กำลังเขียนรีวิวตอนไปญี่ปุ่นอยู่ไปเห็นข่าวนี้เข้าเลยคิดว่าแปลอันนี้ลงก่อนดีกว่า (ฮา)
นี่เป็นบทสัมภาษณ์ระหว่างอาจารย์คิชิโมโตะ(ผู้วาดนารุโตะ) และอาจารย์โอดะ(ผู้วาดวันพีซ) ในหนังสือ 雷の書 (หนังสือแห่งแสง...แสงโสม #ผิด จริงๆหมายถึงสายฟ้าครับ) ที่มีในงานนิทรรศการนารุโตะเท็นที่จัดที่รปปงหงิ, โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับระยะเวลา 15 ปี ที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งกันมา
หมายเหตุ : ผมพยายามแปลให้เข้าใจง่ายที่สุด โดยใช้ภาษาง่ายๆนะครับ แล้วก็หากแปลผิดตรงไหนท้วงติงเข้ามาได้ครับ ตอนนี้กำลังตรวจทานคำผิดอยู่ (ฮา)
ผู้สัมภาษณ์ : ไม่ทราบว่ามีแรงบันดาลใจจากการ์ตูนชุด(มังงะ) เรื่องไหนเป็นพิเศษไหมครับ
อ.คิชิโมโตะ : ก็ต้องบอกว่าอาจารย์โทริยามะ อากิระ เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของผมครับ แน่นอนต้องมีดราก้อนบอลแน่ๆ แต่จริงๆผมเองก็ชอบ ดร.สลัมป์ มากๆเหมือนกันครับ นอกเหนือจากนั้นผมก็ยังหลงไหลเรื่อง “อากิระ” ของอาจารย์คัตสึฮิโร โอโตโมะมากๆด้วยเหมือนกันครับ
อ.โอดะ : ครั้งแรกที่ผมเห็นผมงานของคุณ ผมคิดว่ามันมันเหมือนรูปแบบของอาจารย์โอโตโมะเด๊ะๆเลยนะ
อ.คิชิโมโตะ : จริงดิ ชัดเจนขนาดนั้นเลย (หัวเราะ)
(ภาพวาดผลงานอาจารย์โอโตโมะ)
อ.โอดะ : ในฐานะนักวาดการ์ตูน คุณสามารถหาแรงบันดาลใจได้จากอาจารย์ท่านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานด้านการวาดหรือการพัฒนาเนื้อเรื่อง
อ.คิชิโมโตะ : สำหรับผม ผมได้แรงบันดาลใจจากดราก้อนบอลในการสร้างเนื้อเรื่องของผม ยกตัวอย่างเช่น หากคุณยังจำฉากมันส์ๆ (ดราก้อนบอล) ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ที่ทำให้คุณตื่นเต้น หรือฉากที่โกคูโตขึ้นและเป็นพ่อคน ส่วนตัวผมชอบเนื้อเรื่องแบบนี้มากๆ ยังรวมไปถึงวิธีของอาจารย์โทริยามะในการใช้สีขาวและดำได้อย่างลงตัวในระดับเทพ พูดง่ายๆก็คือมันง่ายต่อการอ่านหรือจ้องมอง และอาจารย์เขาก็แทบไม่ใช้สกรีนโทนด้วย ผมคิดว่าส่วนนี้น่ะเจ๋งมาก
อ.โอดะ : และลองมองย้อนกลับไปที่ผลงานชิ้นก่อนๆของอาจารย์โทริยามะ จะรู้สึกว่ามันไม่เก่าหรือตกยุคเลย ต้องยอมรับว่าเซ้นส์ของอาจารย์โทริยามะนั้นยอดเยี่ยม และน่าประทับใจเป็นอย่างมากครับ
(ภาพร็อกลี วาดโดยอาจารย์โทริยามะ ที่จัดแสดงในงานนิทรรศการนารุโตะ)
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วนอกจากนักวาดการ์ตูนแล้ว ยังมีบุคคลอื่นๆอีกไหมครับที่เป็นแรงบันดาลใจ?
อ.คิชิโมโตะ : สำหรับผม ก็ต้องบอกว่ามีอนิเมเตอร์(นักทำอนิเมชั่น)อีกหลายท่านที่เป็นแรงบันดาลใจครับ
อ.โอดะ : เวลาผมกับอาจารย์คิชิโมโตะ ออกไปไหนมาไหนด้วยกัน เขาชอบพูดถึงชื่อที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน อย่างเช่น “อนิเมเตอร์คนนี้แจ๋วไปเลย” อย่าบอกนะว่าคุณจัดหาอนิเมเตอร์มาเอง ตอนที่นารุโตะกำลังจะเป็นอนิเมะ
อ.คิชิโมโตะ : ถูกต้องนะคร้าบ (หัวเราะ)
อ.โอดะ : ขอบอกเลยว่าไม่มีนักวาดการ์ตูนคนไหนทำอะไรแบบนั้นนะครับ นอกจากอาจารย์คิชิโมโตะที่รู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับกระบวนการทำอนิเมชั่นเป็นอย่างดีครับ
อ.คิชิโมโตะ : ที่ถามผมเรื่องใครเป็นแรงบันดาลใจ จริงๆมีคนหนึ่งนะครับที่ได้รับรางวัลจากต่างประเทศ รู้สึกว่าจะเป็นฝรั่งเศส ตอนที่ผมเป็นนักวาดการ์ตูนใหม่ๆผมก็เคยคิดอยากจะชวนเขามาร่วมงานหากนารุโตะได้เป็นอนิเมะขึ้นมา ที่ทำอย่างนั้นก็อาจจะเป็นเพราะผมชอบผลงานของเขาล่ะมั้ง แต่ผมก็คิดเหมือนกันนะว่าถ้าได้ใครสักคนที่ได้รางวัลต่างประเทศแบบนี้มาร่วมงานด้วย คนทั้งโลกต้องหันมาอ่านนารุโตะเป็นแน่
อ.โอดะ : และแล้วนารุโตะก็เป็นที่นิยมไปทั่วโลกมากกว่าตอนที่วางแผนไว้เสียอีกสินะ
อ.คิชิโมโตะ : จริงๆ หลังจากนั้นผมก็คิดว่าเป็นที่นิยมมันก็ดีไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะ
อ.โอดะ : ก็ถ้าเป็นคุณตอนนี้ก็คงจะไม่แปลกหรอก แต่ถ้าลองย้อนกลับไปตอนที่คุณเป็นนักวาดหน้าใหม่ตีพิมพ์ได้แค่สองสามปี คุณคงจะไม่เอาความคิดแบบนั้นมาอยู่ในกระบวนการการทำงานหรอกจริงไหม
ผู้สัมภาษณ์ : เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากนะครับ ที่สามารถทำความฝันให้เป็นความจริงได้แบบนี้ แล้วคุณล่ะครับอาจารย์โอดะ คุณมีใครเป็นแรงบันดาลใจบ้างหรือเปล่าครับ
อ.โอดะ : ถามบ่อยขนาดนี้จะไม่บอกก็ไม่ได้สินะครับ จริงๆก็มีหนึ่งท่านครับที่เป็นทั้งอนิเมเตอร์และเป็นนักวาดการ์ตูนด้วย อาจารย์ฮายาโอะ มิยาซากิ ครับ
อ.คิชิโมโตะ : แต่คุณทั้งสองคนดูเป็นตัวของตัวเองมากเลยนะ ไม่รู้สึกว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากใครที่โด่งดังเลยจริงๆนะ
อ.โอดะ : อาจจะเป็นเพราะตอนผมเด็กๆผมอ่านการ์ตูนหลายเรื่องหลายรูปแบบล่ะมั้ง มองย้อนไป ผมก็กล้าพูดเลยนะว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว อีกอย่างก็ต้องบอกว่าเจเนอร์เรชั่นของผมเป็นเจเนอร์เรชั่นที่โชคดีเอาการ ที่ได้อ่านการ์ตูนในโชเน็นจัมป์ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของมัน
อ.คิชิโมโตะ : ถูกเผ๋ง! จริงๆแล้วเราอยู่ใจกลางของยุคๆนั้นเลยล่ะ เพราะว่าคุณต้องซื้อจัมป์ทุกสัปดาห์ คุณได้อ่านเนื้อเรื่องที่ใหม่สุดในแต่ล่ะสัปดาห์ แล้วคุณก็คิดว่า “นี่คือวิธีการคิดหรือออกแบบเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ” หรือ “นี่คือวิธีการคิดเนื้อเรื่องที่น่าตื่นเต้นและพัฒนามันให้ดีขึ้น” และแสดงมันออกมา มันฝังอยู่ในความรู้สึกหรือตัวตนลึกๆของคุณ การอ่านแบบรวมเล่มมันแตกต่างกันออกไปมาก
อ.โอดะ : จะบอกว่าเราควรภูมิใจที่เจเนอร์เรชั่นของเราได้อ่านยุคที่ดีที่สุดของจัมป์ใช่ไหม (หัวเราะ)
ผู้สัมภาษณ์ : อาจารย์คิชิโมโตะ บอกได้ไหมครับว่าเนื้อเรื่องหรือตัวละครในวันพีซตัวไหนที่คุณชอบครับ?
อ.คิชิโมโตะ : โอเค ที่ผมจะพูดไม่ใช่เพราะว่าอาจารย์โอดะนั่งอยู่ตรงนี้หรอกนะ เพราะผมชอบหมดเลย (หัวเราะ) ผมค่อนข้างสนใจความสามารถของผลไม้ปิศาจสปริง-สปริง ของเบลลามีเอามากๆ รวมไปถึงบุคคลิกส่วนตัวของเขาด้วย อีกทั้งเรื่องราวของช็อปเปอร์ด้วย อย่างเช่นครั้งแรกที่เขาพบกับคุณหมอฮิลรุคหรือฉากต้นซากุระท่ามกลางหิมะตกในตอนที่เขากำลังจะจากเกาะไป บอกเลยว่าประทับใจมากครับ
อ.โอดะ : ผมดีใจนะที่ได้ยินคุณพูดแบบนั้น
อ.คิชิโมโตะ : ถึงผมจะชอบเขา(ช็อปเปอร์)มากก็จริง แต่ก็กลัวเขามากอีกด้วยนะ คือคุณอย่าลืมพลังที่เขามีซึ่งแข็งแกร่งกว่าลูฟี่ด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าช็อปเปอร์เป็น “หัวหน้าตัวจริง” (หัวเราะ)
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วทฤษฎีที่ว่าช็อปเปอร์เป็นหัวหน้าตัวจริง (หัวเราะ) อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้นล่ะครับ?
อ.คิชิโมโตะ : อืม ไม่แน่ใจนะครับ อย่างลูฟี่เป็นตัวละครหลักที่ถูกผู้คนรักมากกว่าตัวละครอื่น แต่ก็อย่าลืมนะว่าตรงนั้นมีช็อปเปอร์อยู่ด้วยตลอดเวลา ผมหมายถึง ผมคิดว่าเขา(อ.โอดะ)สร้างอะไรสักอย่างในการสะท้อนการทำงานเป็นทีม การ “มีอยู่” ของเขา(ช็อปเปอร์) จะเป็นตัวส่ง “อารมณ์” และเป็นกุญแจตัวสำคัญท่ามกลางกลุ่มของเขา ช็อปเปอร์น่ารักครับ แต่เขาก็มีความน่ากลัวแบบสัตว์ร้ายอยู่เหมือนกัน
อ.โอดะ : ความลับของช็อปเปอร์ที่ตัดสินโดยการกระทำที่น่ากลัวของเขาน่ะเหรอ เดี๋ยวก่อนๆ อย่าเพิ่งโกหกสิ (หัวเราะ) บางส่วนในเนื้อเรื่องนั้น ต้องบอกว่าช็อปเปอร์เกิดมาจากความปัจจุบันทันด่วนมาก ในตอนแรกผมออกแบบให้เขาสูงนะ เป็นกวางเรนเดียร์ตัวสูงโย่งยืนสองขา แต่ตอนนั้นลูฟี่, โซโล, ซันจิ, นามิ ,และอุซป ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนผมไม่สามารถหาที่ยืนเหมาะๆให้ช็อปเปอร์ได้ ผมคิดว่าถ้าผมยังยืนกรานจะเอารูปร่างนั้น ช็อปเปอร์โดนตัวละครตัวอื่นผลักตกเวทีแน่ สุดท้ายผมก็ตัดสินใจทำให้เขาตัวเตี้ยลงครับ
(ภาพจากหนังสือ One Piece Green: Secret Pieces)
อ.คิชิโมโตะ : นั่นคือวิธีการสร้างตัวละครครับ แต่เอาจริงๆนะ ผมก็ยังอิจฉาช็อปเปอร์อยู่ดี
อ.โอดะ : ค่อนข้างจะพูดเรื่องนี้บ่อยไปนะ (หัวเราะ)
อ.คิชิโมโตะ : จริงๆผมเองก็เคยคิดที่จะทำตัวละครที่เป็นมาสค็อต ผมก็เลยออกแบบลูกกบสีชมพูขึ้นมาตัวหนึ่ง ผมวาดตัวละครตัวนั้นลวกๆบนนารุโตะทุกๆเล่มหรือบนหน้าปกจัมป์... แต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเตะตาคนสักเท่าไหร่
อ.โอดะ : (หัวเราะ) มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่างทั้งๆที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดในขณะตีพิมพ์สินะ? สำหรับผม ช็อปเปอร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
(กบสีชมพูดตัวที่ว่าครับ)
ผู้สัมภาษณ์ : งั้นก็แสดงว่าเนื้อเรื่องนั้นไปในทางที่แตกต่างจากที่ได้วางแผนเอาไว้บ่อยๆสินะครับ?
อ.โอดะ : อ๋อ แน่นอนครับ เหมือนกับคุณมีเรื่องเล่าของคุณเอง ตอนที่คุณยังเอ๊าะๆประมาณ 20 แน่นอนว่าตอนนี้คุณมีเรื่องเล่าหรือความคิดใหม่เข้ามาในหัวแล้ว
อ.คิชิโมโตะ : ใช่ครับ ถูกต้องตรงเผ๋ง
อ.โอดะ : คนส่วนใหญ่จะเป็นแบบว่า “ฉันจะไม่ยอมเสียความเป็นตัวของตัวเองจากที่เป็นอยู่” (หัวเราะ)
อ.คิชิโมโตะ : นั่นเป็นเพราะว่าคุณได้รับประสบการณ์ในชีวิตเพิ่มขึ้นครับ
(มีต่อด้านล่างครับ)
สัมภาษณ์อาจารย์คิชิโมโตะ มาซาชิ และอาจารย์เอย์อิจิโร่ โอดะ
นี่เป็นบทสัมภาษณ์ระหว่างอาจารย์คิชิโมโตะ(ผู้วาดนารุโตะ) และอาจารย์โอดะ(ผู้วาดวันพีซ) ในหนังสือ 雷の書 (หนังสือแห่งแสง...แสงโสม #ผิด จริงๆหมายถึงสายฟ้าครับ) ที่มีในงานนิทรรศการนารุโตะเท็นที่จัดที่รปปงหงิ, โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับระยะเวลา 15 ปี ที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งกันมา
หมายเหตุ : ผมพยายามแปลให้เข้าใจง่ายที่สุด โดยใช้ภาษาง่ายๆนะครับ แล้วก็หากแปลผิดตรงไหนท้วงติงเข้ามาได้ครับ ตอนนี้กำลังตรวจทานคำผิดอยู่ (ฮา)
ผู้สัมภาษณ์ : ไม่ทราบว่ามีแรงบันดาลใจจากการ์ตูนชุด(มังงะ) เรื่องไหนเป็นพิเศษไหมครับ
อ.คิชิโมโตะ : ก็ต้องบอกว่าอาจารย์โทริยามะ อากิระ เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของผมครับ แน่นอนต้องมีดราก้อนบอลแน่ๆ แต่จริงๆผมเองก็ชอบ ดร.สลัมป์ มากๆเหมือนกันครับ นอกเหนือจากนั้นผมก็ยังหลงไหลเรื่อง “อากิระ” ของอาจารย์คัตสึฮิโร โอโตโมะมากๆด้วยเหมือนกันครับ
อ.โอดะ : ครั้งแรกที่ผมเห็นผมงานของคุณ ผมคิดว่ามันมันเหมือนรูปแบบของอาจารย์โอโตโมะเด๊ะๆเลยนะ
อ.คิชิโมโตะ : จริงดิ ชัดเจนขนาดนั้นเลย (หัวเราะ)
(ภาพวาดผลงานอาจารย์โอโตโมะ)
อ.โอดะ : ในฐานะนักวาดการ์ตูน คุณสามารถหาแรงบันดาลใจได้จากอาจารย์ท่านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานด้านการวาดหรือการพัฒนาเนื้อเรื่อง
อ.คิชิโมโตะ : สำหรับผม ผมได้แรงบันดาลใจจากดราก้อนบอลในการสร้างเนื้อเรื่องของผม ยกตัวอย่างเช่น หากคุณยังจำฉากมันส์ๆ (ดราก้อนบอล) ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ที่ทำให้คุณตื่นเต้น หรือฉากที่โกคูโตขึ้นและเป็นพ่อคน ส่วนตัวผมชอบเนื้อเรื่องแบบนี้มากๆ ยังรวมไปถึงวิธีของอาจารย์โทริยามะในการใช้สีขาวและดำได้อย่างลงตัวในระดับเทพ พูดง่ายๆก็คือมันง่ายต่อการอ่านหรือจ้องมอง และอาจารย์เขาก็แทบไม่ใช้สกรีนโทนด้วย ผมคิดว่าส่วนนี้น่ะเจ๋งมาก
อ.โอดะ : และลองมองย้อนกลับไปที่ผลงานชิ้นก่อนๆของอาจารย์โทริยามะ จะรู้สึกว่ามันไม่เก่าหรือตกยุคเลย ต้องยอมรับว่าเซ้นส์ของอาจารย์โทริยามะนั้นยอดเยี่ยม และน่าประทับใจเป็นอย่างมากครับ
(ภาพร็อกลี วาดโดยอาจารย์โทริยามะ ที่จัดแสดงในงานนิทรรศการนารุโตะ)
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วนอกจากนักวาดการ์ตูนแล้ว ยังมีบุคคลอื่นๆอีกไหมครับที่เป็นแรงบันดาลใจ?
อ.คิชิโมโตะ : สำหรับผม ก็ต้องบอกว่ามีอนิเมเตอร์(นักทำอนิเมชั่น)อีกหลายท่านที่เป็นแรงบันดาลใจครับ
อ.โอดะ : เวลาผมกับอาจารย์คิชิโมโตะ ออกไปไหนมาไหนด้วยกัน เขาชอบพูดถึงชื่อที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน อย่างเช่น “อนิเมเตอร์คนนี้แจ๋วไปเลย” อย่าบอกนะว่าคุณจัดหาอนิเมเตอร์มาเอง ตอนที่นารุโตะกำลังจะเป็นอนิเมะ
อ.คิชิโมโตะ : ถูกต้องนะคร้าบ (หัวเราะ)
อ.โอดะ : ขอบอกเลยว่าไม่มีนักวาดการ์ตูนคนไหนทำอะไรแบบนั้นนะครับ นอกจากอาจารย์คิชิโมโตะที่รู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับกระบวนการทำอนิเมชั่นเป็นอย่างดีครับ
อ.คิชิโมโตะ : ที่ถามผมเรื่องใครเป็นแรงบันดาลใจ จริงๆมีคนหนึ่งนะครับที่ได้รับรางวัลจากต่างประเทศ รู้สึกว่าจะเป็นฝรั่งเศส ตอนที่ผมเป็นนักวาดการ์ตูนใหม่ๆผมก็เคยคิดอยากจะชวนเขามาร่วมงานหากนารุโตะได้เป็นอนิเมะขึ้นมา ที่ทำอย่างนั้นก็อาจจะเป็นเพราะผมชอบผลงานของเขาล่ะมั้ง แต่ผมก็คิดเหมือนกันนะว่าถ้าได้ใครสักคนที่ได้รางวัลต่างประเทศแบบนี้มาร่วมงานด้วย คนทั้งโลกต้องหันมาอ่านนารุโตะเป็นแน่
อ.โอดะ : และแล้วนารุโตะก็เป็นที่นิยมไปทั่วโลกมากกว่าตอนที่วางแผนไว้เสียอีกสินะ
อ.คิชิโมโตะ : จริงๆ หลังจากนั้นผมก็คิดว่าเป็นที่นิยมมันก็ดีไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะ
อ.โอดะ : ก็ถ้าเป็นคุณตอนนี้ก็คงจะไม่แปลกหรอก แต่ถ้าลองย้อนกลับไปตอนที่คุณเป็นนักวาดหน้าใหม่ตีพิมพ์ได้แค่สองสามปี คุณคงจะไม่เอาความคิดแบบนั้นมาอยู่ในกระบวนการการทำงานหรอกจริงไหม
ผู้สัมภาษณ์ : เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากนะครับ ที่สามารถทำความฝันให้เป็นความจริงได้แบบนี้ แล้วคุณล่ะครับอาจารย์โอดะ คุณมีใครเป็นแรงบันดาลใจบ้างหรือเปล่าครับ
อ.โอดะ : ถามบ่อยขนาดนี้จะไม่บอกก็ไม่ได้สินะครับ จริงๆก็มีหนึ่งท่านครับที่เป็นทั้งอนิเมเตอร์และเป็นนักวาดการ์ตูนด้วย อาจารย์ฮายาโอะ มิยาซากิ ครับ
อ.คิชิโมโตะ : แต่คุณทั้งสองคนดูเป็นตัวของตัวเองมากเลยนะ ไม่รู้สึกว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากใครที่โด่งดังเลยจริงๆนะ
อ.โอดะ : อาจจะเป็นเพราะตอนผมเด็กๆผมอ่านการ์ตูนหลายเรื่องหลายรูปแบบล่ะมั้ง มองย้อนไป ผมก็กล้าพูดเลยนะว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว อีกอย่างก็ต้องบอกว่าเจเนอร์เรชั่นของผมเป็นเจเนอร์เรชั่นที่โชคดีเอาการ ที่ได้อ่านการ์ตูนในโชเน็นจัมป์ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของมัน
อ.คิชิโมโตะ : ถูกเผ๋ง! จริงๆแล้วเราอยู่ใจกลางของยุคๆนั้นเลยล่ะ เพราะว่าคุณต้องซื้อจัมป์ทุกสัปดาห์ คุณได้อ่านเนื้อเรื่องที่ใหม่สุดในแต่ล่ะสัปดาห์ แล้วคุณก็คิดว่า “นี่คือวิธีการคิดหรือออกแบบเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ” หรือ “นี่คือวิธีการคิดเนื้อเรื่องที่น่าตื่นเต้นและพัฒนามันให้ดีขึ้น” และแสดงมันออกมา มันฝังอยู่ในความรู้สึกหรือตัวตนลึกๆของคุณ การอ่านแบบรวมเล่มมันแตกต่างกันออกไปมาก
อ.โอดะ : จะบอกว่าเราควรภูมิใจที่เจเนอร์เรชั่นของเราได้อ่านยุคที่ดีที่สุดของจัมป์ใช่ไหม (หัวเราะ)
ผู้สัมภาษณ์ : อาจารย์คิชิโมโตะ บอกได้ไหมครับว่าเนื้อเรื่องหรือตัวละครในวันพีซตัวไหนที่คุณชอบครับ?
อ.คิชิโมโตะ : โอเค ที่ผมจะพูดไม่ใช่เพราะว่าอาจารย์โอดะนั่งอยู่ตรงนี้หรอกนะ เพราะผมชอบหมดเลย (หัวเราะ) ผมค่อนข้างสนใจความสามารถของผลไม้ปิศาจสปริง-สปริง ของเบลลามีเอามากๆ รวมไปถึงบุคคลิกส่วนตัวของเขาด้วย อีกทั้งเรื่องราวของช็อปเปอร์ด้วย อย่างเช่นครั้งแรกที่เขาพบกับคุณหมอฮิลรุคหรือฉากต้นซากุระท่ามกลางหิมะตกในตอนที่เขากำลังจะจากเกาะไป บอกเลยว่าประทับใจมากครับ
อ.โอดะ : ผมดีใจนะที่ได้ยินคุณพูดแบบนั้น
อ.คิชิโมโตะ : ถึงผมจะชอบเขา(ช็อปเปอร์)มากก็จริง แต่ก็กลัวเขามากอีกด้วยนะ คือคุณอย่าลืมพลังที่เขามีซึ่งแข็งแกร่งกว่าลูฟี่ด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าช็อปเปอร์เป็น “หัวหน้าตัวจริง” (หัวเราะ)
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วทฤษฎีที่ว่าช็อปเปอร์เป็นหัวหน้าตัวจริง (หัวเราะ) อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้นล่ะครับ?
อ.คิชิโมโตะ : อืม ไม่แน่ใจนะครับ อย่างลูฟี่เป็นตัวละครหลักที่ถูกผู้คนรักมากกว่าตัวละครอื่น แต่ก็อย่าลืมนะว่าตรงนั้นมีช็อปเปอร์อยู่ด้วยตลอดเวลา ผมหมายถึง ผมคิดว่าเขา(อ.โอดะ)สร้างอะไรสักอย่างในการสะท้อนการทำงานเป็นทีม การ “มีอยู่” ของเขา(ช็อปเปอร์) จะเป็นตัวส่ง “อารมณ์” และเป็นกุญแจตัวสำคัญท่ามกลางกลุ่มของเขา ช็อปเปอร์น่ารักครับ แต่เขาก็มีความน่ากลัวแบบสัตว์ร้ายอยู่เหมือนกัน
อ.โอดะ : ความลับของช็อปเปอร์ที่ตัดสินโดยการกระทำที่น่ากลัวของเขาน่ะเหรอ เดี๋ยวก่อนๆ อย่าเพิ่งโกหกสิ (หัวเราะ) บางส่วนในเนื้อเรื่องนั้น ต้องบอกว่าช็อปเปอร์เกิดมาจากความปัจจุบันทันด่วนมาก ในตอนแรกผมออกแบบให้เขาสูงนะ เป็นกวางเรนเดียร์ตัวสูงโย่งยืนสองขา แต่ตอนนั้นลูฟี่, โซโล, ซันจิ, นามิ ,และอุซป ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนผมไม่สามารถหาที่ยืนเหมาะๆให้ช็อปเปอร์ได้ ผมคิดว่าถ้าผมยังยืนกรานจะเอารูปร่างนั้น ช็อปเปอร์โดนตัวละครตัวอื่นผลักตกเวทีแน่ สุดท้ายผมก็ตัดสินใจทำให้เขาตัวเตี้ยลงครับ
(ภาพจากหนังสือ One Piece Green: Secret Pieces)
อ.คิชิโมโตะ : นั่นคือวิธีการสร้างตัวละครครับ แต่เอาจริงๆนะ ผมก็ยังอิจฉาช็อปเปอร์อยู่ดี
อ.โอดะ : ค่อนข้างจะพูดเรื่องนี้บ่อยไปนะ (หัวเราะ)
อ.คิชิโมโตะ : จริงๆผมเองก็เคยคิดที่จะทำตัวละครที่เป็นมาสค็อต ผมก็เลยออกแบบลูกกบสีชมพูขึ้นมาตัวหนึ่ง ผมวาดตัวละครตัวนั้นลวกๆบนนารุโตะทุกๆเล่มหรือบนหน้าปกจัมป์... แต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเตะตาคนสักเท่าไหร่
อ.โอดะ : (หัวเราะ) มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่างทั้งๆที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดในขณะตีพิมพ์สินะ? สำหรับผม ช็อปเปอร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
(กบสีชมพูดตัวที่ว่าครับ)
ผู้สัมภาษณ์ : งั้นก็แสดงว่าเนื้อเรื่องนั้นไปในทางที่แตกต่างจากที่ได้วางแผนเอาไว้บ่อยๆสินะครับ?
อ.โอดะ : อ๋อ แน่นอนครับ เหมือนกับคุณมีเรื่องเล่าของคุณเอง ตอนที่คุณยังเอ๊าะๆประมาณ 20 แน่นอนว่าตอนนี้คุณมีเรื่องเล่าหรือความคิดใหม่เข้ามาในหัวแล้ว
อ.คิชิโมโตะ : ใช่ครับ ถูกต้องตรงเผ๋ง
อ.โอดะ : คนส่วนใหญ่จะเป็นแบบว่า “ฉันจะไม่ยอมเสียความเป็นตัวของตัวเองจากที่เป็นอยู่” (หัวเราะ)
อ.คิชิโมโตะ : นั่นเป็นเพราะว่าคุณได้รับประสบการณ์ในชีวิตเพิ่มขึ้นครับ
(มีต่อด้านล่างครับ)