ความประทับใจจากการซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าธรรมดา ๆ ชิ้นหนึ่ง

สวัสดีค่ะ
วันนี้เรามีเรื่องประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับบริการหลังการขายของสินค้าอย่างหนึ่ง ดูจากรูปก็คงจะรู้แล้วเนอะว่ามันคือ....(แต่น แตน แต๊นนนนนนนนน!!!!)  “ปลั๊กพ่วง” คงมีคนสงสัยแล้วใช่มั้ยคะ ว่ากะอีแค่ปลั๊กพ่วงเนี่ยนะ มีอะไรให้น่าประทับใจด้วยเหรอ
ใช่แล้วค่ะ ปลั๊กพ่วงเนี่ยแหละค่ะ



เราตัดสินใจอยู่พักใหญ่ว่าจะมาเขียนในนี้ดีรึเปล่าน๊า จะถูกหาว่าเป็นหน้าม้ามาช่วยเค้าโฆษณามั้ย แต่คิดไปคิดมา ก็ไหน ๆ เวลาเจออะไรแย่ ๆ เรามาช่วยกันแฉแล้ว เวลาเจออะไรดี ๆ เราก็มาช่วยกันแชร์บ้าง จะได้เป็นกำลังใจให้คนทำงานและสินค้าที่มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค แล้วก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรใด ๆ กับห้างและสินค้าทุกอย่างที่เราเอ่ยถึงในกระทู้นี้ทั้งหมดนะคะ เราเป็นเพียงผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ามาใช้แล้วเกิดปัญหา แล้วก็อยากเอาเรื่องที่เจอมาเล่าให้ฟังว่าเค้าแก้ปัญหายังไง

เรื่องมีอยู่ว่า เราเคยซื้อปลั๊กพ่วงยี่ห้อนี้มาอันนึงใช้มาหลายปีแล้ว ต่อมาเมื่อปลายปีที่แล้วซื้อกล่องทีวีดิจิตอลมาใช้กับทีวี ก็เลยต้องซื้อปลั๊กพ่วงเพิ่มอีกอัน ไปเดินดูที่เดอะมอลล์บางแค พอดีมันมีของเซลล์อยู่เป็นแพคคู่ (โปร 1 แถม 1) คู่ละสี่ร้อยกว่าบาท (ราคานี่จำไม่ค่อยได้นะคะ แต่สี่ร้อยกว่า ๆ แน่ ๆ) เป็นปลั๊กพ่วงแบบสวิทช์แยก 4 ช่อง ยี่ห้ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าช่องเต้าเสียบเป็นสีม่วง ตอนซื้อก็ดีใจได้ของราคาถูก รูปร่างสวยงาม แต่ๆๆๆๆ...พอเอากลับบ้านจะมาใช้ ปรากฎว่าปลั๊กเสียบมันเป็น 3 ขา แต่เต้าเสียบจุดที่เราจะใช้มันเป็นแบบ 2 รูค่ะ (ปล. จริง ๆ แล้วเต้าเสียบที่มากับตัวบ้าน โครงการเค้าติดให้เป็นแบบ 3 รูนะคะ แต่จุดที่วางทีวีเป็นจุดที่จ้างช่างมาเดินสายไฟและติดเต้าเสียบเพิ่ม ซึ่งตอนนั้นช่างบอกว่าเอาแบบ 2 รูก็พอ เพราะทีวีกับเครื่องเล่นดีวีดีใช้แค่ 2 ขากันทั้งนั้นแหละ...ลืมมองการณ์ไกลว่ามันจะมีวันนี้ 555)

ก็เลยต้องเอาไปเปลี่ยนที่เดอะมอลล์ค่ะ (นโยบายเดอะมอลล์เปลี่ยนได้ภายใน 7 วัน) ตอนเอาไปเปลี่ยนบอกกับพนักงานขายว่าเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนคือ เต้าเสียบที่บ้านเป็นแบบ 2 รู อันนี้เสียบไม่ได้เพราะมี 3 ขา พนักงานบอกว่าแบบ 2 ขาไม่มี ถ้าจะเอา 2 ขาต้องเลื่อยออกขานึง เอามั้ยครับเดี๋ยวเลื่อยให้....เฮ้ย..เราก็แอบอุทานในใจว่า เค้าแก้ปัญหากันแบบนี้จริง ๆ เหรอ...ไม่น๊าาาาา มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้มั้ยอ่ะ

ว่าแล้วก็บอกพนักงานว่าขอเดินดูของก่อนได้มั้ย ซึ่งพนักงานขายก็โอเค เราก็เดินดูของอยู่พักนึง พบว่ามันมีแต่แบบ 3 ขาตามที่พนักงานบอกจริง ๆ ด้วย (คือ แบบ 2 ขาก็มีนะ แต่เป็นปลั๊กพ่วงที่ใช้สายไฟเส้นเล็ก และสวิทช์ไม่แยกตามช่องน่ะค่ะ ซึ่งเราไม่อยากได้แบบนี้)

เอาไงดีหว่า...หลังจากเดินดูและคิดอยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจว่าเอางี้ละกัน เปลี่ยนเป็นแบบไม่มีโปร 1 แถม 1 ก็ได้เนอะ อันละสามร้อยกว่าบาท แล้วส่วนต่างที่เหลือเอามาซื้อหัวแปลงแบบที่ใช้แปลงปลั๊ก 3 ขา เป็น 2 ขา (นึกออกใช่มั้ยคะว่าหมายถึงอะไร....ถ้านึกไม่ออกให้ดูตัวแปลงส้ม ๆ ในรูปอ่ะค่ะ) แล้วเราก็หยิบปลั๊กพ่วงของยี่ห้อนี้เนื่องจากมันถูกกว่าอีกยี่ห้อนึง แล้วก็หยิบหัวแปลงที่วางขายอยู่อีกล้อคนึงซึ่งคนละยี่ห้อกัน พอจะเอาไปจ่ายเงิน พนักงานขายอีกคนซึ่งเป็นผู้หญิง (พนักงานที่เจอตอนแรกเป็นผู้ชาย) บอกว่าตัวแปลงไม่ต้องซื้อค่ะ ของยี่ห้อนี้แถมฟรี แล้วก็ไปหยิบตัวแปลงสีส้มแบบนี้มาให้เราอันนึง ตอนนั้นแอบนอยด์นิดนึงว่า อ้าวแล้วส่วนต่างที่เหลือจะเอาไปทำอะไรล่ะเนี่ย (เข้าใจว่าเค้าไม่คืนเป็นเงินนะคะ ไม่รู้เข้าใจถูกรึเปล่า) คือ จริง ๆ แล้วเราควรดีใจที่ไม่ต้องซื้อตัวแปลงใช่มั้ย 555

ว่าแล้วส่วนต่างที่เหลือ ก็ซื้อเป็น universal adapter สำหรับไว้ใช้เวลาไปเที่ยวเมืองนอก ซึ่งราคามันเกินส่วนต่างค่ะ...สรุป เสียเงินเพิ่มนิดหน่อย ตอนจ่ายเงินพนักงานหญิงคนนี้บอกว่าถ้าปลั๊กพ่วงยี่ห้อนี้มีปัญหาส่งซ่อมที่นี่ได้นะคะ เราดูแลให้ ตอนนั้นฟังแล้วก็รู้สึก...เออ...ปลั๊กพ่วงมีปัญหาส่งซ่อมได้ด้วยเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย

พอกลับบ้านมาถึงได้รู้ว่ามันยี่ห้อเดียวกับที่ใช้อยู่ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นค่ะ ประเด็นคือ หลายเดือนผ่านไป หลังจากใช้งานมาเรื่อย ๆ มีสวิทช์ตัวนึงมันไม่ปกติ คือมันหลวม ๆ กดแล้วไม่ แป๊ก เหมือนอันอื่น ๆ อ่ะ เราก็ใช้ ๆ ไปโดยไม่ได้ไปสนใจมันเลยว่ามันผิดปกติ จนมีวันนึง จะเอาปลั๊กพ่วงไปใช้กับเตาอบอบขนมเค้ก (เพิ่งถอยเตาอบใหม่) ระหว่างเคลื่อนย้ายปลั๊กพ่วงจากจุดหนึ่งไปไว้อีกจุดหนึ่งในบ้าน...ตัวสวิทช์อันที่มันหลวม ๆ กดแล้วไม่ดัง แป๊ก มันหลุดออกมาจากเบ้าของมันค่ะ ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ บวก ประมาท เราก็เอาสวิทช์อันนั้นยัดใส่เข้าเบ้ามัน แต่...คราวนี้มันไม่หลวมแล้วอ่ะ มันแข็งเลยกดไม่ลง เราก็ไม่ได้ไปใส่ใจมัน คิดว่าช่างมันเหอะ ช่องนี้ใช้ไม่ได้ ก็ใช้ช่องอื่นก็ได้ ว่าแล้วก็เอาปลั๊กเสียบกับเต้าเสียบของบ้านค่ะ.....

ทันใดนั้น .. พรึบ ปุ้งงงงง ไฟแลบพรึบออกมาจากเต้าเสียบของบ้าน พร้อมเสียงระเบิดดังปุ้ง แล้วไฟฟ้าก็ดับทั้งบ้าน เต้าเสียบรูนั้นเป็นรอยไหม้ดำเลย แล้วขาปลั๊กทองเหลืองก็เป็นรอยละลายนิดหน่อย เราตกใจมาก.... คุณพระ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ..ดีนะที่บ้านเรามีเซฟทีคัท ตัดก่อนตาย เตือนก่อนวายวอด ไม่งั้นคงวอดวายไปแล้ว พอตั้งสติได้ ไปเปิดเซฟทีคัทเพื่อให้ไฟฟ้าในบ้านกลับมาใช้งานได้ปกติ มาดูปลั๊กพ่วงพบว่า เสียงระเบิดเมื่อกี้มาจากช่องสวิทช์ที่เรายัดลงไปนั่นแหละค่ะ กลายเป็นสีดำไหม้ ๆ แล้วตัวสวิทช์ก็กระเด็นไปไกลเป็นเมตรเลย เข้าใจว่าตอนเรายัดสวิทช์กลับเข้าไปในเบ้ามันคงผิดจากวงจรที่มันควรจะเป็น พอเสียบไฟเลยเกิดการลัดวงจรจนระเบิดน่ะค่ะ

นี่เป็นอุทาหรณ์อีกเรื่องนึงที่อยากจะเตือนไว้ว่า เรื่องไฟฟ้า อย่าซี้ซั้วทำเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเค้าทำเถอะค่ะ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บางทีเราก็ไม่นึกว่ามันจะซีเรียส แต่..มันซีเรียสนะคะ เรื่องไฟนี่ไม่เข้าใครออกใคร ต้องระวังให้มาก ๆ เลยค่ะ และ ๆ ๆ สำคัญมาก ๆ เครื่องตัดไฟจะยี่ห้ออะไรก็แล้วแต่ ติดเถอะค่ะ เลือกแบบที่คุณภาพดี ๆ หน่อย มันมีประโยชน์มากเวลาเกิดเหตุไม่คาดคิด คือมันก็คงไม่ได้ป้องกันได้ 100% หรอกนะ แต่อย่างน้อย ๆ การป้องกันไว้ก็ช่วยลดโอกาสของความสูญเสียได้บ้าง ดีกว่าไม่มีเลย ที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ประมาทนะคะ

กลับมาที่ปลั๊กพ่วง...จำได้ใช่มั้ยคะว่าพนักงานขายผู้หญิง บอกเราว่า ถ้ามีปัญหาส่งซ่อมที่นี่ได้นะคะ เราดูแลให้....ประโยคนี้ผุดขึ้นมาในหัวเราเลยค่ะ แหม ๆ ๆ เศรษฐกิจยุคนี้ อะไรซ่อมได้ก็ต้องซ่อมก่อนสิคะ วันนี้พอดีมีเวลาว่าง ก็ออกไปตากแอร์ที่เดอะมอลล์บางแค (แหม ๆ ๆ เศรษฐกิจยุคนี้ จะตากแอร์บ้านทำไมล่ะค๊าาาาา) ถือโอกาสเอาปลั๊กพ่วงที่ระเบิดไปด้วยค่ะ อยากรู้ว่าจะซ่อมให้ตามที่เคยบอกไว้จริงรึเปล่า พอไปถึงแผนกที่ขายปลั๊กพ่วงเจอพนักงานขายชายกลุ่มนึง

เรา : “เอาปลั๊กพ่วงมาซ่อมค่ะ” แล้วก็หยิบของให้เค้าดู
พนักงานขายทุกคนส่ายหัว : “ยี่ห้อนี้ไม่รับซ่อมครับ ต้องเป็นยี่ห้อ ต.(ขอใช้ชื่อย่อละกันนะคะ) ถึงจะส่งซ่อมที่นี่ได้”
ว่าแล้วเค้าก็หันไปหาพนักงานชายคนนึง แล้วบอกว่า : “คนนี้เป็นพีซีดูแลยี่ห้อนี้ว่าไงอ่ะ”
พนักงานชายคนที่เป็นพีซียี่ห้อนี้ก็ยังบอกเหมือนเดิมว่า : “ส่งซ่อมไม่ได้ครับ”
เรา : “เอ ก็ตอนซื้อมีพนักงานขายบอกว่าส่งซ่อมที่นี่ได้นะคะ”
พนักงานเหล่านั้นก็ยังคงยืนยันว่า : “ต้องเป็นยี่ห้อ ต. ครับ”

เราก็เลยเอาวะ ช่างเถอะ จริง ๆ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว แค่อยากรู้ว่าที่เคยบอกไว้เป็นเรื่องจริงหรือแค่ขี้โม้เวลาขายของ ตอนนี้รู้ละ แล้วก็เดินออกจากแผนกนี้ไป

พอดีเดินผ่านแผนกใกล้ ๆ กัน มีอุปกรณ์ทำสวนลดราคา ซึ่งเราไปกับป้า แล้วป้าอยากได้หัวฉีดน้ำที่เอาไว้ต่อกับสายยาง เอาไว้ใช้รดน้ำต้นไม้ ระหว่างที่ยืนเลือกของกันอยู่ ก็มีชายหญิงคู่นึงเดินมาหาเรา

พนักงานหญิง : “ไหนคุณลูกค้าขอดูปลั๊กพ่วงหน่อยค่ะ”
พอเราเงยหน้าขึ้นมาก็เจอพนักงานหญิงคนที่เคยขายเราคราวที่แล้วและบอกเราว่าปลั๊กพ่วงมีปัญหาส่งซ่อมที่นี่ได้ มาพร้อมกับพนักงานชายที่เป็นพีซีของยี่ห้อนี้ที่เมื่อกี้บอกเราว่าส่งซ่อมไม่ได้ พนักงานหญิงดูมีอาวุโสกว่าพนักงานชาย น่าจะเป็นหัวหน้ารึเปล่าเราก็ไม่แน่ใจ เรายื่นปลั๊กพ่วงที่ระเบิดให้พนักงานหญิงดู พนักงานหญิงเอาไปดู
พนักงานหญิงบอกพนักงานชาย : “แบบสายยาว 3 เมตร ไปเอาอันใหม่มาให้ลูกค้า”
เราถามแบบงง ๆ : “จะส่งซ่อมนะคะ ให้อันใหม่เลยเหรอคะ”
พนักงานหญิง : “ใช่ค่ะ”
แล้วพอพนักงานชายหยิบของมา
พนักงานหญิงบอกพนักงานชาย : “เอาแต่ของ แพคไม่ต้อง แกะออกแล้วไปลองไฟให้ลูกค้าด้วย”
พนักงานชายก็แกะแผงกระดาษแข็งกับพลาสติกที่ห่อออกแล้วเอาไปเสียบ ลองกดสวิทช์ให้ดู เป็นปกติดีทุกช่อง แล้วก็เอามาใส่ถุงยื่นให้เรา
พนักงานหญิงถามเรา : “ซื้อไปนานรึยังคะ”
เรา : “ก็หลายเดือนอยู่นะคะ”
พนักงานหญิงหันไปบอกพนักงานชาย : “ถ้าเป็นพวกตัวเล็ก ๆ อ่ะไม่รับซ่อม อันนี้ตัวใหญ่ ปี สองปี ก็ยังส่งได้”
เราถามพนักงานหญิง : “พี่มาจากบริษัทนี้เหรอคะ (หมายถึงบริษัทที่ผลิตปลั๊กพ่วงยี่ห้อนี้)
พนักงานหญิง : “ค่ะ”
เรา : “ขอบคุณนะคะ ต่อไปถ้าจะซื้อปลั๊กพ่วงจะมาหาพี่เลยนะ”

นี่แหละค่ะ ความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราที่เกิดกับปลั๊กพ่วง อยากให้ผู้ผลิตผู้ขายสินค้าทุก ๆ ชนิดมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคแบบนี้บ้าง ซึ่งมันควรจะเป็นเรื่องปกติในสังคมด้วยซ้ำ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีข่าวผู้บริโภคถูกเอาเปรียบอยู่บ่อย ๆ จริง ๆ แล้วปลั๊กพ่วงเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดเลยว่าจะส่งซ่อมได้ คิดว่ามันก็ราคาไม่กี่ร้อย ถ้าเสียก็คงซื้อเปลี่ยนใหม่ก็แค่นั้น แต่เคสนี้หวังแค่จะลองส่งซ่อมกลับได้ของใหม่มาเลย แล้วที่ประทับใจอีกอย่างก็คือความใส่ใจของพนักงาน ทั้งที่เราเดินออกมาจากแผนกนั้นแล้ว ก็ยังเดินตามมาสอบถาม ไม่แน่ใจว่าที่พนักงานหญิงเดินมาถามนี่เพราะทราบเรื่องจากพนักงานชายรึเปล่า ถ้าใช่ก็ขอชื่นชมพนักงานชายด้วยที่ไม่ปล่อยให้เรื่องผ่านแล้วผ่านเลย ยังมีการนำไปแจ้งให้พนักงานอีกท่านทราบ โดยสรุปก็ขอชื่นชมทั้งพนักงานและบริษัท ขอให้รักษามาตรฐานที่ดีแบบนี้ไว้ และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทุก ๆ บริษัทใส่ใจและรับผิดชอบกับลูกค้าแบบนี้บ้างนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่