หมายเหตุ: รูปถ่ายด้วยกล้องมือถือ อาจไม่ชัดบ้างเป็นบางภาพ ต้องขออภัยมาล่วงหน้าด้วยครับ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 พ.ค. 58) ผมได้ไปงาน Bangkok Comic Con ซึ่งจัดร่วมกับ Anime Festival Asia Thailand โดยความร่วมมือของ BEC-Tero True Visions และ Sozo ค่าเข้างานราคาเต็ม 300 แต่ผมได้บัตร(เกือบ)ฟรี จากกิจกรรมของสปอนเซอร์งาน ก็ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
เข้ามาถึงก็เจอบูธใหญ่ยักษ์ของ HBO ซึ่งก็หนีไม่พ้นซีรีส์ชูโรงของทางค่าย Game of Thrones นั่นเอง
ในงานนอกจากมีบัลลังก์แห่งเวสเทอรอสให้ได้นั่งแล้ว ยังมีพร็อบถ่ายรูปร่วมกับคอสเพลย์นักแสดง และมี Green Screen ให้ได้เล่นกับมังกร โดยลงทะเบียนด้วยไอแพด รับบัตรคิว เล่นกับมังกร (8 วินาที) แล้วรอรับวิดีโอที่จะส่งผ่านทางอีเมลได้เลย ในบูธนี้ยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับการออกแบบงานสร้าง มีส่วนหัวของ Viseron หรือเรียกให้ไทยหน่อยก็คือ "วิศรณ" หนึ่งในมังกรของซีรีส์นี้
จริงๆ ผมก็ได้นั่งบัลลังก์นะครับ แต่ดูภาพออกมาเหมือน "อาเสี่ย" มากกว่า "ราชา" เลยขอนำภาพผู้หาญกล้านั่งบัลลังก์ใต้ดาวเจ็ดแฉกอีกท่านมาฝาก รับรองถ้าเผยชื่อออกมาหลายคนรู้จักแน่นอน แต่ผมยังไม่บอกตอนนี้ ให้เดากันไปเล่นๆ ก่อนนะครับ
ทางขวาของทางเข้าจะเป็นบูธของสหมงคลฟิล์ม ซึ่งก็นำ "ม็อกกิ้งเจย์" จากซีรีส์ "ฮังเกอร์เกมส์" และท้องพระโรงจาก "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" มาให้ชมและให้ได้นั่งกัน ไกลออกไปหน่อยก็จะเป็นบูธ 501st Legion Thailand ซึ่งก็มีพร็อบให้ได้ถ่ายรูปพร้อมรับเงินบริจาค เหมือนงานหลายๆครั้งที่ผ่านมา
มาในฝั่งของ Anime Festival Asia Thailand บ้าง มีความรู้สึกว่าฝั่งนี้คนเยอะกว่าฝั่ง Bangkok Comic Con อย่างเห็นได้ชัด นอกจากเรือสหัสาทิตย์ หรือ Thousand Sun และช้อปเปอร์ขนาดยักษ์ จาก One Piece ที่บูธ DEX แล้ว ที่บูธ Rose ก็จัดเต็มด้วยหัว Titan ขนาดยักษ์ นอกจากนี้ยังมีไอดอลการ์ตูนอีกมากมาย (ส่วนไฮไลต์สำคัญอีกอย่างคือคอนเสิร์ต I Love Anisong ผมไม่ได้ไปชมนะครับ)
กิจกรรมบนเวทีกลางที่ผมไปนั้น ที่น่าสนใจก็คือ Pop Mhan นักวาดการ์ตูนเชื้อสายไทยที่มีผลงานให้กับทั้ง DC และ Marvel ช่วงหนึ่งเขาบอกว่านักวาดการ์ตูนของไทยเก่งๆ วาดสวยๆ มีเยอะ แต่สิ่งที่พวกเขาขาดก็คือการสร้างเรื่องราวให้กับตัวละครเหล่านั้น ซึ่งผมคิดดูแล้วก็จริงอย่างที่เขาว่า
รายการต่อไป น่าจะเรียกว่าเป็น Battle Talk กับการปะทะกันระหว่าง DC และ Marvel ข้อมูลหนังบางส่วนผมรู้จากในออนไลน์บางแล้ว แต่ที่ทำให้ผมทึ่งก็คือ ตัวละครของ Marvel หลายตัว ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวละครของ DC เหมือนกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน มีเสียงโห่ฮาจากกองเชียร์ทั้งสองฝั่งเป็นระยะ ช่วยสร้างความคึกครื้นได้เป็นอย่างดี
และไฮไลต์ของวันนี้ (และน่าจะเป็นไฮไลต์ของฝั่ง Bangkok Comic Con ด้วย ถ้าไม่นับรวมการประกวดคอสเพลย์ซึ่งเป็นเสมือนกิจกรรมร่วมของทั้งสองงาน) คือ Michael Uslan โปรดิวเซอร์ของหนังแบทแมนทุกภาค (รวมถึง Batman v Superman: Dawn of Justice ที่จะเข้าฉายปีหน้าด้วย) ซึ่งพา David ลูกชายมาเล่าถึงซูเปอร์ฮีโร่ในป๊อบคัลเจอร์ คุณไมเคิลเล่าย้อนไปว่าการ์ตูนทุกเรื่องมีรากฐานมาจากตำนานต่างๆ เช่น คัมภีร์ไบเบิล เรื่องเล่าท้องถิ่น (ซูเปอร์แมนคือตัวอย่างชัดที่สุด) ดังนั้น ในคอมิค (การ์ตูนฝั่งตะวันตก) ตัวละครทุกตัวจึงมีความเป็นมนุษย์ มีรัก โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา ถึงแม้คุณไมเคิลจะเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังฝั่ง DC แต่ก็ชื่นชมสแตน ลี One-above All ของฝั่งมาร์เวล เสมือนอาจารย์คนหนึ่ง (และคุณเดวิดลูกชายก็บอกว่าชอบ Guardians of the Galaxy ด้วย) ช่วง Q&A ผมได้ถามคุณไมเคิลว่า "ถ้ามีใครสักคนมองว่าการ์ตูนเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผู้ใหญ่ คุณไมเคิลจะบอกเขาอย่างไรว่านั่นไม่ใช่แค่ของเล่นสำหรับเด็ก" คุณไมเคิลตอบว่าให้ดูโจ๊กเกอร์ในหนัง The Dark Knight เป็นตัวอย่าง (ใครที่ดูแล้วคงจะพอทราบว่าคุณไมเคิลหมายถึงฉากอะไร แต่ถ้าใครยังไม่ทราบก็ไปหามาดูนะครับ หนังดีมากจริงๆ)
และด้วยความประทับใจในตัวคุณไมเคิล ผมจึงไม่ลังเลที่จะซื้อหนังสือ "The boy who loved Batman" ซึ่งเป็นเหมือนอัตชีวประวัติ ให้คุณไมเคิลเซ็นในห้อง Photo Op และได้พูดคุยเพิ่มเติมพร้อมถ่ายรูปร่วมกัน ราคาหนังสือ 1,200 (ราคาปกประมาณพันนิดๆ) แต่เนื้อหาในเล่ม รวมถึงการได้ลายเซ็น ได้คุยกับโปรดิวเซอร์ระดับโลก ผมถือว่าคุ้มมากๆ
ชมไปเยอะแล้วก็ขอติบ้าง เรื่องมารยาทของแขก เข้าใจว่าการนั่งไขว้ห้างบนเวทีเป็นเรื่องปกติของงานระดับสากล (World Economic Forum ที่ผู้นำระดับโลกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก็ยังเห็นภาพการนั่งไขว่ห้าง) แต่บนเวทีวันนั้น คุณเดวิด ลูกชายคุณไมเคิล นั่งเอาเท้าพาดบนตัก แถมหันเท้าออกนอกเวทีกระดิกใส่ผู้ชม (หลังๆ เหมือนจะรู้ตัวและหันเท้าเข้าหาเวทีแทน) และในห้อง Photo Op แดเนียล โลแกน (โบบาเฟตวัยเด็กใน Star Wars) เอาเท้าเตะชายผ้าคลุมโต๊ะ ซึ่งถ้าอยู่นอกงาน พฤติกรรมเหล่านี้คงถูกมองว่าไร้มารยาทมากๆ อยากให้ทีมงานช่วย Brief เรื่องมารยาทกับแขกนิดหนึ่งก็ยังดี แต่สำหรับเรื่องอื่นๆ ถือว่าทำได้ดีครับกับงานระดับเอเชีย หวังว่าปีต่อๆ ไป คงพัฒนาเป็นงานระดับโลกได้เช่นเดียวกับ San Diego Comic-Con International และเมื่อถึงวันนั้น ประเทศไทยคงเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมบันเทิงของเอเชียอย่างจริงจังเสียที
[SR] รีวิว Bangkok Comic Con X Anime Festival Asia Thailand 2015
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 พ.ค. 58) ผมได้ไปงาน Bangkok Comic Con ซึ่งจัดร่วมกับ Anime Festival Asia Thailand โดยความร่วมมือของ BEC-Tero True Visions และ Sozo ค่าเข้างานราคาเต็ม 300 แต่ผมได้บัตร(เกือบ)ฟรี จากกิจกรรมของสปอนเซอร์งาน ก็ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
เข้ามาถึงก็เจอบูธใหญ่ยักษ์ของ HBO ซึ่งก็หนีไม่พ้นซีรีส์ชูโรงของทางค่าย Game of Thrones นั่นเอง
ในงานนอกจากมีบัลลังก์แห่งเวสเทอรอสให้ได้นั่งแล้ว ยังมีพร็อบถ่ายรูปร่วมกับคอสเพลย์นักแสดง และมี Green Screen ให้ได้เล่นกับมังกร โดยลงทะเบียนด้วยไอแพด รับบัตรคิว เล่นกับมังกร (8 วินาที) แล้วรอรับวิดีโอที่จะส่งผ่านทางอีเมลได้เลย ในบูธนี้ยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับการออกแบบงานสร้าง มีส่วนหัวของ Viseron หรือเรียกให้ไทยหน่อยก็คือ "วิศรณ" หนึ่งในมังกรของซีรีส์นี้
จริงๆ ผมก็ได้นั่งบัลลังก์นะครับ แต่ดูภาพออกมาเหมือน "อาเสี่ย" มากกว่า "ราชา" เลยขอนำภาพผู้หาญกล้านั่งบัลลังก์ใต้ดาวเจ็ดแฉกอีกท่านมาฝาก รับรองถ้าเผยชื่อออกมาหลายคนรู้จักแน่นอน แต่ผมยังไม่บอกตอนนี้ ให้เดากันไปเล่นๆ ก่อนนะครับ
ทางขวาของทางเข้าจะเป็นบูธของสหมงคลฟิล์ม ซึ่งก็นำ "ม็อกกิ้งเจย์" จากซีรีส์ "ฮังเกอร์เกมส์" และท้องพระโรงจาก "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" มาให้ชมและให้ได้นั่งกัน ไกลออกไปหน่อยก็จะเป็นบูธ 501st Legion Thailand ซึ่งก็มีพร็อบให้ได้ถ่ายรูปพร้อมรับเงินบริจาค เหมือนงานหลายๆครั้งที่ผ่านมา
มาในฝั่งของ Anime Festival Asia Thailand บ้าง มีความรู้สึกว่าฝั่งนี้คนเยอะกว่าฝั่ง Bangkok Comic Con อย่างเห็นได้ชัด นอกจากเรือสหัสาทิตย์ หรือ Thousand Sun และช้อปเปอร์ขนาดยักษ์ จาก One Piece ที่บูธ DEX แล้ว ที่บูธ Rose ก็จัดเต็มด้วยหัว Titan ขนาดยักษ์ นอกจากนี้ยังมีไอดอลการ์ตูนอีกมากมาย (ส่วนไฮไลต์สำคัญอีกอย่างคือคอนเสิร์ต I Love Anisong ผมไม่ได้ไปชมนะครับ)
กิจกรรมบนเวทีกลางที่ผมไปนั้น ที่น่าสนใจก็คือ Pop Mhan นักวาดการ์ตูนเชื้อสายไทยที่มีผลงานให้กับทั้ง DC และ Marvel ช่วงหนึ่งเขาบอกว่านักวาดการ์ตูนของไทยเก่งๆ วาดสวยๆ มีเยอะ แต่สิ่งที่พวกเขาขาดก็คือการสร้างเรื่องราวให้กับตัวละครเหล่านั้น ซึ่งผมคิดดูแล้วก็จริงอย่างที่เขาว่า
รายการต่อไป น่าจะเรียกว่าเป็น Battle Talk กับการปะทะกันระหว่าง DC และ Marvel ข้อมูลหนังบางส่วนผมรู้จากในออนไลน์บางแล้ว แต่ที่ทำให้ผมทึ่งก็คือ ตัวละครของ Marvel หลายตัว ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวละครของ DC เหมือนกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน มีเสียงโห่ฮาจากกองเชียร์ทั้งสองฝั่งเป็นระยะ ช่วยสร้างความคึกครื้นได้เป็นอย่างดี
และไฮไลต์ของวันนี้ (และน่าจะเป็นไฮไลต์ของฝั่ง Bangkok Comic Con ด้วย ถ้าไม่นับรวมการประกวดคอสเพลย์ซึ่งเป็นเสมือนกิจกรรมร่วมของทั้งสองงาน) คือ Michael Uslan โปรดิวเซอร์ของหนังแบทแมนทุกภาค (รวมถึง Batman v Superman: Dawn of Justice ที่จะเข้าฉายปีหน้าด้วย) ซึ่งพา David ลูกชายมาเล่าถึงซูเปอร์ฮีโร่ในป๊อบคัลเจอร์ คุณไมเคิลเล่าย้อนไปว่าการ์ตูนทุกเรื่องมีรากฐานมาจากตำนานต่างๆ เช่น คัมภีร์ไบเบิล เรื่องเล่าท้องถิ่น (ซูเปอร์แมนคือตัวอย่างชัดที่สุด) ดังนั้น ในคอมิค (การ์ตูนฝั่งตะวันตก) ตัวละครทุกตัวจึงมีความเป็นมนุษย์ มีรัก โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา ถึงแม้คุณไมเคิลจะเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังฝั่ง DC แต่ก็ชื่นชมสแตน ลี One-above All ของฝั่งมาร์เวล เสมือนอาจารย์คนหนึ่ง (และคุณเดวิดลูกชายก็บอกว่าชอบ Guardians of the Galaxy ด้วย) ช่วง Q&A ผมได้ถามคุณไมเคิลว่า "ถ้ามีใครสักคนมองว่าการ์ตูนเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผู้ใหญ่ คุณไมเคิลจะบอกเขาอย่างไรว่านั่นไม่ใช่แค่ของเล่นสำหรับเด็ก" คุณไมเคิลตอบว่าให้ดูโจ๊กเกอร์ในหนัง The Dark Knight เป็นตัวอย่าง (ใครที่ดูแล้วคงจะพอทราบว่าคุณไมเคิลหมายถึงฉากอะไร แต่ถ้าใครยังไม่ทราบก็ไปหามาดูนะครับ หนังดีมากจริงๆ)
และด้วยความประทับใจในตัวคุณไมเคิล ผมจึงไม่ลังเลที่จะซื้อหนังสือ "The boy who loved Batman" ซึ่งเป็นเหมือนอัตชีวประวัติ ให้คุณไมเคิลเซ็นในห้อง Photo Op และได้พูดคุยเพิ่มเติมพร้อมถ่ายรูปร่วมกัน ราคาหนังสือ 1,200 (ราคาปกประมาณพันนิดๆ) แต่เนื้อหาในเล่ม รวมถึงการได้ลายเซ็น ได้คุยกับโปรดิวเซอร์ระดับโลก ผมถือว่าคุ้มมากๆ
ชมไปเยอะแล้วก็ขอติบ้าง เรื่องมารยาทของแขก เข้าใจว่าการนั่งไขว้ห้างบนเวทีเป็นเรื่องปกติของงานระดับสากล (World Economic Forum ที่ผู้นำระดับโลกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก็ยังเห็นภาพการนั่งไขว่ห้าง) แต่บนเวทีวันนั้น คุณเดวิด ลูกชายคุณไมเคิล นั่งเอาเท้าพาดบนตัก แถมหันเท้าออกนอกเวทีกระดิกใส่ผู้ชม (หลังๆ เหมือนจะรู้ตัวและหันเท้าเข้าหาเวทีแทน) และในห้อง Photo Op แดเนียล โลแกน (โบบาเฟตวัยเด็กใน Star Wars) เอาเท้าเตะชายผ้าคลุมโต๊ะ ซึ่งถ้าอยู่นอกงาน พฤติกรรมเหล่านี้คงถูกมองว่าไร้มารยาทมากๆ อยากให้ทีมงานช่วย Brief เรื่องมารยาทกับแขกนิดหนึ่งก็ยังดี แต่สำหรับเรื่องอื่นๆ ถือว่าทำได้ดีครับกับงานระดับเอเชีย หวังว่าปีต่อๆ ไป คงพัฒนาเป็นงานระดับโลกได้เช่นเดียวกับ San Diego Comic-Con International และเมื่อถึงวันนั้น ประเทศไทยคงเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมบันเทิงของเอเชียอย่างจริงจังเสียที
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น