ก่อนอื่นต้องขอแจ้งเจตนาของการตั้งกระทู้นี้ขึ้นมานะคะ ว่ามิได้มีเจตนาเกี่ยวข้องหรือพาดพิงกับ หนึ่งในทรวง ที่กำลังพูดถึงในปัจจุบัน เป็นกระทู้ที่ตั้งขึ้นเพื่อบอกเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อหนึ่งในทรวง เวอร์ชั่นก่อน เพียงเท่านั้นจริง ๆ ค่ะ เนื่องจากเห็นว่าช่วงนี้มีมีกระแส หนึ่งในทรวง นำแสดงโดย เจมส์ จิรายุ และน้องญาญ่า อุรัสยา ที่กำลังจะจ่อคิวฉายอยู่อีกไม่นานนี้ ก็เลยคิดถึงและอยากบอกเล่าความประทับใจที่มีต่อละครเรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ สำหรับเวอร์ชั่นเจมส์จิ-ญาญ่า เราเองก็ยังไม่ได้ดูนี้ เพราะฉะนั้นเรายังไม่มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์หรือชื่นชม จึงขอยกไว้ก่อนนะคะ
เนื่องจากเป็นคนหนึ่งที่ชอบละครและนิยายเรื่องนี้มาก (เรียกได้ว่ามากที่สุดก็ว่าได้ค่ะ) เราดูละครเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน นำแสดงโดยพี่เคนธีรเดช และเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ตอนนั้นเราประทับใจมาก จนหาซื้อนิยายเรื่องนี้มาเก็บไว้ ในนิยายอาจจะแตกต่างกับละครบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นธรรมดาของการดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับบทโทรทัศน์ และตอนนั้นเองทำให้เราหลงรักคุณหนึ่ง (พี่เคน) มากกว่าเดิม ซึ่งตอนนั้นพี่เคนยังไม่ดังเปรี้ยงปร้าง เหมือนช่วง อุ้มรัก หรือครูกุ๊ก แต่เรากลับประทับใจมากกว่า และคิดว่าบทนี้ช่างเหมาะกับพี่เคนจริง ๆ ส่วนนางเอกของเรื่อง เจนี่เล่นได้เหมาะกับบท นส.หทัยรัตน์ ผู้มีความน่ารักและมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของความเป็นสตรีได้อย่างเหมาะสม
สิ่งที่ประทับใจในละครหนึ่งในทรวง(พี่เคน – เจนี่)
(สปอยล์ล้วน ๆ นะจ๊ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ๑. บทประพันธ์หรือบทโทรทัศน์ เป็นพล็อตเรื่องที่น่ารัก (ใครจะว่าน้ำเน่าเราก็รับได้นะคะ อิอิ) แบบพระเอกไม่ถูกกับนางเอก สุดท้ายก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น เป็นเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มสาวที่ไม่ถูกชะตากันตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นมาต่างคนต่างเป็นหนุ่มหล่อสาวสวย แต่ด้วยความที่เคยเป็น ‘หนึ่ง’ มาโดยตลอดกลับถูกสาวเจ้าปฏิเสธ พระเอกของเราจึงต้องหาทางเอาคืน แต่จะทำอย่างไรให้สาสม จึงหาโอกาสจิก กัด แขวะ นางเอกทุกครั้งเมื่อมีโอกาส นางเอกของเราก็ใจเย็นฝุด ๆ ยิ่งได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์กับชายมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของเขา ก็ยิ่งโกรธแค้นแทนเพื่อน ที่คิดว่าเธอมาหลอกแล้วทิ้งให้เพื่อนของเขาเจ็บปวด โดยไม่เคยรู้ว่าสาเหตุจริง ๆ ที่ทำให้นางเอกต้องจากไปคืออะไร และสิ่งที่ทำให้เราประทับใจในพล็อตละครแบบนี้คือ อะไรที่ทำให้พระเอกรักนางเอกได้ เรื่องราวที่ทำให้คนสองคนมีใจให้กันทั้งที่ไม่ถูกกัน อะไรเป็นสิ่งนำพาให้คนทั้งสองต้องผูกพันกัน มันน่าสนใจตรงนี้ล่ะค่ะ แล้วมันก็ดูเหมาะสมไปหมด
ยกตัวอย่างฉากที่เราประทับใจ
- ตั้งแต่ตอนที่พระเอกของเรายุ่งจนได้เรื่อง หาเรื่องใส่ตัวเพียงเพราะเหตุผลที่อยากเอาชนะนางเอก วางแผนให้นางเอกไปหาเพื่อนที่ป่วยของเขา ทั้งที่ไม่เคยรู้เลยว่านางเอกเจ็บปวดมากแค่ไหน แล้วสุดท้ายเป็นไงคะ พาลูกสาวเขาหายไปทั้งคืน งานนี้ยาว.... ฉากนี้เราประทับใจมาก เป็นฉากที่ปุ้มรู้สึกเสียใจและบอกเล่าความอัดอั้นตันใจให้กับพรรณีเพื่อนสาวของเธอและเป็นน้องสาวของพินิจฟัง ใช่ เขาพาเธอมาหาพินิจได้ เขาชนะเธอ เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ แต่สำหรับตัวเธอเล่า จะโดนดูถูกว่าอย่างไร เมื่อมีคนรู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งพาเธอมาเพื่อมาหาผู้ชายอีกคนหนึ่ง เจนี่เล่นฉากนี้ได้น่าสงสารมากค่ะ และก็เป็นจริงดังที่เธอว่า เราในฐานะลูกผู้หญิง เรารู้สึกสงสารและเห็นใจเธอจริง ๆ และขณะนั้นเอง พระเอกตัวดีของเรื่องก็ยืนแอบฟังอยู่ด้านหลัง จึงได้แต่อึ้งกิมกี่ และรู้สึกผิด หลังจากนั้นจึงรีบพาเธอมาส่งที่บ้าน และน้อมรับทุกข้อกล่าวหา (แอบสมน้ำหน้าคุณหนึ่ง ตอนที่พ่อถามว่า แกไปไหนมา? แกไปทำไม? ถึงแม้ผู้ใหญ่ฝ่ายปุ้มจะเข้าใจ แต่พ่อของตัวเองกลับไม่พอใจ ทำเอาพระเอกของเราไปไม่เป็นเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็เข้าทางเบย อิอิ พระเอกของเราจึงต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำลงไป ในฐานะสุภาพบุรุษ(ที่ค่อนข้างเต็มใจ อิอิ)
(นาทีที่ 48 เป็นต้นไป)
- ฉากที่สองแม่ลูกคุณนายสีสุกและส่องแสง รู้เรื่องที่คุณหนึ่งจะหมั้นกับปุ้ม จึงตั้งใจมาพูดให้ผู้ใหญ่ทางฝ่ายปุ้มยกเลิกการหมั้น แต่พูดไปพูดมา กลับโดนย้อนเสียเอง ฉากนี้คุณทิพย์แม่ของหนูแป้นย้อนได้สะใจดีมากค่ะ ชอบบทตอนนี้จริง ๆ โดยฉากนี้หนูปุ้มของเราแอบยืนฟังอยู่จนจบ เลยทำให้เธอตัดสินใจในครั้งนี้ได้ว่าควรทำอย่างไร
คุณนายสีสุก : คือฉันได้ข่าวว่าคุณพี่วิทย์มาขอหมั้นแม่ปุ้ม ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า”
คุณทิพย์ : จริงค่ะ คุณพี่มาคุยเมื่อวันก่อนนี่เอง”
คุณนายสีสุก : ฉันว่าคุณทิพย์ควรคิดให้ดี ๆ ก่อนจะตอบคุณพี่ไปว่ายังไงนะ เพราะตอนนี้มีเสียงลือกันทั่วไปว่าคุณทิพย์กับแม่ปุ้มรวมหัวกันขุดหลุมดักคุณหนึ่งไว้”
ส่องแสง : “ใช่ค่ะ ส่องนะเถียงแทนใครต่อใครว่าไม่จริง คุณป้าน่ะไม่เกี่ยวเลยสักนิด แต่ว่าไม่มีใครเขาเชื่อเลยค่ะ”
คุณทิพย์ : “ขอบใจมากนะจ๊ะที่อุตส่าห์เถียงกับพวกปากเสีย พวกที่ชอบกล่าวหาด่าว่าคนอื่นให้เสียหาย แต่เรื่องของตัวเองกลับเอาฝังดินไว้ไม่พูดถึง”
ส่องแสง : “แต่ว่าปุ้มเขาก็หายไปกับพี่หนึ่งทั้งคืนจริง ๆ นะคะคุณป้า มันก็สิทธิ์ที่คนอื่นเขาจะคิดอกุศลแบบนั้น”
คุณทิพย์ : “ป้าเข้าใจจ้ะ แต่เราจะเอาความจริงไปยืนยันกับคำพูดของชาวบ้านไม่ได้นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นพี่วิทย์ถึงได้มาขอหมั้นแม่ปุ้ม เพื่อที่จะได้เอางานหมั้นเนี่ย สยบข่าวลือไงจ๊ะ”
คุณนายสีสุก : “แล้วคุณทิพย์ตอบตกลงไปหรือยัง”
คุณทิพย์ : “ตอนนี้ยังค่ะ คุณพี่จะมาขอคำตอบในวันพรุ่งนี้.....เอ่อ ถ้าคุณสีสุกเป็นดิฉัน คุณสีสุกจะตอบว่ายังไงดีคะ”
คุณนายสีสุก : “อ๋อ ถ้าเป็นฉันเหรอ ฉันก็ต้องรีบปฏิเสธไปเลยว่าไม่ตกลงน่ะสิ นี่คุณทิพย์ ถ้าเราตอบตกลงไปนะ ก็เท่ากับเรายอมรับว่าเราน่ะขุดหลุ่มเอาไว้จริง ๆ เราเป็นผู้หญิงมีแต่เสียหาย ยังไงเราก็ต้องไม่ยอมหมั้นเด็ดขาดนะคุณทิพย์”
คุณทิพย์ : “แต่ดิฉันคิดตรงกันข้ามกับคุณสีสุกนะคะ ในเมื่อเราถูกกล่าวหาจริง ๆ เราก็ดักเอาไว้จริง ๆ ซะเลยสิคะ เพื่อที่จะได้ไม่อายขายหน้าซ้ำสอง ว่าคว้าน้ำเหลว พวกชาวบ้านจะได้ไม่สมน้ำหน้าว่า เราน่ะขุดหลุมแล้วยังทำพลาด”
คุณนายสีสุก : “ไม่ดีมั้ง..คุณทิพย์”
ส่องแสง :”นั่นสิคะ คุณป้าไม่อายบ้างหรือคะ”
คุณทิพย์ : “ป้าจะอายทำไมคะ ในเมื่อป้าไม่ได้เอาหลานสาวไปเที่ยวเร่ขาย แต่ฝ่ายชายเขาเป็นฝ่ายมาเสนอ เราก็แค่สนองตอบเท่านั้นเอง แล้วยิ่งไปกว่านั้นนะคะ งานหมั้นครั้งนี้จะได้เป็นการตอกหน้าพวกที่ปากอยู่ไม่สุข แล้วคอยรอกระทืบเวลาคนล้มไงคะ ป้าว่ารับหมั้นแบบนี้นะคะ สะใจดีออกค่ะ หนูส่อง”
(นาทีที่ 41 เป็นต้นไป)
- ฉากที่ปุ๊มาถามใจพระเอกว่ารักน้องสาวของเขาหรือเปล่า เนื่องด้วยนายปุ๊รู้เห็นทุกอย่าง ว่าทั้งสองคนรู้สึกอย่างไร แต่ด้วยเป็นคนที่ปากแข็งและมีทิฐิด้วยกันทั้งคู่ ทำให้ต้องเดือดร้อนถึงพี่ชายและเพื่อนชายที่ต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจน โดยการเริ่มที่เพื่อนตัวดีของเขาก่อน ฉากนี้ปุ๊ถามว่าพระเอกรักน้องสาวของเขาหรือเปล่า พ่อพระเอกตัวดีก็ยังเล่นตัว ไม่ตอบตามตรงทั้งที่ใจตัวเองก็กลัวจะเสียเขาไป
ปุ๊ : “นี่แกอย่าบอกนะว่าแกจะปฏิเสธการแต่งงานกับน้องสาวฉันอ่ะ”
หนึ่ง : “คนที่ปฏิเสธคือเขามากกว่า ไม่ใช่ฉัน”
ปุ๊ : “แล้วแกรู้ได้ยังไง ว่าเขาจะไม่แต่งงานกับแก”
หนึ่ง : “ก็เขาบอกฉันเอง ว่าเขาจะไม่มีทางแต่งงานกับคนที่เขาเกลียด”
ปุ๊ : “ปุ้มบอกกับแกเหรอ ว่าเขาเกลียดแก”
หนึ่ง : “ถ้าคำว่าเกลียดของเขาคือก้อนหิน มันคงก่อกำแพงได้ซักเมือง”
ปุ๊ : “แล้วแกล่ะ คิดยังไงกับปุ้ม !”
ปุ๊ : “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่าการที่ปุ้มเอาคำว่าเกลียดมาก่อเป็นกำแพง ก็เพื่อป้องกันตัวเอง เพราะว่าแกน่ะ ทำเหมือนกับว่าเกลียดเขาอยู่ตลอดเวลา ปุ้มมันบอกกับฉันอยู่เสมอ ว่าแกน่ะเกลียดปุ้ม”
หนึ่ง : “ฉันไม่ได้เกลียดเขา”
ปุ๊ : “ไม่ได้เกลียด แล้วรักหรือเปล่าล่ะ !”
หนึ่ง : (เงียบ)
ปุ๊ : “ว่าไงล่ะไอ้หนึ่ง ไหนแกลองบอกฉันมาซิ ว่าแกน่ะรักน้องสาวของฉันหรือเปล่า ว่าไงหนึ่ง! นี่ถ้าแกไม่บอกฉันนะ ฉันจะไปบอกปุ้ม ว่าแกน่ะเกลียดปุ้ม”
หนึ่ง : “ถึงฉันรักน้องสาวแก มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่มีวันแต่งงานกับฉัน ความรักของฉัน มันไม่สำคัญสำหรับเขาหรอก”
ปุ๊ : “ใครว่าไม่สำคัญล่ะ คนที่เขาจะแต่งงานกัน มันก็ต้องมีความรักเป็นพื้นฐาน แต่ว่าแกน่ะ คอยแต่จะเอาชนะ แล้วก็ไม่เคยทำดีกับเขา เป็นใครน่ะ เขาก็ต้องนึกว่าแกน่ะเกลียดเขา แล้วใครเขาจะยอมมาแต่งงานกับคนที่คิดว่าเกลียดเราล่ะ”
ปุ๊ : “ไอ้หนึ่ง ฉันน่ะรู้จักแกสองคนดีนะ ถ้าฉันรู้ว่าแกน่ะรักปุ้ม ฉันก็ย่อมจะรู้ว่าปุ้มน่ะ ไม่ได้เกลียดแก แต่คราวนี้แกจะทำยังไงให้ยัยปุ้มรู้ว่าแกน่ะไม่ได้เกลียดเขา แกลองคิดดูเอาเองนะ”
หนึ่ง : (คิดหนัก)
(นาทีที่ 1:02:50 เป็นต้นไป)
- ฉากบอกรักนางเอก ฉากนี้เป็นอะไรที่ประทับใจเรามาก เราดูฉากนี้จนท่องบทตอนที่พระเอกพูดได้เลย (ดูไม่รู้กี่รอบ 555) ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่พระเอกตั้งใจมาหานางเอก เอากระดาษที่จะพิมพ์การ์ดแต่งงานมาให้นางเอกเลือก แต่เนื่องด้วยนางเอกเพิ่งรับรู้(และเข้าใจผิด)เรื่องของพระเอกกับส่องแสงมา นางจึงยืนกรานที่จะไม่แต่งงานกับพระเอก แต่พระเอกกลับเข้าใจว่านางเอกรักท่านชายมาก จึงยอมถอดใจและตัดสินใจคืนอิสระให้นางเอก ฉากนี้เป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก ทั้งเรื่องเราหมั่นไส้พระเอกมาโดยตลอด แต่พอฉากนี้ เรากลับสงสารพระเอกหมดใจ
อนวัช : “ฉันเอากระดาษพิมพ์การ์ดแต่งงานมาให้เธอเลือก เธอชอบแบบไหน ฉันจะได้ส่งให้ทางโรงพิมพ์เขาพิมพ์”
หทัยรัตน์ : ”ดิฉันว่าคุณไปถามเจ้าสาวของคุณดีกว่าค่ะ กระดาษที่ฉันชอบ เขาอาจจะไม่ชอบก็ได้ และดิฉันก็ขอยืนยันคำเดิมที่ฉันเคยบอกคุณว่า ดิฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ”
อนวัช : “เธอแน่ใจเหรอ?”
หทัยรัตน์ : “ค่ะ”
อนวัช : “ทำไม?”
หทัยรัตน์ : “ดิฉันจะไม่แต่งงานกับคนที่ดิฉันไม่ได้รัก”
อนวัช : “จริงสินะ ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีวันรักฉัน จริง ๆ ฉันไม่น่าลืมเลย พินิจเคยบอกฉันแล้ว ว่าเธอมีคนที่เธอรัก และจะแต่งงานด้วย คนๆ นั้นคือประสาทพรใช่มั้ย”
หทัยรัตน์ : “ค่ะ”
อนวัช : “เธอรักเขามากเหรอ หทัยรัตน์”
หทัยรัตน์ : “ค่ะ.. และมันก็คงไม่น้อยไปกว่าที่คุณรักคุณส่องแสง”
อนวัช : “เธอว่าอะไรนะ ?”
หทัยรัตน์ : “ดิฉันบอกว่า ดิฉันรักคุณชายประสาทพรมากค่ะ”
อนวัช : “อันนั้นอ่ะ ฉันได้ยินแล้ว เธอไม่ต้องพูดซ้ำก็ได้! แต่ฉันอยากรู้ว่าเมื่อกี้เธอบอกว่าฉันรักใครนะ?”
หทัยรัตน์ : “ก็..คุณส่องแสงไงคะ และดิฉันก็คิดว่าเธอก็คงรักคุณมากเช่นกัน”
อนวัช : “ใครบอกเธออ่ะ ว่าฉันรักส่องแสง”
หทัยรัตน์ : “ที่จริงคุณไม่ต้องปิดบังดิฉันก็ได้นี่คะ พูดกันตรง ๆ เราก็น่าจะตกลงกันได้”
อนวัช : “เธอจะรักประสาทพร ก็รักไป ทำไมเธอต้องพูดว่าฉันรักส่องแสงด้วย คนอย่างฉัน รักใครก็บอกว่ารัก และเธอฟังไว้นะ ฉันไม่ได้รักส่องแสง คนที่ฉันรัก...คือเธอ..หทัยรัตน์”
อนวัช : “ฉันเคยพูดว่าฉันจะแต่งงานกับเธอ เพราะต้องการเอาชนะเธอ ฉันโกหก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำเป็นเกลียดเธอ เพราะฉันหลอกตัวฉันเอง วันนี้ฉันหลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ฉันตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับเธอ และฉันก็รู้ว่าฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ กำแพงความเกลียดที่เธอสร้างขึ้นเพื่อกั้นฉันไว้ มันแข็งแรงเหลือเกิน ฉันคงไม่สามารถพังมันลงได้ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะปล่อยเธอไป ฉันจะคืนอิสระให้กับเธอ...” แล้วก็เดินจากไป พร้อมเพลงประกอบขึ้น โหย! ฉากนี้เศร้าจริงไรจริง นางเอกงี้มองตาม เรียกชื่อแต่เขาไม่ได้ยินซะแว้ว
(นาทีที่ 4:42 เป็นต้นไป)
กระทู้อาจจะยาวสักหน่อยนะคะ ขออภัยด้วยค่ะ
ความประทับใจที่มีต่อ “หนึ่งในทรวง”
เนื่องจากเป็นคนหนึ่งที่ชอบละครและนิยายเรื่องนี้มาก (เรียกได้ว่ามากที่สุดก็ว่าได้ค่ะ) เราดูละครเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน นำแสดงโดยพี่เคนธีรเดช และเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ตอนนั้นเราประทับใจมาก จนหาซื้อนิยายเรื่องนี้มาเก็บไว้ ในนิยายอาจจะแตกต่างกับละครบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นธรรมดาของการดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับบทโทรทัศน์ และตอนนั้นเองทำให้เราหลงรักคุณหนึ่ง (พี่เคน) มากกว่าเดิม ซึ่งตอนนั้นพี่เคนยังไม่ดังเปรี้ยงปร้าง เหมือนช่วง อุ้มรัก หรือครูกุ๊ก แต่เรากลับประทับใจมากกว่า และคิดว่าบทนี้ช่างเหมาะกับพี่เคนจริง ๆ ส่วนนางเอกของเรื่อง เจนี่เล่นได้เหมาะกับบท นส.หทัยรัตน์ ผู้มีความน่ารักและมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของความเป็นสตรีได้อย่างเหมาะสม
สิ่งที่ประทับใจในละครหนึ่งในทรวง(พี่เคน – เจนี่)
(สปอยล์ล้วน ๆ นะจ๊ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กระทู้อาจจะยาวสักหน่อยนะคะ ขออภัยด้วยค่ะ