คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เราเป็นคนหนึ่งที่เรียนจบสายวิทย์แต่ทำงานด้านภาษาค่ะ เรารับแปลเอกสาร แต่เอกสารที่เราแปลส่วนใหญ่ก็เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ วิศวะ เทคนิค การแพทย์ IT เนื่องจากงานส่วนใหญ่เป็นการแปลภาษาที่สามเป็นภาษาไทย และเป็นงานที่เราได้รับจากบริษัทแปลในยุโรป/อเมริกา และบริษัทผลิตสินค้าในยุโรปโดยตรง จึงมีงานเข้ามามากและมีรายได้ที่สามารถเลี้ยงตัวเองในเยอรมันได้ จริง ๆ แล้วเราคิดว่าเราได้รับงานจากบางบริษัทก็เพราะเราจบสายวิทยาศาสตร์ค่ะ โดยเฉพาะบริษัทยาและบริษัทเคมีภัณฑ์ในยุโรป เราจบโทสายวิทย์ที่เยอรมัน ตอนเรียนเคยคิดเปลี่ยนสาย แต่ติดปัญหาเรื่องวีซ่า เลยเรียนสายเดิมจนจบ เราแต่งงานอยู่กับสามีที่นี่ ตอนแรกที่เราบอกพ่อว่าเราอยากทำงานแปล พ่อไม่เชื่อว่าเราจะทำได้เพราะเราไม่ได้จบด้านนั้นมา พ่อแม่เป็นห่วงมากว่าเราจะเป็นภาระให้สามีเลี้ยง แต่เราก็ค้นหาข้อมูลจากเน็ตด้วยตนเอง ลองสร้างโปรไฟล์ในเน็ต ลองสมัครเป็นนักแปลกับบริษัทแปล หลายปีผ่านไป ตอนนี้เรามีลูกค้าส่งงานมาให้ทำเกือบทุกวัน สามารถเลือกปฏิเสธงานที่ไม่อยากทำได้โดยไม่กระทบรายได้ ตอนเรียนเราเคยนึกเสียใจที่ไม่ได้เลือกเรียนสายภาษา แต่ตอนนี้เราไม่เสียใจเลยที่เรียนวิทย์มา พอเรามีรายได้และเลี้ยงตัวเองได้ พ่อแม่ก็ยอมรับและสนับสนุนค่ะ
คุณพ่อคงเป็นห่วงคุณที่ต้องไปเริ่มต้นใหม่หากจะเปลี่ยนสายเรียน เราว่าถ้าคุณมีความตั้งใจจริงและสนใจด้านที่คุณเรียนจริง ๆ วันหนึ่งคุณก็จะประสบความสำเร็จค่ะ แต่เราไม่เห็นด้วยเรื่องที่คุณจะไปเป็น Au pair นอกจากคุณอยากเรียนด้านศึกษาศาสตร์/ปฐมวัย หรือทำงานในด้านนั้น เพราะคุณได้เคยไป Work & Travel แล้ว ถ้าจะไปเป็น Au pair เกรงว่าคุณจะเสียเวลา น่าจะไปเรียนภาษาอังกฤษและภาษาที่สามแบบจริงจังมากกว่า หรือไม่ก็หาข้อมูลการเรียนในสายที่คุณสนใจและสมัครเรียนไปเลย
คุณพ่อคงเป็นห่วงคุณที่ต้องไปเริ่มต้นใหม่หากจะเปลี่ยนสายเรียน เราว่าถ้าคุณมีความตั้งใจจริงและสนใจด้านที่คุณเรียนจริง ๆ วันหนึ่งคุณก็จะประสบความสำเร็จค่ะ แต่เราไม่เห็นด้วยเรื่องที่คุณจะไปเป็น Au pair นอกจากคุณอยากเรียนด้านศึกษาศาสตร์/ปฐมวัย หรือทำงานในด้านนั้น เพราะคุณได้เคยไป Work & Travel แล้ว ถ้าจะไปเป็น Au pair เกรงว่าคุณจะเสียเวลา น่าจะไปเรียนภาษาอังกฤษและภาษาที่สามแบบจริงจังมากกว่า หรือไม่ก็หาข้อมูลการเรียนในสายที่คุณสนใจและสมัครเรียนไปเลย
แสดงความคิดเห็น
จบปริญญาตรีสายวิทย์ อยากเรียนต่อสายภาษา
อยากสอบถามด้วยความไม่รู้ และเคว้งคว้าง หลังจากจบปริญญาตรี ว่า
จบปริญญาตรีสายวิทย์ อยากเรียนต่อสายภาษา ต้องทำอย่างไร และเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
.
.
.
ก่อนอื่นอยากเล่าเรื่องราวของดิฉันให้ท่านได้ฟัง เพื่อช่วยในการวิเคราะห์
ดิฉันเรียนใกล้จบปี4คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังใน กทม. ย้อนกลับไปในสมัยมัธยม อยู่ต่างจังหวัด
เรียนสายวิทย์-คณิต มาเรื่อยๆ ไม่ได้มีโอกาสค้นหาความชอบ และศักยภาพของตนเอง เนื่องจาก ห้องสายศิลป์ในต่างจังหวัด
ไม่ได้รับความนิยม(จากผู้ปกครอง) เท่ากับสายวิทย์-คณิต ดิฉันก็เรียนๆ ไปวันๆ เรียน อ่านหนังสือ และสอบ วนเวียนเป็นวัฏจักร
โดยคิดว่าเรียนให้ได้เกรดสูงๆไว้จะดีและปลอดภัยที่สุด เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องกล่าวก่อนว่า ปกติดิฉันเป็นคนไม่เชื่อเรื่องดวงชะตาฟ้าลิขิต(คุณพ่อสอนทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์) เพื่อนพาไปดูดวงกับหมอดูแก่ๆขายกล้วยปิ้ง ลุงเค้าบอกว่า หนูเหมาะกับการเรียนอักษร ศิลปศาสตร์ ภาษา เพราะลายมือหนูมีลักษณะพิเศษที่เข้ากับงานประเภทนี้ ดิฉันก็คิดในใจส่วนลึกว่าชอบอะไรแนวๆนี้เช่นกันเพราะชอบอ่านหนังสือนิทานและ นิยายต่างๆ แต่เนื่องจาก ไม่เคยได้รับการสนับสนุนในสายนี้เท่าที่ควร ดิฉันจึงยังคงจดจ่ออยู่กับฟิสิกส์ เคมี ชีวะ สุดท้ายดิฉันสอบตรงได้คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน กทม. โดยคุณพ่อก็เห็นดีเห็นงาม (เนื่องจากคุณพ่อเป็นด๊อกเตอร์ฟิสิกส์) สนับสนุนให้เรียนสายนี้โดยวาดฝันให้ดิฉันเรียนจบปริญญาเอก แล้วกลับมาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน
ในความคิดวูบแรกคือ ไม่อยากเรียนจนถึงปริญญาเอก เพราะไม่ได้หลงใหลในวิทยาศาสตร์เท่าที่ควร แต่สุดท้ายก็ก้าวเข้ามาเรียนในสายนี้อย่างเต็มตัว ในช่วงปี 1-2 ดิฉันเรียนได้ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีพอควร แต่ภายหลังจากที่ดิฉันได้มีโอกาสไป work&travelที่สหรัฐอเมริกา ดิฉันรู้ตัวในทันทีว่า ดิฉันหลงใหลในการใช้ภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ หรืออื่นๆ ดิฉันชอบที่จะได้สื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ หลงใหลในวัฒธรรม การดำเนินวิถีชีวิต ที่แตกต่างไปกับที่ดิฉันเคยพบ
เมื่อดิฉันกลับมาเพื่อศึกษาต่อ ดิฉันรู้สึกอึดอัด และทุกข์ใจในการเรียนวิทยาศาสตร์ เมื่อครั้นได้ลองฝึกงาน ก็ไม่ชอบเลย ฝืนใจทำมากๆ เกรดก็ตกลงเรื่อยๆ เพราะรู้สึกไม่สนใจในเนื้อหา จึงไม่ตั้งใจเรียน ครั้นเมื่อต้องทำแลป ดิฉันยิ่งมีความทุกข์ใจหนักกว่าเก่า ไม่ชอบลักษณะงานที่วันๆต้องอยู่แต่ในแลป ไม่ได้พบปะผู้คน คน ชั่ง ตวง วัด สารเคมี ไปวันๆ ดิฉัน อกจะแตกตาย ดิฉันจึงรวบรวมความกล้า บอกคุณพ่อว่า ดิฉันไม่อยากเรียนต่อสายนี้อีกต่อไป คุณพ่ออึ้งมาก จากนั้นก็หงุดหงิด แล้ว ก็ชอบบอกดิฉันว่า แกเรียนสายนี้มา แล้วจะเปลี่ยนสาย แกไม่มีความรู้อย่างอื่น จะไปทำได้อย่างไร เสียเวลาเปล่าๆ
ช่วงนั้นเป็นช่วงพีคของชีวิต ดิฉันร้องไห้คุยปลดทุกข์กับคุณแม่ ยังดีที่คุณแม่เข้าใจ และให้ดิฉันเลือกทางเดินตัวเอง
ดิฉันอยากไปค้นหาตัวเองที่ต่างประเทศอีกสักครั้ง อยากออกไปผจญโลกด้วยตัวเอง หวังไว้ว่าคงสามารถค้นพบตัวเองได้ในเร็ววัน
อีกทั้งคิดไว้ว่า หากกลับมาอยากจะเรียนทางสายภาษา หรือไม่ก็ประวัติศาสตร์อเมริกา ยุโรป
คุณพ่อทราบ ก็เริ่มประนีประนอมและยอมรับความคิดของดิฉันมากขึ้น
ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวหาบุพการีในการอบรมเลี้ยงดู แต่อย่างใด ดิฉันรักและเคารพท่านยิ่งกว่าชีวิตจะหาไม่
ดิฉันแค่ต้องการกำลังใจ และการสนับสนุนในสิ่งที่เหมาะสมกับดิฉันจากท่านทั้งสอง
ดิฉันวางแผนจากไปโครงการ Au pair(เลี้ยงเด็ก) ที่อเมริกา เพราะอยากจะไปอยู่เพื่อซึมซับวัฒนธรรมในการเลี้ยงลูกของเค้า ทำไมประเทศเหล่านั้นจึงเจริญ พื้นฐานต้องเกิดการการปลูกฝังที่ถูกต้องเหมาะสมในวัยเด็ก
สุดท้ายนี้ อาจจะดูงงๆ ว่าสรุปแล้วดิฉันต้องการอะไร จึงมาตั้งกระทู้ถาม แล้วมาเล่าชีวิตตัวเองให้ท่านได้ฟัง สรุปคือดิฉัน อยากรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง ทั้งในเรื่อง การเรียน การวางแผน การทำงาน การใช้ชีวิต และ การวางแผนในอนาคต รวมถึงการเรียนต่อในสายที่แตกต่างไปจากปริญญาตรี ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ขอบคุณค่ะ