อืม...เท่าที่ดูกระแสในพันทิปตอนนี้ Age of Ultron มันอาจจะเป็นหนังที่ divisive ระดับน้องๆคู่กรรมไปแล้วนะเนี่ย 555+ ซึ่งก็ไม่ว่ากันหรอกครับ สนุกดี ได้อ่านความเห็นจากหลายๆฝ่ายซึ่งส่วนใหญ่ก็ดีๆทั้งนั้น แต่ส่วนตัวผมอยู่ในฝั่ง“ชอบมาก”และก็เคยเขียนรีวิวหนังเรื่องนี้แบบยาวๆไปแล้วในกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/33588117
ฉะนั้นเนื้อหาของกระทู้นี้จึงไม่ใช่การรีวิว แต่เป็นการเก็บรายละเอียดและวิเคราะห์หลายๆจุดของหนังภาคนี้ที่ผมมีโอกาสได้เก็บมาคิดหลังจากที่ได้เสียตังค์ไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงเป็นรอบที่สองนะครับ ทุกๆท่านมีความคิดเห็นอย่างไรก็เข้ามาแชร์กันได้เลยนะครับ
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า...
- เอาจริงๆประโยค “Peace in our time.” ของ Tony นี่มันคือต้นเหตุของความหายนะทั้งหลายที่เกิดขึ้นในหนังภาคนี้เลยนะ เพราะพอ Ultron เสิร์ชหาความหมายของคำว่า “Peace (สันติ)”ในเน็ตแล้วเห็นภาพสงคราม ความรุนแรง และความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้(ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของมนุษย์) พี่แกก็สติแตกและคิดจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาทันที ซึ่งก็คงเป็นเพราะเหตุนี้ด้วยแหละมั้ง Ultron มันถึงได้โกรธเป็นฝืนเป็นไฟเสียขนาดนั้นตอนที่มีคนเอาตัวมันไปเทียบกับ Tony เพราะ Tony เองก็เคยเป็นพ่อค้าอาวุธมาก่อน(พ่อค้าอาวุธ = หนึ่งในสาเหตุของความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ = สิ่งที่ Ultron รังเกียจ)
- ชอบที่หนังให้ร่างแรกของ Ultron เป็นหุ่น Iron Man รุ่นผลิตจำนวนมากที่เสียหายเพราะโดนชาวเมืองโซโคเวียปาน้ำกรดใส่หน้าในตอนต้นเรื่อง คือมันเหมือนเป็นการสื่อว่า Ultron คือปัญญาประดิษฐ์ที่ถือกำเนิดขึ้นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง
- ว่าด้วยความสัมพันธ์ของ Ultron กับคู่แฝด Maximoff (Scarlet Witch และ Quicksilver) เล็กน้อย โดยส่วนตัวผมมองว่า Ultron มีท่าทีเสียใจอย่างชัดเจนตอนที่คู่แฝด Maximoff ไปเข้าพวกกับ Avengers (ได้ฟีลแบบเด็กที่รู้สึกน้อยใจเพราะเพื่อนไม่เล่นด้วยยังไงชอบกล) หรือท่าทีสนอกสนใจ(แกมสงสาร?)ของ Ultron ตอนฟัง Quicksilver เล่าปูมหลังของตัวเอง หรือแม้แต่การที่ Ultron (กึ่งๆ)เหมือนจะบอกให้ Scarlet Witch หนีไปในตอนใกล้จบหนังก็เหมือนเป็นการบ่งบอกว่าลึกๆแล้ว Ultron อาจจะมีความรู้สึกเวทนาพี่น้องคู่นี้อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะหากมองในบางมุม Ultron เองก็เหมือนเป็นพี่น้องของคู่แฝด Maximoff เพราะเกิดมาจากการทดลองของ Baron Strucker เหมือนกัน
- การที่ Tony คิดจะสร้างกองทัพหุ่นยนต์ขึ้นมาปกป้องโลกถ้าว่ากันตรงๆมันก็เข้าข่ายเป็นความคิดแบบเผด็จการอยู่หน่อยๆ เพราะมันคือการพยายามทำตัวเป็นตำรวจโลกคล้ายๆกับที่อเมริกาเคยทำไว้ตอนช่วง 9/11 (หรือที่พวก Hydra เคยเกือบทำสำเร็จใน Captain America: The Winter Soldier) ในขณะที่ Captain America จะเป็นคนที่คอยแย้ง Tony อยู่ตลอดเวลาว่าแนวคิดของ Tony มันสุดโต่งเกินไปและผลร้ายที่ตามมามันอาจมีเยอะเสียยิ่งกว่าผลดี จึงไม่น่าแปลกที่ทำไมสองคนนี้จะต้องมาสู้กันเองใน Captain America: Civil War
- ในขณะเดียวกันผมก็ไม่แปลกใจที่ความคิดของ Tony มันจะสุดโต่งได้ขนาดนี้ เพราะถึงแม้ว่าโดยพื้นฐานแล้ว Tony จะเป็นคนดี แต่ลึกแล้วๆเขาก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งที่มีข้อบกพร่องหลายต่อหลายอย่าง ถ้าเราสังเกตดูดีๆเรื่องราวในหนัง Iron Man ทั้งสามภาคที่ผ่านมานั้นล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพราะความผิดผลาดและ/หรือความยะโสโอหังในอดีตของ Tony ทั้งนั้น แล้วพอความบกพร่องตรงนี้มันมาผสมรวมเข้ากับ“ความกลัวตาย”หลังประสบการณ์เฉียดตายใน The Avengers + ความต้องการของ Tony ที่จะเลิกเป็น Iron Man อย่างถาวรและมาใช้ชีวิตในฐานะคนธรรมดากับคนรักอย่าง Pepper ใน Iron Man 3 การตัดสินใจของ Tony ที่จะสร้างกองทัพหุ่นยนต์ A.I. ขึ้นมาจึงเป็นได้ทั้งความประสงค์ดี(เหมือนอย่างที่พี่แกกล่าวอ้างตลอดทั้งเรื่องว่าทั้งหมดที่ทำไปนั้นเป็นเพราะต้องการปกป้องโลกให้พ้นภัยจากการรุกราน)พอๆกับที่เป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากความกลัว/ความต้องการส่วนตัวในส่วนลึกของตัวเขาเอง
- ใครจะว่า Ultron กระจอกงอกง่อยยังไงก็ช่าง แต่ผมล่ะโคตรจะชอบความกวนทีนของมันเลย ซึ่งต้องชมทั้งการแสดงของ James Spader และฝ่าย CGI ของหนังที่เนรมิตตัวละครนี้ออกมา แล้วยิ่งลักษณะการพูดและท่าทางการขยับไม้ขมับมือของ Ultron ในหนังเรื่องนี้นี่มันเอาแอ็คติ้งของ James Spader มาใช้ได้ชัดเจนและเป๊ะมากๆ คือใครที่กำลังติดซีรี่ส์ The Blacklist และ/หรือเคยดูหนังเก่าๆของเฮีย Spader มาก่อนจะรู้ว่าแอ็คติ้งของเฮีย Spader แกมันจะออกโอเว่อร์หน่อยๆแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
สุดท้ายแล้ว Ultron อาจจะไม่ได้เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับเหล่า Avengers ในแง่ของความแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังเป็นตัวร้ายที่ท้าทาย“จุดยืน”ของเหล่า Avengers ได้ไม่เลวเลยทีเดียว
- มองหาเจ๊ Julie Delpy (นางเอก Before Sunrise/Sunset/Midnight) ตั้งนาน ที่แท้เจ๊แกก็โผล่มาแว้บๆในฉากแฟลชแบ็คของ Black Widow นั่นเอง(โหย...แคสต์มาใช้งานแค่เนี้ย ไม่คุ้มเลย)
เก็บรายระเอียด/วิเคราะห์-วิจารณ์ Avengers: Age of Ultron เพิ่มเติมหลังจากไปดูในโรงมาเป็นรอบที่สอง(อาจมีสปอยล์เล็กน้อย)
ฉะนั้นเนื้อหาของกระทู้นี้จึงไม่ใช่การรีวิว แต่เป็นการเก็บรายละเอียดและวิเคราะห์หลายๆจุดของหนังภาคนี้ที่ผมมีโอกาสได้เก็บมาคิดหลังจากที่ได้เสียตังค์ไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงเป็นรอบที่สองนะครับ ทุกๆท่านมีความคิดเห็นอย่างไรก็เข้ามาแชร์กันได้เลยนะครับ
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า...
- เอาจริงๆประโยค “Peace in our time.” ของ Tony นี่มันคือต้นเหตุของความหายนะทั้งหลายที่เกิดขึ้นในหนังภาคนี้เลยนะ เพราะพอ Ultron เสิร์ชหาความหมายของคำว่า “Peace (สันติ)”ในเน็ตแล้วเห็นภาพสงคราม ความรุนแรง และความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้(ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของมนุษย์) พี่แกก็สติแตกและคิดจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาทันที ซึ่งก็คงเป็นเพราะเหตุนี้ด้วยแหละมั้ง Ultron มันถึงได้โกรธเป็นฝืนเป็นไฟเสียขนาดนั้นตอนที่มีคนเอาตัวมันไปเทียบกับ Tony เพราะ Tony เองก็เคยเป็นพ่อค้าอาวุธมาก่อน(พ่อค้าอาวุธ = หนึ่งในสาเหตุของความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ = สิ่งที่ Ultron รังเกียจ)
- ชอบที่หนังให้ร่างแรกของ Ultron เป็นหุ่น Iron Man รุ่นผลิตจำนวนมากที่เสียหายเพราะโดนชาวเมืองโซโคเวียปาน้ำกรดใส่หน้าในตอนต้นเรื่อง คือมันเหมือนเป็นการสื่อว่า Ultron คือปัญญาประดิษฐ์ที่ถือกำเนิดขึ้นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง
- ว่าด้วยความสัมพันธ์ของ Ultron กับคู่แฝด Maximoff (Scarlet Witch และ Quicksilver) เล็กน้อย โดยส่วนตัวผมมองว่า Ultron มีท่าทีเสียใจอย่างชัดเจนตอนที่คู่แฝด Maximoff ไปเข้าพวกกับ Avengers (ได้ฟีลแบบเด็กที่รู้สึกน้อยใจเพราะเพื่อนไม่เล่นด้วยยังไงชอบกล) หรือท่าทีสนอกสนใจ(แกมสงสาร?)ของ Ultron ตอนฟัง Quicksilver เล่าปูมหลังของตัวเอง หรือแม้แต่การที่ Ultron (กึ่งๆ)เหมือนจะบอกให้ Scarlet Witch หนีไปในตอนใกล้จบหนังก็เหมือนเป็นการบ่งบอกว่าลึกๆแล้ว Ultron อาจจะมีความรู้สึกเวทนาพี่น้องคู่นี้อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะหากมองในบางมุม Ultron เองก็เหมือนเป็นพี่น้องของคู่แฝด Maximoff เพราะเกิดมาจากการทดลองของ Baron Strucker เหมือนกัน
- การที่ Tony คิดจะสร้างกองทัพหุ่นยนต์ขึ้นมาปกป้องโลกถ้าว่ากันตรงๆมันก็เข้าข่ายเป็นความคิดแบบเผด็จการอยู่หน่อยๆ เพราะมันคือการพยายามทำตัวเป็นตำรวจโลกคล้ายๆกับที่อเมริกาเคยทำไว้ตอนช่วง 9/11 (หรือที่พวก Hydra เคยเกือบทำสำเร็จใน Captain America: The Winter Soldier) ในขณะที่ Captain America จะเป็นคนที่คอยแย้ง Tony อยู่ตลอดเวลาว่าแนวคิดของ Tony มันสุดโต่งเกินไปและผลร้ายที่ตามมามันอาจมีเยอะเสียยิ่งกว่าผลดี จึงไม่น่าแปลกที่ทำไมสองคนนี้จะต้องมาสู้กันเองใน Captain America: Civil War
- ในขณะเดียวกันผมก็ไม่แปลกใจที่ความคิดของ Tony มันจะสุดโต่งได้ขนาดนี้ เพราะถึงแม้ว่าโดยพื้นฐานแล้ว Tony จะเป็นคนดี แต่ลึกแล้วๆเขาก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งที่มีข้อบกพร่องหลายต่อหลายอย่าง ถ้าเราสังเกตดูดีๆเรื่องราวในหนัง Iron Man ทั้งสามภาคที่ผ่านมานั้นล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพราะความผิดผลาดและ/หรือความยะโสโอหังในอดีตของ Tony ทั้งนั้น แล้วพอความบกพร่องตรงนี้มันมาผสมรวมเข้ากับ“ความกลัวตาย”หลังประสบการณ์เฉียดตายใน The Avengers + ความต้องการของ Tony ที่จะเลิกเป็น Iron Man อย่างถาวรและมาใช้ชีวิตในฐานะคนธรรมดากับคนรักอย่าง Pepper ใน Iron Man 3 การตัดสินใจของ Tony ที่จะสร้างกองทัพหุ่นยนต์ A.I. ขึ้นมาจึงเป็นได้ทั้งความประสงค์ดี(เหมือนอย่างที่พี่แกกล่าวอ้างตลอดทั้งเรื่องว่าทั้งหมดที่ทำไปนั้นเป็นเพราะต้องการปกป้องโลกให้พ้นภัยจากการรุกราน)พอๆกับที่เป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากความกลัว/ความต้องการส่วนตัวในส่วนลึกของตัวเขาเอง
- ใครจะว่า Ultron กระจอกงอกง่อยยังไงก็ช่าง แต่ผมล่ะโคตรจะชอบความกวนทีนของมันเลย ซึ่งต้องชมทั้งการแสดงของ James Spader และฝ่าย CGI ของหนังที่เนรมิตตัวละครนี้ออกมา แล้วยิ่งลักษณะการพูดและท่าทางการขยับไม้ขมับมือของ Ultron ในหนังเรื่องนี้นี่มันเอาแอ็คติ้งของ James Spader มาใช้ได้ชัดเจนและเป๊ะมากๆ คือใครที่กำลังติดซีรี่ส์ The Blacklist และ/หรือเคยดูหนังเก่าๆของเฮีย Spader มาก่อนจะรู้ว่าแอ็คติ้งของเฮีย Spader แกมันจะออกโอเว่อร์หน่อยๆแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
สุดท้ายแล้ว Ultron อาจจะไม่ได้เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับเหล่า Avengers ในแง่ของความแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังเป็นตัวร้ายที่ท้าทาย“จุดยืน”ของเหล่า Avengers ได้ไม่เลวเลยทีเดียว
- มองหาเจ๊ Julie Delpy (นางเอก Before Sunrise/Sunset/Midnight) ตั้งนาน ที่แท้เจ๊แกก็โผล่มาแว้บๆในฉากแฟลชแบ็คของ Black Widow นั่นเอง(โหย...แคสต์มาใช้งานแค่เนี้ย ไม่คุ้มเลย)