ออกไปหาแรงบันดาลใจ กลับได้น้ำใจที่น่ารักกลับมาเพียบ กับ รีวิว งานวิ่ง Singha Obstacle Run เก่ง แกร่ง กล้า Ep.4

ตอนนี้ก็เริ่มออกกำลังกายค่อนข้างเบามาสักพักแล้วค่ะ แนวออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ วิ่งอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 7-8 km. แต่ลักษณะการทานนี่สิคะ ยังทานเหมือนตอนซ้อมฟลูมาราธอนเลย เลยเริ่มออก Yoyo Effect เริ่มต้องแบกร่างหนักขึ้นออกมาวิ่งแล้วค่ะ กอรปกับทางที่ทำงานมีวาระแห่งชาติในการลด BMI ด้วย ในฐานะผู้นำที่ดี (หัวหน้าแก๊งส์เด็ก) ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ก็เลยลองหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ตัวเองอีกสักครั้ง ก็มาเห็นงานวิ่ง สิงห์ เก่ง แกร่ง กล้า ครั้งที่ 4 จัดที่แก่งกระจาน (ส่วนตัวชอบไปแก่งกระจานค่ะ สวย สงบดีค่ะ) มีแบบระยะ 7.5 km. (Website ตอนสมัครบอกว่ามี 10 ด่าน) กับ 15 km. ก็คือ วิ่ง 2 รอบ



ตกลงเลือกสมัครแบบ 15 km. โดยไม่ได้คิดอะไรมาก มั่นใจว่ายังไงตัวเองก็วิ่ง 15 km. ได้อยู่แล้ว (บางทีก็เกลียดตัวเองตรงความมั่นใจในตัวเองชอบมาผิดที่ผิดทางบ่อย ๆ ) ที่พักก็จองที่ ไทย ไดมอนด์ แลนด์ แก่งกระจาน (ชื่อเดิม แก่งกระจานคันทรีคลับค่ะ ถ้าใครที่เคยไป Columbia trail ปีที่แล้ว ก็ที่เดียวกันนี่ล่ะค่ะ) งานวิ่งคราวนี้กะตื่นเดินไปงานวิ่งเลยค่ะ ไม่ไปหาข้างนอกแบบคราวที่แล้ว

การซ้อมของเรา ไม่มีอะไรเพิ่มเติมเลยค่ะ แม้จะรู้ว่ามันมีมากกว่าการวิ่ง ต้องปีนป่าย แต่เราก็ยังคงไม่ได้ออกกำลังกายในส่วนของแขนค่ะ แขนยังมีไว้แค่คัดอักษรจีนกับจดรายงานการประชุม ที่มีเพิ่มขึ้นคือ ในวันหยุดพยายามออกมาวิ่งช่วง 4 โมง เพื่อให้ร่างกายชินกับอากาศร้อนบ้าง (แต่วัตถุประสงค์หลักก็เพื่องานวิ่งของที่ทำงานที่จะจัด 4 โมง กับงาน Ultra Marathon)

แล้วก็ขอตัดฉับไปเล่าเรื่องวันที่ วิ่งเลยล่ะกันนะคะ รูปเราใช้จาก Website ของ ผู้จัดงาน www.ama-events.com ประกอบการเล่าเรื่องนะคะ เพราะเพื่อนเราก็ไม่ได้ตามไปถ่ายในจุดลึก ๆ แล้วก็อาจจะเป็นภาพท่านอื่น ๆ นะคะ เนื่องจากก็ไม่ได้มีรูปเล่าในทุกฐาน (พยายามใช้รูปที่เห็นหน้าไม่ค่อยชัดนะคะ ถ้าติดภาพใครมา ขออภัยไว้นะคะ แจ้งเราลบได้ค่ะ) แต่เรื่องเล่าจะเป็นประสบการณ์แบบอ่อนด้อยของเราค่ะ  อ้อ.. เราคิดว่าเราจำได้ทั้ง 16 + 5 ด่านนะคะ แต่จะลำดับผิด แต่ก็มาเรียบเรียงเอาจากแผนที่ใน Web ค่ะ



สำหรับงานนี้ ทางผู้จัดงาน แจ้งไว้ล่วงหน้านะคะ ว่าผู้เข้าแข่งขันจะต้องมีถุงมือ ถ้าไม่มีถุงมือจะไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขัน เราก็เตรียมมาพร้อมค่ะ ก่อนออกสตาร์ท ยังพูดกับเพื่อนมาอีก 2 ชม. มารอรับที่เส้นชัยนะ ยังคิดว่า เวลาวิ่งรวมกับเวลาเล่นด่านต่าง ๆ ไม่น่าจะเกินกว่านี้สำหรับ 2 ชม.



พอถึงเวลา Brief การแข่งขัน ได้ยินคนข้าง ๆ พูดกันว่า “งานนี้มาคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ มันต้องมี Buddy มาด้วยกัน” ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม แบบว่า วิ่งคนเดียวมาตลอด งานนี้ก็มาวิ่งคนเดียว ทำไงดีเนี่ย มองซ้าย มองขวา มองมันทั่ว ๆ งาน เจอคนรู้จักแล้ว ได้ 1 คนถ้วน !!! คือ โค้ชที่เคยเทรนให้ตอนจะเริ่มเล่นไตรกีฬา เลยเข้าไปสะกิดแล้วก็บอกว่า พี่ค่ะ ยังไง ๆ ช่วยหนูด้วยนะคะ
แล้วก็ถึงเวลาปล่อยตัวค่ะ ก็ยังหัวเราะอยู่นะคะ



มาสักพัก ก็จะเจอกับด่านแรก Giant Net Climb อันนี้ก็ไม่อะไรมากค่ะ ปีน ๆ ไปพอได้ สำหรับเรารอบแรกก็จะออกอาการรน ๆ นิดนึงค่ะ เพราะคนเยอะค่ะ ต้องรอคิวขึ้นแล้วก็มีคนต่อคิวข้างหลังอีก เราเลือกที่จะออกตัวกลาง ๆ ค่อนไปทางท้าย คือ รู้ว่าตัวเองจะช้าแน่ ๆ แต่ถ้าท้ายไปเลยก็กลัวว่าบางด่านอาจจะต้องให้คนช่วยแล้วหาไม่ได้ กลยุทธ์ คือ วิ่งนำหน้าโค้ชไว้ ไม่มีใครก็ให้โค้ชช่วยนี่ล่ะ พี่เค้าใจดี แต่พอรอบ 2 เล่นคนเดียวค่ะ ปีนไปแบบตามสบาย



ด่านที่ 2 ติด ๆ กันค่ะ Pits of Hell ก็วิ่งลงไปในน้ำ แล้วก็ปีนบ่อขึ้นมา จะมีเชือกอยู่ที่ข้างบนบ่อค่ะ รอบแรกก็พอปีนไปได้ เรามามีปัญหานิดหน่อยที่รอบ 2 ค่ะ คือวิ่งมาคนเดียวแล้วค่ะ แล้วคนก่อนหน้าน่าจะปีนแล้วไม่ได้เอาเชือกหย่อนลงมา กองอยู่บนเนิน เราก็ปีนเนินดินไม่ขึ้นค่ะ ลื่น ก็มีเจ้าหน้าที่บอกว่า น้อง ๆ เดินบนคันดินขึ้นไปเหอะ แหะ ๆ ขอบคุณค่ะ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่คงเห็นว่าเรามารอบ 2 แล้ว แถมเวลาก็แย่แล้ว เพราะเราจบรอบแรกก็ปาไป ชั่วโมงครึ่งแล้วค่ะ



ด่านที่ 3 Barrel Bout ก็เดินมุดไปตามน้ำผ่านถังไป ในถังจะมีน้ำอยู่ค่ะ ก็ผลัก ๆ ให้ผ่านไป



ด่านที่ 4 Cobra Swamp อันนี้น่าจะเป็นมุดลงไปในบ่อ ที่มีตาข่ายอยู่ด้านบนนะคะ (จำชื่อด่านไม่ได้ มันจะมีด่านนี้ กับอันที่เดินบนหินในน้ำ) สำหรับบ่อน้ำอันนี้เราใช้วิธี เกาะไม้ด้านล่างแล้วก็ลอยคอไปค่ะ ไม่แน่ใจความลึกนะคะ เหมือนไม่ได้เอาเท้าหย่อนไปดู แต่คิดว่าถึงปากเราได้น่ะค่ะ เลยเกาะไม้ที่ขึงตาข่ายไว้แล้วลอยตัวไปเอา



ด่านที่ 5 Palm Bridge ข้ามสะพานต้นปาล์ม ต้นปาล์มต้นใหญ่อยู่ค่ะ ถ้ากลัวเดินไปช้า ๆ ยังไงก็ไม่ตกค่ะ



ด่านที่ 6 Over the Net ด่านนี้ตัดกำลังแถมทำเราหมดสภาพตั้งแต่รอบแรกค่ะ คือมันจะมีคนมารอที่ฐานนี้เยอะนะคะ เพราะมันไปได้ทีละ 2 คน หรืออย่างเรา คนข้างหลังแอบกลัวแทนเรารึเปล่าไม่รู้นะคะ ไม่มีคนขึ้นพร้อมเราเลย แต่เราอาจจะรนเองค่ะ พอตอนกลับตัวลง เราลงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ปลายเท้าเกี่ยวกับตาข่ายค่ะ เราเลยเอาเข่ากระแทกพื้นค่ะ แม้ว่าจะมีกองฟางอยู่ แต่ไม่พอค่ะ เรารู้สึกเจ็บค่ะ แอบคิดเหมือนกันว่า จะเอาชีวิตการวิ่งมาทิ้งแถว ๆ นี้ไหมเนี่ย ก็คิดว่าลองดูไปค่ะ ว่าจะไหวไปถึงด่านไหน ส่วนรอบ 2 มีคุณชาวต่างชาติใจดี ช่วยดึงตาข่ายตึง ๆ ให้ แล้วไม่มีคนต่อแถว เราก็พอผ่านได้ค่ะ



ด่านที่  7 Trench Warfare ปีนสะพานไม้ ก็ค่อย ๆ ล็อกแขนแบบเกาะหน้า-หลัง แล้วก็ปีนขึ้นไปค่ะ แล้วก็ไถลก้นลงมา ก็พอไหวค่ะ



ด่านที่ 8 House on the Hill  แล้วก็เจอด่านที่เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แล้วค่ะ เพราะต้องปีนและต้องใช้แขนต่อเนื่องค่ะ แถมไม่พอ เรารู้สึกว่าความห่างของบันได มันเกินกว่าระยะขาสั้น ๆ ของเราค่ะ จะเป็นการปีนขึ้นฝั่งขวามือ พอขึ้นไปได้ จะปีนเข้าหน้าต่าง ก้มตัววิ่งบนกองฟางที่วางอยู่เต็มห้องชั้นบน แล้วก็ปีนลงมาทางด้านซ้ายมือ กว่าจะปีนบันไดขึ้นไปก็ค่อนข้างยากสำหรับเราแล้วค่ะ แต่มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยดึงมือตอนท้ายให้นะคะ แต่แล้วเราก็ดันปีนเข้าหน้าต่างไม่ได้ค่ะ ได้พี่คนที่ขึ้นตามหลังมายกปลายเท้าพาดหน้าต่างให้ค่ะ เลยผ่านไปได้ ตอนลง มีเจ้าหน้าที่บอกค่ะ ว่าให้เราเอามือจับไว้ที่ปมบันไดแล้วค่อยสอดขาลอดลงมา ก็เลยผ่านไปได้อีกด่าน



ด่านที่ 9 Rocky Ravine ต่อมาก็วิ่งลงเนินที่มีแต่หินค่ะ ก็เลือก ๆ เอาหินที่มีระยะห่างไม่มาก ก็โดดดึ๋ง ๆ เป็นมาริโอ้ลงไป



ด่านที่ 10 Crocodile Creek ต่อมาก็ลงน้ำค่ะ ก็ไม่ได้มีอะไรในน้ำนะคะ เหมือนน้ำจะอยู่ระดับอกค่ะ เดินลุยไปได้เฉย ๆ ค่ะ บางคนก็ว่ายน้ำไปก็มีค่ะ แต่พอดีเราว่ายน้ำแบบเงยหน้าไม่เป็นค่ะ ก็เลยคิดว่าเดินลุยไปดีกว่าค่ะ



แล้วก็วิ่งไปตามทางร้อน ๆ ค่ะ เพื่อจะไปลงบ่อโคลนดูดที่ด่านที่ 11 The Bog  แค่เดินบนโคลน ก็ลำบากแล้วค่ะ ยังต้องไปแบบมุดตาข่ายไปอีกแล้วค่ะ รอบแรกเราใช้วิธีเกาะไม้ที่ขึงตาข่ายไป แต่พอหมดตาข่ายก็ต้องตะกุยโคลนไปอีกระยะพอควร พอรอบที่ 2 เลยใช้วิธี ตะกุยเหมือนว่ายลูกหมาตกน้ำไปเลยจนเกือบถึงฝั่งค่ะ ดูเหมือนจะไปได้เร็วกว่ารอบแรก แต่พอยกเท้าสุดท้ายยกไม่ขึ้นค่ะ แถมขาซ้ายเหมือนกำลังจะตะคริวขึ้นด้วย เลยต้องใช้แรงจากแขนที่ก็เกือบจะไม่มีแล้วดันตัวเองขึ้นไปบนฝั่ง



แล้วด่านต่อไปก็คือสิ่งที่เห็นแล้ว ช็อก เป็นจุดที่รู้ว่าตัวเองไม่มีปัญญาผ่านไปได้แน่ ๆ คือด่านที่ 12 The Walls แค่ กำแพงเดียวก็แย่แล้ว มี “S” อีก ใช่ค่ะต้องปีนกำแพง 2 อันซ้อน อันแรกทำจากไม้วางขนานต่อ ๆ กัน แต่ก็ไม่ได้มีตรงไหนให้เกาะมือ หรือวางเท้าที่จะปีนขึ้นไปได้ (หรือคนอื่นอาจจะเหยียบได้บ้าง) ณ จุดที่อึ้งนั้น มีเคนย่า (มั้งค่ะ) วิ่ง ๆ มาแล้วก็กระโดดเกาะปีนผ่านหน้าไปเฉย ๆ เอิ่ม แล้วเราจะเอายังไงดีล่ะเนี่ย

  

    ด้วยความใจดีของหลาย ๆ คนค่ะ พี่หลาย ๆ ท่านบอก น้องผู้หญิงขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวพี่ส่งขึ้น ก็ไม่รู้ว่าด้านล่างต้องใช้กี่คนที่ดันขึ้นไปได้ พร้อมกับน้องข้างบนดึงแขนขึ้นไป ณ ตอนที่ไม่รู้ตัว ก็ข้ามผ่านกำแพง มาอยู่อีกฝั่งได้ แต่แล้วมันก็มีกำแพงปูนตรง ๆ อีกอัน เห็นแล้วก็อึ้ง ก็เหมือนเดิมค่ะ คนใจดีทั้งหลายต่างพากันเอาเราผ่านกำแพงนั้นมาได้ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ



ด่านต่อมาด่านที่ 13 The Bamboo Bridge ข้ามสะพานไม้ไผ่ อาจจะมีหลายคนวิ่งผ่านได้นะคะ แต่ตอนเรามารอบแรก สะพานก็เริ่มไม่ค่อยตรงแล้วนะคะ เจ้าหน้าที่บอกว่าจุดนี้น้ำเกือบ 2 เมตร ช่วงเราไป ทุกคนเลือกคลานไปบนไม้ไผ่ค่ะ ตรงนี้ทำให้ความเจ็บเข่าเราเพิ่มขึ้นมาอีก ส่วนรอบสอง สะพานดูไม่น่าจะคลานได้แล้วค่ะ เอียงจมน้ำไปบางส่วน เลือกลงน้ำเกาะขอบไม้ไผ่ ดึงตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ หลาย ๆ คนก็ลงน้ำเกาะไปแบบเรากันแล้วค่ะ

อ้อ...สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น ทางงานมีเตรียมเสื้อชูชีพไว้ให้ด้วยนะคะ



ด่านที่ 14 The Falls ปีนน้ำตกจำลองค่ะ อันนี้เราชอบนะคะ น้ำเย็นดี น้ำใสด้วย ได้ล้างเนื้อล้างตัวสะอาดหน่อย แล้วก็แต่ละชั้นที่ต้องขึ้น ความสูงไม่มาก พอไปได้ด้วยตัวเอง เว้นแต่มี หินอยู่อันนึงที่จะสูงเกินความสามารถแรงแขนเราไปสักหน่อย ก็โชคดีพี่คนข้างหลังช่วยผลักขาขึ้นไป ผ่านไปอีกอย่าง

ด่านที่ 15 Innertube Bridge ข้ามสะพานที่ทำจากยางไปค่ะ อันนี้ก็ใช้วิธีคลานเกาะ ๆ ข้ามไป ส่วนตัวรู้สึกว่ายากกว่าไม้ไผ่ แถมถ้าคนข้างไปเร็ว ตัวเราจะทรงตัวยากค่ะ ปัญหาเรามาเกิดตอนรอบ 2 ค่ะ รอบแรกแม้จะเจ็บเข่าก็ยังผ่านไปได้ค่ะ รอบ 2 มีช่วงที่เราเสียจังหวะ นอนพับลงไปบนยางค่ะ แล้วก็ไม่สามารถพยุงตัวได้แล้ว แขนดันไม่ขึ้นเลย ก็ได้ยินคนข้าง ๆ ถามว่าไหวไหมครับ ๆ แต่เราก็ไม่ไหว และเริ่มเซ ก็เลยเกิดการตัดสินใจทิ้งตัวลงน้ำไปเลย (ไม่รู้ผิดกฎไหมนะคะ) ว่ายน้ำไปเอาค่ะ พอถึงฝั่งก็มีคนช่วยเอาเชือกให้แล้วก็ดึงมือขึ้นไป พร้อมบอกว่า ผมเข้าใจครับรอบสอง คงไม่เหลือแรงเท่าไหร่แล้ว อายจังค่ะ แต่ก็ขอบคุณที่ช่วยดึงขึ้นไปนะคะ



ต่อมาเป็น สไลด์เดอร์ค่ะ (เอ๊ะ สงสัยว่าจะถือรวมกับด่านสะพานยางนะคะ ไม่มีจุดนับเลขค่ะ) ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ ก็ไหลลงไป แล้วก็รีบลุกปีนขึ้นฝั่งไป แต่ไม่รู้ว่ารอบสองทดน้ำออกไปหรือว่าทรงตัวได้มากขึ้นนะคะ รู้สึกว่ารอบสองลงสวยกว่ารอบแรกค่ะ 555 รอบแรกน้ำเข้าจมูกเต็มเลยค่ะ แต่ต้องรีบลุกค่ะ เดี๋ยวข้างหลังลงมาชนกันได้ แต่ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เจ้าหน้าที่ด้านบน จะดูการปล่อยตัว เจ้าหน้าที่ด้านล่างจะรีบคว้าตัวเราหลบเอง ถ้าเราลุกไม่ทันนะคะ

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  วิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่ง กีฬา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่