[CR] เที่ยวภูเก็ต เกาะตาชัย เกาะห้อง เขื่อนเชี่ยวหลานแบบใช้ร่างกายเปลือง อิอิ

เที่ยวภูเก็ต  เกาะตาชัย  เกาะห้อง  และเขื่อนเชี่ยวหลาน (วันที่  1 - 5  พฤษภาคม  2558)  ใช้งบประมาณ  7,950 บาท
(พอดีผมเคยตั้งกระทู้นี้มาแล้วรอบนึงแล้วครับแต่พอดีผมแท็กห้องไม่ครบครับ  เลยขออนุญาตขอตั้งกระทู้ใหม่  กราบขอโทษด้วยครับบบ)
       ทริปนี้เรามีสมาชิกร่วมทริปจำนวน  6  คน  รวมผมด้วย  เราเลือกที่จะขับรถไปเอง  เพราะว่าน่าจะสะดวกมากกว่าเมื่อเทียบกับเวลาที่เรามีอยู่เพียง  5  วัน    เรามาลุยกันเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

        วันที่  30  เมษายน  2558
        พวกผมเลือกออกเดินทางไปยังจังหวัดภูเก็ตในเย็นวันที่  30  เมษายน  2558  โดยกะว่าจะไปให้ถึงสะพานสารสิน(สะพานข้ามจากจังหวัดพังงาไปยังจังหวัดภูเก็ต)ให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น  ทั้งนี้เพราะว่า  ผมเคยเที่ยวตรงสะพานสารสินมาแล้วก่อนหน้านี้  3  ครั้ง  ซึ่ง  3  ครั้งนั้น  เป็นการไปเที่ยวตอนเวลาประมาณ  12.00  ซึ่งอากาศร้อนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  แต่ก็สวยงามไปอีกแบบ   จากประสบการณ์ในการไปเที่ยวสะพานสารสินมาจำนวน  3  ครั้ง  พวกผมจึงมีความคิดว่า  "ถ้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานสารสินก็คงสวยไม่แพ้กัน"
        19.30  น.  ----  เราออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครเพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดภูเก็ต  โดยเลือกใช้ถนนเส้นพระราม  2  แล้วตัดเข้าถนนเพชรเกษมตรงอำเภอปากท่อ  จังหวัดราชบุรี  แล้วมุ่งหมายสู่ภาคใต้ไปเรื่อยๆ  ต่อมาเมื่อถึงจังหวัดชุมพร  ก้จะมีทางแยกออกเป็นสองทาง  คือ  ทางที่ไปจังหวัดระนอง  กับทางที่ไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี  เราเลือกที่จะเดินทางไปทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพราะใกล้กว่า  ความจริงแล้วทางไประนองก็สามารถใช้เดินทางไปภูเก็ตได้  แต่ว่าจะอ้อมมากกกกกกกกกกก  เน้นว่าอ้อมมากกกกกกกกกกกกกก  เพราะว่าทางเส้นนั้นเป็นถนนที่สร้างแบบสไตล์โบราณที่เน้นตัดถนนเส้นเดียวแต่ผ่านอำเภอหลายแห่ง  ผ่านจังหวัดหลายจังหวัด(หากจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนเส้นพหลโยธิน  ทางหลวงหมายเลข 1  ครับ  ลองสังเกตดูว่า  ช่วงสระบุรีไปลพบุรี  ชัยนาท  นครสวรรค์  จะเลาะไปเลาะมา  อะไรทำนองนั้น  หรือทางหลวงหมายเลข  3  ช่วงสมุทรปราการไปฉะเชิงเทราก็ทำนองเดียวกัน)  พอเดินทางใกล้ๆถึงทางแยกไปอำเภอสุราษฎร์ก็จะมีทางแยกเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางสาย  401  ไปพังงา  ภูเก็ต  ซึ่งมีป้ายบอกอย่างชัดเจน  หลังจากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ   แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีที่ถนนสาย  415  หลังจากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรเกษม(ทางหลวงหมายเลข 4)  มุ่งตรงสู่จังหวัดพังงา  ขับรถเลยเมืองพังงาไปอีกพอสมควร ก็จะมีทางแยกให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย  402  มุ่งหน้าสู่เส้นทางข้ามไปยังเกาพภูเก็ตครับ
      
       วันที่  1  พฤษภาคม  2558
       06.00  เราเดินทางมาถึงสะพานสารสินตามที่ตั้งเป้าหมายเราไว้  ตอนนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น  เราก็ตั้งกล้องรอ  พอพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ภาพมาแบบนี้ครับ


       หลังจากที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นพอสมควรแล้ว   เนื่องจากเรายังไม่ได้ล้างหน้า  แปรงฟันกันเลย  คือแบบปากเหม็นมากกกกกกกกกกกกก  พวกเราเลยหาปั๊มแวะเพื่อล้างหน้าแปรงฟันแป๊ปปปปปป  ซึ่งหลังจากที่ขับรถเข้ามาในตัวเมืองภูเก็ตนั้นจะมีปั๊ม  ปตท.  อยู่หนึ่งปั๊มก่อนถึงอำเภอถลาง  เราก็เลือกปั๊มนี้เป็นจุดล้างหน้าแปรงฟันกันครับ  หลังจากนั้นเราก็ไปหาข้าวเช้ากินครับ  พวกเราเลือกแวะกินบะหมี่ฮกเกี๊ยนกันครับ  ร้านนี้จะตั้งอยู่ตรงใกล้ๆบริเวณวงเวียนท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร  แต่จะอยู่ฝั่งถนนฝั่งขาออกไปทางจังหวัดพังงา(อธิบายง่ายๆ  คือ  หลังจากที่เราข้ามสะพานสารสินตรงเข้ามาแล้ว  พอถึงวงเวียนตรงอนุสาวรีย์  เราก็วกรถกลับมาทางที่พังงา  หลังจากที่วกรถกลับมาแล้วให้ชิดซ้ายเอาไว้  ร้านจะอยู่ด้านซ้ายริมถนนเลยครับ)  
บะหมี่ฮกเกี๊ยนหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ  

มื้อนี้หมดผมหมดไป  50 บาทครับผม
       หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว  เราก็เดินทางไปเที่ยววัดพระนางสร้างกันครับ(พระพุทธรูปแปลกตาดีครับ)

       ต่อมาก็เป็นวัดพระผุดครับ


พระผุดนี้เคยลงในหนังสือ Unseen  in  thailand ด้วยครับ  ซึ่งพระผุดนี้จะเป็นพระพุทธรูปที่จะปรากฏขึ้นอยู่เพียงครึ่งองค์เท่านั้น  ส่วนอีกครึ่งองค์จะประดิษฐานอยู่ใต้ดิน  ตำนานเกี่ยวกับพระผุดนั้นมีอยุ่หลายตำนานด้วยกัน  แต่ตำนานที่ผมจำได้มีอยู่แค่ตำนานเดียว  555555555555555555  คือ  เขาว่ากันว่า(เขาที่ว่านี้  ผมก็ไม่รู้ว่าคือใครเหมือนกัน)  มีพ่อค้าสินค้าเดินเรือสำเภาผ่านมาแถวๆจังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน(ขณะนั้นภูเก็ตยังไม่เป็นเกาะ  ยังคงเป็นน้ำทะเลอยู่)ซึ่งพ่อค้าคนดังกล่าวได้นำพระพุทธรูปติดเรือมาด้วย  ต่อมาเมื่อเดินถึงแถวจังหวัดภูเก็ตก็เกิดพายุฝนหนักจนเรือแตก  พระพุทธรูปก็จมลงในใต้ทะเล  ต่อมาเมื่อแผ่นดินเกิดการยกตัวขึ้นกลายเป็นเกาะภูเก็ตก็มีชายคนหนึ่งคนมาแถวๆวัดพระผุดในปัจจุบันและพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง  ชายคนนั้นก็ได้พยายามที่จะขุดพระพุทธรูปนี้ขึ้นมา  แต่ก็ไม่สำเร็จ  อีกทั้งชายคนดังกล่าวก็เจ็บป่วยเป็นการหนัก  ต่อมาก็มีชาวบ้านหลายคนที่พยายามจะขุดพระพุทธรูปนั้นขึ้นมาจากดิน  แต่ชาวบ้านเหล้านั้นก็กลับเกิดอาการเจ็บป่วยเช่นเดียวกับชายคนแรก  ชาวบ้านจึงเปลี่ยนความคิดว่า  ถ้าขุดขึ้นมาไม่ได้ก็ให้ท่านประดิษฐานอยู่เสียซะตรงนี้  แล้วเราก็สร้างวัดครอบให้แก่ท่าน  ปัจจุบันจึงกลายเป็นวัดพระผุดที่มีพระพุทธที่ครึ่งองค์อยู่ใต้ดิน  ส่วนอีกครั้งองค์อยู่บนดินดังเช่นปัจจุบันนั่นเอง  (ตำนานอื่นๆจำไม่ได้จริง  เพราะว่ามีเยอะเว่อร์ๆๆๆๆๆๆ)
         หลังจากนั้นเวลาประมาณ  09.00  เราก็เดินทางไปเขารัง  เขารังจะเป็นเนินเข้าเตี้ยๆอยู่บริเวณกลางอำเภอเมืองภูเก็ต  เป็นชุดชมวิวเมืองภูเก็ตที่สวยงาม  นอกจากจะเห็นบ้านช่องครัวเรือนของชาวบ้านภูเก็ตแล้ว  ยังเห็นวิวทะเลอีกด้วยครับ  ตามภาพนี้

นอกจากนี้บนเขารังยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารชื่อดังตั้งอยุ่ด้วย  ชื่อร้านทุ่งค่ากาแฟครับ  แต่พอดีรอบนี้พวกผมขึ้นไปถึงตอน  09.30  ซึ่งร้านทุ่งคากาแฟจะเปิดตอน  11.00  ปิดประมาณ  22.00  พวกเราเลยไม่ได้เข้าไปถ่ายวิวจากในร้านครับ  แต่เนื่องจากผมไปภูเก็ตครั้งนี้เป็นครั้งที่  4  แล้ว  เลยมีรูปภาพของร้านทุ่งกาแฟเก่าๆเอามาให้ดูแทนกันครับ

(อันนี้ภาพเมื่อปี  2557)

(อันนี้ภาพเมื่อปี  2556)

(อันนี้ภาพปี  2555)
นอกจากนี้ร้านทุ่งคากาแฟยังเป็นที่นิยมของคนในการมานั่งกินข้าวมื้อเย็นและชมวิวเมืองภูเก็ตยามค่ำคืนอีกด้วย  แต่อยากจะบอกไว้ก่อนว่าตอนกลางคืนคนจะค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
       หลังจากที่ขึ้นชมวิวทิวทัศน์บนเขารังเสร็จ  พวกผมก็ลงมากินโลบะกนครับ  ร้านที่ได้รับคัดเลือกคือ "ร้านโลบะบางเหนียว"  ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณตีนทางขึ้นเขารังเลยครับ  อาหารทานเล่นที่ชื่อว่าโลบะนี้มีความเป็นมาคือ  เมื่อผมมาภูเก็ตครั้งแรกเพื่อนผมก็พามากินซึ่งปรากฏว่าอร่อยโคตรๆครับผม   เลยเป็นเหตุให้ในการมาภูเก็ตครั้งที่  2  ครั้งที่  3  และครั้งนี้ครั้งที่  4  ก็กลับมากินทุกปี  หน้าตาของโลบะเป็นแบบนี้ครับ

โลบะจะเป็นอาหารประมาณว่านำแทบทุกส่วนของหมูมาหมักด้วยเครื่องสูตรพิเศษของทางร้านแล้วนำมาทอด   จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษและกินแตงกวาเป็นเครื่องเคียง  รับรองเลยว่ารสชาติพอดีมากเลยครับ  รอนี้พวกผมจัดไป  2  จานใหญ่ๆ  หมดไป 500  บาทครับผม
       10.30  หลังจากทานโลบะเสร็จเรียบร้อยพวกผมก็เลือกที่จะเข้าที่พักกันก่อนแล้วค่อยออกมาเที่ยวใหม่ครับ  เพราะว่าขับรถมาแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน + น้ำก็ยังไม่ได้อาบเลยครับ  555555555555
       สำหรับใครที่อยากจะหาร้านอาหารกลางวันทานนั้น  ผมมีร้านแนะนำคือร้านวันจันทร์ครับ  อยู่ใกล้บริเวณๆถนนเมืองเก่าชิโนครับ  อาหารอร่อย  บรรยายกาศร้านการจัดร้านถือว่าเวิร์คมากครับ (อันนี้เอารูปปีก่อนมาให้ดูครับ)

       14.30  เราออกจากที่พักมาเที่ยวในเมืองกันอีกครั้ง  เป้าหมายต่อไปคือ  เมืองเก่าชิโนโปตุกิส  (โด่งดังมากจากภาพยนตร์เรื่อง  มอสามปีสี่)  





แต่บริเวณที่ยอดฮิตก็คือ  ซอยรมณีย์ ตามภาพนี้ครับ

       16.00  เราเดินทางไปกันต่อที่แหลมพรหมเทพ  สถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทยกันครับ


ภาพพระอาทิตย์ตกน้ำแบบนี้  ผมบอกเลยว่ากว่าผมจะได้ภาพนี้มา  ผมต้องมาแหลมพรหมเทพถึง  4  ครั้ง
   -ครั้งแรก  มาไม่ทันพอมาถึง  พระอาทิตย์ตกไปแล้ว
   -ครั้งที่สอง  พระอาทิตย์ตกใส่เมฆ
   -ครั้งที่สาม  ฝนตก  5555555
   -ครั้งที่สี่ครั้งนี้  ตกน้ำแล้วโว้ย  ฟินโคตรรรรรรรรรรรร
     หลังจากที่เที่ยวชมแหลมพรหมเทพแล้ว  พวกผมก็กลับที่พักครับ  ซึ่งพวกผมโชคดีหน่อยตรงที่  เพื่อนที่ร่วมทริปคนนึงมีบ้านอยู่ที่ภูเก็ตพอดีจึงทำให้เราประหยัดเงินค่าที่พักไปอีกสองคืน  ไม่งั้น  งบประมาณคงทะลุ  10,000  แน่ๆๆเลย //  เรื่องอาหารเย็นนั้นผมไม่ได้เสียเงินสักกะบาท  เหตุผลเพราะบ้านเพื่อนผมที่อยู่ภูเก็ตเลี้ยงครับผม  อิอิ
     นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายที่เช่น  วัดฉลอง  พระใหญ่เขานาคเกิด  หาดกะรน  หาดกะตะ  หาดป่าตอง  หาดกมลา  หาดในยาง  หาดราไวย์  ภูเก็ตแฟนตาซี  เขื่อนคลองบางวาด ฯลฯ
     วันแรกก็จบแค่นี้ครับ    เดี๋ยวมาเล่าต่อ........................................
ชื่อสินค้า:   เที่ยวภาคใต้
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่