ยินดีด้วยกับตีนผีชาวไทย ไม่ต้องกลัวคุกอีกต่อไป มาร่วมกันสร้างสถิติอันดับหนึ่งของโลกกัน

********เนื้อหาเพิ่มเติม  เพิ่มเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2558 เวลา 16.30 น.**********************
ขอ update เพิ่มเติมเพราะผมได้ email คุยกับเจนเนลให้เธอเล่ารายละเอียดบางอย่างให้ฟัง

ผมได้พูดคุญซักถามเจลเนลเรื่องการเซ็นสัญญาและเงินชดเชยที่เธอได้รับ เธอตอบผมมาผมของสุปให้ดังนี้นะครับ


เจนเนลได้รับเงินชดเชยเบื้องต้น 200,000 บาทจากกรุงไทยพานิชประกันภัย  บริษัทเอาเงินมาให้ในวันงานศพของฟรานเซสโกพร้อมกับแผ่นบอร์ดใหญ่ๆ รูปเช็คเพื่อจะทำข่าวถ่ายรูปการมอบเงินยังกับว่าเจนเนลเป็นผู้ได้รับรางวัล  เธอปฏิเสธที่จะถ่ายรูปแบบไร้รสนิยมเช่นนั้น เธอถามกลับมาว่าบริษัทคิดว่าเธอได้รับรางวัลอย่างนั้นหรือ


นอกจากนี้ ระหว่างอยู่ใน รพ.ที่บัวใหญ่ ตีนผีมาพร้อมล่ามและกลุ่มคนอีกกลุ่มที่เธอไม่รู้จักว่าใครเป็นใครเพื่อมาเสนอจ่ายค่าชดเชย ซึ่งในเบื้องต้นเธอปฏิเสธ  ในวันที่ 5 มีนาคม การสอนสวนของตำรวจยังไม่เสร็จ งานศพของสามีก็ยังไม่ได้ทำ ล่ามเอาเอกสารข้อตกลงเป็นภาษาไทยมาให้เธอเซ็น  มีการบอกให้เพื่อนของเธอออกไปนอกห้อง  ทุกอย่างกระทำด้วยความรวดเร็วไม่ให้เธอได้ตั้งตัวและไม่มีเวลาคิด  ล่ามให้เธอเซ็นชื่อในเอกสาร แต่ล่ามไม่ได้อธิบายข้อความในสัญญาให้เธอเข้าใจกระจ่างโดยเฉพาะ 2 ข้อความสำคัญ อย่างแรกคือเธอจะไม่ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากตีนผีอีก  อย่างที่สอง เธอจะไม่ติดใจผลการตัดสินของศาล ขณะที่รายงานอย่างเป็นทางการระบุว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นความผิดของตีนผีอย่างเดียว ที่แซงซ้ายบนไหล่ทางด้วยความเร็วสูงมากกว่า 80 กม/ชม มาชนฟรานเซสโกและครอบครัวที่ปั่นจักรยานอยู่บนไหล่ทาง  


เธอเล่าต่อว่า ช่วงที่เธออยู่ในโรงพยาบาล มีใครต่อใครมาพบเธอมากมายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ และ เธอต้องเซ็นเอกสารเมื่อเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมา  ดังนั้นเอกสารที่บอกว่าเธอไม่เรียกร้องค่าชดเชยและไม่ประสงค์จะติดใจเอาความ เป็นลูกเล่นชั่วๆ ของตีนผีที่จะแค่จ่ายเงินให้เธอแสนเดียวสำหรับความสูญเสีย และตัดตอนไม่ให้เธอเรียกร้องความยุติธรรมเพิ่มเติมได้ทั้งทางแพ่งทางอาญา โดยใช้ข้อจำกัดด้านภาษา และความไม่รู้ว่าเธอกำลังเซ็นเอกสารอะไร


เธอยังได้เล่าเรื่องการพูดคุยกับตัวแทนจากกรุงไทยพานิชประกันภัยที่ตีนผีทำประกันรถไว้ ตัวแทนประกันมาหาเธอที่ รพ บัวใหญ่สองครั้งเพื่อพูดคุยเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายเป็นระดับผู้จัดการ  เธอได้ถามตัวแทนไปว่าวงเงินค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่(หมายถึงวงเงินต่ำสุด – สูงสุดที่บริษัทจะจ่าย)  เพราะเธอไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้ เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะได้รับเงินชดเชยเท่าไหร่ เธอประเมินไม่ได้ว่าเธอควรจะเรียกร้องเท่าใด เธอไม่ได้รับคำตอบ ตัวแทนแค่โชว์เอกสารให้เธอประเมินเอาเอง


เธอจึงถามต่อเพื่อให้ตอบง่ายขึ้น ว่าบริษัทเคยจ่ายสำหรับอุบัติเหตุแบบนี้เป็นเงินมากที่สุดเท่าไหร่  เธอก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน  แม้ว่าเธอจะได้ถามย้ำไปหลายครั้ง
ตัวแทนบอกว่าการบาดเจ็บของเธอไม่รุนแรง ดังนั้นบริษัทจะไม่จายเพิ่ม ทั้งที่แม้แต่ปัจจุบันเธอยังต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดินเพราะขาหัก  ลูกชายวัย 14 เดือนเสียพ่อไป  และเนื่องจากฟรานเซสโก้ต้องการเดินทางรอบโลกด้วยจักรยาน จึงปิดกิจการโรงเรียนสอน  lifeguard ที่ชิลี ใช้เงินเก็บที่สะสมมา 20 ปี เพื่อเติมความฝันด้วยการเดินทางด้วยจักรยานรอบโลกครั้งนี้

บริษัทประกันเสนอจะจ่ายทั้งหมดเท่านี้ และไม่ยอมเจรจาเพิ่มเติมกับเธออีก

1.    ค่าเสียหายทางด้านทรัพย์สิน บริษัทจะจ่าย 150,000 บาท (สัญญารับผิดชอบสูงสุด 600,000 บาท) เจนเนลเล่าว่า เฉพาะจักรยานที่เธอและฟรานซิสโกใช้เดินทาง ราคาประมาณคันละ 80,000 บาท (นักปั่นทัวร์ริ่งระยะไกล จะเลือกใช้จักรยานที่แข็งแรงและมีสมรรถนะดี ซึ่งราคาจะแพง และที่ฟรานเซสโกเลือกใช้จักรยานราคาแพงเพราะต้องการจะทำสถิติโลก เพื่อจะได้รับเงินรางวัลจากGuinness book of Records US$200,000 ) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ต่างๆ

2.    ชดเชยการตายของฟรานเซสโก 300,000 บาท เจนเจลเข้าใจว่านี่คือจำนวนเงินสูงสุดในกรมธรรน์ น่าบอกว่าน่าเศร้าที่ค่าชีวิตของใครซักคนในไทยมีเท่านี้เอง

3.    ค่าชดเชยการบาดเจ็บของเธอและลูกชาย บริษัทต้องการจ่าย 180,000 บาท ในขณะที่สัญญาในกรมธรรน จะจ่าย 300,000 บาทต่อราย  เจนเนลอยากจะให้บริษัทจ่ายเต็มวงเงินให้เธอและลูก เป็นเงิน 600,000 บาท เพราะเธอต้องใช้ชีวิตต่อไปในสิงคโปร์

วีซ่าของเจนเนลจะหมดวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ และเธอต้องกลับสิงคโปร์  เพื่อสมาชิกท่านใดยินดีจะให้ความช่วยเหลือเธอ โดยเฉพาะในทางกฏหมายและการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม ติดต่อเธอได้เลยตาม email jennelng@yahoo.com นี้  

เพื่อนสมาชิกท่านใดรู้จักผู้สื่อข่าวหรือสื่อสำนักไหนๆ อยากให้ช่วยนำเสนอเรื่องนี้ด้วย อย่าแค่ทำข่าวแต่ช่วงที่เกิดเหตุ ช่วงที่ขายข่าวได้ น่าสนใจ น่าสงสาร แต่อยากให้ติดตามเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอด้วย กระทู้นี้ได้รับการแชร์ใน FB มากกว่าหนึ่งหมื่นสี่พันครั้ง แต่ผมไม่เห็นสำนักข่าวไหนช่วยรายงานหรือติดตามเรื่องให้เลย อย่าปล่อยให้ความสูญเสียของใครซักคนที่เกิดจากความประมาทของตีนผีเลวๆ ทั้งหลายเป็นเรื่องไกลตัวเรา เพิกเฉยดูดายจนกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม เพราะวันนึง คนที่เรารักนั่นแหละที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของสวะบนท้องถนนพวกนี้

********จบเนื้อหาเพิ่มเติม  เพิ่มเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2558 เวลา 16.30 น.**********************


ขอแสดงความยินดีกับตีนผีชาวไทยทั้งหลาย เพราะไม่ว่าจะขับรถได้เลวทรามต่ำช้าเพียงใด ไม่ต้องกลัวติดคุกกันอีกต่อไป
ไม่ว่าจะก๊งเหล้ามาเต็มที่  
แซงซ้ายบนไหล่ทาง
ขับไปโทรศัพท์ไป ขับไปก้มหาของไป
แข่งกันในเมือง
ไม่ติดป้ายทะเบียนรถ
ใช้ไฟแยงตาผู้คน
ฝ่าไฟแดงชนคนข้ามถนนที่ทางม้าลายตาย  
เหยียบจักรยานที่วิ่งบนไหล่ทางตาย
ฯลฯ
ไม่ว่าเหล่าตีนผีทำลายชีวิตและครอบครัวผู้บริสุทธิ์ด้วยความประมาท  มักง่าย ต่ำทรามเพียงใด  ระบบยุติธรรมไทยยินดีให้โอกาสเสมอ เพียงจ่ายค่าปรับนิดหน่อย บวกเงินชดเชยอีกเล็กน้อย เพียงแค่นี้เหล่าตีนผีก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ทิ้งความยุ่งยากใจและครอบครัวที่พังทลายของเหยื่อไว้เบื้องหลังแบบสะดวกๆ

มาช่วยกันเถอะ ช่วยกันอีกนิด  ตอนนี้เราเป็นอันดับสองของโลก  อันดับหนึ่งอยู่อีกไม่ไกล มาร่วมกันสร้างสถิติกัน  ไทยต้องเป็นอันดับหนึ่งของโลกให้ได้ เอาให้ระบือลือลั่นคนไทยไม่แพ้ใคร ถ้าร่วมใจกันเราทำได้  ช่วยกันทำตามใจมากๆ ไม่ต้องแคร์ใคร เอาตัวเราเป็นศูนย์กลาง  น้ำใจและความเผื่อแผ่วางไว้ที่บ้าน จำไว้ ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ ทับใครตายจ่ายก็แค่ไม่กี่ตังค์  มาตั้งเป้าให้ไกลแล้วไปให้ถึง มาช่วยกันคว้าอันดับหนึ่งของโลกและของจักรวาลมาให้ได้ ทำให้โลกต้องจดจำ ถ้าอยากตายแบบไร้ค่า มาร่วมใช้ถนนบนเมืองไทย


คงยังจำครอบครัวนักปั่นชาวชีลีที่ปั่นกันทั้งครอบครัวแล้วโดนตีนผีแซงซ้ายมาชนตายกันได้
โชคยังดีภรรยาชาวสิงคโปร์และลูกชายปลอดภัย
วันนี้เธอมา update ความคืบหน้าให้ฟัง ในคดีอาญา ตีนผีวัย 64 ได้รับการรอลงอาญา 2 ปี เดินอิสระจากศาลกลับบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติ
เธอได้รับเงินชดเชยการตายของสามีหนึ่งแสนบาท ด้วยเงื่อนไขว่าจะต้องไม่มีการฟ้องร้องใดๆ อีกทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา
นอกจากครอบครัวที่อบอุ่น ความหวัง ความฝัน ที่พังทลายไปแล้ว  โอกาสในการได้รับความยุติธรรม ยังพังทลายตามไปด้วย




คำแปล

ฟรานเซสโก วิลลา ความอยุติธรรม
ฟรานเซสโก วิลลา นักปั่นชาวชิลีผู้พยายามทำสถิติเดินทาง 5 ทวีปใน 5 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2015 ที่โคราช ประเทศไทย ประเทศที่ 50 ที่ได้มาเยือน

เค้าคือสามีของชั้นและพ่อของลูคัส  ลูกวัย 14 เดือนของเราเกิดระหว่างการเดินทางและเดินทางโดยรถพ่วงไปกับจักรยานของพ่อ  ขาซ้ายชั้นหักและยังเดินได้ไม่เป็นปกติ

แล้วอะไรเกิดขึ้นกับตีนผีที่รับผิดชอบต่ออุบัติเหตุรั้งนี้?
สำหรับความประมาทอย่างร้ายแรง นายทิวารัตน์ ชัยพิเดช อายุ 64 ปีได้รับโทษจำคุก 2 ปี แต่ได้รับการรอลงอาญากลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เพียงเพราะยอมรับสารภาพ จ่ายเงินชดเชยให้ชั้นหนึ่งแสนบาทพร้อมข้อตกลงว่าชั้นจะไม่ฟ้องร้องเพิ่มเติมเรียกค่าชดเชยและไม่ติดใจคำตัดสินของศาล

ล่าม(อาจจะหมายถึงตำรวจ อัยการ หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีนี้ :ผู้แปล)ไม่ได้ใส่รายละเอียดที่สำคัญ 2 อย่างลงไปในสำนวน ช่วยทำให้นายทิวารัตน์หนีการลงอาญาได้  ชั้นยังคงอยู่ในโรงพยาบาลที่บัวใหญ่และบอกให้ชั้นเซ็นรับข้อตกลงตั้งแต่ก่อนการสอบสวนของตำรวจและก่อนงานศพของฟรานเซสโก้เสียอีก ไม่มีใครบอกวันที่ศาลจะเริ่มพิจารณาคดีนี้ในวันที่ 25 มีนาคม 2015 ด้วยซ้ำ ชั้นนั่งรถไฟไปพบอัยการที่บัวใหญ่เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2015 แต่อัยการไม่ต้องการอุทรณ์คดี เค้าบอกชั้นว่าจะเป็นการเสียเวลาและเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์

ฟรานเซสโก้ ชั้นไม่รู้จะทวงความยุติธรรมให้คุณได้อย่างไร ชั้นพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้แต่ก็เหมือนโยนหินใส่กำแพงหนา ชั้นจะหาทนายที่จะสู้เพื่อคุณได้ที่ไหน ครอบครัวของปีเตอร์ รูท และแมรี่ ทอมห์สัน สองนักปั่นอังกฤษที่เสียชีวิตที่เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013 สนใจจะดำเนินคดีเพิ่มไหมเพราะตีนผีที่ฆ่าคนทั้งคู่แค่เสียค่าปรับหนึ่งพันบาทและได้รับการรอลงอาญา 2 ปีเช่นกัน

นักข่าวหรือนักหนังสือพิมพ์คนไหนสนใจจะช่วยภรรยาชาวสิงคโปร์สู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้สามีชาวชิลีของเธอไหม โดยเฉพาะในอังกฤษ หวังว่าครอบครัวของนักปั่นทั้งสองจะได้อ่านเรื่องของชั้น และติดต่อชั้น

Jennel
jennelng@yahoo.com


ผมถามอัยการที่บัวใหญ่  ผู้รับผิดชอบทุกระดับจนถึงรัฐบาล รวมทั้งคนไทยทุกคน จะมีใครช่วงทวงความยุติธรรมให้ฟรานเซสโก้ไหม

ถึงเวลาหรือยังที่เราจะต้องมาร่วมมือกันเปลี่ยนทัศนคติของผู้ใช้ถนนทุกคน ขอย้ำว่าทุกคน
ว่าการละเมิดฝ่าฝืนกฏแม้แต่เพียงเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้
ถ้าคนทั้งสังคมยอมรับแม้แต่ความผิดเรื่องเล็กๆ ไม่ได้ สุดท้ายมันจะส่งผลต่อเสกลที่ใหญ่ขึ้นเอง
นอกจากนี้ผู้มีอำนาจหน้าที่ทุกระดับต้องรักษากฏหมายให้เคร่งครัด ตั้งแต่ตำรวจจราจร ไปจนถึงศาล
ศาลต้องเปลี่ยนยี่ต๊อกคำตัดสินได้แล้ว กรณีประมาทแบบร้ายแรง ไม่ใช่สุดวิสัย ต้องลงโทษให้สมควรแก่เหตุ
ทุกวันนี้เพราะคนเลวๆ รู้ดีว่าไม่ต้องระวัง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้ก่อเหตุ เราจึงประมาทกันได้เต็มที่
เพราะคนไทยเรารู้และตระหนักดี ว่าโอกาสติดคุกมีน้อยมากๆ ยิ่งถ้าเหยื่อเป็นชาวต่างชาติ เงินชดเชยยิ่งน้อย เพราะเหยื่อลำบากที่จะมาเรียกร้อง


ผมเห็นข้อความของเจนเนล อ่านด้วยความปวดใจมากๆ ที่ผมไม่อาจช่วยอะไรเธอได้ กระทู้นี้เป็นแค่ความพยายามเล็กๆ อันนึงที่จะช่วยเธอ ผมฝากถึงคนไทยทุกคน นักข่าว เจ้าหน้าที่ ฯลฯ ที่ได้อ่านกระทู้นี้ ช่วยกันเป็นพลังกดดัน ติดต่อสอบถามอัยการบัวใหญ่ด้วย อย่าปล่อยให้เรื่องเงียบ แต่นั่นเป็นแค่จุดเดียวเท่านั้น คนไทยทุกคนยังมีภารกิจที่ใหญ่และยากกว่า คือเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลง ทำให้ท้องถนนของเราปลอดภัยและมีระเบียบวินัยกันขึ้น ถ้าเราไม่เริ่มทำ อันดับหนึ่งของโลกเราได้แน่ๆ

แก้ไขเพิ่มเติมนะครับ
ได้เห็นเอกสารที่คุณเจนเนลถูกบอกให้เซ็นชื่อไปตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ฝากผู้รู้ทางกฏหมายด้วยว่าเอกสารนี้มีผลแค่ไหน
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 70
สุดจะทนกับกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้สูญเสีย

ผมเปิดเพจ fb ชื่อ คนไทยต้องการศาลจราจร

เพื่อให้เกิดกระบวนการยุติธรรม ให้แก่ผู้สูญเสียและครอบครัว อย่างเป็นธรรมและไม่นานเกินไปครับ
หากท่านใดมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เข้าไปช่วยโพสไว้ด้วยนะครับ

แม้การเกิดกระบวนการนี้จะยากมากมายก็จะลองเริ่มดูครับ

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3/1556055707993200

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ชายไทย เมาขับแล้วขับชนเด็ก ญี่ปุ่นนักเรียนมัธยมตายสอง ติดคุกทันทีไม่มีรอลงอาญา สามสิบปี คนนั่งมาด้วย โดนคนละห้าปี
โดยไม่ลงอาญา เพราะถือว่าไม่ห้าม เหมือนให้การสนับสนุนคนเมาขับรถ  จริงๆ อยากให้ประหารชีวิต ไปเลย อยู่ในคุก ก็เปลืองเงินภาษีชาวบ้าน
ความคิดเห็นที่ 33
ประเทศนี้คงยังไม่พร้อมที่จะเทียบเท่าชาติที่เจริญแล้วในหลายๆเรื่องถ้าคนในประเทศนี้ยังขาดระเบียบวินัย ไม่เคารพกฏกติกา ไม่มีสามัญสำนึกดี และกฏหมายที่อ่อนปวกเปียก ดังที่มีคนเลยเปรยใว้ว่า "ทำอะไรตามใจคือไทยแท้"
ความคิดเห็นที่ 12
เมืองไทยใช้กฏหมายเข้มงวดมากไม่ได้ครับ ถ้าออกกฎมหมายแรงๆมาจะมีคนคัดค้านตลอดและส่วนใหญ่คนไทยชอบกฏหมู่มากกว่ากฎหมาย.เขียนกฎหมายมาเยอะแต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ พอถึงชั้นศาลก็มักมีการลดหย่อนโทษที่มากเกินไป....คิดซะว่าเกิดเป็นคนไทยเพื่อมาชดใช้กรรมแล้วกัน
ความคิดเห็นที่ 27
เอาจริงๆ เรื่องนี้ที่ทำให้คนขับรอดคุก + จ่ายค่าเสียหายต่ำมาก จากที่เคยผ่านๆมาคดีนี้ทางผู้กระทำผิดน่าจะมีการ

วิ่งเต้น พูดง่ายๆยัดเงิน ส่วนยัดให้ใคร ก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ ทำสำนวนให้อ่อนๆ ไปเอาเงินให้ผู้เสียหายเล็กน้อย แล้วอ้างว่า

ได้บรรเทาผลร้ายจากการกระทำแล้ว เขียนเข้าข้างผู้ต้องหาสุดๆ การที่อัยการบอกว่า ฟ้องต่อไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะ

อัยการได้อ่านสำนวนแล้ว มันก็ตามนั้น เพราะสำนวนมันเข้าข้างผู้กระทำผิดเสียขนาดนั้นนี่ ฟ้องกี่ศาลก็แพ้เพราะศาล

ต้องตัดสินจากสำนวน อยู่แล้ว

น่าเจ็บใจ และน่าขายหน้า ที่ทำอย่างนี้กับชาวต่างชาติ นี่ผมเป็นคนไทย อ่านไปยังรู้สึกแค้นผู้กระทำผิด

และเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่สมควรจะกระทำ กลับทำในสิ่งที่ผิดเพราะเห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อย แต่ความเสียหาย

มันสะเทือนถึงชื่อเสียงประเทศ พูดง่ายๆคือ มันทำให้คนทั้งประเทศ โดนดูถูก มันทำให้กระบวนการยุติธรรมบ้านเรา

โดนดูถูกจากสายตาของคนทั้งโลก
ความคิดเห็นที่ 15
ประกาศเลย...คราวหน้าน่ะ...ถ้าอยากทำสถิติอะไรรอบโลก...เว้นประเทศไทยไปคงไม่ถือว่าพลาดอะไรไป (เซฟชีวิตด้วย)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่