะมี The One หรือผู้ปลดปล่อยที่จะช่วยเหลือมนุษย์ทุกผู้ให้รอดจาก Matrix ได้ ซึ่งนั่นก็คือนีโอ พระเอกของเรานั่นเอง โดยในหนังภาคแรกอธิบายไว้ว่าเทพพยากรณ์เป็นหนี่งในโปรแกรมที่อยู่ข้างมนุษย์
The Matrix เปรียบเสมือนโปรแกรม ซึ่งผู้คนที่ถอดปลั๊กออกจาก Matrix มาสู่โลกแห่งความจริง จะสามารถกลับเข้าไป Matrix ใหม่ได้ เพียงแต่ครั้งนี้คุณจะป้อนโปรแกรมอะไรเข้าไปก็ได้ ทั้งการต่อสู้ การขับขี่ยานพาหนะ หรือแม้กระทั่งการทำอะไรที่เหนือธรรมชาติอย่างการกระโดดข้ามตึกได้ เพราะสิ่งที่อยู่ใน Matrix ไม่ใช่ความเป็นจริง แต่อย่างไรก็ตาม เหล่าคนทั่วไปอย่างมอเฟียซ หรือแม้กระทั่งทรินิตี้ ก็ไม่อาจที่จะทำอะไรที่จะเหนือไปจากนี้ได้ อาจจะเป็นเพราะเมื่อเราเข้าไปใน Matrix เราก็ยังคงอยู่ในระบบ Matrix อยู่ใน Standard ของโปรแกรม ที่สามารถสร้าง Error เหนือธรรมชาติได้เล็กๆน้อยๆ แต่กับนีโอ ผู้ที่ถูกทำนายว่าจะเป็นผู้กอบกู้เหล่ามนุษย์ จะต้องมีอะไรที่พิเศษกว่านั้น แม้กระทั่งการต่อกับเหล่าสายลับ
สายลับก็เปรียบดั่งโปรแกรมป้องกันไวรัส ที่คอยกำจัดสิ่งแปลกปลอมในระบบ โดยมีสมิธหนึ่งในสายลับระดับหัวหน้า ที่คอยตามล้างตามเช็ด ตามล่าเหล่าผู้ที่ Log In เข้าระบบมาอย่างผิดปกติ หรือนั่นก็คือผู้ที่ถูกปลดปล่อยแล้วอย่างมอเฟียซ ทรินิตี้ และนีโอนั่นเอง
แล้วการตายใน Matrix ทำไมในโลกจริงถึงต้องตายด้วย
คำอธิบายนี้มอเฟียซพูดไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า “กายไม่อาจอยู่ได้ หากจิตตายไปแล้ว” ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ตรงนี้มีมูลเหตุที่เป็นจริงเดียว จิตใจมักจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ เช่นการรู้สึกถึงรสเปรี้ยวเวลาเห็นมะนาว (ใครอ่านบากิคงเข้าใจประเด็นนี้) การรู้สึกเจ็บแผล ทั้งที่แผลนั้นหายไปนานแล้ว เป็นต้น
แต่หลังจากที่ได้ดูมาหลายรอบ คำพูดนี้มันเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่ช่วยให้แก้โจทย์ที่ผมคิดไม่ตกได้มานานมากว่า “ทำไมนีโอถึงหยุดเหล่าเครื่องจักรในโลกจริงได้” ซึ่งจุดนี้เราจะพูดถึงในภาคที่ 3
การต่อสู้ไล่ล่าระหว่างสายลับ และเหล่ามนุษย์ได้มาถึงจุดไคลแมกซ์ในภาคแรก และในที่สุดนีโอ ก็ได้เป็น The One หรือผู้ปลดปล่อย สามารถเหาะเหินเดินอากาศ หยุดกระสุน และเป็นมนุษย์คนแรกที่กำราบสายลับลงได้
ผมได้วิเคราะห์ความสามารถพิเศษที่นีโอได้รับ จริงๆแล้วคือการรู้แจ้ง มันคือการปลดปล่อยความคิดให้อยู่เหนือ Matrix มอง Matrix เป็นเพียงตัวเลขของโปรแกรม จึงสามารถที่จะทำอะไรอยู่เหนือสิ่งที่ Matrix จำกัดของเขตไว้ได้ (หรือจะเรียกได้ว่านีโอรู้ Code ของ Matrix และบิดเบือน Code ต่างๆเหล่านั้นได้)
และความหวังของเหล่ามนุษยชาติก็เริ่มส่องแสงรำไร จากการตื่นขึ้นของ The One
กรุณาติดตามอ่านต่อภาค 2 The Matrix Reload ที่ คห.6 ครับ
วิเคราะห์ไตรภาค The Matrix แม้หนังจะเก่า แต่ไม่เคยล้าสมัย
ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังเก่า แต่ก็เป็นหนึ่งในหนังที่ชอบที่สุด ที่ในฤกษ์งามยามดีที่หลังจากดูไปรอบที่ยี่สิบ พร้อมกับอ่านบทวิเคราะห์มากมายต่างๆ ก็เป็นครั้งแรกที่เข้าใจ The Matrix ได้สัก 70% ทำให้อยากจะลองวิเคราะห์ในแบบของตัวเองดู ถึงแม้จะมีบทความมากมายที่เคยเขียนวิเคราะห์กันมานับไม่ถ้วนแล้ว (แม้กระทั่งใน Pantip นี้เอง) ยังไงก็ลองอ่าน มาแย้งกัน มาพูดคุยถกเถียงกับผมกันอีกสักครั้งกับหนังเรื่องนี้กันครับ
ไตรภาค The Matrix เป็นหนึ่งในหนัง Action-Fantasy-Scifi ในดวงใจตลอดกาลของผมเลยทีเดียว ด้วยการที่มันเป็นหนังที่ตอบโจทย์แทบจะทุกด้านของเด็กผู้ชายเลยทีเดียว ทั้งแอ๊คชั่นสุดเวอร์อลังการงานสร้าง ไซไฟสุดล้ำ สงครามระหว่างคนและเครื่องจักร แถมยังพ่วงด้วยปรัชญาสุดลึกล้ำ และเนื้อหาสุดล้ำแดนสมองอันยากจะเข้าใจ แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือต่อให้เราไม่เข้าใจ The Matrix ทั้งหมด เราก็ยังสนุกกับมัน เหมือนกับผมที่ดูมาเป็นสิบๆรอบ ตั้งแต่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยตอนที่ดูตอนเด็กๆ (ตอนนั้นคิดซะว่าสู้กันในสายโทรศัพท์ซะด้วยซ้ำไป) ดูซ้ำอีกรอบเพื่อเสริมความเข้าใจ ดูซ้ำอีกรอบพร้อมหาข้อมูลการวิเคราะห์ของคนอื่นๆ ดูอีกทีเพื่อความกระจ่าง (และเพิ่มความงงเข้าไปอีก) เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ดูซ้ำได้ไม่เบื่อจริงๆ
และหลังจากที่ดูรอบที่ 20 อยากจะมาลองวิเคราะห์ดูว่าจริงๆแล้วเนื้อเรื่องทั้งหมดในไตรภาคมันบอกเล่าถึงอะไร ถึงแม้ว่าเป็นหนังเก่า แต่ในเมื่อหยิบมาดูอีกรอบ ก็เริ่มที่จะเห็นมุมมองใหม่ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าตรงไหนที่ผมคิดผิดไป หรือมีอะไรเสริม มาคุยกันได้เลยครับ
The Matrix
เรื่องราวของ The Matrix ภาคแรก เป็นการบอกว่ามนุษย์ได้ทำสงครามกับเครื่องจักร จนถึงขั้นที่มนุษย์ต้องทำลายท้องฟ้าเพื่อตัดพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ให้มีพลังงานไปป้อนกับเครื่องจักร แต่ทว่าเหล่าเครื่องจักรก็พบว่ามนุษย์เรานี่แหละเป็นแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยม เพราะมนุษย์เรามีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะในสมอง เครื่องจักรเลยนำมนุษย์มาแทนพลังงานที่สูญเสียไป และจองจำให้มนุษย์อยู่ใน The Matrix เพื่อสร้างชีวิตหลอกๆให้สมองมนุษย์สร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมา (เมื่อเวลาที่เราคิด เรากระทำ จะมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปมาอยู่ในร่างกายโดยตลอด)
แต่ทว่าก็มีมนุษย์อยู่กลุ่มหนึ่งที่หลุดพ้นจากการจองจำ และลุกขึ้นมาต่อต่านเหล่าเครื่องจักร โดยมีแหล่งพำนักอยู่ใน ไซออน แหล่งอาศัยใกล้ใจกลางโลกแห่งสุดท้ายของมนุษย์ เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการต่อต้านเหล่าเครื่องจักร คือการปลดปล่อยมนุษย์ที่อยู่ในการจองจำเป็นเพียงถ่านไฟฉายให้พลังงานกับเครื่องจักร
และนี่คือแก่นปรัชญาของหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดวิชาปรัชญาเอาแก่นคิดของ The Matrix ไปสอนกันในมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว
หนัง Matrix มอบคำถามให้กับเราว่า หากคุณเลือกได้คุณจะเลือกความจริง (โลกที่เสื่อมโทรม) หรือคุณจะเลือกอยู่ใน Matrix ต่อไป เหมือนตอนที่สายลับสมิท ทำข้อตกลงกับ ไซเฟอร์ ว่าหากไซเฟอร์ทรยศพวกมนุษย์ เขาจะได้เสวยสุขอยู่ใน Matrix และขอลืมความเป็นจริงอันโหดร้ายไปเสีย หากมองในอีกมุมหนึ่ง ประเด็นเช่นนี้ก็เหมือนกับการตัดขาดจากกิเลส มองเห็นความจริงแท้ของชีวิตเลยทีเดียว
กลับมาที่เรื่องราวของ Matrix ภาค 1 ต่อ การจะต่อกรกับเหล่าเครื่องจักรนั้นเป็นไปได้ยากแสนยาก แต่เทพพยากรณ์ที่อยู่ใน Matrix ได้ให้คำทำนายไว้แก่มอเฟียซไว้ว่า จะมี The One หรือผู้ปลดปล่อยที่จะช่วยเหลือมนุษย์ทุกผู้ให้รอดจาก Matrix ได้ ซึ่งนั่นก็คือนีโอ พระเอกของเรานั่นเอง โดยในหนังภาคแรกอธิบายไว้ว่าเทพพยากรณ์เป็นหนี่งในโปรแกรมที่อยู่ข้างมนุษย์
The Matrix เปรียบเสมือนโปรแกรม ซึ่งผู้คนที่ถอดปลั๊กออกจาก Matrix มาสู่โลกแห่งความจริง จะสามารถกลับเข้าไป Matrix ใหม่ได้ เพียงแต่ครั้งนี้คุณจะป้อนโปรแกรมอะไรเข้าไปก็ได้ ทั้งการต่อสู้ การขับขี่ยานพาหนะ หรือแม้กระทั่งการทำอะไรที่เหนือธรรมชาติอย่างการกระโดดข้ามตึกได้ เพราะสิ่งที่อยู่ใน Matrix ไม่ใช่ความเป็นจริง แต่อย่างไรก็ตาม เหล่าคนทั่วไปอย่างมอเฟียซ หรือแม้กระทั่งทรินิตี้ ก็ไม่อาจที่จะทำอะไรที่จะเหนือไปจากนี้ได้ อาจจะเป็นเพราะเมื่อเราเข้าไปใน Matrix เราก็ยังคงอยู่ในระบบ Matrix อยู่ใน Standard ของโปรแกรม ที่สามารถสร้าง Error เหนือธรรมชาติได้เล็กๆน้อยๆ แต่กับนีโอ ผู้ที่ถูกทำนายว่าจะเป็นผู้กอบกู้เหล่ามนุษย์ จะต้องมีอะไรที่พิเศษกว่านั้น แม้กระทั่งการต่อกับเหล่าสายลับ
สายลับก็เปรียบดั่งโปรแกรมป้องกันไวรัส ที่คอยกำจัดสิ่งแปลกปลอมในระบบ โดยมีสมิธหนึ่งในสายลับระดับหัวหน้า ที่คอยตามล้างตามเช็ด ตามล่าเหล่าผู้ที่ Log In เข้าระบบมาอย่างผิดปกติ หรือนั่นก็คือผู้ที่ถูกปลดปล่อยแล้วอย่างมอเฟียซ ทรินิตี้ และนีโอนั่นเอง
แล้วการตายใน Matrix ทำไมในโลกจริงถึงต้องตายด้วย
คำอธิบายนี้มอเฟียซพูดไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า “กายไม่อาจอยู่ได้ หากจิตตายไปแล้ว” ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ตรงนี้มีมูลเหตุที่เป็นจริงเดียว จิตใจมักจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ เช่นการรู้สึกถึงรสเปรี้ยวเวลาเห็นมะนาว (ใครอ่านบากิคงเข้าใจประเด็นนี้) การรู้สึกเจ็บแผล ทั้งที่แผลนั้นหายไปนานแล้ว เป็นต้น
แต่หลังจากที่ได้ดูมาหลายรอบ คำพูดนี้มันเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่ช่วยให้แก้โจทย์ที่ผมคิดไม่ตกได้มานานมากว่า “ทำไมนีโอถึงหยุดเหล่าเครื่องจักรในโลกจริงได้” ซึ่งจุดนี้เราจะพูดถึงในภาคที่ 3
การต่อสู้ไล่ล่าระหว่างสายลับ และเหล่ามนุษย์ได้มาถึงจุดไคลแมกซ์ในภาคแรก และในที่สุดนีโอ ก็ได้เป็น The One หรือผู้ปลดปล่อย สามารถเหาะเหินเดินอากาศ หยุดกระสุน และเป็นมนุษย์คนแรกที่กำราบสายลับลงได้
ผมได้วิเคราะห์ความสามารถพิเศษที่นีโอได้รับ จริงๆแล้วคือการรู้แจ้ง มันคือการปลดปล่อยความคิดให้อยู่เหนือ Matrix มอง Matrix เป็นเพียงตัวเลขของโปรแกรม จึงสามารถที่จะทำอะไรอยู่เหนือสิ่งที่ Matrix จำกัดของเขตไว้ได้ (หรือจะเรียกได้ว่านีโอรู้ Code ของ Matrix และบิดเบือน Code ต่างๆเหล่านั้นได้)
และความหวังของเหล่ามนุษยชาติก็เริ่มส่องแสงรำไร จากการตื่นขึ้นของ The One
กรุณาติดตามอ่านต่อภาค 2 The Matrix Reload ที่ คห.6 ครับ