ช่วงนี้ผมได้มีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในงานประจำเลื่อนตำแหน่งและโตในองค์กรในเวลาอันสั้น หรือในฝั่งของคนที่เป็นนายตัวเองก็ตาม ทั้งเจ้าของกิจการ นักลงทุน นักเขียน และอีกหลากหลายอาชีพ ที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว
หลายครั้งที่ผมได้ฟังและได้อ่านเรื่องราวชีวิตของคนเหล่านี้ พบว่า มีไม่น้อยเลยที่พวกเขามักจะเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่เคยผ่านธุรกิจขายตรง(MLM)มาก่อน โดยส่วนมากพวกเขามักจะพูดติดตลกว่า ในสมัยนั้นเป็นนักศึกษามหาลัยใหม่ๆยังเด็กเลย ไฟแรง มีคนมาชวนก็เลยจัดเต็มลุยเต็มที่แต่ก็สุดท้ายเจ๊งด้วยสาเหตุอะไรก็แล้ว บางคนก็บอกว่าเพราะดันโชคร้ายไปเรื่องMLMที่มันเป็นแชร์ลูกโซ่ระบบไม่ดี สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้โทษธุรกิจนี้กันเลย ทุกคนล้วนบอกว่าธุรกิจประเภทนี้ดีมากกันทั้งนั้น ถ้าเลือกบริษัทที่ดีและมั่นคงทำ
มันจึงทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามขึ้นมาว่า ทำไมพวกเขาที่ประสบความสำเร็จมีธุรกิจใหญ่โตแล้วจึงไม่หันกลับมาลุยกับMLMอีกครั้ง ในเมื่อปัจจุบันพวกเขาพัฒนาตัวเองขึ้นมามาก ทั้งความสามารถและประสบการณ์ที่มากขึ้น การกลับไปทำMLMมันน่าจะเป็นเรื่องหมูๆสำหรับเขาแล้ว
ยกตัวอย่าง
- เจ้าของกิจการ
คนที่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ แน่นอนว่าเขาต้องมีฐานลูกค้าที่เยอะและConnectionที่มีเหลือล้น เมื่อมีจำนวนรายชื่อที่มากกว่าเมื่อก่อนและปัจจุบันเราก็มีความน่าเชื่อถือมาก ดังนั้น การที่จะชวนคนเข้ามาร่วมMLMมันน่าจะง่ายมากๆ และทำให้เขากลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแบบสุดๆ
- นักเขียน นักลงทุน
คนที่ประสบความสำเร็จในด้านนี้ ผมมองว่าเขาต้องมีFanclubจำนวนมากที่ติดตามผลงานของเขา หากย้อนไปสมัยที่พวกเขาทำMLMแล้วไม่ประสบความสำเร็จเขาอาจยังไม่โด่งดัง ไม่มีชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือไม่ค่อยมี แล้วถ้าเป็นทุกวันนี้หละเขียนหนังสือสร้างแรงบันดาลใจให้คนมากมาย จะดีมั้ยครับถ้าเขาจะกลับมาทำMLM แล้วทำให้ชีวิตเขามันสุดยอดยิ่งขึ้นไปอีก
ล่าสุดผมพึ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เกี่ยวกับ อิสรภาพทางการเงินที่ช่วยให้เราเกษียณเร็วและรวย ในหนังสือเล่มนี้ได้ถ่ายทอดทัศนคติต่างๆเกี่ยวกับการทุ่มเททำอะไรสักอย่าง เพื่อให้มี Passive Income เข้ามาในกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็น ลงทุนด้วยสินทรัพย์ทางการเงิน กินเงินจากสินทรัพย์ทางปัญญา การทำอินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้ง การทำอสังหาริมทรัพย์ การซื้อแฟรนไชส์ และสุดท้ายที่ผู้เขียนกล่าวถึงก็คือ Passive Incomeด้วยธุรกิจเครือข่าย(MLM) ที่นำเสนอออกมาว่า Network Maketing เป็นสุดยอดธุกรกิจของศตวรรษที่21 เพราะมันเป็นวิธีสร้าง Passive Income ที่ง่ายที่สุดแล้ว ใช้เวลาเหนื่อย3-5ปีก็มีชีวิตที่เป็นอิสระไปตลอดชีวิต ไม่ต้องเครียดกับกิจการส่วนตัวของเราที่ประสบความสำเร็จแล้วแต่มันยังไม่เสร็จ(ในที่นี้ก็คือมันยังต้องคิดต่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปไม่เจ๊ง) ผมอ่านแล้วคิดในใจMLMมันเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ แค่เข้าไปในระบบไม่ว่าเป็นใครมาจากไหน มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกันแค่ไหน แต่ปลายทางคือประสบความสำเร็จเหมือนกัน ขอแค่Copyและทำตามแบบอย่างรุ่นพี่ทำประสบความสำเร็จแล้ว ไม่เข้าใจจริงๆในเมื่อมันง่ายขนาดนั้นทำไมหนอประเทศไทยถึงยังมีคนที่มีฐานะปานกลาง คนยากไร้เต็มไปหมด หรือเขาไม่รู้กันว่ามีธุรกิจแบบนี้อยู่บนโลก
ผมจึงอยากให้ช่วยแชร์ทัศนคติกันหน่อยว่า เหตุใดคนที่มีกิจการใหญ่โตกันแล้วถึงไม่คิดจะมาลองทำMLMอีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อพวกเขาต่างบอกว่าธุรกิจแนวนี้มันดี มันรุ่ง และมันตอบโจทย์กับคนในยุคนี้ที่ต้องการสร้างชีวิตโดยใช้เวลาไม่กี่ปี ที่สำคัญพวกเขาในวันนี้แตกต่างจากพวกเขาในอดีตมาก ทั้งความสามารถและประสบการณ์ ดังนั้น มันจึงไม่สมเหตุสมผลเลยที่คนเราเก่งกว่าเดิมมากๆแต่ไม่คิดจะกลับไปทำเป้าหมายที่เคยคิดในอดีตให้มันสำเร็จ
[เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ]หลายคนเคยผ่านMLMมาก่อน แต่ทำไมไม่คิดจะกลับไปทำต่อบ้าง ?
ช่วงนี้ผมได้มีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในงานประจำเลื่อนตำแหน่งและโตในองค์กรในเวลาอันสั้น หรือในฝั่งของคนที่เป็นนายตัวเองก็ตาม ทั้งเจ้าของกิจการ นักลงทุน นักเขียน และอีกหลากหลายอาชีพ ที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว
หลายครั้งที่ผมได้ฟังและได้อ่านเรื่องราวชีวิตของคนเหล่านี้ พบว่า มีไม่น้อยเลยที่พวกเขามักจะเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่เคยผ่านธุรกิจขายตรง(MLM)มาก่อน โดยส่วนมากพวกเขามักจะพูดติดตลกว่า ในสมัยนั้นเป็นนักศึกษามหาลัยใหม่ๆยังเด็กเลย ไฟแรง มีคนมาชวนก็เลยจัดเต็มลุยเต็มที่แต่ก็สุดท้ายเจ๊งด้วยสาเหตุอะไรก็แล้ว บางคนก็บอกว่าเพราะดันโชคร้ายไปเรื่องMLMที่มันเป็นแชร์ลูกโซ่ระบบไม่ดี สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้โทษธุรกิจนี้กันเลย ทุกคนล้วนบอกว่าธุรกิจประเภทนี้ดีมากกันทั้งนั้น ถ้าเลือกบริษัทที่ดีและมั่นคงทำ
มันจึงทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามขึ้นมาว่า ทำไมพวกเขาที่ประสบความสำเร็จมีธุรกิจใหญ่โตแล้วจึงไม่หันกลับมาลุยกับMLMอีกครั้ง ในเมื่อปัจจุบันพวกเขาพัฒนาตัวเองขึ้นมามาก ทั้งความสามารถและประสบการณ์ที่มากขึ้น การกลับไปทำMLMมันน่าจะเป็นเรื่องหมูๆสำหรับเขาแล้ว
ยกตัวอย่าง
- เจ้าของกิจการ
คนที่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ แน่นอนว่าเขาต้องมีฐานลูกค้าที่เยอะและConnectionที่มีเหลือล้น เมื่อมีจำนวนรายชื่อที่มากกว่าเมื่อก่อนและปัจจุบันเราก็มีความน่าเชื่อถือมาก ดังนั้น การที่จะชวนคนเข้ามาร่วมMLMมันน่าจะง่ายมากๆ และทำให้เขากลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแบบสุดๆ
- นักเขียน นักลงทุน
คนที่ประสบความสำเร็จในด้านนี้ ผมมองว่าเขาต้องมีFanclubจำนวนมากที่ติดตามผลงานของเขา หากย้อนไปสมัยที่พวกเขาทำMLMแล้วไม่ประสบความสำเร็จเขาอาจยังไม่โด่งดัง ไม่มีชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือไม่ค่อยมี แล้วถ้าเป็นทุกวันนี้หละเขียนหนังสือสร้างแรงบันดาลใจให้คนมากมาย จะดีมั้ยครับถ้าเขาจะกลับมาทำMLM แล้วทำให้ชีวิตเขามันสุดยอดยิ่งขึ้นไปอีก
ล่าสุดผมพึ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เกี่ยวกับ อิสรภาพทางการเงินที่ช่วยให้เราเกษียณเร็วและรวย ในหนังสือเล่มนี้ได้ถ่ายทอดทัศนคติต่างๆเกี่ยวกับการทุ่มเททำอะไรสักอย่าง เพื่อให้มี Passive Income เข้ามาในกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็น ลงทุนด้วยสินทรัพย์ทางการเงิน กินเงินจากสินทรัพย์ทางปัญญา การทำอินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้ง การทำอสังหาริมทรัพย์ การซื้อแฟรนไชส์ และสุดท้ายที่ผู้เขียนกล่าวถึงก็คือ Passive Incomeด้วยธุรกิจเครือข่าย(MLM) ที่นำเสนอออกมาว่า Network Maketing เป็นสุดยอดธุกรกิจของศตวรรษที่21 เพราะมันเป็นวิธีสร้าง Passive Income ที่ง่ายที่สุดแล้ว ใช้เวลาเหนื่อย3-5ปีก็มีชีวิตที่เป็นอิสระไปตลอดชีวิต ไม่ต้องเครียดกับกิจการส่วนตัวของเราที่ประสบความสำเร็จแล้วแต่มันยังไม่เสร็จ(ในที่นี้ก็คือมันยังต้องคิดต่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปไม่เจ๊ง) ผมอ่านแล้วคิดในใจMLMมันเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ แค่เข้าไปในระบบไม่ว่าเป็นใครมาจากไหน มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกันแค่ไหน แต่ปลายทางคือประสบความสำเร็จเหมือนกัน ขอแค่Copyและทำตามแบบอย่างรุ่นพี่ทำประสบความสำเร็จแล้ว ไม่เข้าใจจริงๆในเมื่อมันง่ายขนาดนั้นทำไมหนอประเทศไทยถึงยังมีคนที่มีฐานะปานกลาง คนยากไร้เต็มไปหมด หรือเขาไม่รู้กันว่ามีธุรกิจแบบนี้อยู่บนโลก
ผมจึงอยากให้ช่วยแชร์ทัศนคติกันหน่อยว่า เหตุใดคนที่มีกิจการใหญ่โตกันแล้วถึงไม่คิดจะมาลองทำMLMอีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อพวกเขาต่างบอกว่าธุรกิจแนวนี้มันดี มันรุ่ง และมันตอบโจทย์กับคนในยุคนี้ที่ต้องการสร้างชีวิตโดยใช้เวลาไม่กี่ปี ที่สำคัญพวกเขาในวันนี้แตกต่างจากพวกเขาในอดีตมาก ทั้งความสามารถและประสบการณ์ ดังนั้น มันจึงไม่สมเหตุสมผลเลยที่คนเราเก่งกว่าเดิมมากๆแต่ไม่คิดจะกลับไปทำเป้าหมายที่เคยคิดในอดีตให้มันสำเร็จ