ประชาธิปไตยแบบไทยๆ Thailand Only

กระทู้คำถาม
.....ความขัดแย้งที่อุบัติขึ้นในเมืองไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีสาเหตุมาจากคนเพียงกลุ่มเดียวที่อาศัยวาทะกรรม “โกง” แบ่งข้างประชาชนในชาติ ให้กลายเป็น 2 ฝ่าย จนกลายเป็นเป็นสงครามชนชั้น ของพวกชนชั้นสูงกับชนชั้นกลางยุคเก่า ที่ตั้งป้อมกีดกันอำนาจรัฐบาลที่มาจากชนชั้นรากหญ้าและชนชั้นกลางยุคใหม่ (ชนชั้นรากหญ้าบางส่วนที่พัฒนาขึ้นจากนโยบายรัฐบาลสีแดง)

     ซึ่งคน 2 กลุ่มที่โดนแบ่งออกมาตามฐานชนชั้น ถ้าจัดคนสองจำพวกนี้ตามลักษณะความต้องการทางการเมือง ก็คงต้องจัดให้ชนชั้นสูงกับชนชั้นกลางยุคเก่า เป็นพวกขวาจัด “อนุรักษ์นิยม” หรือกลุ่มคติอนุรักษ์ (Conservatism) ความหมายของคำว่าอนุรักษ์นิยมในสากล หมายถึง ความยึดถือสิ่งดีงามในอดีต นัยทางปรัชญาการเมือง เปรียบ อนุรักษ์นิยม กับผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองประเทศ โดยยึดถือในกฎเกณฑ์ ค่านิยม จารีตประเพณี ที่มีอยู่เดิมเป็นหลักในการปกครอง

     ส่วนพวกชนชั้นรากหญ้าและชนชั้นกลางยุคใหม่ก็ต้องจัดให้เป็นพวกซ้ายตกขอบ แต่ก็ยังต่างกับแบบสากลอีกเช่นกัน เพราะพวกการเมืองฝั่งซ้ายนั้น คือ กลุ่มสังคมนิยม เป็นกลุ่มการปกครองที่เน้นสังคมส่วนรวมเป็นหลัก การดำเนินงานจะอาศัยเจตจำนงของประชาชนข้างมากเป็นที่ตั้ง เพื่อดำเนินงานปกครอง ประเทศที่มีการปกครองแบบสังคมนิยมจ๋า ถือเป็นประเทศที่ปกครองแบบคอมมิวนิสต์(Communism) ซึ่งส่วนใหญ่เน้นใช้อำนาจกำลังทหารปกครองบ้านเมือง

     แต่ความหมายในประเทศไทยแตกต่างไม่เหมือนกับสากลอยู่บ้าง ตรงที่แบบสากลนั้น พวกแนวคิดอนุรักษ์นิยม จะเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงกับ แนวคิดปฏิวัติ (Revolution) ซึ่งหมายถึง การถอดรื้อโครงสร้างแบบเดิมออกไปทั้งหมด และสอดใส่โครงสร้างใหม่ลงไปแทน พูดง่ายๆคือเกลียดการปฏิวัติสุดขั้ว แต่พวกอนุรักษ์นิยมในเมืองไทยไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกขวาจัดในเมืองไทย ปากเชิดชูความดีและคนดี ต่อต้านการทุจริตและตนโกง แต่ก็แปลก ที่พยายามทำทุกวิธีเพื่อให้เกิดการปฏิวัติ และล่าสุดถึงขนาดพยายามสอดไส้การยอมรับการปฏิวัติลงไปในรัฐธรรมนูญ

     และพวกฝั่งซ้ายหรือพวกชนชั้นรากหญ้าและชนชั้นกลางยุคใหม่ในเมืองไทย แปลกที่พวกเขาไม่ได้ต้องการ การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ กลับขยะแขยงและเกลียดกลัวกับการใช้กำลังทหารเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วยซ้ำ พวกเขาเพียงแค่ต้องการรัฐบาลที่สามารถจัดสรรและแบ่งปันผลประโยชน์ ในทั่วถึงกับทุกชนชั้นในสังคม มิได้ตกอยู่กับกลุ่มคนชนชั้นใดชั้นหนึ่งเหมือนในอดีตที่เคยเป็นมา ซึ่งจะใช้ชื่อเรียกที่เหมาะสมแล้ว คนกลุ่มนี้ในเมืองไทย ถือเป็นพวกเอียงซ้ายเท่านั้น ไม่ถึงกับ ซ้ายตกขอบ

แค่แบ่งฝั่งก็แปลกแล้ว
พวกฝั่งขวาแทนที่จะเกลียดการปฏิวัติ กลับหลงรักและเทิดทูนการปฏิวัติสุดลิ้มทิ่มประตู
แต่พวกฝั่งซ้ายแทนที่จะชื่นชมและนิยมการปกครองแบบเด็จการ ที่รวมศูนย์อำนาจไว้ที่คนกลุ่มเดียว กลับโหยหาความเป็นประชาธิปไตยที่มีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน
  
     แค่นั้นยังไม่พอ
     ความคิดของพวกขวาจัดในเมืองไทย ก็อาจเป็นที่เดียวในโลกนี้ ที่จำพวกที่คิดต่างและเหยียดหยามว่าเป็น “คนโง่” และจัดให้คนที่มีแนวคิดและแสดงออกถึงความรังเกียจผู้ใดผู้หนึ่งที่ฝั่งตนเห็นว่าเป็นศัตรูจะถูกยกย่องเชิดชู ว่าเป็น “คนดี”

     และฝ่ายขวาจัดก็ยังคงพยายามทำให้เมืองไทย กลายเป็นประเทศประชาธิปไตยที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก ด้วยการอ้าง “เสียงส่วนน้อยมีความชอบธรรมที่จะใช้อำนาจรัฐมากกว่าเสียงส่วนมาก” ตั้งคณะที่มีแต่พวกตัวเองเห็นว่าเหมาะสม อ้างว่าเป็นกลุ่มคนหมู่คณะที่มีคุณธรรมความดีที่ล้นปรี่ มาควบคุม “ตัวแทน” ของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง อำนาจในการบริหารดำเนินนโยบายต่างๆแทนที่จะเป็นของตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่ ก็ถูกกลไกที่เขียนลงไปในรัฐธรรมนูญ ดักเตะขัดขา ให้อำนาจการบริหาร ต้องขึ้นอยู่กับตัวแทนเสียงส่วนน้อย ที่ถูกเลือกขึ้นมาด้วยระบบ “ลากตั้ง”

     แต่นั้นแหละครับ คือสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ และสิ่งที่ประเทศเราเป็นอยู่ในขณะนี้ไม่มีชาติไหนเขาทำกัน ทำให้ประเทศของเราเป็นชาติที่เรียกว่า Thailand Only
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่