สวัสดีค่ะทุกท่าน
จขกท. อ่านพันทิป (อย่างเงียบๆ) มาก็เป็นสิบปี ไม่เคยตั้งกระทู้เลย นี่เป็นกระทู้แรก
ตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อขอบคุณพันทิปที่เป็นแหล่งข้อมูล ความรู้ต่างๆมากมาย
หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ
ปล.1 ขอใช้คำว่าน้อง เพราะป้าอายุพอควร แต่อย่าเดาอายุป้าเลย ป้าไม่กล้าบอก 555
ปล.2 จขกท. อาจจะใช้ภาษาวัยรุ่นบ้างเพื่อความสนุกสนานไม่น่าเบื่อ
อาจะไม่ตรงตามหลักไวยากรณ์ภาษาไทยนะค้าบ
ปล.3 ต้องตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพราะกระทู้สนทนาตั้งไม่ได้ค่ะ
ออกตัวก่อนว่า จขกท. ไม่ได้เป็น Management Trainee และไม่ได้ทำงานในสายงาน HR
น้องๆอาจจะมีคำถามว่า อ้าวแล้วมาตั้งกระทู้ทำไม (ฟร่ะ) ช้าก่อนๆ จขกท. มีเหตุผล
1. จขกท. เคยอยู่ในองค์กรต่างชาติบริษัทหนึ่งที่มีโปรแกรมนี้
2. จขกท. มีน้อง Management Trainee มาทำงานด้วยหลายรุ่น หลายปี
และได้คุยกับน้องๆหลายคนพอสมควรถึงพอทราบรายละเอียดอยู่บ้าง
3. จขกท. อ่านพันทิปบ่อย (มาก) และหลายเห็นหลายๆกระทู้ มีคำถามถามเกี่ยวกับ Management Trainee
เช่น คืออะไร ดีมั้ย ต้องมีคุณสมบัติยังไงไง เงินเดือนสูงรึเปล่า ฯลฯ แต่ยังไม่มีคนตอบอย่างละเอียด
3 ข้อน่าจะพอแล้วเนอะ มามะ มาเริ่มเรื่องกันเลย
ย้ำอีกรอบว่าเขียนจากประสบการณ์ล้วนๆ อาจจะตรงบ้างไม่ตรงบ้าง และคิดว่าแต่ละบริษัทก็จะมีรายละเอียดที่ต่างกันไป
ใครมีประสบการณ์มาแชร์กันเยอะๆนะคะ (ขอเปลี่ยนสรรพนามเป็น “ป้า” เพราะพิมง่ายกว่า “จขกท” ไม่ว่ากันเน้อ)
Management Trainee คือ โปรแกรมที่มีขึ้นเพื่อรับเด็กจบใหม่ที่ยังมีประสบการณ์ไม่เยอะ
มาสร้างเป็นสายเลือดผู้บริหารขององค์กรในอนาคต
คุณสมบัติ
- ไม่มีประสบการณ์ทำงาน หรือ โดยส่วนมากไม่เกิน 3 ปี หรืออายุไม่เกิน 27-28 ปี
ทำไมต้องมีประสบการณ์ไม่มาก ป้าคิดเองง่ายๆว่าน่าจะได้เป็นสายเลือดโดยตรง
ไม่ติดกับประสบการณ์ หรือ Culture ขององค์กรใดมาก่อน ว่านอนสอนง่ายว่างั้น
- จบการศึกษาปริญญาโท อันนี้เหตุผลเท่าที่เคยถาม HR เมื่อก่อนมีการรับ ป.ตรี
แต่เนื่องจากค่านิยมของบ้านเรา ต้องจบ ป.โท ทำให้เมื่อรับเข้ามาแล้วสักพัก น้องๆก็จะลาออกไปเรียนโท
ทำให้บริษัทเสียบุคคลากรที่อุตส่าห์ลงทุนไป ดังนั้นปัจจุบันเลยรับ ป.โท โดยส่วนมาก
บริษัทใครยังรับ ป.ตรี มาแชร์กันด้วยจ้า
- คณะที่จบ ต้องจบจากสายงานไหน อันนี้แล้วแต่บริษัทเลย เท่าที่เห็นแต่ละบริษัทจะรับหลายๆสายงาน
เช่น Marketing, Sales, Supply chain, Finance, ฯลฯ โดยที่น้องๆแต่ละคนจะได้รับการหมุนเวียนไปอยู่แผนกต่างๆ
ตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อเรียนรู้งานในสายงานที่ต่างไปและเหมาะกับการขึ้นเป็นผู้บริหารในอนาคต
เห็นบางบริษัทได้ไปทำงานเมืองนอกด้วยนะเออ ลองหาข้อมูลดู
- ภาษาอังกฤษต้องโดน ไม่ต้องถึงกับจบนอก Native speaker อะไรงี้ ป้าเห็นน้องหลายคนจบในไทยก็ไม่มีปัญหา
แต่แต่แต่......ภาษาอังกฤษนี่คือ A must แปลว่า ต้องพูดอ่านออกเขียนได้ ใช้ TOEIC เท่าไหร่อันนี้ป้าไม่แน่ใจ
แต่มีสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษแน่นอนสำหรับบริษัทต่างชาติ ดังนั้นถ้าน้องๆคนไหนที่ภาษาอังกฤษไม่ได้
ป้าบอกเลยว่าขอให้เริ่มตั้งแต่วันนี้ เพราะมันจำเป็นมากๆๆๆ (ก.ไก่ล้านตัว)
- เกรดเฉลี่ย อันนี้ป้าไม่แน่ใจ คิดว่าแต่ละบริษัทกำหนดไม่เหมือนกัน อาจจะ 3.00 ขึ้นไป
ในปัจจุบันมีหลายๆบริษัททั้งบริษัทต่างชาติและบริษัทของไทย เปิดโปรแกรมนี้
น้องๆควรอ่านรายละเอียดการสมัครและคุณสมบัติของแต่ละบริษัทให้ชัดเจน อย่ายึดกับที่ป้าเขียนละกันนะคะ
เมื่อคุณสมบัติได้ละ เราต้องทำไงค่ะ ถูก....ถูกต้องนะครัง (เสียงแบบคุณปัญญหา) ต้องยื่นใบสมัครค่ะ
ซึ่งโดนส่วนมากจะเปิดเป็นรอบๆ อาจจะปีละ 1 รอบ หรือมากกกว่านั้นแล้วแต่บริษัท
ดังนั้นน้องๆควรเฝ้าติดตามการเปิดรับสมัคร พลาดแล้วจะเสียเวลาไปอีกปี (เดี๋ยวหาว่าป้าไม่เตือน)
คำถามถัดมา
สัมภาษณ์ยากมั้ย ถ้าถามว่ายากมั้ย ขอตอบเลยว่ายาก (โปรดทำเสียงเพลง พี่เบิร์ด ถ้าถามว่าท้อมั้ย...)
เพราะมีการรับจำนวนจำกัด แน่นอนว่าคนมาสมัครก็มีพอสมควร แต่ปีนึงจะรับได้จำนวนไม่เยอะ
การทดสอบก็จะมีข้อเขียน สัมภาษณ์ (อาจจะหลายรอบ) อาจจะมี workshop และอื่นๆ
เรียกว่าเข้มข้นมากกว่าสัมภาษณ์งานปกติ
คำถามฮิตสุดสำหรับน้องๆรุ่นใหม่
ป้าคะ ป้าคะ เงินเดือนละคะ เห็นคุณสมบัติขนาดนี้ เข้าก็ยาก
ป้าไม่อยากจะเม้าท์ว่าเงินเดือนสูงมาก (ก.ไก่ล้านตัว อีกรอบ) จริงๆคิดอยู่ว่าควรจะบอกมั้ย
เพราะจริงๆเรื่องเงินเดือนมันเป็นความลับส่วนบุคคล แต่ถ้าไม่บอก ป้าอาจจะโดนด่าได้ว่าแล้วจะมาเขียนกระทู้ทำไม (ฟร่ะ)
ป้าย้ำอีกรอบว่านี่เป็นข้อมูลที่ป้าได้จากบางบริษัท ไม่ใช่แค่เฉพาะบริษัทเดียวที่ป้าเคยทำงาน แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลทุกบริษัท
ป้าขออนุญาตใส่ spoil ละกันเนอะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้30,000 บาทขึ้นไป ป้าจะเป็นลม ตอนนี้ 30,000 น่าจะเป็นขั้นต่ำ
ได้ข่าวว่าบางบริษัท เริ่มที่ 37,000-40,000 บาทด้วยซ้ำไป (OMG!!!)
เป็นไงๆ ตาโตกันเลยใช่มั้ย แต่อย่างที่บอกมันไม่ใช่ง่ายๆ ให้อ่านคุณสมบัติอีกครั้ง
ยังยังไม่พอ ความก้าวหน้าในบริษัท ก็เป็นแบบ “บันไดเลื่อนหรือลิฟท์” เมื่อเทียบกับคนเข้าทำงานปกติที่เป็น “บันไดธรรมดา”
เพราะน้องๆจะได้รับการเทรนนิ่งอย่างดี ได้ทำงานกับผู้มีประสบการณ์โดยตรง ได้เรียนรู้งานหลายๆแผนกๆ
เมื่อจบโปรแกรมที่ 1 ปี หรือ 2 ปี หรือ 3 ปี ตามแต่ละบริษัทกำหนด น้องก็จะได้เลื่อนเป็น รอง ผจก. หรือแม้กระทั่ง ผจก.
เทียบกับตามปกติกว่าจะใช้เวลาเป็น รอง ผจก. อาจจะ 3 ปีเป็นอย่างน้อย
เป็นไงกันมั่งเห็นละ ตาลุกใช่มะละ แต่อย่างที่บอกมันไม่ใช่ง่ายๆ
ทุกอย่างต้องมีการเตรียมตัวนะค้า เอาใจช่วยน้องๆทุกคนค้าบ
ก่อนจาก ป้าขอฝากสำหรับน้องๆที่มีโอกาสดีๆ ได้ทำงานในตำแหน่งที่ดี เงินเดือนดีตามที่ตั้งใจไว้
ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ อย่ามองที่เงินเดือนเพียงอย่างเดียวและเปลี่ยนงานบ่อยเกินไปเพื่อจั๊มพ์เงืนเดือน
(เรื่องนี้โอกาสหน้าป้าจะมาเขียนอีกที เพราะขัดใจจริงกับความคิดแบบนี้ อุ๊ยบ่นเป็นป้าอีกล่ะ)
และการเป็นพนักงานบริษัทเป็นเพียงแค่อาชีพหนึ่งเท่านั้น จริงๆยังมีอีกหลายอาชีพ
ขอให้น้องๆที่กำลังจะจบเลือกเดินตามความฝันทำงานที่ตัวเองรักมากกว่าตัวเงินนะคะ
จบแย้ว ยินดีมากถ้าน้องๆพี่ๆเพื่อนๆคนไหนมี ประสบการณ์โดยตรงมาแชร์กันในกระทู้นี้ เพื่อให้ข้อมูลแก่น้องๆรุ่นใหม่นะคะ
บายย
ป้าแว่นแมนแมน
Management Trainee บรรไดเลื่อนสู่ความก้าวหน้าสำหรับน้องๆจบใหม่
จขกท. อ่านพันทิป (อย่างเงียบๆ) มาก็เป็นสิบปี ไม่เคยตั้งกระทู้เลย นี่เป็นกระทู้แรก
ตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อขอบคุณพันทิปที่เป็นแหล่งข้อมูล ความรู้ต่างๆมากมาย
หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ
ปล.1 ขอใช้คำว่าน้อง เพราะป้าอายุพอควร แต่อย่าเดาอายุป้าเลย ป้าไม่กล้าบอก 555
ปล.2 จขกท. อาจจะใช้ภาษาวัยรุ่นบ้างเพื่อความสนุกสนานไม่น่าเบื่อ
อาจะไม่ตรงตามหลักไวยากรณ์ภาษาไทยนะค้าบ
ปล.3 ต้องตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพราะกระทู้สนทนาตั้งไม่ได้ค่ะ
ออกตัวก่อนว่า จขกท. ไม่ได้เป็น Management Trainee และไม่ได้ทำงานในสายงาน HR
น้องๆอาจจะมีคำถามว่า อ้าวแล้วมาตั้งกระทู้ทำไม (ฟร่ะ) ช้าก่อนๆ จขกท. มีเหตุผล
1. จขกท. เคยอยู่ในองค์กรต่างชาติบริษัทหนึ่งที่มีโปรแกรมนี้
2. จขกท. มีน้อง Management Trainee มาทำงานด้วยหลายรุ่น หลายปี
และได้คุยกับน้องๆหลายคนพอสมควรถึงพอทราบรายละเอียดอยู่บ้าง
3. จขกท. อ่านพันทิปบ่อย (มาก) และหลายเห็นหลายๆกระทู้ มีคำถามถามเกี่ยวกับ Management Trainee
เช่น คืออะไร ดีมั้ย ต้องมีคุณสมบัติยังไงไง เงินเดือนสูงรึเปล่า ฯลฯ แต่ยังไม่มีคนตอบอย่างละเอียด
3 ข้อน่าจะพอแล้วเนอะ มามะ มาเริ่มเรื่องกันเลย
ย้ำอีกรอบว่าเขียนจากประสบการณ์ล้วนๆ อาจจะตรงบ้างไม่ตรงบ้าง และคิดว่าแต่ละบริษัทก็จะมีรายละเอียดที่ต่างกันไป
ใครมีประสบการณ์มาแชร์กันเยอะๆนะคะ (ขอเปลี่ยนสรรพนามเป็น “ป้า” เพราะพิมง่ายกว่า “จขกท” ไม่ว่ากันเน้อ)
Management Trainee คือ โปรแกรมที่มีขึ้นเพื่อรับเด็กจบใหม่ที่ยังมีประสบการณ์ไม่เยอะ
มาสร้างเป็นสายเลือดผู้บริหารขององค์กรในอนาคต
คุณสมบัติ
- ไม่มีประสบการณ์ทำงาน หรือ โดยส่วนมากไม่เกิน 3 ปี หรืออายุไม่เกิน 27-28 ปี
ทำไมต้องมีประสบการณ์ไม่มาก ป้าคิดเองง่ายๆว่าน่าจะได้เป็นสายเลือดโดยตรง
ไม่ติดกับประสบการณ์ หรือ Culture ขององค์กรใดมาก่อน ว่านอนสอนง่ายว่างั้น
- จบการศึกษาปริญญาโท อันนี้เหตุผลเท่าที่เคยถาม HR เมื่อก่อนมีการรับ ป.ตรี
แต่เนื่องจากค่านิยมของบ้านเรา ต้องจบ ป.โท ทำให้เมื่อรับเข้ามาแล้วสักพัก น้องๆก็จะลาออกไปเรียนโท
ทำให้บริษัทเสียบุคคลากรที่อุตส่าห์ลงทุนไป ดังนั้นปัจจุบันเลยรับ ป.โท โดยส่วนมาก
บริษัทใครยังรับ ป.ตรี มาแชร์กันด้วยจ้า
- คณะที่จบ ต้องจบจากสายงานไหน อันนี้แล้วแต่บริษัทเลย เท่าที่เห็นแต่ละบริษัทจะรับหลายๆสายงาน
เช่น Marketing, Sales, Supply chain, Finance, ฯลฯ โดยที่น้องๆแต่ละคนจะได้รับการหมุนเวียนไปอยู่แผนกต่างๆ
ตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อเรียนรู้งานในสายงานที่ต่างไปและเหมาะกับการขึ้นเป็นผู้บริหารในอนาคต
เห็นบางบริษัทได้ไปทำงานเมืองนอกด้วยนะเออ ลองหาข้อมูลดู
- ภาษาอังกฤษต้องโดน ไม่ต้องถึงกับจบนอก Native speaker อะไรงี้ ป้าเห็นน้องหลายคนจบในไทยก็ไม่มีปัญหา
แต่แต่แต่......ภาษาอังกฤษนี่คือ A must แปลว่า ต้องพูดอ่านออกเขียนได้ ใช้ TOEIC เท่าไหร่อันนี้ป้าไม่แน่ใจ
แต่มีสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษแน่นอนสำหรับบริษัทต่างชาติ ดังนั้นถ้าน้องๆคนไหนที่ภาษาอังกฤษไม่ได้
ป้าบอกเลยว่าขอให้เริ่มตั้งแต่วันนี้ เพราะมันจำเป็นมากๆๆๆ (ก.ไก่ล้านตัว)
- เกรดเฉลี่ย อันนี้ป้าไม่แน่ใจ คิดว่าแต่ละบริษัทกำหนดไม่เหมือนกัน อาจจะ 3.00 ขึ้นไป
ในปัจจุบันมีหลายๆบริษัททั้งบริษัทต่างชาติและบริษัทของไทย เปิดโปรแกรมนี้
น้องๆควรอ่านรายละเอียดการสมัครและคุณสมบัติของแต่ละบริษัทให้ชัดเจน อย่ายึดกับที่ป้าเขียนละกันนะคะ
เมื่อคุณสมบัติได้ละ เราต้องทำไงค่ะ ถูก....ถูกต้องนะครัง (เสียงแบบคุณปัญญหา) ต้องยื่นใบสมัครค่ะ
ซึ่งโดนส่วนมากจะเปิดเป็นรอบๆ อาจจะปีละ 1 รอบ หรือมากกกว่านั้นแล้วแต่บริษัท
ดังนั้นน้องๆควรเฝ้าติดตามการเปิดรับสมัคร พลาดแล้วจะเสียเวลาไปอีกปี (เดี๋ยวหาว่าป้าไม่เตือน)
คำถามถัดมา
สัมภาษณ์ยากมั้ย ถ้าถามว่ายากมั้ย ขอตอบเลยว่ายาก (โปรดทำเสียงเพลง พี่เบิร์ด ถ้าถามว่าท้อมั้ย...)
เพราะมีการรับจำนวนจำกัด แน่นอนว่าคนมาสมัครก็มีพอสมควร แต่ปีนึงจะรับได้จำนวนไม่เยอะ
การทดสอบก็จะมีข้อเขียน สัมภาษณ์ (อาจจะหลายรอบ) อาจจะมี workshop และอื่นๆ
เรียกว่าเข้มข้นมากกว่าสัมภาษณ์งานปกติ
คำถามฮิตสุดสำหรับน้องๆรุ่นใหม่
ป้าคะ ป้าคะ เงินเดือนละคะ เห็นคุณสมบัติขนาดนี้ เข้าก็ยาก
ป้าไม่อยากจะเม้าท์ว่าเงินเดือนสูงมาก (ก.ไก่ล้านตัว อีกรอบ) จริงๆคิดอยู่ว่าควรจะบอกมั้ย
เพราะจริงๆเรื่องเงินเดือนมันเป็นความลับส่วนบุคคล แต่ถ้าไม่บอก ป้าอาจจะโดนด่าได้ว่าแล้วจะมาเขียนกระทู้ทำไม (ฟร่ะ)
ป้าย้ำอีกรอบว่านี่เป็นข้อมูลที่ป้าได้จากบางบริษัท ไม่ใช่แค่เฉพาะบริษัทเดียวที่ป้าเคยทำงาน แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลทุกบริษัท
ป้าขออนุญาตใส่ spoil ละกันเนอะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยังยังไม่พอ ความก้าวหน้าในบริษัท ก็เป็นแบบ “บันไดเลื่อนหรือลิฟท์” เมื่อเทียบกับคนเข้าทำงานปกติที่เป็น “บันไดธรรมดา”
เพราะน้องๆจะได้รับการเทรนนิ่งอย่างดี ได้ทำงานกับผู้มีประสบการณ์โดยตรง ได้เรียนรู้งานหลายๆแผนกๆ
เมื่อจบโปรแกรมที่ 1 ปี หรือ 2 ปี หรือ 3 ปี ตามแต่ละบริษัทกำหนด น้องก็จะได้เลื่อนเป็น รอง ผจก. หรือแม้กระทั่ง ผจก.
เทียบกับตามปกติกว่าจะใช้เวลาเป็น รอง ผจก. อาจจะ 3 ปีเป็นอย่างน้อย
เป็นไงกันมั่งเห็นละ ตาลุกใช่มะละ แต่อย่างที่บอกมันไม่ใช่ง่ายๆ
ทุกอย่างต้องมีการเตรียมตัวนะค้า เอาใจช่วยน้องๆทุกคนค้าบ
ก่อนจาก ป้าขอฝากสำหรับน้องๆที่มีโอกาสดีๆ ได้ทำงานในตำแหน่งที่ดี เงินเดือนดีตามที่ตั้งใจไว้
ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ อย่ามองที่เงินเดือนเพียงอย่างเดียวและเปลี่ยนงานบ่อยเกินไปเพื่อจั๊มพ์เงืนเดือน
(เรื่องนี้โอกาสหน้าป้าจะมาเขียนอีกที เพราะขัดใจจริงกับความคิดแบบนี้ อุ๊ยบ่นเป็นป้าอีกล่ะ)
และการเป็นพนักงานบริษัทเป็นเพียงแค่อาชีพหนึ่งเท่านั้น จริงๆยังมีอีกหลายอาชีพ
ขอให้น้องๆที่กำลังจะจบเลือกเดินตามความฝันทำงานที่ตัวเองรักมากกว่าตัวเงินนะคะ
จบแย้ว ยินดีมากถ้าน้องๆพี่ๆเพื่อนๆคนไหนมี ประสบการณ์โดยตรงมาแชร์กันในกระทู้นี้ เพื่อให้ข้อมูลแก่น้องๆรุ่นใหม่นะคะ
บายย
ป้าแว่นแมนแมน