เกรินก่อน ตอนนี้ผมเรียนจบมาจะ 10ปี แล้วละ แล้วก็ความคิดแบบ หัวข้อที่ตั้ง ตั้งแต่สมัยเรียน ว่าทำไมผมต้องเรียนอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด
ผมเรียนด้าน IT ตอนนี้ก็เป็น Freelance ทำเว็บไซต์ ทำตั้งแต่ 0-100 คนเดียวจบได้ วิชาที่ได้มาบอกเลยครับ ไม่ได้มาจากการเรียนในรั่วโรงเรียน มหาวิทยาลัยเลย ซักอย่าง มันเกิดจากการขนคว้าที่จะได้มาด้วยตัวเอง และคว้าทุกโอกาสไว้
สมัยผมเรียนจบมหาลัย ไม่ได้เกรดดีๆ เหมือนชาวบ้านนะครับ ผมตกทุกวิชาที่เป็นคำนวน ผมเรียน IT ก็จริง แต่สาขาผมถูกจับยัดไว้ในบริหารธุรกิจ ซึ่งต้องเจอ สถิติ แคลคูลัส บัญชี การเงิน เศรษฐศาสตร์ และก็ตกทุกๆ เทอม ทุกวิชาด้วย ต้องเรียนซ้ำอย่างน้อย 1-2 รอบ มากสุดบัญชีเรียนไป 3 รอบถึงผ่าน
คำถามคือวิชาพวกนี้มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับชีวิตผมเลยสักนิดตั้งแต่เรียนมา แล้วทำไมผมต้องมานั่งเรียนอะไรก็ไม่รู้ด้วย
สิ่งที่ผมทำบ่อยๆ คือ ไปห้องสมุด หนังสือคอมฯ เกือบทุกเล่ม ไม่ว่าจะเก่าขนาดไหนผมก็อ่านเกือบหมด เพราะนั่นผมรู้ว่าใจผมชอบอะไร ผมก็วิ่งเข้าหาสิ่งนั้นโดยไม่รังเร ผมเคยคิดจะไม่เรียนต่อมหาลัยด้วยซ้ำ แต่โดนที่บ้านบังคับ เหตุผลที่ผมไม่อยากเรียนก็เพราะผมรู้ว่าผมชอบอะไร ไปเรียนแล้วจะได้อะไร
อ่อ.. ต้องบอกก่อนว่า ผมเรียนมหาวิทยาลัยแค่ ปี 3 ปี 4 เพราะผมเรียน ปวส. มา ผมคงโชคดีกว่าใครๆ ตรงที่ว่า ผมรู้ตัวเองว่าผมรักที่จะทำอะไรมาตั้งแต่ ม.3 คือการทำเว็บไซต์ ซึ่งเว็บไซต์ที่เป็นแรงบัลดาลใจผมก็ Euro2000 ทำให้ผมอยากทำเว็บไซต์เป็น แล้วผมก็ขนคว้ามาเอง ตั้งแต่เริ่ม ส่งตัวเองเข้าแข่งขันมาหลายระดับ ช่วงเรียนปวส. ต้องบอกเลยมีอาจารย์ดี รร. ดี เปิดโอกาสให้ผม ทำเว็บไซต์โรงเรียนแทนการจ้าง Outsoure และที่ฝึกงาน ที่บังเอิญไปเจอ นศ. จบใหม่มาสอน PHP(ภาษาที่ใช้เขียนเว็บนะครับ) ทำให้ผมได้แนวทางเดินเยอะมาก และก็ขอบคุณเว็บไซต์ thaicreate มากๆ ที่มีโปรแกรมเมอร์หลายๆ คนช่วยสอนมา ทำให้หลังจากจบ ปวส. ผมมองเห็นสิ่งที่ผมคิดว่าผมอยากจะทำ อยากจะเป็น เห็นเป็นภาพที่ชัดกว่าเดิมมาก เลยไม่อยากเรียน สุดท้ายก็โดนบังคับเรียน
หลังมาใช้ชีวิตมหาวิทยาลัย ผมโดดเรียนประจำ วิชาคอมฯ ที่เรียนก็ไม่ใช่วิชาที่ผมอยากจะได้ ลองมองภาพง่ายๆ ครับ ว่าถ้าในมหาวิทยาลัยไม่มีแบ่งเอกภาษาเป็น อังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ฯลฯ แต่เราเลือกได้แค่ เรียนเอกภาษา แต่ต้องเรียนทุกๆ ภาษาเลย คิดว่าเราจะไหวหรือเปล่าครับ เช่นกัน คอมพิวเตอร์ มีหลายภาษามาก ถ้าแบ่งหลักๆ จะถูกแบ่งเป็น Window Application เช่น MS Office กับ Web Application ก็คือเว็บไซต์ทั่วๆ ไปที่เราเห็น ซึ่งแต่ละประเภทก็มีย่อย ภาษาของมันลงไปอีกมากมาย ยิ่งในปัจจุบันมี Mobile Application มาอีกแหนะ เวลาที่เรียนในมหาวิทยาลัย มันต้องเรียนรวบหมด ซึ่งมันไร้สาระมากที่ต้องเรียนอะไรแบบนั้น สุดท้าย ผมก็ไม่เข้าเรียน เข้าเรียนแค่พอให้มีสิทธิ์สอบได้ เข้าไปก็นั่งเล่นเกม หรือทำอย่างอื่น
ผลสุดท้ายจบมหาวิทยาลัย เกรด 2.06 ใช้เวลาในมหาวิทยาลัย ปี3 ปี4 ปี5 และจบตอนซัมเมอร์ ปี5 ซึ่งบอกตรงๆ ว่าไม่อาย เพราะไม่เคยอยากได้ ไม่อยากจบ ไม่สนการเรียน ที่ปรึกษาเรียกไปคุย 1 ครั้งเรื่องเกรด ที่ปรึกษายังไม่เข้าใจผมด้วยซ้ำ ว่าที่ผมตกนะ ไม่ใช่วิชาที่เป็น เมเจอร์เลย วิชาคอมฯ ผมไม่เคยอ่าน ไม่เรียน แต่ผมก็สอบผ่านหมด ที่ไม่รอดคือ วิชา พื้นฐาน เนี่ยแหละ ประเด็นสำคัญชีวิต จบมาก็ไม่เคยใช้งาน บอกตรงๆ ว่าเซงมาก
การทำงานผมได้งานทำตอนเรียน ปี5 ด้วยผลงาน และความสามารถ ก็ได้เข้าทำงานทั้งๆ ที่เรียนไม่จบไม่มีปริญญา จบมาก็ย้ายที่ทำงานเพราะจะอัพเงินเดือน ทำได้ไม่นานก็ย้ายอีก ช่วงเวลา 5 ปี ที่เรียนจบ ผมย้ายที่ทำงานมากกว่า 10 บริษัท เหตุผลไม่ใช่ไม่มีความอดทนนะครับ เหตุผลในการทำงานของผมคือ ถ้าไปที่ไหนต้องมีคนเก่งว่า และผมต้องพัฒนาตัวเองได้ เมื่อไม่สิ่งเหล่านั้น มันก็ทำให้ผมรู้สึกเบื่อ และออก สุดท้ายมาจบที่ Freelance ซึ่งได้เจอคนมากมายด้านสาย Website ที่เป็นทั้งคนไทยและต่างชาติ สนุกมากครับ เพราะเจอคนที่ทำให้เรามีเป้าหมายที่จะตะกายให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ผมอยากให้ระบบการศึกษาไทยมีคือ การที่ผมสามารถที่จะลงทะเบียนวิชาที่ผมอยากเรียนได้ ไม่ใช่ถูกจำกัดว่า คณะนี้คุณต้องเรียนอันนี้เท่านั้น แต่ผมสามารถลงทะเบียนเรียนวิชาข้ามไปคณะอื่นได้ เช่น ผมเรียน IT มีแต่เขียนโปรแกรม แต่ผมชอบงานด้าน Design ผมก็สามารถไปเรียนนิเทศน์ได้ ผมอยากมีความรู้เรื่องกฎหมาย เพราะลิขสิทธิ์ไม่ใช่ของเล่น มีใบรับรองจบ หน่วยกิจที่เท่าๆ กับที่มหาวิทยาลัยกำหนด แบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้หรอ
เพราะคิดแบบนี้แล้ว เลยอดคิดไม่ได้ว่า เรียนไปทำอะไร ใบปริญญาทุกวันนี้หาย
ใบปริญญาสำคัญไฉน?! ใครคิดเหมือนผมบ้างว่า ใบปริญญาเหมือนเศษกระดาษไร้ค่า
ผมเรียนด้าน IT ตอนนี้ก็เป็น Freelance ทำเว็บไซต์ ทำตั้งแต่ 0-100 คนเดียวจบได้ วิชาที่ได้มาบอกเลยครับ ไม่ได้มาจากการเรียนในรั่วโรงเรียน มหาวิทยาลัยเลย ซักอย่าง มันเกิดจากการขนคว้าที่จะได้มาด้วยตัวเอง และคว้าทุกโอกาสไว้
สมัยผมเรียนจบมหาลัย ไม่ได้เกรดดีๆ เหมือนชาวบ้านนะครับ ผมตกทุกวิชาที่เป็นคำนวน ผมเรียน IT ก็จริง แต่สาขาผมถูกจับยัดไว้ในบริหารธุรกิจ ซึ่งต้องเจอ สถิติ แคลคูลัส บัญชี การเงิน เศรษฐศาสตร์ และก็ตกทุกๆ เทอม ทุกวิชาด้วย ต้องเรียนซ้ำอย่างน้อย 1-2 รอบ มากสุดบัญชีเรียนไป 3 รอบถึงผ่าน
คำถามคือวิชาพวกนี้มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับชีวิตผมเลยสักนิดตั้งแต่เรียนมา แล้วทำไมผมต้องมานั่งเรียนอะไรก็ไม่รู้ด้วย
สิ่งที่ผมทำบ่อยๆ คือ ไปห้องสมุด หนังสือคอมฯ เกือบทุกเล่ม ไม่ว่าจะเก่าขนาดไหนผมก็อ่านเกือบหมด เพราะนั่นผมรู้ว่าใจผมชอบอะไร ผมก็วิ่งเข้าหาสิ่งนั้นโดยไม่รังเร ผมเคยคิดจะไม่เรียนต่อมหาลัยด้วยซ้ำ แต่โดนที่บ้านบังคับ เหตุผลที่ผมไม่อยากเรียนก็เพราะผมรู้ว่าผมชอบอะไร ไปเรียนแล้วจะได้อะไร
อ่อ.. ต้องบอกก่อนว่า ผมเรียนมหาวิทยาลัยแค่ ปี 3 ปี 4 เพราะผมเรียน ปวส. มา ผมคงโชคดีกว่าใครๆ ตรงที่ว่า ผมรู้ตัวเองว่าผมรักที่จะทำอะไรมาตั้งแต่ ม.3 คือการทำเว็บไซต์ ซึ่งเว็บไซต์ที่เป็นแรงบัลดาลใจผมก็ Euro2000 ทำให้ผมอยากทำเว็บไซต์เป็น แล้วผมก็ขนคว้ามาเอง ตั้งแต่เริ่ม ส่งตัวเองเข้าแข่งขันมาหลายระดับ ช่วงเรียนปวส. ต้องบอกเลยมีอาจารย์ดี รร. ดี เปิดโอกาสให้ผม ทำเว็บไซต์โรงเรียนแทนการจ้าง Outsoure และที่ฝึกงาน ที่บังเอิญไปเจอ นศ. จบใหม่มาสอน PHP(ภาษาที่ใช้เขียนเว็บนะครับ) ทำให้ผมได้แนวทางเดินเยอะมาก และก็ขอบคุณเว็บไซต์ thaicreate มากๆ ที่มีโปรแกรมเมอร์หลายๆ คนช่วยสอนมา ทำให้หลังจากจบ ปวส. ผมมองเห็นสิ่งที่ผมคิดว่าผมอยากจะทำ อยากจะเป็น เห็นเป็นภาพที่ชัดกว่าเดิมมาก เลยไม่อยากเรียน สุดท้ายก็โดนบังคับเรียน
หลังมาใช้ชีวิตมหาวิทยาลัย ผมโดดเรียนประจำ วิชาคอมฯ ที่เรียนก็ไม่ใช่วิชาที่ผมอยากจะได้ ลองมองภาพง่ายๆ ครับ ว่าถ้าในมหาวิทยาลัยไม่มีแบ่งเอกภาษาเป็น อังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ฯลฯ แต่เราเลือกได้แค่ เรียนเอกภาษา แต่ต้องเรียนทุกๆ ภาษาเลย คิดว่าเราจะไหวหรือเปล่าครับ เช่นกัน คอมพิวเตอร์ มีหลายภาษามาก ถ้าแบ่งหลักๆ จะถูกแบ่งเป็น Window Application เช่น MS Office กับ Web Application ก็คือเว็บไซต์ทั่วๆ ไปที่เราเห็น ซึ่งแต่ละประเภทก็มีย่อย ภาษาของมันลงไปอีกมากมาย ยิ่งในปัจจุบันมี Mobile Application มาอีกแหนะ เวลาที่เรียนในมหาวิทยาลัย มันต้องเรียนรวบหมด ซึ่งมันไร้สาระมากที่ต้องเรียนอะไรแบบนั้น สุดท้าย ผมก็ไม่เข้าเรียน เข้าเรียนแค่พอให้มีสิทธิ์สอบได้ เข้าไปก็นั่งเล่นเกม หรือทำอย่างอื่น
ผลสุดท้ายจบมหาวิทยาลัย เกรด 2.06 ใช้เวลาในมหาวิทยาลัย ปี3 ปี4 ปี5 และจบตอนซัมเมอร์ ปี5 ซึ่งบอกตรงๆ ว่าไม่อาย เพราะไม่เคยอยากได้ ไม่อยากจบ ไม่สนการเรียน ที่ปรึกษาเรียกไปคุย 1 ครั้งเรื่องเกรด ที่ปรึกษายังไม่เข้าใจผมด้วยซ้ำ ว่าที่ผมตกนะ ไม่ใช่วิชาที่เป็น เมเจอร์เลย วิชาคอมฯ ผมไม่เคยอ่าน ไม่เรียน แต่ผมก็สอบผ่านหมด ที่ไม่รอดคือ วิชา พื้นฐาน เนี่ยแหละ ประเด็นสำคัญชีวิต จบมาก็ไม่เคยใช้งาน บอกตรงๆ ว่าเซงมาก
การทำงานผมได้งานทำตอนเรียน ปี5 ด้วยผลงาน และความสามารถ ก็ได้เข้าทำงานทั้งๆ ที่เรียนไม่จบไม่มีปริญญา จบมาก็ย้ายที่ทำงานเพราะจะอัพเงินเดือน ทำได้ไม่นานก็ย้ายอีก ช่วงเวลา 5 ปี ที่เรียนจบ ผมย้ายที่ทำงานมากกว่า 10 บริษัท เหตุผลไม่ใช่ไม่มีความอดทนนะครับ เหตุผลในการทำงานของผมคือ ถ้าไปที่ไหนต้องมีคนเก่งว่า และผมต้องพัฒนาตัวเองได้ เมื่อไม่สิ่งเหล่านั้น มันก็ทำให้ผมรู้สึกเบื่อ และออก สุดท้ายมาจบที่ Freelance ซึ่งได้เจอคนมากมายด้านสาย Website ที่เป็นทั้งคนไทยและต่างชาติ สนุกมากครับ เพราะเจอคนที่ทำให้เรามีเป้าหมายที่จะตะกายให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ผมอยากให้ระบบการศึกษาไทยมีคือ การที่ผมสามารถที่จะลงทะเบียนวิชาที่ผมอยากเรียนได้ ไม่ใช่ถูกจำกัดว่า คณะนี้คุณต้องเรียนอันนี้เท่านั้น แต่ผมสามารถลงทะเบียนเรียนวิชาข้ามไปคณะอื่นได้ เช่น ผมเรียน IT มีแต่เขียนโปรแกรม แต่ผมชอบงานด้าน Design ผมก็สามารถไปเรียนนิเทศน์ได้ ผมอยากมีความรู้เรื่องกฎหมาย เพราะลิขสิทธิ์ไม่ใช่ของเล่น มีใบรับรองจบ หน่วยกิจที่เท่าๆ กับที่มหาวิทยาลัยกำหนด แบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้หรอ
เพราะคิดแบบนี้แล้ว เลยอดคิดไม่ได้ว่า เรียนไปทำอะไร ใบปริญญาทุกวันนี้หาย