4 พฤษภาคม 2015
จากที่
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายปราบการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ล่าสุด
นายสมชัย สัจจพงษ์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ต่อมา
พล.อ. ประยุทธ์ประกาศแต่งตั้ง
พล.ต. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นประธานกรรมการมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2558
ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ผลของการไม่เปิดเผยข้อมูลและไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงไม่เคยมีใครรู้ว่าโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากการกุศลทั้งหมด 74 ล้านฉบับ อยู่ในครอบครองของยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ผู้ค้ารายย่อย มูลนิธิ และสมาคม แต่ละรายได้มีโควตาสลากจำนวนเท่าไหร่ เมื่อได้รับการจัดสรรโควตาไปแล้ว ในทางปฏิบัตินำไปขายจริงหรือขายส่ง และโควตาสลากส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือกลุ่ม 5 เสือนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
จากการตรวจสอบข้อมูลตัวแทนจำหน่ายสลากที่ผู้สื่อข่าวได้รับจากสำนักงานสลากฯ ปรากฏว่า ตัวแทนจำหน่ายที่ครอบครองโควตาสลากมากที่สุด ชื่อที่ปรากฏไม่ใช่
“เจ๊แดง” และ
“เจ๊สะเรียง” หรือ
“กลุ่ม 5 เสือ” ตามที่สาธารณชนเคยรับรู้กัน หัวหน้าเสือตัวจริง คือ
มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ครอบครองโควตาสลากกว่า 14 ล้านฉบับต่องวด
อันดับที่ 2 สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 2.7 ล้านฉบับ
อันดับที่ 3 องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก 2.35 ล้านฉบับ
อันดับที่ 4 สมาคมพนักงานผู้เกษียณอายุสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 2 ล้านฉบับ
อันดับที่ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัดขวัญฤดี ของร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า, บริษัท สลากมหาลาภ จำกัด ของ น.ส.สะเรียง อัศววุฒิพงษ์ และบริษัทหยาดน้ำเพชร ของนางปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต มีโควตาสลากรวมกัน 4.8 ล้านฉบับ
รวม 10 อันดับแรก ครอบครองโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากการกุศลทั้งหมด 27.75 ล้านฉบับ คิดเป็นสัดส่วน 37.50% ของปริมาณสลากทั้งหมด 74 ล้านฉบับ
กดที่ลิงค์เพื่ออดูภาขยาย >>
http://thaipublica.org/wp-content/uploads/2015/05/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%9420%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%87.jpg
สิ่งที่ผมสงสัยคือ จากภาพด้านล่างนี้
-ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและจำหน่ายสลากฯ ปีละ 8,160 ล้านบาทต่อปี
ผมสงสัยว่า มันมีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายขนาดนั้น จะว่าค่าจัดพิมพ์สลาก ก็ไม่เท่าไหร่ต่อปี
ค่าโฆษณา ก็ไม่เห็นต้องโฆษณาอะไร
ค่าขนส่ง ผู้ได้โควตาก็มารับเองนี่นา
ส่วนค่าบุคลากร ก็คงไม่ต้องใช้คนเป็นหมื่นเป็นแสนคนมั้งครับ
ถามว่า ทำไมปีนึงต้องใช้เงินถึง 8,160 ล้านบาทต่อปี!!
-สมทบเข้ากองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม ปีละ 1,440
ข้อนี้มันจะซ้ำซ้อนเกินไปหรือเปล่า ในเมื่อส่วนหนึ่งส่งไปเป็น
"รายได้แผ่นดิน" แล้ว
ถามว่า ที่ว่าเอาไปพัฒนาสังคม พัฒนาอะไรบ้าง ปีละเท่าไหร่ต่อกรณี สมควรจะแจกแจงหรือไม่ เราควรเป็นสังคมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้หรือเปล่า?
*ต่อไปจะได้ไม่ไปโทษแบบหน้ามืดตามัวอีกว่า “เจ๊แดง” น้อง "ทักษิณ" ได้โควตาไป เลยทำให้หวยแพง เพื่อโยงไปด่า "ทักษิณ"....ซึ่งนี่ก็เป็นอีก 1 เรื่อง ที่ใส่ร้าย "ทักษิณ" กันจนมันปาก และก็หน้ามืดตามัวเชื่อกันไปจน ฟิน!!
✿ ต้องขอขอบคุณ "ลุงตู่" ที่รื้อบอร์ดกองสลาก และเปิดเผยข้อมูลออกมา แต่ก็มีเรื่องอยากจะให้ช่วยดูอีกนิด ✿
จากที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายปราบการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ล่าสุด นายสมชัย สัจจพงษ์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ต่อมา พล.อ. ประยุทธ์ประกาศแต่งตั้ง พล.ต. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นประธานกรรมการมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2558
ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ผลของการไม่เปิดเผยข้อมูลและไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงไม่เคยมีใครรู้ว่าโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากการกุศลทั้งหมด 74 ล้านฉบับ อยู่ในครอบครองของยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ผู้ค้ารายย่อย มูลนิธิ และสมาคม แต่ละรายได้มีโควตาสลากจำนวนเท่าไหร่ เมื่อได้รับการจัดสรรโควตาไปแล้ว ในทางปฏิบัตินำไปขายจริงหรือขายส่ง และโควตาสลากส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือกลุ่ม 5 เสือนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
จากการตรวจสอบข้อมูลตัวแทนจำหน่ายสลากที่ผู้สื่อข่าวได้รับจากสำนักงานสลากฯ ปรากฏว่า ตัวแทนจำหน่ายที่ครอบครองโควตาสลากมากที่สุด ชื่อที่ปรากฏไม่ใช่ “เจ๊แดง” และ “เจ๊สะเรียง” หรือ “กลุ่ม 5 เสือ” ตามที่สาธารณชนเคยรับรู้กัน หัวหน้าเสือตัวจริง คือ
มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ครอบครองโควตาสลากกว่า 14 ล้านฉบับต่องวด
อันดับที่ 2 สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 2.7 ล้านฉบับ
อันดับที่ 3 องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก 2.35 ล้านฉบับ
อันดับที่ 4 สมาคมพนักงานผู้เกษียณอายุสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 2 ล้านฉบับ
อันดับที่ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัดขวัญฤดี ของร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า, บริษัท สลากมหาลาภ จำกัด ของ น.ส.สะเรียง อัศววุฒิพงษ์ และบริษัทหยาดน้ำเพชร ของนางปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต มีโควตาสลากรวมกัน 4.8 ล้านฉบับ
รวม 10 อันดับแรก ครอบครองโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากการกุศลทั้งหมด 27.75 ล้านฉบับ คิดเป็นสัดส่วน 37.50% ของปริมาณสลากทั้งหมด 74 ล้านฉบับ
กดที่ลิงค์เพื่ออดูภาขยาย >> http://thaipublica.org/wp-content/uploads/2015/05/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%9420%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%87.jpg
สิ่งที่ผมสงสัยคือ จากภาพด้านล่างนี้
-ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและจำหน่ายสลากฯ ปีละ 8,160 ล้านบาทต่อปี
ผมสงสัยว่า มันมีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายขนาดนั้น จะว่าค่าจัดพิมพ์สลาก ก็ไม่เท่าไหร่ต่อปี
ค่าโฆษณา ก็ไม่เห็นต้องโฆษณาอะไร
ค่าขนส่ง ผู้ได้โควตาก็มารับเองนี่นา
ส่วนค่าบุคลากร ก็คงไม่ต้องใช้คนเป็นหมื่นเป็นแสนคนมั้งครับ
ถามว่า ทำไมปีนึงต้องใช้เงินถึง 8,160 ล้านบาทต่อปี!!
-สมทบเข้ากองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม ปีละ 1,440
ข้อนี้มันจะซ้ำซ้อนเกินไปหรือเปล่า ในเมื่อส่วนหนึ่งส่งไปเป็น "รายได้แผ่นดิน" แล้ว
ถามว่า ที่ว่าเอาไปพัฒนาสังคม พัฒนาอะไรบ้าง ปีละเท่าไหร่ต่อกรณี สมควรจะแจกแจงหรือไม่ เราควรเป็นสังคมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้หรือเปล่า?
*ต่อไปจะได้ไม่ไปโทษแบบหน้ามืดตามัวอีกว่า “เจ๊แดง” น้อง "ทักษิณ" ได้โควตาไป เลยทำให้หวยแพง เพื่อโยงไปด่า "ทักษิณ"....ซึ่งนี่ก็เป็นอีก 1 เรื่อง ที่ใส่ร้าย "ทักษิณ" กันจนมันปาก และก็หน้ามืดตามัวเชื่อกันไปจน ฟิน!!