สรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ Apple Watch ที่มักเจอคนไม่รู้แล้วพูดไป
1) นาฬิกาถ่านเดี๋ยวแบตก็เสื่อม เปลี่ยนก็แพง
แบตเตอรี่ของ Apple Watch มีอายุประมาณ3ปี หรือชาร์ตได้ประมาณ 1,000 ครั้ง ซึ่งมากกว่า iPhone สองเท่า ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่อยู่ที่ $79 หรือ ประมาณ 2,600บาท ถ้าเทียบแล้วก็ไม่ได้จัดว่าแพงไปสำหรับการเปลี่ยนนาฬิกาหนึ่งครั้ง (ยิ่งถ้า Edition ถือว่าถูกมาก)
2) แบตเตอรี่อยู่ได้ไม่ถึงวัน
แบตฯของ Apple Watch มีการทดสอบ ใช้งานจากผู้ใช้หลายคนยืนยันแล้วว่า หากใช้งานทั่วไปตลอดวัน ประมาณ 18ชั่วโมง แบตฯจะเหลือประมาณ 20% เรียกได้ว่าเพียงพอสำหรับการใช้งาน กรณีที่แบตจะหมดนาฬิกาจะเข้าโหมด Power reserve ใช้ดูเวลาได้อีกสองวัน
3) กันน้ำ
Apple Watch มีการป้องกันน้ำแบบ IPX7 แต่จากการทดสอบมีคนนำไปดำน้ำในสระก็ยังใช้งานได้ปกติ ตัวผมเองทดสอบใส่อาบน้ำก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และหากมีประกันแบบ Applecare+ แม้ตกแตกก็สามารถส่งซ่อมได้ ราคาค่าซ่อมก็ไม่แพงประมาณสามพันบาท สูงสุดสองครั้งในสองปี (Applecare+ ราคาสองพันกว่าบาท)
4) ตกรุ่น ไม่มีราคาในอนาคต
ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันแต่อย่างใดว่า Apple Watch จะมี Product life cycle เหมือน iPhone ที่ออกปีละครั้ง แต่จากที่ดูน่าจะยาวนานกว่านั้น เผลอๆอาจจะสองปีครั้ง ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่แน่นอนเพราะเอาแค่กลุ่ม 9ประเทศแรกก็ขายกันไม่ทันแล้ว ผมคิดเองนะว่าราคาขายต่อน่าจะร่วงประมาณ30%ในปีแรกไม่ต่างกับ iPhone แต่ยาวๆไม่แน่นอน ขึ้นกับว่านาฬิกาแอปเปิ้ลรุ่นใหม่จะราคาเท่าไร หากเล่นกลยุทธ์ราคาแบบนาฬิกาสวิสฯบางแบรนด์ดังที่ขึ้นราคากันปีละ 5%-10% นี่ ราคาของ Apple Watch ก็ตกไม่น่าเยอะหรอกครับ (ยิ่งใครมี applecare+ ตกแตกได้เรือนใหม่มา LNIB นี่สบายเลย ตรงนี้ผมมองเป็นจุดแข็งของ Apple Watch ที่นาฬิกาจักรกลทำไม่ได้ ผมเพิ่งเจอส่งนาฬิกาสวิสฯไปซ่อมทีสองเดือน เพลียมากดีนะมีประกัน ค่าซ่อมนี่ได้ Oris เรือนหรูสบายๆ)
5) ออกมาฆ่านาฬิกาสวิสฯ
จากที่เห็นคงเรียกว่าออกมาฆ่าคงไม่ได้ แต่กระทบกับกลุ่มตลาดกลุ่มนึงแน่นอน จากที่ใช้งาน Apple Watch สักระยะ เข้าใจว่าทำไมมันต้องชื่อ Apple Watch (แทนที่จะเป็น iWatch) เพราะมันคือนาฬิกา,เครื่องประดับ บอกเวลาเหมือนที่ขายกันตามห้าง แต่แปะยี่ห้อ Apple เท่านั้นเอง และมีข้อดีความสามารถในการเชื่อมต่อกับ iPhone (บังคับ) เพื่อเตือนสิ่งต่างๆให้ชีวิตสะดวกขึ้น นอกจากที่บังคับให้เปิดเครื่องครั้งแรกด้วย iPhone จากนั้นมันคือนาฬิกาดีๆไม่ต้องมี iPhone ก็อยู่ได้ ตัวผมเองรู้สึกว่าApple Watch เป็นนาฬิกาที่ดีมากไม่แพงสำหรับราคาสองหมื่นกว่าบาทเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
6) หน้าตานาฬิกาแสนเชย
ตรงนี้แล้วแต่มุมมอง ส่วนผมเองรู้สึกกลับกัน Apple Watch ใส่ใจในหน้าตาของนาฬิกาแต่ละเรือนมาก มีการดีไซน์แต่ละหน้าให้เลือกใช้ได้เหมาะสมและลงตัว บางฟังก์ชันหากเป็นนาฬิกาจักรกลนี่ราคาหลายแสนบางเรือนหลายล้าน (เช่นบอกดวงดาว หรือการจับเวลาแบบหลายเข็ม) ทำการบ้านมาดีในการทำเรือนเวลา ดีกว่าให้ลูกค้าไปลอกเอานาฬิกายี่ห้ออื่นมาแปะใส่ตรงนี้ความเห็นผมประทับใจมาก
เรื่องความเที่ยงตรงนี่โดนใจ เพราะว่าถึงจะเป็นนาฬิกา Quartz ก้อไม่สามารถทำให้ทุกเรือนเดินตรงเหมือนกันได้ต้องตั้งใจเซ็ตกันพอสมควร เอาง่ายๆ G-Shock สองเรือนตั้งให้วินาทีตรงกันก็ไม่ง่าย Apple Watch เชื่อมกับ server ทุกเรือนตรงกันเป้ะๆ (นาฬิกาจักรกลอย่าง Rolex เดินเพี้ยนวันละ 5วินี่ปกติมากๆ)
7) รุ่น Stainless เป็นรอยง่าย
อันนี้ ยืนยันครับ !! ใส่แบบไม่ระวังมากขนแมวเพียบครับ ใครรักและถนอมมากเล่นรุ่น sport ดีกว่า
หากใครคิดไม่ออกจะเป็นรอยแบบไหน ผมยกตัวอย่าง ข้อกลางของ Rolex Daytona หรือ PP Nautilus ครับ ที่เค้าแซวกันลมพัดขนแมวก็มาแล้ว ประมาณนั้นเลยครับ ผมเองใส่ทั่วไปเหมือนนาฬิกาที่ใช้งานประจำพบว่าแค่สัปดาห์กว่าก้อมีขนแมวบ้างแล้ว งานนี้ร้านรับปัดขนแมวได้เงินแน่เลย หรือใครจะไปหาเคสมาใส่ก็แล้วแต่นะครับ ส่วนตัวผมมองว่ามันคือนาฬิกามากกว่า
ที่มา Fanpage Apple Watch Thailand
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ Apple Watch ที่มักเจอคนไม่รู้แล้วพูดไป
1) นาฬิกาถ่านเดี๋ยวแบตก็เสื่อม เปลี่ยนก็แพง
แบตเตอรี่ของ Apple Watch มีอายุประมาณ3ปี หรือชาร์ตได้ประมาณ 1,000 ครั้ง ซึ่งมากกว่า iPhone สองเท่า ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่อยู่ที่ $79 หรือ ประมาณ 2,600บาท ถ้าเทียบแล้วก็ไม่ได้จัดว่าแพงไปสำหรับการเปลี่ยนนาฬิกาหนึ่งครั้ง (ยิ่งถ้า Edition ถือว่าถูกมาก)
2) แบตเตอรี่อยู่ได้ไม่ถึงวัน
แบตฯของ Apple Watch มีการทดสอบ ใช้งานจากผู้ใช้หลายคนยืนยันแล้วว่า หากใช้งานทั่วไปตลอดวัน ประมาณ 18ชั่วโมง แบตฯจะเหลือประมาณ 20% เรียกได้ว่าเพียงพอสำหรับการใช้งาน กรณีที่แบตจะหมดนาฬิกาจะเข้าโหมด Power reserve ใช้ดูเวลาได้อีกสองวัน
3) กันน้ำ
Apple Watch มีการป้องกันน้ำแบบ IPX7 แต่จากการทดสอบมีคนนำไปดำน้ำในสระก็ยังใช้งานได้ปกติ ตัวผมเองทดสอบใส่อาบน้ำก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และหากมีประกันแบบ Applecare+ แม้ตกแตกก็สามารถส่งซ่อมได้ ราคาค่าซ่อมก็ไม่แพงประมาณสามพันบาท สูงสุดสองครั้งในสองปี (Applecare+ ราคาสองพันกว่าบาท)
4) ตกรุ่น ไม่มีราคาในอนาคต
ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันแต่อย่างใดว่า Apple Watch จะมี Product life cycle เหมือน iPhone ที่ออกปีละครั้ง แต่จากที่ดูน่าจะยาวนานกว่านั้น เผลอๆอาจจะสองปีครั้ง ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่แน่นอนเพราะเอาแค่กลุ่ม 9ประเทศแรกก็ขายกันไม่ทันแล้ว ผมคิดเองนะว่าราคาขายต่อน่าจะร่วงประมาณ30%ในปีแรกไม่ต่างกับ iPhone แต่ยาวๆไม่แน่นอน ขึ้นกับว่านาฬิกาแอปเปิ้ลรุ่นใหม่จะราคาเท่าไร หากเล่นกลยุทธ์ราคาแบบนาฬิกาสวิสฯบางแบรนด์ดังที่ขึ้นราคากันปีละ 5%-10% นี่ ราคาของ Apple Watch ก็ตกไม่น่าเยอะหรอกครับ (ยิ่งใครมี applecare+ ตกแตกได้เรือนใหม่มา LNIB นี่สบายเลย ตรงนี้ผมมองเป็นจุดแข็งของ Apple Watch ที่นาฬิกาจักรกลทำไม่ได้ ผมเพิ่งเจอส่งนาฬิกาสวิสฯไปซ่อมทีสองเดือน เพลียมากดีนะมีประกัน ค่าซ่อมนี่ได้ Oris เรือนหรูสบายๆ)
5) ออกมาฆ่านาฬิกาสวิสฯ
จากที่เห็นคงเรียกว่าออกมาฆ่าคงไม่ได้ แต่กระทบกับกลุ่มตลาดกลุ่มนึงแน่นอน จากที่ใช้งาน Apple Watch สักระยะ เข้าใจว่าทำไมมันต้องชื่อ Apple Watch (แทนที่จะเป็น iWatch) เพราะมันคือนาฬิกา,เครื่องประดับ บอกเวลาเหมือนที่ขายกันตามห้าง แต่แปะยี่ห้อ Apple เท่านั้นเอง และมีข้อดีความสามารถในการเชื่อมต่อกับ iPhone (บังคับ) เพื่อเตือนสิ่งต่างๆให้ชีวิตสะดวกขึ้น นอกจากที่บังคับให้เปิดเครื่องครั้งแรกด้วย iPhone จากนั้นมันคือนาฬิกาดีๆไม่ต้องมี iPhone ก็อยู่ได้ ตัวผมเองรู้สึกว่าApple Watch เป็นนาฬิกาที่ดีมากไม่แพงสำหรับราคาสองหมื่นกว่าบาทเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
6) หน้าตานาฬิกาแสนเชย
ตรงนี้แล้วแต่มุมมอง ส่วนผมเองรู้สึกกลับกัน Apple Watch ใส่ใจในหน้าตาของนาฬิกาแต่ละเรือนมาก มีการดีไซน์แต่ละหน้าให้เลือกใช้ได้เหมาะสมและลงตัว บางฟังก์ชันหากเป็นนาฬิกาจักรกลนี่ราคาหลายแสนบางเรือนหลายล้าน (เช่นบอกดวงดาว หรือการจับเวลาแบบหลายเข็ม) ทำการบ้านมาดีในการทำเรือนเวลา ดีกว่าให้ลูกค้าไปลอกเอานาฬิกายี่ห้ออื่นมาแปะใส่ตรงนี้ความเห็นผมประทับใจมาก
เรื่องความเที่ยงตรงนี่โดนใจ เพราะว่าถึงจะเป็นนาฬิกา Quartz ก้อไม่สามารถทำให้ทุกเรือนเดินตรงเหมือนกันได้ต้องตั้งใจเซ็ตกันพอสมควร เอาง่ายๆ G-Shock สองเรือนตั้งให้วินาทีตรงกันก็ไม่ง่าย Apple Watch เชื่อมกับ server ทุกเรือนตรงกันเป้ะๆ (นาฬิกาจักรกลอย่าง Rolex เดินเพี้ยนวันละ 5วินี่ปกติมากๆ)
7) รุ่น Stainless เป็นรอยง่าย
อันนี้ ยืนยันครับ !! ใส่แบบไม่ระวังมากขนแมวเพียบครับ ใครรักและถนอมมากเล่นรุ่น sport ดีกว่า
หากใครคิดไม่ออกจะเป็นรอยแบบไหน ผมยกตัวอย่าง ข้อกลางของ Rolex Daytona หรือ PP Nautilus ครับ ที่เค้าแซวกันลมพัดขนแมวก็มาแล้ว ประมาณนั้นเลยครับ ผมเองใส่ทั่วไปเหมือนนาฬิกาที่ใช้งานประจำพบว่าแค่สัปดาห์กว่าก้อมีขนแมวบ้างแล้ว งานนี้ร้านรับปัดขนแมวได้เงินแน่เลย หรือใครจะไปหาเคสมาใส่ก็แล้วแต่นะครับ ส่วนตัวผมมองว่ามันคือนาฬิกามากกว่า
ที่มา Fanpage Apple Watch Thailand