เกร็ดตำนาน Middle-earth Tales part VII(Final) ว่าด้วยฟินเวและมิริเอล

ห่างหายไปนานพอดูกับ Middle-eatrh Tales นะครับ วันนี้จะนำเสนอตอนสุดท้ายของโครงการนี้ให้ได้อ่านกัน จากความตั้งใจแรกที่จะแปลบท Palantiri ใน Unfinished Tales แต่พบกับปัญหาในการแปลและเรียบเรียงหลายๆอย่างเลยขอยกเลิกไปก่อน เผื่อวันใดในอนาคตภาษาแกร่งกล้าพอจะเอามาให้อ่านกันนะครับ ตอนสุดท้ายนี้จะขอเล่าเกี่ยวกับประวัติของกษัตริย์พระองค์แรกของชาวโนลดอร์อย่างฟินเวและมเหสีองค์แรกอย่างมิริเอล ทั้งสองเป็นบิดามารดาของเจ้าชายเฟอานอร์ผู้เป็นเลิศที่สุดในหมู่เอลดาร์ และเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับอินดีสพระมเหสีองค์ที่สองผู้เป็นพระมารดาของฟิงโกลฟินและฟินาร์ฟินอีกด้วย

ตอนเก่าๆ
ตอนที่ 1 ว่าด้วยพ่อมด http://ppantip.com/topic/33002070
ตอนที่ 2 ว่าด้วยธรันดูอิลและอาณาจักรป่า http://ppantip.com/topic/33007306
ตอนที่ 3 ว่าว่าด้วยลอธลอริเอน นิมรอเดลและอัมรอธ http://ppantip.com/topic/33015663
ตอนที่ 4 ว่าด้วยกาลาเดรียลและเคเลบอร์น http://ppantip.com/topic/33017873
ตอนที่ 5 ว่าด้วยเอเลสซาร์ http://ppantip.com/topic/33064462
ตอนที่ 6 ว่าด้วยมอร์ก็อธ VS อาริเอน http://ppantip.com/topic/33075299
จัดเต็มเรื่องเอล์ฟ
Part I  http://ppantip.com/topic/31406583
Part II http://ppantip.com/topic/31875266

Translated &Adapted from The History of Middle-earth Vol. 10 Morgoth's Ring: Later Version of the Story of Finwe and Miriel
ฟินเวและมิริเอล

ในยุคแห่งพฤกษาของอาณาจักรศักดิ์สิทธ์วาลินอร์ พวกเอลดาร์ทั้งสาวตระกูลได้เดินทางมาถึง เหล่าเอลดาร์เติบใหญ่งดงามทั้งกายและใจในดินแดนที่ได้รับการอวยพร ณ นครทิริออนเหนือเนินทูนา (Tirion upon the green hill of Tuna) นครหลวงของชาวโนลดอร์ทั้งมวล เป็นที่พำนักของฟินเว (Finwe) จอมกษัตริย์และมิริเอล (Miriel) ฟินเวมีผมดำสนิทและประกายตาสีเทาเฉกเช่นเหล่าโนลดอร์และพระนางมิริเอลมีเรือนผมสีเงิน สูงโปร่งราวดอกหญ้าสีชาวที่ชูช่อและเสียงอันนุ่มนวลอ่อนหวาน พระนางมักจะเปล่งบทเพลงอันไร้ซึ่งถ้อยคำขณะทรงงาน  โดยมากมักเป็นงานทอและปักผ้าด้วยฝีมืออันละเอียดประณีตยิ่งกว่าแม้กระทั่งในหมู่โนลดอร์เอง พระนางจึงมีอีกพระนามหนึ่งว่า เซรินเด นักถักทอ (Serinde:The Broideress)

ความรักของทั้งสองยิ่งใหญ่และงดงาม แต่แล้วเมื่อมิริเอลทรงพระครรภ์ พระนางกลับอ่อนกำลังลงทั้งกายและจิตวิญญาณ ด้วยพระกำลังทั้งหมดของพระนางถูกส่งมอบให้แก่พระโอรสในครรภ์เสียสิ้น และเมื่อให้กำเนิดพระโอรสองค์แรกแด่ฟินเว พระโอรสองค์ใหญ่นั้นมีนามจากพระบิดาว่า คูรูฟินเว (Curufinwe) และพระมารดาทรงเรียกขานโอรสว่า เฟอานอร์ จิตวิญญาณแห่งอัคคี (Feanor: Spirit of Fire) หลังจากมอบนามให้แก่บุตรแล้วพระนางทรงตรัสกับพระสวามีว่า “ หม่อมฉันมิอาจมีครรภ์ถวายแก่พระองค์ได้อีกแล้ว ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอยู่หม่อมฉันได้มอบให้แด่เฟอานอร์เสียสิ้น ”

ฟินเวเศร้าโศกนัก ด้วยเหล่าโนลดอร์ยังคงอยู่ในช่วงดรุณกาลแห่งเผ่าพันธุ์ ทั้งยังมีจำนวนน้อยนัก พระองค์ปรารถนาจะให้กำเนิดบุตรมากมายในดินแดนอาร์มัน พระองค์ตรัสแก่มิริเอลว่า “มันจะต้องมีหนทางแน่นอนในอาร์มัน ที่ซึ่งความป่วยไข้ใดๆจักได้รับการเยียวยา”

หากแต่มิริเอลสิ้นกำลังลงทุกที ฟินเวจึงนำพระนางไปยังเทพสภา และเทพบดีมานเวได้มอบนางอยู่ภายใต้การอภิบาลของเทพเอียร์โม ณ อุทยานลอริเอน (Lorien) ในช่วงเวลาแห่งการพลัดพราก (ซึ่งฟินเวเข้าใจว่าเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น) ฟินเวกลับวิตกด้วยมารดาจะต้องพรากจากบุตรในช่วงต้นแก่งการจำเริญวัย
“น่าเศร้ายิ่งนัก” มิริเอลรำพัน “หม่อมฉันคงต้องร้องไห้เป็นแน่หากมิได้สิ้นเรี่ยวแรงเช่นนี้ แต่ขออย่าได้กล่าวโทษหม่อมฉันในการนี้และสิ่งที่จักบังเกิดในกาลเบื้องหน้าเลย หม่อมฉันจักต้องพักเสียแล้ว ลาก่อน พระองค์ผู้เป็นยอดรัก” สิ่งที่พระนางเอ่ยยังไม่เป็นที่เข้าใจชัดเจนในครานั้น ใจนางมิใช่ปรารถเพียงพักผ่อนหากแต่หมายจะปลดเปลื้องภาระแห่งการมีชีวิต นางเอนกายลงภายใต้พฤกษาสีเงินในอุทยานลอริเอนและจิตของนางได้ละทิ้งร่างและเข้าสู่ท้องพระโรงของมานดอส (Hall of Mandos) ล่วงสู่เขตพระราชฐานของเทพีไวเร (Vaire: เทพีวาลิเอร์แห่งการถักทอ) ส่วนพระวรกายนั้นยังคงงดงามมิได้เน่าเปื่อยสลายภายใต้การดูแลของเหล่านางสนองพระโอษฐ์แห่งเทพีเอสเต (Este: เทพีวาลิเอร์แห่งความเศร้าโศก)

ฟินเวเต็มไปด้วยความทุกข์ พระองค์เสด็จไปประทับเคียงข้างร่างของมเหสีบ่อยครั้ง เพียรเผ้ากระซิบพระนามของนาง หากแต่มีแต่ความว่างเปล่า ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อันเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์มีเพียงฟินเวเท่านั้นที่คงเดียวดาย เมื่อกาลผ่านไปพระองค์ไม่เสด็จไปยังลอริเอนอีกเลย เงาของพระนางไม่เคยจางหา พระองค์ทุ่มเทแด่พระโอรสเพียงพระองค์เดียว เป็นทั้งบิดาและมารดาแก่เขาและมอบความรักให้เป็นเท่าทวี หากแต่พระองค์ยังเยาว์วัยและยังปรารถนาจะมีบุตรเพื่อเพิ่มความหรรษาแก่ครอบครัวของเขา  สิบสองปีผ่านไปหลังจากมิริเอลสิ้นพระชนม์ ฟินเวเสด็จไปเฝ้าเทพบดีอีกครา

“ข้าแต่พระองค์” ฟินเวทูล “โปรดดูเถิด หม่อมฉันสูญสิ้นทุกสิ่ง เดียวดายท่ามกลางเหล่าเอลดาร์ หม่อมฉันไร้ซึ่งคู่ครอง มิอาจหวังที่จะมีโอรสอีกนอกจากที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ไม่ต้องพูดถึงธิดาเลย ในขณะที่อิงเอและโอลเว (Ingwe: จอมกษัตริย์แห่งชาววันยาร์และกษัตริย์แห่งเอล์ฟทุกผู้, Olwe: จอมกษัตริย์เทเลรีแห่งอัลควาลอนเด) ต่างก็มีบุตรธิดามากมายในแสงรัศมีแห่งอาร์มัน หม่อมฉันกลับต้องทนอยู่เช่นนี้เรื่อยไปหรือ ด้วยภายในใจหม่อมฉันรู้ดีว่ามิริเอลจะไม่กลับมาจากเทพีไวเรแล้ว”

เทพบดีมานเวได้สดับก็เกิดความสงสารเป็นที่ยิ่ง พระองค์มีราชโองการให้จัดประชุมเทพสภาขึ้นท่ามกลายเหล่าวาลาร์ ไมอาร์และเหล่าเอล์ฟผู้อาวุโสในตำนานได้กล่าวถึงและบันทึกประชุมเทพสภาในคราวนี้ไว้ว่า “นัมมา ฟินเว มิริเอลโล: บัญญัติแห่งฟินเวและมิริเอล” (Namma Finwe Miriello: The staute of Finwe and Miriel) ซึ่งปรากฎบนกฎหมายในหมู่เอลดาร์ในภายหลัง ท่ามกลางที่ระชุมและข้อโต้แย้งอันยาวนาน มานเวทรงมอบให้เทพมานดอสประกาศผลการตัดสินแด่ที่ประชุม “นี่เป็นวิถีแห่งชีวิตที่องค์อิลูวาทาร์ได้มอบให้แด่พวกเจ้า ผู้เป็นบุตรของพระองค์ อย่างที่ทราบกัน ชีวิตของเควนดิเช่นเจ้าไม่อาจสิ้นสุดตราบจนอวสานสิ้นแห่งอาร์ดา และพวกเจ้าอาจมีคู่ครองได้เพียงหนึ่งเดียวในชีวิต ไม่มากไปกว่านั้น หากแต่ในขณะที่อาร์ดายังคงดำรงอยู่ และหากมีผู้ใดเข้ารับความตายโดยสมัครใจ ให้ถือว่าการสมรสเป็นอันสิ้นสุด และในการนี้องค์อิลูวาทาร์มอบอำนาจในการตัดสินนั้นแก่เทพบดีมานเว”

เมื่อหนึ่งในคู่ครอง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ว่าจะสามีหรือภรรยา จากไปอยู่ภายใต้การดูแลของมานดอส ฝ่ายที่ยังคงดำรงชีพอยู่สามารถมีคู่ใหม่ได้ หากแต่คู่ครองคนเดิมจักต้องไม่หวนคืนกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีก หากแต่จะให้การสมรสสิ้นสุดลงตลอดกาลด้วยลักษณะใด? โดยความสมัครใจของผู้วายชนม์? โดยคำตัดสินแห่งมานดอส? โดยความสมัครใจคือเมื่อผู้วายชนม์ตัดสินใจจะไม่หวนคืนสู่ชีวิตอีก หรือโดยเทพมานดอสตัดสินที่จะมิให้ทั้งสองได้มาครองคู่กันอีก
เทพสภาตัดสินให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้วายชนม์ “ด้วยมันจะทำให้ผู้ที่ยังดำรงอยู่ตัดสินใจได้โดยง่ายและรับประกันว่าจะไม่มีวันที่ทั้งสองจะหวนคืนมาได้อีก  ในกรณีที่ผู้ตายไม่ปรารถนาจักหวนคืนสู่ชีวิต อีกฝ่ายย่อมมีคู่ครองคนใหม่ แต่ขอให้รับรู้ไว้ว่าเมื่อได้ตัดสินใจลงไปแล้ว ฝ่ายผู้ตายมิอาจเปลี่ยนใจที่จะหวนคืนได้ในภายหลังและจักต้องอยู่ในท้องพระโรงแห่งการรอคอยต่อไป ด้วยไม่อาจมีผู้ใดในเหล่าเควนดิจักหาญมีคู่ครองถึงสองในขณะที่ยังมีสติและดำรงชีพอยู่” นี่จึงเป็นประกาศิตของเทพนาโม มานดอส

เหล่าเอลดาร์ในเทพสภาจึงทูลถามว่า “แล้วการเลือกนั้นจะเป็นที่ทราบโดยทั่วกันได้อย่างไร” เทพสภาจึงมีดำรัสตอบ “คำร้องของผู้ตายจะส่งตรงถึงเทพมานเว และมานดอสจักแจ้งให้ทราบ ด้วยจะมีผู้ใดที่ยังมีชีพชนม์อยู่จักเข้าใจเจตนาของผู้ตายได้”

เทพมานดอสจึงได้ตรัสแก่ฟินเว “เจ้าได้สดับคำตัดสินของเทพสภาแล้ว หากมิริเอลมิปรารถนาจักหวนคืน การสมรสของเจ้าทั้งสองถือเป็นสิ้นสุด และเจ้าจักสามารถค้นหาสตรีผู้จักเป็นภรรยาได้อีกครา แต่จงฟัง อย่าได้เร่งร้อน ด้วยการตัดสินใจครั้งนี้อาจนำพาความโศกเศร้ามาในหลายๆทาง จงอย่าเร่งร้อน”
ฟินเวจึงทูลตอบไป “หม่อมฉันมิเร่งรัดในการนี้ พระองค์และมิได้คาดหวังใดๆเว้นแต่หวังให้มิริเอลเข้าใจถึงสิ่งที่จักเกิดขึ้น”

เทพีไวเรจึงได้สนธนากับมิริเอลถึงความเศร้าโศกแห่งฟินเว หากแต่มิริเอลตอบองค์เทพีว่า “หม่อมฉันละจากร่างกายมาและไม่ปรารถแม้เพียงน้อยนิดที่จะกลับไป ด้วยชีวิตนี้หม่อมฉันมอบทั้งหมดให้แด่เฟอานอร์ บุตรของหม่อมฉัน สิ่งที่หม่อมฉันได้มอบให้บุตรนั้นมิอาจมอบให้แก่ผู้ใดได้อีก สิ่งใดๆในอาร์ดานั้นอาจเยียวยาได้แต่มิใช่กับกายหม่อมฉัน”

องค์เทพีจึงตรัสแก่มานดอสผู้สวามี “หม่อมฉันได้สนธนากับนางและนางจักอยู่กับหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้ดีว่าจิตดวงนั้นเล็กกระจ้อยร่อยหากแต่แข็งแกร่งนัก นางมิปรารถนาจะหวนคืนสู่ชีวิตหรือฟินเวดอกแม้ว่ากาลแห่งอาร์ดาจะผ่านไปนับยุค”

มานดอสจึงเรียกวิญญาณของมิริเอลมาและตรัสแก่นาง “เจ้าได้ผูกมัดตนเองเข้ากับกฎข้อนี้แล้ว มิริเอล ผู้เคยเป็นคู่ครองแห่งฟินเว เจ้าจักพำนักอยู่ในมานดอส แต่จงฟังให้ดีเจ้าเป็นหนึ่งในเควนดิ เจ้าจักต้องดำรงอยู่กับอาร์ดาตราบจนอวสานสิ้น พวกเจ้านั้นต่างจากเราเหล่าวาลาร์ พวกเจ้าอ่อนแอต่อความปรารถนาของตน อย่าได้ประหลาดใจเลยหากเจ้าจะเปลี่ยนไปเมื่อเวลาผันผ่าน สิ่งที่เจ้าได้เลือกจะนำความโศกเศร้ามหาศาลมาสู่ตัวเจ้าเอง แน่ล่ะและต่อผู้คนอื่นอีกมากมาย” มิริเอลเพียงแต่นิ่งเงียบ เป็นเวลาถึงสิบสองปี เทพมานดอสจึงได้รับการเลือกของนางและประกาศในสิ่งที่นางได้เลือก
มิริเอลเลือกที่จะอยู่กับเทพีไวเรและช่วยเหลือองค์เทพีในการถักทอผืนผ้าอันบันทึกประวัติศาสตร์แห่งอาร์ดา นางมีส่วนมากในการบันทึกเรื่องราวของวงศ์แห่งฟินเว และประวัติศาสตร์ของชาวโนลดอร์ผู้คนของนางเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่