หลังจากดูมาสองวันแล้ว ยังรู้สึกแปลกๆ กับการตีความบทของ Love Sick Season 2
ตอนดูซีซั่นแรกยอมรับว่าโปรดักชั่นกากมาก แต่ด้วยตัวบทและการตีความก็ยังรู้สึกว่ามันเป็น Love Sick กว่าซีซั่นนี้นะ
ผู้กำกับและบทสามารถคงบรรยากาศของความเป็น Love Sick จากนิยายเอาไว้ได้พอสมควร
ยิ่งมีการถ่ายซ่อม เอาคำติชมจากตอนแรกๆไปปรับปรุงถ่ายเพิ่ม หลังๆเสน่ห์ของความเป็น Love Sick ยิ่งอบอวล ดีขึ้นจากตอนแรกมาก
อาจจะไม่ได้ดีขึ้นมาแบบหน้ามือหลังมือ โปรดักชั่นก็ยังมีหลุดมีง่อยอยู่ดี แต่เห็นชัดว่าผู้กำกับเห็นภาพ Love Sick เป็นภาพเดียวกับคนอ่านนิยายชัดเจน
ต้องออกตัวอย่างนึงว่าตอนเห็นแคสไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่กับกัปตันที่มารับบทเป็นโน่และไวท์ที่มารับบทเป็นปุณณ์เลยนะ (ภาพที่มโนไว้คือประมาณน้องฮาร์ทอัสสัมกับน้องอินกท.)
แต่พอดูไวท์กัปตันในเรื่องแล้วสามารถทำให้เปิดใจยอมรับได้ว่านี่แหละคือปุณณ์โน่ในแบบซีรี่ส์ แม้รูปลักษณ์ไม่เหมือนที่นิยายบรรยายไว้ให้เราจินตนาการ แต่ความเป็นปุณณ์โน่ในแบบซีรี่ส์คือมันใช่
สรุปว่าโอเคกับ Love Sick ซีซั่นแรก
และพอเริ่มมาซีซั่นสองเลยค่อนข้างคาดหวัง เพราะคำติชมเสียงวิจารณ์ในซีซั่นแรกน่าจะมีเก็บไว้เอามาปรับปรุง ผู้จัดใหม่ก็ดูเงินถึง คอนเนคชั่นดี โปรดักชั่นน่าจะดีขึ้นจากทั้งประสบการณ์และเงินที่มากขึ้น
แต่พอเปิดตัวมาส่วนตัวกลับแอบผิดหวังพอสมควร โปรดักชั่นที่ควรดีก็ไม่ได้รู้สึกว่าดีอะไร แค่กล้องไม่สั่น ภาพไม่หลุด แต่กลายเป็นสีจ้าแสบตา ตัดต่อฉึบฉับจนเบรกอารมณ์ตลอด มุมกล้องเหมือนละครธรรมดาทั่วไป ซาวน์เชยมากถึงมากที่สุด
เซตดีไซน์ มุมกล้องเก๋ๆ ซาวน์เก๋ๆโดนๆ อย่างซีซั่นแรกยังไม่ได้เห็นไม่ได้ยินเลย
ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการเล่าเรื่องกะบท
ประเด็นแรกคือทำซะโทนเรื่องออกมาเหมือนนิยายแจ่มใสฟรุ้งฟริ้งแทรกดราม่าเป็นระยะ
ไม่ได้ให้อารมณ์ตามต้นเรื่องว่าเป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายแมนๆที่มันเกิดรักกัน มีรู้สึกดีต่อกัน อาจจะมีอุปสรรคบ้าง มีเรื่องให้เรียนรู้ มีเรื่องราวให้ก้าวผ่านวัย แต่โดยรวมมันก็คือเด็กวัยรุ่นมัธยมปลายที่ยังมีความสดใสเต็มเปี่ยม
ปรเด็นต่อมาคือการเล่าเรื่องที่ไม่สนุกเลย ตัดไปมาเร็วจนดูไม่ทัน เหมือนเล่าไปเรื่อยๆ แค่พอให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีบรรยากาศ ไม่ทำให้เกิดอารมณ์ร่วม ไม่มีการรับส่งให้เห็น
ผ่านฉากไหนไปแล้วมันก็เลยผ่านไปไม่รู้สึกจดจำ เพราะไม่มีการทิ้งอารมณ์ กระโดดไปเลย รอยต่อซีนไม่มี แถมไปเรื่องคนอื่นพอกลับมาต่อเรื่องคนเดิมอารมณ์มันก็จางไปหมดแล้ว
ไม่รู้จะเดินเรื่องเร็วไปไหน เหมือนมีซีนที่ควรจะมีแต่กลับไม่มีหายไปเยอะเลย
ซีนบางซีนดูไม่จำเป็นกลับยืดเยื้อยัดเข้ามาเยอะมาก อย่างพวกซีนดราม่าที่ไม่ได้เกี่ยวกับปุณณ์โน่แล้วทำให้เรื่องเครียดเปล่าๆ ลดลงบ้างก็ได้
หรือถ้ากลัวไม่มีเรื่องคนอื่นแล้วกลัวเวลาจะเหลือ มันยังมีซีนที่น่าเติมลงไปได้ตั้งเยอะโดยไม่ทำให้เส้นเรื่องเสีย ไม่ทำให้อารมณ์คนดูกร่อยด้วย
อย่างฉากเปลี่ยนชุดหมีเล่นนานกว่านั้นก็ได้ ฉากอย่าเล่นวอครับก็มาเร็วไปเร็วจนรู้สึกเสียของ
ไม่ต้องเป็นปุณณ์โน่จะเอาฉากว่าฟิล์มหวงน้องมิกจนใครก็แตะไม่ได้ใส่มาก็ได้น่าจะสนุก ฉากฝากฝังน้องมิกไว้กับโอมให้สอนฮอว์นโดยไม่รู้ว่าฝากแมวไว้กับปลาย่างอะไรเงี้ย ได้ปูที่มาที่ไปของคู่โอมมิกให้เห็นด้วย
ส่วนเรื่องบท คาแรกเตอร์ตัวละครมาคราวนี้หลุดเยอะมาก
เอาเท่าที่สัมผัสได้ในสองตอนแรกนี้ก่อนนะ
โน่ - กลายเป็นเด็กแบกโลก ดูหดหู่ ดูไม่สดใสสมวัย ในนิยายถึงจะมีปัญหาอะไรโน่ก็ยังเฮี้ยวยังเป็นเด็กเกรียนขี้โวยวายอยู่ เรื่องการแสดงด้วย กัปตันเล่นมาสองตอนนี้ก็ดูเก้ๆกังๆเหมือนยังเล่นไม่สุด
เอม - ซีซั่นแรกปูมาว่าสวยเริ่ดเชิ่ดหยิ่ง แต่ก็ยังอ้อนปุณณ์อยู่ มีอารมณ์ผู้หญิง ซึ่งคิดว่าดีแล้ว แต่ซีซั่นนี้เอมดูกระด้างมาก กระด้างจนดูเย็นชา ในนิยายเอมไม่ใช่คนดูสดใสแต่ก็คงไม่ถึงกับกระด้างขนาดนี้
จี๊ด - จ๋องไปหรือเปล่า ดูเป็นลูกไล่ของเพื่อนเกินไป ตอนซีซั่นแรกวางคาแรกเตอร์ไว้ดูลงตัวอยู่แล้วนะ ถึงจะฟุ้งเฟ้อ รวยไม่จริง โกหกเพื่อน แต่ก็มีความมั่นใจตัวเองระดับนึงไม่ได้จ๋องขนาดนี้
เกรซ - เป็นคาแรกเตอร์ที่คิดว่าหลุดที่สุด ทั้งหลุดจากซีซั่นแรกที่แค่เป็นชะนีขี้เม้าขี้นินทา สะตอไปวันๆ กลายมาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แถมเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดูถูกเพื่อน ตามแฉเพื่อน แต่ก็มีน้ำใจซื้อของแพงๆให้เพื่อน ดูขัดแย้งตัวเอง
โอมกับกอล์ฟ - ไม่มีปัญหากับคาแรกเตอร์ใหม่ แค่โอมดูเกรียนขึ้น เป็นคนพูดมากขี้โวยวายขึ้น ส่วนกอล์ฟดูมุ้งมิ้งมากขึ้น ดาร์กน้อยลง เข้าใจว่าคนเก่าไม่ยอมเล่นต่อเค้าก็ต้องหาคนใหม่ ไม่ว่ากัน
น้องมิก - ตีความมาไม่ตรงนิยายเลย น้องมิกน่าจะเป็นคนขี้อาย ซื่อใส ไร้เดียงสา แต่นี่คือดูแอ๊บแบ๊ว ดูอ่อย ดูแอบคัน รู้สึกว่างานนี้จะเป็นมิกจีบโอมมากกว่าโอมจีบมิกแน่ๆ
ว่าไปภาพรวมซีซั่นนี้เหมือนจะดูดีขึ้นนะถ้ามองในแง่โปรดักชั่น แต่ดูจริงๆ ส่วนตัวว่าซีซั่นแรกดีกว่า พลาดแค่เปิดตัวตอนแรกกับเรื่องโปรดักชั่น แต่หัวใจหลักคือการเล่าเรื่องของผู้กำกับกะบททำได้ดีกว่าจริงๆ
ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้นวิจารณ์จากที่ได้ดูสองตอนแรก หวังว่าจะมีการปรับปรุงเหมือนที่ซีซั่นแรกเริ่มมาห่วยแล้วกลับตัวมาได้ แต่จริงๆซีซั่นนี้ควรให้ดีตั้งแต่เริ่มเลยนะ เพราะซีซั่นแรกก็ลองผิดลองถูกมาให้แล้ว ซีซั่นนี้ไม่ควรจะมาเริ่มลองผิดลองถูกใหม่อีก
ขอวิจารณ์ Love Sick Season 2 ไม่ใช่ Love Sick ที่เราเคยรู้จัก
ตอนดูซีซั่นแรกยอมรับว่าโปรดักชั่นกากมาก แต่ด้วยตัวบทและการตีความก็ยังรู้สึกว่ามันเป็น Love Sick กว่าซีซั่นนี้นะ
ผู้กำกับและบทสามารถคงบรรยากาศของความเป็น Love Sick จากนิยายเอาไว้ได้พอสมควร
ยิ่งมีการถ่ายซ่อม เอาคำติชมจากตอนแรกๆไปปรับปรุงถ่ายเพิ่ม หลังๆเสน่ห์ของความเป็น Love Sick ยิ่งอบอวล ดีขึ้นจากตอนแรกมาก
อาจจะไม่ได้ดีขึ้นมาแบบหน้ามือหลังมือ โปรดักชั่นก็ยังมีหลุดมีง่อยอยู่ดี แต่เห็นชัดว่าผู้กำกับเห็นภาพ Love Sick เป็นภาพเดียวกับคนอ่านนิยายชัดเจน
ต้องออกตัวอย่างนึงว่าตอนเห็นแคสไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่กับกัปตันที่มารับบทเป็นโน่และไวท์ที่มารับบทเป็นปุณณ์เลยนะ (ภาพที่มโนไว้คือประมาณน้องฮาร์ทอัสสัมกับน้องอินกท.)
แต่พอดูไวท์กัปตันในเรื่องแล้วสามารถทำให้เปิดใจยอมรับได้ว่านี่แหละคือปุณณ์โน่ในแบบซีรี่ส์ แม้รูปลักษณ์ไม่เหมือนที่นิยายบรรยายไว้ให้เราจินตนาการ แต่ความเป็นปุณณ์โน่ในแบบซีรี่ส์คือมันใช่
สรุปว่าโอเคกับ Love Sick ซีซั่นแรก
และพอเริ่มมาซีซั่นสองเลยค่อนข้างคาดหวัง เพราะคำติชมเสียงวิจารณ์ในซีซั่นแรกน่าจะมีเก็บไว้เอามาปรับปรุง ผู้จัดใหม่ก็ดูเงินถึง คอนเนคชั่นดี โปรดักชั่นน่าจะดีขึ้นจากทั้งประสบการณ์และเงินที่มากขึ้น
แต่พอเปิดตัวมาส่วนตัวกลับแอบผิดหวังพอสมควร โปรดักชั่นที่ควรดีก็ไม่ได้รู้สึกว่าดีอะไร แค่กล้องไม่สั่น ภาพไม่หลุด แต่กลายเป็นสีจ้าแสบตา ตัดต่อฉึบฉับจนเบรกอารมณ์ตลอด มุมกล้องเหมือนละครธรรมดาทั่วไป ซาวน์เชยมากถึงมากที่สุด
เซตดีไซน์ มุมกล้องเก๋ๆ ซาวน์เก๋ๆโดนๆ อย่างซีซั่นแรกยังไม่ได้เห็นไม่ได้ยินเลย
ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการเล่าเรื่องกะบท
ประเด็นแรกคือทำซะโทนเรื่องออกมาเหมือนนิยายแจ่มใสฟรุ้งฟริ้งแทรกดราม่าเป็นระยะ
ไม่ได้ให้อารมณ์ตามต้นเรื่องว่าเป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายแมนๆที่มันเกิดรักกัน มีรู้สึกดีต่อกัน อาจจะมีอุปสรรคบ้าง มีเรื่องให้เรียนรู้ มีเรื่องราวให้ก้าวผ่านวัย แต่โดยรวมมันก็คือเด็กวัยรุ่นมัธยมปลายที่ยังมีความสดใสเต็มเปี่ยม
ปรเด็นต่อมาคือการเล่าเรื่องที่ไม่สนุกเลย ตัดไปมาเร็วจนดูไม่ทัน เหมือนเล่าไปเรื่อยๆ แค่พอให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีบรรยากาศ ไม่ทำให้เกิดอารมณ์ร่วม ไม่มีการรับส่งให้เห็น
ผ่านฉากไหนไปแล้วมันก็เลยผ่านไปไม่รู้สึกจดจำ เพราะไม่มีการทิ้งอารมณ์ กระโดดไปเลย รอยต่อซีนไม่มี แถมไปเรื่องคนอื่นพอกลับมาต่อเรื่องคนเดิมอารมณ์มันก็จางไปหมดแล้ว
ไม่รู้จะเดินเรื่องเร็วไปไหน เหมือนมีซีนที่ควรจะมีแต่กลับไม่มีหายไปเยอะเลย
ซีนบางซีนดูไม่จำเป็นกลับยืดเยื้อยัดเข้ามาเยอะมาก อย่างพวกซีนดราม่าที่ไม่ได้เกี่ยวกับปุณณ์โน่แล้วทำให้เรื่องเครียดเปล่าๆ ลดลงบ้างก็ได้
หรือถ้ากลัวไม่มีเรื่องคนอื่นแล้วกลัวเวลาจะเหลือ มันยังมีซีนที่น่าเติมลงไปได้ตั้งเยอะโดยไม่ทำให้เส้นเรื่องเสีย ไม่ทำให้อารมณ์คนดูกร่อยด้วย
อย่างฉากเปลี่ยนชุดหมีเล่นนานกว่านั้นก็ได้ ฉากอย่าเล่นวอครับก็มาเร็วไปเร็วจนรู้สึกเสียของ
ไม่ต้องเป็นปุณณ์โน่จะเอาฉากว่าฟิล์มหวงน้องมิกจนใครก็แตะไม่ได้ใส่มาก็ได้น่าจะสนุก ฉากฝากฝังน้องมิกไว้กับโอมให้สอนฮอว์นโดยไม่รู้ว่าฝากแมวไว้กับปลาย่างอะไรเงี้ย ได้ปูที่มาที่ไปของคู่โอมมิกให้เห็นด้วย
ส่วนเรื่องบท คาแรกเตอร์ตัวละครมาคราวนี้หลุดเยอะมาก
เอาเท่าที่สัมผัสได้ในสองตอนแรกนี้ก่อนนะ
โน่ - กลายเป็นเด็กแบกโลก ดูหดหู่ ดูไม่สดใสสมวัย ในนิยายถึงจะมีปัญหาอะไรโน่ก็ยังเฮี้ยวยังเป็นเด็กเกรียนขี้โวยวายอยู่ เรื่องการแสดงด้วย กัปตันเล่นมาสองตอนนี้ก็ดูเก้ๆกังๆเหมือนยังเล่นไม่สุด
เอม - ซีซั่นแรกปูมาว่าสวยเริ่ดเชิ่ดหยิ่ง แต่ก็ยังอ้อนปุณณ์อยู่ มีอารมณ์ผู้หญิง ซึ่งคิดว่าดีแล้ว แต่ซีซั่นนี้เอมดูกระด้างมาก กระด้างจนดูเย็นชา ในนิยายเอมไม่ใช่คนดูสดใสแต่ก็คงไม่ถึงกับกระด้างขนาดนี้
จี๊ด - จ๋องไปหรือเปล่า ดูเป็นลูกไล่ของเพื่อนเกินไป ตอนซีซั่นแรกวางคาแรกเตอร์ไว้ดูลงตัวอยู่แล้วนะ ถึงจะฟุ้งเฟ้อ รวยไม่จริง โกหกเพื่อน แต่ก็มีความมั่นใจตัวเองระดับนึงไม่ได้จ๋องขนาดนี้
เกรซ - เป็นคาแรกเตอร์ที่คิดว่าหลุดที่สุด ทั้งหลุดจากซีซั่นแรกที่แค่เป็นชะนีขี้เม้าขี้นินทา สะตอไปวันๆ กลายมาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แถมเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดูถูกเพื่อน ตามแฉเพื่อน แต่ก็มีน้ำใจซื้อของแพงๆให้เพื่อน ดูขัดแย้งตัวเอง
โอมกับกอล์ฟ - ไม่มีปัญหากับคาแรกเตอร์ใหม่ แค่โอมดูเกรียนขึ้น เป็นคนพูดมากขี้โวยวายขึ้น ส่วนกอล์ฟดูมุ้งมิ้งมากขึ้น ดาร์กน้อยลง เข้าใจว่าคนเก่าไม่ยอมเล่นต่อเค้าก็ต้องหาคนใหม่ ไม่ว่ากัน
น้องมิก - ตีความมาไม่ตรงนิยายเลย น้องมิกน่าจะเป็นคนขี้อาย ซื่อใส ไร้เดียงสา แต่นี่คือดูแอ๊บแบ๊ว ดูอ่อย ดูแอบคัน รู้สึกว่างานนี้จะเป็นมิกจีบโอมมากกว่าโอมจีบมิกแน่ๆ
ว่าไปภาพรวมซีซั่นนี้เหมือนจะดูดีขึ้นนะถ้ามองในแง่โปรดักชั่น แต่ดูจริงๆ ส่วนตัวว่าซีซั่นแรกดีกว่า พลาดแค่เปิดตัวตอนแรกกับเรื่องโปรดักชั่น แต่หัวใจหลักคือการเล่าเรื่องของผู้กำกับกะบททำได้ดีกว่าจริงๆ
ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้นวิจารณ์จากที่ได้ดูสองตอนแรก หวังว่าจะมีการปรับปรุงเหมือนที่ซีซั่นแรกเริ่มมาห่วยแล้วกลับตัวมาได้ แต่จริงๆซีซั่นนี้ควรให้ดีตั้งแต่เริ่มเลยนะ เพราะซีซั่นแรกก็ลองผิดลองถูกมาให้แล้ว ซีซั่นนี้ไม่ควรจะมาเริ่มลองผิดลองถูกใหม่อีก