เที่ยวภูเก็ต เกาะตาชัย เกาะห้อง และเขื่อนเชี่ยวหลาน (วันที่ 1 - 5 พฤษภาคม 2558) ใช้งบประมาณ 7,950 บาท
(พอดีผมเคยตั้งกระทู้นี้มาแล้วรอบนึงแล้วครับแต่พอดีผมแท็กห้องไม่ครบครับ เลยขออนุญาตขอตั้งกระทู้ใหม่ กราบขอโทษด้วยครับบบ)
ทริปนี้เรามีสมาชิกร่วมทริปจำนวน 6 คน รวมผมด้วย เราเลือกที่จะขับรถไปเอง เพราะว่าน่าจะสะดวกมากกว่าเมื่อเทียบกับเวลาที่เรามีอยู่เพียง 5 วัน เรามาลุยกันเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
วันที่ 30 เมษายน 2558
พวกผมเลือกออกเดินทางไปยังจังหวัดภูเก็ตในเย็นวันที่ 30 เมษายน 2558 โดยกะว่าจะไปให้ถึงสะพานสารสิน(สะพานข้ามจากจังหวัดพังงาไปยังจังหวัดภูเก็ต)ให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ทั้งนี้เพราะว่า ผมเคยเที่ยวตรงสะพานสารสินมาแล้วก่อนหน้านี้ 3 ครั้ง ซึ่ง 3 ครั้งนั้น เป็นการไปเที่ยวตอนเวลาประมาณ 12.00 ซึ่งอากาศร้อนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ก็สวยงามไปอีกแบบ จากประสบการณ์ในการไปเที่ยวสะพานสารสินมาจำนวน 3 ครั้ง พวกผมจึงมีความคิดว่า "ถ้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานสารสินก็คงสวยไม่แพ้กัน"
19.30 น. ---- เราออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครเพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดภูเก็ต โดยเลือกใช้ถนนเส้นพระราม 2 แล้วตัดเข้าถนนเพชรเกษมตรงอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี แล้วมุ่งหมายสู่ภาคใต้ไปเรื่อยๆ ต่อมาเมื่อถึงจังหวัดชุมพร ก้จะมีทางแยกออกเป็นสองทาง คือ ทางที่ไปจังหวัดระนอง กับทางที่ไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี เราเลือกที่จะเดินทางไปทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพราะใกล้กว่า ความจริงแล้วทางไประนองก็สามารถใช้เดินทางไปภูเก็ตได้ แต่ว่าจะอ้อมมากกกกกกกกกกก เน้นว่าอ้อมมากกกกกกกกกกกกกก เพราะว่าทางเส้นนั้นเป็นถนนที่สร้างแบบสไตล์โบราณที่เน้นตัดถนนเส้นเดียวแต่ผ่านอำเภอหลายแห่ง ผ่านจังหวัดหลายจังหวัด(หากจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนเส้นพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 ครับ ลองสังเกตดูว่า ช่วงสระบุรีไปลพบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ จะเลาะไปเลาะมา อะไรทำนองนั้น หรือทางหลวงหมายเลข 3 ช่วงสมุทรปราการไปฉะเชิงเทราก็ทำนองเดียวกัน) พอเดินทางใกล้ๆถึงทางแยกไปอำเภอสุราษฎร์ก็จะมีทางแยกเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางสาย 401 ไปพังงา ภูเก็ต ซึ่งมีป้ายบอกอย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีที่ถนนสาย 415 หลังจากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรเกษม(ทางหลวงหมายเลข 4) มุ่งตรงสู่จังหวัดพังงา ขับรถเลยเมืองพังงาไปอีกพอสมควร ก็จะมีทางแยกให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 402 มุ่งหน้าสู่เส้นทางข้ามไปยังเกาพภูเก็ตครับ
วันที่ 1 พฤษภาคม 2558
06.00 เราเดินทางมาถึงสะพานสารสินตามที่ตั้งเป้าหมายเราไว้ ตอนนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เราก็ตั้งกล้องรอ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ภาพมาแบบนี้ครับ
หลังจากที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นพอสมควรแล้ว เนื่องจากเรายังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟันกันเลย คือแบบปากเหม็นมากกกกกกกกกกกกก พวกเราเลยหาปั๊มแวะเพื่อล้างหน้าแปรงฟันแป๊ปปปปปป ซึ่งหลังจากที่ขับรถเข้ามาในตัวเมืองภูเก็ตนั้นจะมีปั๊ม ปตท. อยู่หนึ่งปั๊มก่อนถึงอำเภอถลาง เราก็เลือกปั๊มนี้เป็นจุดล้างหน้าแปรงฟันกันครับ หลังจากนั้นเราก็ไปหาข้าวเช้ากินครับ พวกเราเลือกแวะกินบะหมี่ฮกเกี๊ยนกันครับ ร้านนี้จะตั้งอยู่ตรงใกล้ๆบริเวณวงเวียนท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร แต่จะอยู่ฝั่งถนนฝั่งขาออกไปทางจังหวัดพังงา(อธิบายง่ายๆ คือ หลังจากที่เราข้ามสะพานสารสินตรงเข้ามาแล้ว พอถึงวงเวียนตรงอนุสาวรีย์ เราก็วกรถกลับมาทางที่พังงา หลังจากที่วกรถกลับมาแล้วให้ชิดซ้ายเอาไว้ ร้านจะอยู่ด้านซ้ายริมถนนเลยครับ)
บะหมี่ฮกเกี๊ยนหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
มื้อนี้หมดผมหมดไป 50 บาทครับผม
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางไปเที่ยววัดพระนางสร้างกันครับ(พระพุทธรูปแปลกตาดีครับ)
ต่อมาก็เป็นวัดพระผุดครับ
พระผุดนี้เคยลงในหนังสือ Unseen in thailand ด้วยครับ ซึ่งพระผุดนี้จะเป็นพระพุทธรูปที่จะปรากฏขึ้นอยู่เพียงครึ่งองค์เท่านั้น ส่วนอีกครึ่งองค์จะประดิษฐานอยู่ใต้ดิน ตำนานเกี่ยวกับพระผุดนั้นมีอยุ่หลายตำนานด้วยกัน แต่ตำนานที่ผมจำได้มีอยู่แค่ตำนานเดียว 555555555555555555 คือ เขาว่ากันว่า(เขาที่ว่านี้ ผมก็ไม่รู้ว่าคือใครเหมือนกัน) มีพ่อค้าสินค้าเดินเรือสำเภาผ่านมาแถวๆจังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน(ขณะนั้นภูเก็ตยังไม่เป็นเกาะ ยังคงเป็นน้ำทะเลอยู่)ซึ่งพ่อค้าคนดังกล่าวได้นำพระพุทธรูปติดเรือมาด้วย ต่อมาเมื่อเดินถึงแถวจังหวัดภูเก็ตก็เกิดพายุฝนหนักจนเรือแตก พระพุทธรูปก็จมลงในใต้ทะเล ต่อมาเมื่อแผ่นดินเกิดการยกตัวขึ้นกลายเป็นเกาะภูเก็ตก็มีชายคนหนึ่งคนมาแถวๆวัดพระผุดในปัจจุบันและพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ชายคนนั้นก็ได้พยายามที่จะขุดพระพุทธรูปนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่สำเร็จ อีกทั้งชายคนดังกล่าวก็เจ็บป่วยเป็นการหนัก ต่อมาก็มีชาวบ้านหลายคนที่พยายามจะขุดพระพุทธรูปนั้นขึ้นมาจากดิน แต่ชาวบ้านเหล้านั้นก็กลับเกิดอาการเจ็บป่วยเช่นเดียวกับชายคนแรก ชาวบ้านจึงเปลี่ยนความคิดว่า ถ้าขุดขึ้นมาไม่ได้ก็ให้ท่านประดิษฐานอยู่เสียซะตรงนี้ แล้วเราก็สร้างวัดครอบให้แก่ท่าน ปัจจุบันจึงกลายเป็นวัดพระผุดที่มีพระพุทธที่ครึ่งองค์อยู่ใต้ดิน ส่วนอีกครั้งองค์อยู่บนดินดังเช่นปัจจุบันนั่นเอง (ตำนานอื่นๆจำไม่ได้จริง เพราะว่ามีเยอะเว่อร์ๆๆๆๆๆๆ)
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 09.00 เราก็เดินทางไปเขารัง เขารังจะเป็นเนินเข้าเตี้ยๆอยู่บริเวณกลางอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นชุดชมวิวเมืองภูเก็ตที่สวยงาม นอกจากจะเห็นบ้านช่องครัวเรือนของชาวบ้านภูเก็ตแล้ว ยังเห็นวิวทะเลอีกด้วยครับ ตามภาพนี้
นอกจากนี้บนเขารังยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารชื่อดังตั้งอยุ่ด้วย ชื่อร้านทุ่งค่ากาแฟครับ แต่พอดีรอบนี้พวกผมขึ้นไปถึงตอน 09.30 ซึ่งร้านทุ่งคากาแฟจะเปิดตอน 11.00 ปิดประมาณ 22.00 พวกเราเลยไม่ได้เข้าไปถ่ายวิวจากในร้านครับ แต่เนื่องจากผมไปภูเก็ตครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว เลยมีรูปภาพของร้านทุ่งกาแฟเก่าๆเอามาให้ดูแทนกันครับ
(อันนี้ภาพเมื่อปี 2557)
(อันนี้ภาพเมื่อปี 2556)
(อันนี้ภาพปี 2555)
นอกจากนี้ร้านทุ่งคากาแฟยังเป็นที่นิยมของคนในการมานั่งกินข้าวมื้อเย็นและชมวิวเมืองภูเก็ตยามค่ำคืนอีกด้วย แต่อยากจะบอกไว้ก่อนว่าตอนกลางคืนคนจะค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
หลังจากที่ขึ้นชมวิวทิวทัศน์บนเขารังเสร็จ พวกผมก็ลงมากินโลบะกนครับ ร้านที่ได้รับคัดเลือกคือ "ร้านโลบะบางเหนียว" ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณตีนทางขึ้นเขารังเลยครับ อาหารทานเล่นที่ชื่อว่าโลบะนี้มีความเป็นมาคือ เมื่อผมมาภูเก็ตครั้งแรกเพื่อนผมก็พามากินซึ่งปรากฏว่าอร่อยโคตรๆครับผม เลยเป็นเหตุให้ในการมาภูเก็ตครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 และครั้งนี้ครั้งที่ 4 ก็กลับมากินทุกปี หน้าตาของโลบะเป็นแบบนี้ครับ
โลบะจะเป็นอาหารประมาณว่านำแทบทุกส่วนของหมูมาหมักด้วยเครื่องสูตรพิเศษของทางร้านแล้วนำมาทอด จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษและกินแตงกวาเป็นเครื่องเคียง รับรองเลยว่ารสชาติพอดีมากเลยครับ รอนี้พวกผมจัดไป 2 จานใหญ่ๆ หมดไป 500 บาทครับผม
10.30 หลังจากทานโลบะเสร็จเรียบร้อยพวกผมก็เลือกที่จะเข้าที่พักกันก่อนแล้วค่อยออกมาเที่ยวใหม่ครับ เพราะว่าขับรถมาแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน + น้ำก็ยังไม่ได้อาบเลยครับ 555555555555
สำหรับใครที่อยากจะหาร้านอาหารกลางวันทานนั้น ผมมีร้านแนะนำคือร้านวันจันทร์ครับ อยู่ใกล้บริเวณๆถนนเมืองเก่าชิโนครับ อาหารอร่อย บรรยายกาศร้านการจัดร้านถือว่าเวิร์คมากครับ (อันนี้เอารูปปีก่อนมาให้ดูครับ)
14.30 เราออกจากที่พักมาเที่ยวในเมืองกันอีกครั้ง เป้าหมายต่อไปคือ เมืองเก่าชิโนโปตุกิส (โด่งดังมากจากภาพยนตร์เรื่อง มอสามปีสี่)
แต่บริเวณที่ยอดฮิตก็คือ ซอยรมณีย์ ตามภาพนี้ครับ
16.00 เราเดินทางไปกันต่อที่แหลมพรหมเทพ สถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทยกันครับ
ภาพพระอาทิตย์ตกน้ำแบบนี้ ผมบอกเลยว่ากว่าผมจะได้ภาพนี้มา ผมต้องมาแหลมพรหมเทพถึง 4 ครั้ง
-ครั้งแรก มาไม่ทันพอมาถึง พระอาทิตย์ตกไปแล้ว
-ครั้งที่สอง พระอาทิตย์ตกใส่เมฆ
-ครั้งที่สาม ฝนตก 5555555
-ครั้งที่สี่ครั้งนี้ ตกน้ำแล้วโว้ย ฟินโคตรรรรรรรรรรรร
หลังจากที่เที่ยวชมแหลมพรหมเทพแล้ว พวกผมก็กลับที่พักครับ ซึ่งพวกผมโชคดีหน่อยตรงที่ เพื่อนที่ร่วมทริปคนนึงมีบ้านอยู่ที่ภูเก็ตพอดีจึงทำให้เราประหยัดเงินค่าที่พักไปอีกสองคืน ไม่งั้น งบประมาณคงทะลุ 10,000 แน่ๆๆเลย // เรื่องอาหารเย็นนั้นผมไม่ได้เสียเงินสักกะบาท เหตุผลเพราะบ้านเพื่อนผมที่อยู่ภูเก็ตเลี้ยงครับผม อิอิ
นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายที่เช่น วัดฉลอง พระใหญ่เขานาคเกิด หาดกะรน หาดกะตะ หาดป่าตอง หาดกมลา หาดในยาง หาดราไวย์ ภูเก็ตแฟนตาซี เขื่อนคลองบางวาด ฯลฯ
วันแรกก็จบแค่นี้ครับ เดี๋ยวมาเล่าต่อ........................................
[CR] เที่ยวภูเก็ต เกาะตาชัย เกาะห้อง เขื่อนเชี่ยวหลานแบบใช้ร่างกายเปลือง อิอิ
(พอดีผมเคยตั้งกระทู้นี้มาแล้วรอบนึงแล้วครับแต่พอดีผมแท็กห้องไม่ครบครับ เลยขออนุญาตขอตั้งกระทู้ใหม่ กราบขอโทษด้วยครับบบ)
ทริปนี้เรามีสมาชิกร่วมทริปจำนวน 6 คน รวมผมด้วย เราเลือกที่จะขับรถไปเอง เพราะว่าน่าจะสะดวกมากกว่าเมื่อเทียบกับเวลาที่เรามีอยู่เพียง 5 วัน เรามาลุยกันเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
วันที่ 30 เมษายน 2558
พวกผมเลือกออกเดินทางไปยังจังหวัดภูเก็ตในเย็นวันที่ 30 เมษายน 2558 โดยกะว่าจะไปให้ถึงสะพานสารสิน(สะพานข้ามจากจังหวัดพังงาไปยังจังหวัดภูเก็ต)ให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ทั้งนี้เพราะว่า ผมเคยเที่ยวตรงสะพานสารสินมาแล้วก่อนหน้านี้ 3 ครั้ง ซึ่ง 3 ครั้งนั้น เป็นการไปเที่ยวตอนเวลาประมาณ 12.00 ซึ่งอากาศร้อนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ก็สวยงามไปอีกแบบ จากประสบการณ์ในการไปเที่ยวสะพานสารสินมาจำนวน 3 ครั้ง พวกผมจึงมีความคิดว่า "ถ้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานสารสินก็คงสวยไม่แพ้กัน"
19.30 น. ---- เราออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครเพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดภูเก็ต โดยเลือกใช้ถนนเส้นพระราม 2 แล้วตัดเข้าถนนเพชรเกษมตรงอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี แล้วมุ่งหมายสู่ภาคใต้ไปเรื่อยๆ ต่อมาเมื่อถึงจังหวัดชุมพร ก้จะมีทางแยกออกเป็นสองทาง คือ ทางที่ไปจังหวัดระนอง กับทางที่ไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี เราเลือกที่จะเดินทางไปทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพราะใกล้กว่า ความจริงแล้วทางไประนองก็สามารถใช้เดินทางไปภูเก็ตได้ แต่ว่าจะอ้อมมากกกกกกกกกกก เน้นว่าอ้อมมากกกกกกกกกกกกกก เพราะว่าทางเส้นนั้นเป็นถนนที่สร้างแบบสไตล์โบราณที่เน้นตัดถนนเส้นเดียวแต่ผ่านอำเภอหลายแห่ง ผ่านจังหวัดหลายจังหวัด(หากจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนเส้นพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 ครับ ลองสังเกตดูว่า ช่วงสระบุรีไปลพบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ จะเลาะไปเลาะมา อะไรทำนองนั้น หรือทางหลวงหมายเลข 3 ช่วงสมุทรปราการไปฉะเชิงเทราก็ทำนองเดียวกัน) พอเดินทางใกล้ๆถึงทางแยกไปอำเภอสุราษฎร์ก็จะมีทางแยกเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางสาย 401 ไปพังงา ภูเก็ต ซึ่งมีป้ายบอกอย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีที่ถนนสาย 415 หลังจากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรเกษม(ทางหลวงหมายเลข 4) มุ่งตรงสู่จังหวัดพังงา ขับรถเลยเมืองพังงาไปอีกพอสมควร ก็จะมีทางแยกให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 402 มุ่งหน้าสู่เส้นทางข้ามไปยังเกาพภูเก็ตครับ
วันที่ 1 พฤษภาคม 2558
06.00 เราเดินทางมาถึงสะพานสารสินตามที่ตั้งเป้าหมายเราไว้ ตอนนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เราก็ตั้งกล้องรอ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ภาพมาแบบนี้ครับ
หลังจากที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นพอสมควรแล้ว เนื่องจากเรายังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟันกันเลย คือแบบปากเหม็นมากกกกกกกกกกกกก พวกเราเลยหาปั๊มแวะเพื่อล้างหน้าแปรงฟันแป๊ปปปปปป ซึ่งหลังจากที่ขับรถเข้ามาในตัวเมืองภูเก็ตนั้นจะมีปั๊ม ปตท. อยู่หนึ่งปั๊มก่อนถึงอำเภอถลาง เราก็เลือกปั๊มนี้เป็นจุดล้างหน้าแปรงฟันกันครับ หลังจากนั้นเราก็ไปหาข้าวเช้ากินครับ พวกเราเลือกแวะกินบะหมี่ฮกเกี๊ยนกันครับ ร้านนี้จะตั้งอยู่ตรงใกล้ๆบริเวณวงเวียนท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร แต่จะอยู่ฝั่งถนนฝั่งขาออกไปทางจังหวัดพังงา(อธิบายง่ายๆ คือ หลังจากที่เราข้ามสะพานสารสินตรงเข้ามาแล้ว พอถึงวงเวียนตรงอนุสาวรีย์ เราก็วกรถกลับมาทางที่พังงา หลังจากที่วกรถกลับมาแล้วให้ชิดซ้ายเอาไว้ ร้านจะอยู่ด้านซ้ายริมถนนเลยครับ)
บะหมี่ฮกเกี๊ยนหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
มื้อนี้หมดผมหมดไป 50 บาทครับผม
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางไปเที่ยววัดพระนางสร้างกันครับ(พระพุทธรูปแปลกตาดีครับ)
ต่อมาก็เป็นวัดพระผุดครับ
พระผุดนี้เคยลงในหนังสือ Unseen in thailand ด้วยครับ ซึ่งพระผุดนี้จะเป็นพระพุทธรูปที่จะปรากฏขึ้นอยู่เพียงครึ่งองค์เท่านั้น ส่วนอีกครึ่งองค์จะประดิษฐานอยู่ใต้ดิน ตำนานเกี่ยวกับพระผุดนั้นมีอยุ่หลายตำนานด้วยกัน แต่ตำนานที่ผมจำได้มีอยู่แค่ตำนานเดียว 555555555555555555 คือ เขาว่ากันว่า(เขาที่ว่านี้ ผมก็ไม่รู้ว่าคือใครเหมือนกัน) มีพ่อค้าสินค้าเดินเรือสำเภาผ่านมาแถวๆจังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน(ขณะนั้นภูเก็ตยังไม่เป็นเกาะ ยังคงเป็นน้ำทะเลอยู่)ซึ่งพ่อค้าคนดังกล่าวได้นำพระพุทธรูปติดเรือมาด้วย ต่อมาเมื่อเดินถึงแถวจังหวัดภูเก็ตก็เกิดพายุฝนหนักจนเรือแตก พระพุทธรูปก็จมลงในใต้ทะเล ต่อมาเมื่อแผ่นดินเกิดการยกตัวขึ้นกลายเป็นเกาะภูเก็ตก็มีชายคนหนึ่งคนมาแถวๆวัดพระผุดในปัจจุบันและพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ชายคนนั้นก็ได้พยายามที่จะขุดพระพุทธรูปนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่สำเร็จ อีกทั้งชายคนดังกล่าวก็เจ็บป่วยเป็นการหนัก ต่อมาก็มีชาวบ้านหลายคนที่พยายามจะขุดพระพุทธรูปนั้นขึ้นมาจากดิน แต่ชาวบ้านเหล้านั้นก็กลับเกิดอาการเจ็บป่วยเช่นเดียวกับชายคนแรก ชาวบ้านจึงเปลี่ยนความคิดว่า ถ้าขุดขึ้นมาไม่ได้ก็ให้ท่านประดิษฐานอยู่เสียซะตรงนี้ แล้วเราก็สร้างวัดครอบให้แก่ท่าน ปัจจุบันจึงกลายเป็นวัดพระผุดที่มีพระพุทธที่ครึ่งองค์อยู่ใต้ดิน ส่วนอีกครั้งองค์อยู่บนดินดังเช่นปัจจุบันนั่นเอง (ตำนานอื่นๆจำไม่ได้จริง เพราะว่ามีเยอะเว่อร์ๆๆๆๆๆๆ)
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 09.00 เราก็เดินทางไปเขารัง เขารังจะเป็นเนินเข้าเตี้ยๆอยู่บริเวณกลางอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นชุดชมวิวเมืองภูเก็ตที่สวยงาม นอกจากจะเห็นบ้านช่องครัวเรือนของชาวบ้านภูเก็ตแล้ว ยังเห็นวิวทะเลอีกด้วยครับ ตามภาพนี้
นอกจากนี้บนเขารังยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารชื่อดังตั้งอยุ่ด้วย ชื่อร้านทุ่งค่ากาแฟครับ แต่พอดีรอบนี้พวกผมขึ้นไปถึงตอน 09.30 ซึ่งร้านทุ่งคากาแฟจะเปิดตอน 11.00 ปิดประมาณ 22.00 พวกเราเลยไม่ได้เข้าไปถ่ายวิวจากในร้านครับ แต่เนื่องจากผมไปภูเก็ตครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว เลยมีรูปภาพของร้านทุ่งกาแฟเก่าๆเอามาให้ดูแทนกันครับ
(อันนี้ภาพเมื่อปี 2557)
(อันนี้ภาพเมื่อปี 2556)
(อันนี้ภาพปี 2555)
นอกจากนี้ร้านทุ่งคากาแฟยังเป็นที่นิยมของคนในการมานั่งกินข้าวมื้อเย็นและชมวิวเมืองภูเก็ตยามค่ำคืนอีกด้วย แต่อยากจะบอกไว้ก่อนว่าตอนกลางคืนคนจะค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
หลังจากที่ขึ้นชมวิวทิวทัศน์บนเขารังเสร็จ พวกผมก็ลงมากินโลบะกนครับ ร้านที่ได้รับคัดเลือกคือ "ร้านโลบะบางเหนียว" ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณตีนทางขึ้นเขารังเลยครับ อาหารทานเล่นที่ชื่อว่าโลบะนี้มีความเป็นมาคือ เมื่อผมมาภูเก็ตครั้งแรกเพื่อนผมก็พามากินซึ่งปรากฏว่าอร่อยโคตรๆครับผม เลยเป็นเหตุให้ในการมาภูเก็ตครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 และครั้งนี้ครั้งที่ 4 ก็กลับมากินทุกปี หน้าตาของโลบะเป็นแบบนี้ครับ
โลบะจะเป็นอาหารประมาณว่านำแทบทุกส่วนของหมูมาหมักด้วยเครื่องสูตรพิเศษของทางร้านแล้วนำมาทอด จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษและกินแตงกวาเป็นเครื่องเคียง รับรองเลยว่ารสชาติพอดีมากเลยครับ รอนี้พวกผมจัดไป 2 จานใหญ่ๆ หมดไป 500 บาทครับผม
10.30 หลังจากทานโลบะเสร็จเรียบร้อยพวกผมก็เลือกที่จะเข้าที่พักกันก่อนแล้วค่อยออกมาเที่ยวใหม่ครับ เพราะว่าขับรถมาแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน + น้ำก็ยังไม่ได้อาบเลยครับ 555555555555
สำหรับใครที่อยากจะหาร้านอาหารกลางวันทานนั้น ผมมีร้านแนะนำคือร้านวันจันทร์ครับ อยู่ใกล้บริเวณๆถนนเมืองเก่าชิโนครับ อาหารอร่อย บรรยายกาศร้านการจัดร้านถือว่าเวิร์คมากครับ (อันนี้เอารูปปีก่อนมาให้ดูครับ)
14.30 เราออกจากที่พักมาเที่ยวในเมืองกันอีกครั้ง เป้าหมายต่อไปคือ เมืองเก่าชิโนโปตุกิส (โด่งดังมากจากภาพยนตร์เรื่อง มอสามปีสี่)
แต่บริเวณที่ยอดฮิตก็คือ ซอยรมณีย์ ตามภาพนี้ครับ
16.00 เราเดินทางไปกันต่อที่แหลมพรหมเทพ สถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทยกันครับ
ภาพพระอาทิตย์ตกน้ำแบบนี้ ผมบอกเลยว่ากว่าผมจะได้ภาพนี้มา ผมต้องมาแหลมพรหมเทพถึง 4 ครั้ง
-ครั้งแรก มาไม่ทันพอมาถึง พระอาทิตย์ตกไปแล้ว
-ครั้งที่สอง พระอาทิตย์ตกใส่เมฆ
-ครั้งที่สาม ฝนตก 5555555
-ครั้งที่สี่ครั้งนี้ ตกน้ำแล้วโว้ย ฟินโคตรรรรรรรรรรรร
หลังจากที่เที่ยวชมแหลมพรหมเทพแล้ว พวกผมก็กลับที่พักครับ ซึ่งพวกผมโชคดีหน่อยตรงที่ เพื่อนที่ร่วมทริปคนนึงมีบ้านอยู่ที่ภูเก็ตพอดีจึงทำให้เราประหยัดเงินค่าที่พักไปอีกสองคืน ไม่งั้น งบประมาณคงทะลุ 10,000 แน่ๆๆเลย // เรื่องอาหารเย็นนั้นผมไม่ได้เสียเงินสักกะบาท เหตุผลเพราะบ้านเพื่อนผมที่อยู่ภูเก็ตเลี้ยงครับผม อิอิ
นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายที่เช่น วัดฉลอง พระใหญ่เขานาคเกิด หาดกะรน หาดกะตะ หาดป่าตอง หาดกมลา หาดในยาง หาดราไวย์ ภูเก็ตแฟนตาซี เขื่อนคลองบางวาด ฯลฯ
วันแรกก็จบแค่นี้ครับ เดี๋ยวมาเล่าต่อ........................................