สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่อัมพวัน ของพระเจ้ามฆเทวะ ใกล้เมืองมิถิลา.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวลให้ปรากฏ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง.
ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้มีความคิดว่า
อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้มพระสรวลโดยหาเหตุมิได้
ดังนี้แล้ว จึงทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้มพระสรวลโดยหาเหตุมิได้.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรอานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในเมืองมิถิลานี้แหละ ได้มีพระราชาพระนามว่า มฆเทวะ
ทรงประกอบในธรรม เป็นพระธรรมราชา เป็นพระมหาราชาผู้ทรงตั้งอยู่ในธรรม
ทรงประพฤติราชธรรมในพราหมณ์คหบดี ในชาวนิคมและชาวชนบท ทรงรักษาอุโบสถทุกวันที่สิบสี่สิบห้าและแปดค่ำแห่งปักษ์.
ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก
พระเจ้ามฆเทวะ รับสั่งกะช่างกัลบกว่า
ดูกรเพื่อนกัลบก ท่านเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะของเราเมื่อใด พึงบอกเราเมื่อนั้น.
ช่างกัลบกทูลรับพระเจ้ามฆเทวะว่า อย่างนั้น ขอเดชะแล้ว.
ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก
ช่างกัลบกได้เห็นพระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรของพระเจ้ามฆเทวะ
แล้วได้กราบทูลว่า เทวทูตปรากฏแก่พระองค์แล้ว พระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรแล้วเห็นปรากฏอยู่.
พระเจ้ามฆเทวะตรัสว่า
ดูกรเพื่อนกัลบก ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเอาแหนบถอนผมหงอกนั้นให้ดี แล้ววางลงที่กระพุ่มมือของเราเถิด.
ช่างกัลบกทูลรับสั่งของพระเจ้ามฆเทวะ แล้วจึงเอาแหนบถอนพระเกศาหงอกนั้นด้วยดี แล้ววางไว้ที่กระพุ่มพระหัตถ์ของพระเจ้ามฆเทวะ.
ครั้งนั้น พระเจ้ามฆเทวะพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
แล้วโปรดให้พระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่มาเฝ้า แล้วรับสั่งว่า
ดูกรพ่อกุมาร เทวทูตปรากฏแก่เราแล้ว ผมหงอกเกิดที่ศีรษะแล้วปรากฏอยู่
ก็กามทั้งหลายที่เป็นของมนุษย์ เราได้บริโภคแล้ว เวลานี้เป็นสมัยที่จะแสวงหากามทั้งหลายที่เป็นทิพย์
มาเถิดพ่อกุมาร เจ้าจงครองราชสมบัตินี้ ส่วนเราจักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ดูกรพ่อกุมาร ส่วนเจ้า เมื่อใดพึงเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะ เมื่อนั้นเจ้าพึงให้บ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
พึงพร่ำสอนราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดี
แล้วปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเถิด
เจ้าพึงประพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย
เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ วัตรอันงามเห็นปานนี้ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุษคนสุดท้ายของราชบรรพชิตนั้น.
ดูกรพ่อกุมาร เจ้าจะพึงประพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ ได้ด้วยประการใด
เรากล่าวอย่างนี้กะเจ้า ด้วยประการนั้น เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย.
ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น พระเจ้ามฆเทวะครั้นพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
และทรงพร่ำสอนพระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดีแล้ว
ทรงปลงผมและหนวด ทรงนุ่งห่มผ้ากาสายะ เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ที่มฆเทวัมพวันนี้แล.
ท้าวเธอทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา ทรงแผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน.
ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก
โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.
ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา ... ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา ... ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขา ...
แผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน
ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก
โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.
ดูกรอานนท์ ก็พระเจ้ามฆเทวะทรงเล่นเป็นพระกุมารอยู่แปดหมื่นสี่พันปี
ทรงดำรงความเป็นอุปราชแปดหมื่นสี่พันปี เสวยราชสมบัติแปดหมื่นสี่พันปี
เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวันนี้แลแปดหมื่นสี่พันปี.
พระองค์ทรงเจริญพรหมวิหารสี่แล้ว เมื่อสวรรคตได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลก.
..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ โดยล่วงปีไปเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก
รับสั่งกะช่างกัลบกว่า ดูกรเพื่อนกัลบก ท่านเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะของเราเมื่อใด พึงบอกแก่เราเมื่อนั้น.
ครั้งนั้น ช่างกัลบกรับรับสั่งของพระราชบุตรแห่งพระเจ้ามฆเทวะว่า อย่างนั้น ขอเดชะ.
ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก
ช่างกัลบกได้เห็นพระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรของพระราชบุตรแห่งพระเจ้ามฆเทวะ
แล้วได้กราบทูลว่า เทวทูตปรากฏแก่พระองค์แล้ว พระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรเห็นปรากฏอยู่.
พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะตรัสว่า
ดูกรเพื่อนกัลบก ถ้าอย่างนั้นท่านจงเอาแหนบถอนผมหงอกนั้นให้ดี แล้ววางในกระพุ่มมือของเราเถิด.
ช่างกัลบกรับรับสั่งของพระราชบุตรแห่งพระเจ้ามฆเทวะ
แล้วจึงเอาแหนบถอนพระเกศาหงอกนั้นด้วยดี แล้ววางไว้ในกระพุ่มพระหัตถ์ของพระราชบุตรแห่งพระเจ้ามฆเทวะ.
ครั้งนั้น พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ พระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
แล้วโปรดให้พระราชกุมาร ผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่มาเฝ้า แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรพ่อกุมาร เทวทูตปรากฏแก่เราแล้ว ผมหงอกเกิดบนศีรษะแล้วเห็นปรากฏอยู่
กามทั้งหลายที่เป็นของมนุษย์เราบริโภคแล้ว เวลานี้เป็นสมัยที่จะแสวงหากามอันเป็นทิพย์
มาเถิดพ่อกุมาร เจ้าจงครองราชสมบัตินี้ ส่วนเราจักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ถ้าแม้เจ้าพึงเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะเมื่อใด เมื่อนั้น เจ้าพึงให้บ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
แล้วพร่ำสอนราชกุมารผู้เป็นบุตรคนใหญ่ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดี
แล้วพึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
พึงประพฤติตามวัตรอันงามนี้ที่เราตั้งไว้แล้ว เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย
เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ วัตรอันงามเห็นปานนี้ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุษคนสุดท้ายของราชบรรพชิตนั้น.
ดูกรพ่อกุมาร เจ้าจะพึงประพฤติวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ ด้วยประการใด
เรากล่าวอย่างนี้กะเจ้า ด้วยประการนั้น เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย.
ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ
ครั้นพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก ทรงพร่ำสอนพระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดีแล้ว
ทรงปลงผมและหนวด ทรงครองผ้ากาสายะ แล้วเสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิตอยู่ในมฆเทวัมพวันนี้แล.
ท้าวเธอมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา ทรงแผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน.
มีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ทรงแผ่ไปทั่วโลก
โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.
มีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา ... มีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา ... มีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขา
ทรงแผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน
มีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก
โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.
ดูกรอานนท์ พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ ทรงเล่นเป็นพระกุมารแปดหมื่นสี่พันปี
ทรงดำรงความเป็นอุปราชแปดหมื่นสี่พันปี เสวยราชสมบัติแปดหมื่นสี่พันปี
เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวันนี้แลแปดหมื่นสี่พันปี.
พระองค์ทรงเจริญพรหมวิหารสี่แล้ว เมื่อสวรรคตได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลก.
(อ่านเนื้อหาโดยละเอียดได้ที่)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=7249&Z=7473 ..
ดูกรอานนท์ ก็พระเจ้านิมิราช มีพระราชบุตรพระนามว่ากฬารชนก.
พระราชกุมารนั้น มิได้เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต
ท้าวเธอทรงตัดกัลยาณวัตรนั้นเสีย ชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายแห่งราชบรรพชิตนั้น.
ดูกรอานนท์ เธอพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า
สมัยนั้น พระเจ้ามฆเทวะซึ่งทรงตั้งกัลยาณวัตรนั้น เป็นผู้อื่นแน่. แต่ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น
สมัยนั้น เราเป็นพระเจ้ามฆเทวะ เราตั้งกัลยาณวัตรนั้นไว้ ประชุมชนผู้เกิด ณ ภายหลังประพฤติตามกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนั้น.
แต่กัลยาณวัตรนั้น
ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
เป็นไปเพียงเพื่ออุบัติในพรหมโลกเท่านั้น.
ส่วนกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้
ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว.
ก็กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้ ซึ่งเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โดยส่วนเดียว นั้นเป็นไฉน?
คือ มรรคมีองค์ ๘ เป็นอริยะนี้แล
คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้ นี้แล
ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อพระนิพพาน โดยส่วนเดียว.
ดูกรอานนท์ เธอทั้งหลายจะพึงประพฤติตาม กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ด้วยประการใด
เรากล่าวอย่างนี้กะเธอทั้งหลาย ด้วยประการนั้น เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย
เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ กัลยาณวัตรเห็นปานนี้ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายของบุรุษเหล่านั้น
เธอทั้งหลายจะพึงประพฤติตามกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ด้วยประการใด
เรากล่าวอย่างนี้กะเธอทั้งหลาย ด้วยประการนั้น เธอทั้งหลายอย่าได้ชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอานนท์ยินดีชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว ดังนี้แล.
เรากล่าวอย่างนี้กะเธอทั้งหลาย ด้วยประการนั้น เธอทั้งหลายอย่าได้ชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวลให้ปรากฏ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง.
ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้มีความคิดว่า
อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้มพระสรวลโดยหาเหตุมิได้
ดังนี้แล้ว จึงทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้มพระสรวลโดยหาเหตุมิได้.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรอานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในเมืองมิถิลานี้แหละ ได้มีพระราชาพระนามว่า มฆเทวะ
ทรงประกอบในธรรม เป็นพระธรรมราชา เป็นพระมหาราชาผู้ทรงตั้งอยู่ในธรรม
ทรงประพฤติราชธรรมในพราหมณ์คหบดี ในชาวนิคมและชาวชนบท ทรงรักษาอุโบสถทุกวันที่สิบสี่สิบห้าและแปดค่ำแห่งปักษ์.
ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก
พระเจ้ามฆเทวะ รับสั่งกะช่างกัลบกว่า
ดูกรเพื่อนกัลบก ท่านเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะของเราเมื่อใด พึงบอกเราเมื่อนั้น.
ช่างกัลบกทูลรับพระเจ้ามฆเทวะว่า อย่างนั้น ขอเดชะแล้ว.
ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก
ช่างกัลบกได้เห็นพระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรของพระเจ้ามฆเทวะ
แล้วได้กราบทูลว่า เทวทูตปรากฏแก่พระองค์แล้ว พระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรแล้วเห็นปรากฏอยู่.
พระเจ้ามฆเทวะตรัสว่า
ดูกรเพื่อนกัลบก ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเอาแหนบถอนผมหงอกนั้นให้ดี แล้ววางลงที่กระพุ่มมือของเราเถิด.
ช่างกัลบกทูลรับสั่งของพระเจ้ามฆเทวะ แล้วจึงเอาแหนบถอนพระเกศาหงอกนั้นด้วยดี แล้ววางไว้ที่กระพุ่มพระหัตถ์ของพระเจ้ามฆเทวะ.
ครั้งนั้น พระเจ้ามฆเทวะพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
แล้วโปรดให้พระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่มาเฝ้า แล้วรับสั่งว่า
ดูกรพ่อกุมาร เทวทูตปรากฏแก่เราแล้ว ผมหงอกเกิดที่ศีรษะแล้วปรากฏอยู่
ก็กามทั้งหลายที่เป็นของมนุษย์ เราได้บริโภคแล้ว เวลานี้เป็นสมัยที่จะแสวงหากามทั้งหลายที่เป็นทิพย์
มาเถิดพ่อกุมาร เจ้าจงครองราชสมบัตินี้ ส่วนเราจักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ดูกรพ่อกุมาร ส่วนเจ้า เมื่อใดพึงเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะ เมื่อนั้นเจ้าพึงให้บ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
พึงพร่ำสอนราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดี
แล้วปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเถิด
เจ้าพึงประพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย
เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ วัตรอันงามเห็นปานนี้ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุษคนสุดท้ายของราชบรรพชิตนั้น.
ดูกรพ่อกุมาร เจ้าจะพึงประพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ ได้ด้วยประการใด
เรากล่าวอย่างนี้กะเจ้า ด้วยประการนั้น เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย.
ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น พระเจ้ามฆเทวะครั้นพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
และทรงพร่ำสอนพระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดีแล้ว
ทรงปลงผมและหนวด ทรงนุ่งห่มผ้ากาสายะ เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ที่มฆเทวัมพวันนี้แล.
ท้าวเธอทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา ทรงแผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน.
ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก
โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.
ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา ... ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา ... ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขา ...
แผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน
ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก
โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.
ดูกรอานนท์ ก็พระเจ้ามฆเทวะทรงเล่นเป็นพระกุมารอยู่แปดหมื่นสี่พันปี
ทรงดำรงความเป็นอุปราชแปดหมื่นสี่พันปี เสวยราชสมบัติแปดหมื่นสี่พันปี
เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวันนี้แลแปดหมื่นสี่พันปี.
พระองค์ทรงเจริญพรหมวิหารสี่แล้ว เมื่อสวรรคตได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลก.
.. [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ..
ดูกรอานนท์ ก็พระเจ้านิมิราช มีพระราชบุตรพระนามว่ากฬารชนก.
พระราชกุมารนั้น มิได้เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต
ท้าวเธอทรงตัดกัลยาณวัตรนั้นเสีย ชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายแห่งราชบรรพชิตนั้น.
ดูกรอานนท์ เธอพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า
สมัยนั้น พระเจ้ามฆเทวะซึ่งทรงตั้งกัลยาณวัตรนั้น เป็นผู้อื่นแน่. แต่ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น
สมัยนั้น เราเป็นพระเจ้ามฆเทวะ เราตั้งกัลยาณวัตรนั้นไว้ ประชุมชนผู้เกิด ณ ภายหลังประพฤติตามกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนั้น.
แต่กัลยาณวัตรนั้น
ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
เป็นไปเพียงเพื่ออุบัติในพรหมโลกเท่านั้น.
ส่วนกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้
ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว.
ก็กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้ ซึ่งเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โดยส่วนเดียว นั้นเป็นไฉน?
คือ มรรคมีองค์ ๘ เป็นอริยะนี้แล
คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้ นี้แล
ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อพระนิพพาน โดยส่วนเดียว.
ดูกรอานนท์ เธอทั้งหลายจะพึงประพฤติตาม กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ด้วยประการใด
เรากล่าวอย่างนี้กะเธอทั้งหลาย ด้วยประการนั้น เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย
เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ กัลยาณวัตรเห็นปานนี้ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายของบุรุษเหล่านั้น
เธอทั้งหลายจะพึงประพฤติตามกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ด้วยประการใด
เรากล่าวอย่างนี้กะเธอทั้งหลาย ด้วยประการนั้น เธอทั้งหลายอย่าได้ชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอานนท์ยินดีชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว ดังนี้แล.