เอ๊ะ ! หรือจะไม่ต้องรู้ก็ได้แหละ ช่างมันเหอะ แค่เราอยากเมาธ์
1. Kanamara Matsuri
คืองี้ คานามาระ มัตซึริ เนี่ยถ้าแปลกันตรงๆ จากวิกิพีเดียนะ มันแปลว่าเทศกาลแห่ลึงค์ เราเคยเห็นตามนิตยสาร เว็บไซต์ อะไรมาบ้างว่ามันเป็นเทศกาลที่แปลกระดับโลกเลยแหละ(ส่วนที่มาเป็นยังไงนั้น ลองหาอ่านดู คือแบบเออ เค้าก็คิดได้นะ) ก็เคยคิดนะว่าอยากไปเห็นซักครั้ง คือตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งจงตั้งใจไปหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำ คือเราอ่ะจองตั๋วล่วงหน้าตั้ง 6-7 เดือนนะก่อนได้เดินทางจริง ก็เอาตามเวลาที่เราคิดแล้วว่าสะดวก ก็วางแผนการเดินทางนั่นนี่ไป แล้วก่อนเดินทางประมาณอาทิตย์นึงเนี่ย ก็บังเอิญไปเห็นว่าเทศกาลเนี้ยมันจัดวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษาของทุกปี และปีนี้มันก็วันที่ 5 ก็เฮ้ย เราไปพอดีนี่ และสถานที่จัดคือเมืองคาวาซากิ(ไม่รู้ว่าเป็นบ้านเกิดของรถมอ'ไซค์ในตำนานนั่นหรือเปล่า) ก็ไม่ห่างจากโตเกียวมาก นั่งรถไฟไปประมาณครึ่งชั่วโมง แผนที่วางวันแรกที่วางไว้เลยเปิงหมด คือยังไงต้องหาทางไปไอ้เทศกาลนี้ให้ได้ ปีนึงมีครั้ง ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกหรือเปล่า ก็เลยไป บอกได้เลยว่าคนเยอะมากกกกกกก ชาวต่างชาติทั้งนั้น คนญี่ปุ่นเองก็เยอะ ออกจากสถานีรถไฟมาเดินไปอีกไม่ไกลก็ถึงวัดที่เป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นแค่วัดเล็กๆ เองนะ ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาก็เพราะเทศกาลนี้แหละ ระหว่างเดินไปก็เห็นคน "อม ดูดหอย" กันไปตลอดทาง ไม่มีเขินอายกันเอาซะเลย คือจริงๆ แล้วมันเป็นอมยิ้มที่ทำขึ้นมาเป็นรูปอวัยวะเพศชายและก็หญิงนั่นแหละ เราก็ว่าจะเอามั่งแต่คนเยอะมาก รอซื้อไม่ไหวจริงๆ แล้วเค้าก็จะมีลึงค์ไม้ขนาดยักษ์ให้คนขึ้นไปขี่ (ไม่รู้ว่าเพื่ออะไรนะ) เท่าที่เห็น สาวๆ น่ารักๆ ทั้งนั้นที่ขึ้นขี่ ส่วนผู้ชายอ่ะเหรอ ก็รอถ่ายรูปสาวๆ เหล่านั้นอ่ะแหละ นอกนั้นก็เห็นจะเป็นพวกร้านขายของกิน ของที่ระลึก ก็อย่างที่บอกคนเยอะสัส อยู่ได้ไม่นานเลยออกมาเดินเล่นในเมือง ดูๆ แล้วเป็นเมืองเล็กๆ สงบๆ แต่สำหรับวันนั้น ไม่สงบเลย ซักพักขบวนแห่ก็มา คาดว่าเค้าคงจะเดินแห่ไปรอบเมืองแล้วก็วนกลับมาที่วัดนั่นแหละ ถ้าให้เปรียบก็น่าจะประมาณแห่เทียนพรรษาบ้านเรา แต่นี่เค้าแห่ลึงค์ !!!
2. Museum / Theme Park
ไปเที่ยวนี้ด้วยตารางเที่ยวที่(คิดว่า) จัดไปหลวมๆ แล้วนะ แต่เอาเข้าจริงก็ค่อนข้างแน่นพอดู กอปรกะการที่ไม่สามารถทิ้งลูกทัวร์ได้เลย ครั้งนี้เราเลยอดข้าโรงหนังเลยอ่ะ T_T แต่ก็ถือว่าทดแทนด้วยการเข้าสถานที่พวกนี้แทน ประเทศญี่ปุ่นเนี่ย เท่าที่รู้ พวกมิวเซียม กะธีมปาร์ค หรือว่าพวกสวนสนุกต่างๆ จะเยอะมาก มีแทบทุกเมือง ส่วนที่เราได้ไปคราวนี้ก็มี
- Tokyo DisneySea เอ้า แล้วมันไม่ใช่ Disneyland เหรอ ? คำตอบคือ ไม่ใช่จ้ะ DisneySea เป็นธีมปาร์คที่เป็นการต่อยอดมาจาก Disneyland ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นหนึ่งในโครงการ Tokyo Disney Resort และสาเหตุสำคัญที่เราเลือกเข้าที่นี่ ก็เพราะมันมีที่เดียวในโลกจ้ะ เก๋ป่ะล่ะ? Disneyland เรายังไม่เคยเข้า แต่เท่าที่อ่านๆ มา เครื่องเล่นต่างๆ ใน land จะออกแนวเด็กๆ น่ารักๆ หน่อมแน้มๆ ถ้าเทียบกะ Sea แต่พอได้เข้าไปแล้ว ใน Sea เองเราว่าก็ไม่เท่าไหร่นะ ก็ออกแนวหน่อมแน้มๆ แหละ แต่บอกได้เลยว่า กว้างมากกกกกกกกก คือจะกว้างจะใหญ่ไปไหนเนี่ย นี่กูต้องมากี่ครั้ง ถึงจะเล่นเครื่องเล่นได้ครบ ดูโชว์ ดูพาเหรดอะไรได้หมดวะ และอีกอย่างที่บ้าบอมาก คือรอคิวนานมากกกกกกกกก บางอย่างรอเป็นชั่วโมง เล่นได้ไม่ถึง 3 นาที หมดรอบแล้วจ้ะ สัส ! กูยังไม่หายเมื่อยขาที่ยืนรอเลยนะ เอาจริงๆ ไอ้เรื่องคนเยอะเนี่ย เราก็เคยอ่านเจอมานะ เราก็เลยเลือกไปวันอังคาร ซึ่งตามสถิติแล้วคนจะน้อยที่สุด บวกกะเช้าวันนั้นฝนตก ตอนมาถึงก็เลยเห็นว่าคนไม่ค่อยจะเยอะนะ แต่ตรงนี้ไม่ห่วงเราซื้อเป็น e-ticket มาแล้ว (และที่สำคัญราคาตั๋วปรับขึ้นจาก 6,400 เป็น 6,900 เยนตั้งแต่ 1 เมษา เราเลยซื้อผ่านเว็บไชต์ไปก่อน แม้จะเข้าหลัง 1 เมษา เลยยังได้ราคาเดิม) แต่พอได้เข้าไปเล่นจริงแค่นั้นแหละ รู้เลย คือเราอ่ะ เคยมีโอกาสได้เข้าสวนสนุกใหญ่ๆ ระดับโลกเนี่ยมา 3 ครั้ง คือ Fuji-Q Highland , Universal Studio Singapore และก็ที่ DisneySea ขอบอกเลยว่าที่นี่รอคิวนานสุด เอาเป็นว่าใครคิดจะมาที่นี่ รวมถึง Disneyland ด้วย วางแผนไปเลย 1 วันเต็ม เชื่อเรา ปิดท้ายขอแนะนำเครื่องเล่นที่ถ้าไปถึงแล้ว แม้จะคนเยอะซักแค่ไหนก็ควรจะต้องต่อคิวรอเล่น ก็จะมี Tower of Terror (อันนี้เราชอบมาก), Raging Spirits (รถไฟเหาะเบาๆ) และ Indiana Jones Adventure: Temple of the Crystal Skull (นั่งรถขำๆ) ส่วนอันอื่นก็แล้วแต่ดวงและความอดทนในการรอ
- Fujiko-F-Fujio Museum หรือที่เค้าเรียกกันติดปากว่า พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน (ซึ่งแม้จริงๆ แล้วมันจะไม่ได้มีแต่โดราเอมอน เป็นที่รวบรวมผลงานของผู้เขียน ซึ่งมีหลายเรื่องมาก ทั้งผีน้อยคิวทาโร ปาร์แมน ฯลฯ แต่โดราเอมอนนี่แหละที่ดังที่สุด เอาจริงๆ ทีแรกเราก็ไม่ได้วางแผนนะว่าจะไป แต่ด้วยความที่ไปงานเทศกาล Kanamara Matsuri ซึ่งจัดที่เมืองคาวาซากิ และไอ้พิพิธภัณฑ์เนี่ย ก็ที่คาวาซิเหมือนกัน แต่ต้องนั่งรถไฟต่อไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ไหนๆ ก็ไปแล้วก็เลยต่อไปอีกหน่อย ซึ่งการจะเข้าพิพิธภัณฑ์นี้ที่ไม่ใช่นึกอยากจะไปก็ไปนะ เพราะเค้าไม่มีขายตั๋วที่พิพิธภัณฑ์ คือถ้าจะไปต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าที่ Lawson (เป็นร้านคล้ายๆ 7-11) ค่าตั๋ว 1,000 เยน โดยเค้าจะให้เค้าเป็นรอบ วันนึงมี 4 รอบคือ 10.00 , 12.00 , 14.00 และ 16.00 ถ้าซื้อบัตรแล้วเปลี่ยนไม่ได้และถ้าไปช้าเกิน 30 นาทีก็เข้าไม่ได้อีก และในแต่ละรอบก็จำกัดจำนวนคนเข้าด้วย ฟังแล้วดูยุ่งยากมาก เอาจริงๆ มันก็ยุ่งยากแหละ แต่ถ้ามีการวางแผนซักนิดก็ไม่ได้อะไรมาก พอเข้าไปภายใน เค้าก็จะมีให้เลือกฟังจากเครื่องบรรยายที่มี 4 ภาษา ญี่ปุ่น อังกฤษ เกาหลี จีน เราก็เอาเลย ภาษาญี่ปุ่น ถรุ้ยยยย ! ภาษาอังกฤษยังกระท่อนกระแท่น แต่พอฟังจริงๆ ก็พอรู้เรื่องนะ เค้าเลือกใช้การอธิบายที่ไม่ยากจนเกินไป แต่ถ้าไม่ฟังก็ไม่ได้อะไรมาก เดินดูไปอย่างเดียว เค้าก็จะมีแบ่งเป็นชั้นเป็นโซน ก็มีตั้งแต่การจำลองโต๊ะทำงานผู้เขียน ภาพเสก็ตช์ และผลงานต่างๆ ก็เดินตามๆ เค้าไป จุดที่น่าสนใจคือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ถ้าใครเคยอ่านและพอจำได้ มันจะมีอยู่ตอนนึงที่ไจแอนท์ตกบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และขึ้นมากลายเป็นไจแอนท์หล่อ ตรงนี้จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีแอคทิวิตี้ให้เล่นโดยการโยกบ่อน้ำและไจแอนท์ก็จะโผล่ขึ้นมา ชั้นบนสุดเป็นคาเฟ่ และลานโล่งที่จะมีการจำลองฉากเด่นๆ ที่เป็นที่จดจำมาไว้ให้คนถ่ายรูปเล่น ก็จะมีฉากท่อในสวนที่แก๊งค์โดราเอมอนมักจะไปรวมตัวกัน มีประตูวิเศษ และก็ฉากไดโนเสาร์พีสุเกะ ในส่วนของคาเฟ่ก็จะมีเอาไว้หลอก- แต่เราและหลายๆ คนก็ยอมให้หลอกนะ สั่งขนม น้ำ มาไม่กี่อย่าง ประมาณ 2,500 เยน ก็ขำๆ ไป
- Ghibli Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวมรวมผลงานของสตูดิโอจิบลิเอาไว้ทั้งหมด ถามว่าสตูดิโอจิบลิคืออะไร สตูดิโอจิบลิเป็นสตูดิโอที่ก่อตั้งโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ มีผลงานอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จมากมาย ที่ดังสุดก็ Spirited Away อนิเมชั่นที่ได้รับรางวัลออสการ์และส่งให้จิบลิดังไปทั่วโลก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามวงการหนังหรือไม่ได้ชอบอนิเมชั่นซักเท่าไหร่ก็คงยังไม่รู้จักอยู่ดี ถ้างั้นก็ข้ามไป แต่สำหรับเรา เอาจริงๆ เราอยากไปตั้งแต่ไปญี่ปุ่นครั้งแรกแล้วแหละ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง หรือเอาง่ายๆ ไม่รู้อะไรเลย ก็เลยไม่ได้ไป พอมีโอกาสไปอีกเลยจัดอยู่ในลิสต์อันดับแรกๆ เลย การจัดการอะไรหลายๆ อย่างก็คล้ายกะของโดราเอมอนนั่นแหละ ตั้งแต่การซื้อตั๋วที่ต้องซื้อล่วงหน้าที่ Lawson เหมือนกัน ราคาเท่ากัน รวมไปถึงรูปแบบพิพิธภัณฑ์ก็คล้ายกัน ชั้นบนสุดก็จะเป็นสวนที่มีหุ่นยนต์ให้ไปถ่ายรูป ที่เราคิดว่าแม้จะไม่รู้จักจิบลิแต่น่าจะต้องเคยผ่านตาหุ่นยนต์ตัวนี้ตามโฆษณาหรือไกด์บุ๊กกันมามั่งแหละ และแน่นอนโดนคาเฟ่ขำๆ ไปอีก 2,500 เยน
- Tokyo One Piece Tower เป็นธีมปาร์คจากการ์ตูน One Piece ที่มาใช้สถานที่ของโตเกียวทาวเวอร์เป็นที่จัด ชื่อก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น คือสวนสนุกนี้เราไม่แน่ใจนะว่าเป็นแบบถาวรหรือเปล่า เพราะไม่เห็นกำหนดการที่แน่นอน และเราเองก็ไม่ได้เป็นแฟนวันพีซอะไรซักเท่าไหร่ แต่ไหนๆ มาโตเกียว ทาวเวอร์แล้วก็ต้องเข้าซักหน่อย ที่นี่มาซื้อบัตรหน้างานได้ ราคาพอสมควรเลย 3,200 เยน (อ่อ แต่ถ้าซื้อล่วงหน้าที่ 7-11 จะราคา 3,000 เยนนะ) เข้าไปก็มีหลายชั้นหลายโซนนะ แต่ด้วยความที่ไม่อิน เลยเดินๆ ดูถ่ายรูป / จบ แต่ถ้าใครเป็นแฟนวันพีซ นี่คือที่ที่ต้องมา / จบ
เอาจริงๆ มีที่ที่เราอยากไปอีกหลายที่นะ อย่าง Gundam Front Tokyo หรือพิพิธภัณฑ์กันดั้ม อันนี้ไม่มีเวลาเข้าเลยได้แค่ไปถ่ายรูปกันดั้มขนาดเท่าตัวจริงแค่ด้านหน้า Diver City บนเกาะโอไดบะ, Namja Town ในห้างซันไชน์ซิตี้ที่อิเคบุคุโระ สวนสนุกที่มีธีมจากการ์ตูนของโชเน็นจัมป์ อย่าง Bleach , Hunter x Hunter และ Dragon Ball อันนี้ก็ไม่มีเวลา จัดว่าพลาดอย่างแรงงงงงงง อีกที่นึงก็ Conan Café เป็นคาเฟ่เล็กๆ จากการ์ตูนโคนัน อันนี้อยู่ที่ชิบูย่า เป็นหนึ่งในที่ที่กะว่าจะต้องไป อาจจะแค่เดินผ่านๆ แต่พอไปจริงคีบับ ลืมไปเลยอ่ะ ! ซึ่งจริงๆ สถานที่พวกเนี้ย ความสนุกของคนที่ไปนี่ไม่เท่ากันนะ จะสนุกมากน้อยแค่ไหนก็อยู่ที่ความอินของแต่ละคนเลย ส่วนตัวชอบจิบลิมิวเซียมมากที่สุด แต่ถ้าได้ไป นัมจะ อาจจะชอบนัมจะมากกว่า ทั้ง Bleach ทั้ง Hunter x Hunter ทั้ง Dragon Ball T_T #ร้องไห้หนักมาก
3. Souvenirs
อันนี้สืบเนื่องจากข้อ 2 ก็พวกของที่ระลึกต่างๆ นานา อะไรนั่นแหละ คือถ้าใครแบบชอบสะสมคาแร็คเตอร์ พวกที่มาจากหนัง การ์ตูน หรืออะไรทำนองนี้นะ และถ้าไม่มีสติยับยั้งชั่งใจนะ บอกได้เลยว่า หมดตัวอ่ะ เยอะมว๊าก โดยเฉพาะแถวๆ ทางออกอ่ะ จะมีร้านขายของพวกนี้อยู่ โดยเฉพาะที่ Disney นะ 4-5 ร้านเรียงๆ ติดๆ กัน ไม่นับพวกร้านที่มีอยู่ตามรายทางอีกเป็นสิบ และมีทำออกมาหลากหลายมาก คือคนทำมั้นคงคิดว่า “กูไม่ปล่อยให้พวกออกไปมือเปล่าหร๊อก หึหึ” และถ้าใครเป็นแฟนคิตตี้นี่ยิ่งหนัก มีขายถ้วนทั่วไปหมด แถมยังชอบทำเนียนออกสินค้าเฉพาะ ที่มีขายเฉพาะสถานที่นั้นๆ อีก หาซื้อที่ไหนไม่ได้ เพราะฉะนั้น แฟนคิตตี้ถ้าใจไม่แข็งพอ บอกได้คำเดียวว่า “เธอต้องรวย” และสำหรับเรา สติไม่มี และสตังค์ก็ไม่มีด้วย เลยไม่ได้ซื้ออะไรเลย ได้ cat bus จากจิบลิมาตัวนึง (ที่ไม่ได้ซื้อเองด้วย) และก็ได้ที่คาดหัวมิกกี้เมาส์มาอันนึง (อันนี้ตอนซื้อสติหลุด) ณ จุดนี้สรุปได้ว่า “สตังค์สำคัญกว่าสติ” สึด
4. Pachinko
แปลเป็นไทยก็ “ปาจิงโกะ” ไงล่ะ ก็โอเค เราก็พอรู้มามั่งว่าคนญี่ปุ่นอ่ะเค้าชอบเล่นปาจิงโกะกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก รู้ก็แค่ว่ามันเป็นตู้ๆ คล้ายตู้เกมส์บ้านเรา แต่พอได้ไปเห็นจริง โหย อเมซิ่งมาก อยากรู้ พวกพี่ทำอัลไลกัน ? คือมันเป็นยังงี้ ครั้งแรกที่เห็นมันก็เป็นตึกใหญ่ๆ ใหญ่กว่าห้างบางห้างซะอีก 4-5 ชั้น มองจากด้านนอกที่เป็นประตูกระจก ก็เห็นเป็นตู้เรียงรายกันเยอะมาก และก็มีคนเล่นประจำตู้เกือบเต็มอ่ะ ก็สนใจเดินเข้าไปดู วินาทีแรกที่ด้าวขาเข้าไปคือ เสียงดังมากกกกก นี่ถ้าอยู่นานๆ มีโอกาสหูดับอ่ะ และก็มีกระบะใส่ลูกเหล็กเล็กๆ วางอยู่ บางคนก็วางซ้อนกันเยอะเลย บางคนก็ไม่มี ดูไปซักแป็บ ก็เห็นแค่ว่าหยอดลูกเหล็กใส่ในตู้ แค่นั้น แล้วมันอะไร ยังไง แค่ต้องรอให้มันถูกแจ็คพอตและมันจะมีลูกเหล็กหล่นออกมาแบบในหนังใช่มะ ? แล้วมันสนุกตรงไหนอ่ะ ? คืออยากรู้มาก แต่ไม่ได้เล่น ดูๆ แอบถ่ายรูป(เพราะไม่รู้ว่าเค้าให้ถ่ายรูปเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าให้นะ) แล้วก็ออกมา ทิ้งความค้างคาใจไว้อย่างนั้น ซึ่งเท่าที่เห็น เราว่าเราเห็นมันมีทุกเมืองเลยนะ ถ้าแบบชานเมืองจะเป็นตึกใหญ่หน่อย แต่ถ้าในเมืองอย่างชิบูย่า ชินจูกุ มันก็จะเป็นตึกแคบๆ หน่อย เอาเป็นว่าขอศึกษาก่อน คราวหน้าจะไปถล่มให้
9 ข้อควรรู้ก่อนไปญี่ปุ่น
1. Kanamara Matsuri
คืองี้ คานามาระ มัตซึริ เนี่ยถ้าแปลกันตรงๆ จากวิกิพีเดียนะ มันแปลว่าเทศกาลแห่ลึงค์ เราเคยเห็นตามนิตยสาร เว็บไซต์ อะไรมาบ้างว่ามันเป็นเทศกาลที่แปลกระดับโลกเลยแหละ(ส่วนที่มาเป็นยังไงนั้น ลองหาอ่านดู คือแบบเออ เค้าก็คิดได้นะ) ก็เคยคิดนะว่าอยากไปเห็นซักครั้ง คือตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งจงตั้งใจไปหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำ คือเราอ่ะจองตั๋วล่วงหน้าตั้ง 6-7 เดือนนะก่อนได้เดินทางจริง ก็เอาตามเวลาที่เราคิดแล้วว่าสะดวก ก็วางแผนการเดินทางนั่นนี่ไป แล้วก่อนเดินทางประมาณอาทิตย์นึงเนี่ย ก็บังเอิญไปเห็นว่าเทศกาลเนี้ยมันจัดวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษาของทุกปี และปีนี้มันก็วันที่ 5 ก็เฮ้ย เราไปพอดีนี่ และสถานที่จัดคือเมืองคาวาซากิ(ไม่รู้ว่าเป็นบ้านเกิดของรถมอ'ไซค์ในตำนานนั่นหรือเปล่า) ก็ไม่ห่างจากโตเกียวมาก นั่งรถไฟไปประมาณครึ่งชั่วโมง แผนที่วางวันแรกที่วางไว้เลยเปิงหมด คือยังไงต้องหาทางไปไอ้เทศกาลนี้ให้ได้ ปีนึงมีครั้ง ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกหรือเปล่า ก็เลยไป บอกได้เลยว่าคนเยอะมากกกกกกก ชาวต่างชาติทั้งนั้น คนญี่ปุ่นเองก็เยอะ ออกจากสถานีรถไฟมาเดินไปอีกไม่ไกลก็ถึงวัดที่เป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นแค่วัดเล็กๆ เองนะ ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาก็เพราะเทศกาลนี้แหละ ระหว่างเดินไปก็เห็นคน "อม ดูดหอย" กันไปตลอดทาง ไม่มีเขินอายกันเอาซะเลย คือจริงๆ แล้วมันเป็นอมยิ้มที่ทำขึ้นมาเป็นรูปอวัยวะเพศชายและก็หญิงนั่นแหละ เราก็ว่าจะเอามั่งแต่คนเยอะมาก รอซื้อไม่ไหวจริงๆ แล้วเค้าก็จะมีลึงค์ไม้ขนาดยักษ์ให้คนขึ้นไปขี่ (ไม่รู้ว่าเพื่ออะไรนะ) เท่าที่เห็น สาวๆ น่ารักๆ ทั้งนั้นที่ขึ้นขี่ ส่วนผู้ชายอ่ะเหรอ ก็รอถ่ายรูปสาวๆ เหล่านั้นอ่ะแหละ นอกนั้นก็เห็นจะเป็นพวกร้านขายของกิน ของที่ระลึก ก็อย่างที่บอกคนเยอะสัส อยู่ได้ไม่นานเลยออกมาเดินเล่นในเมือง ดูๆ แล้วเป็นเมืองเล็กๆ สงบๆ แต่สำหรับวันนั้น ไม่สงบเลย ซักพักขบวนแห่ก็มา คาดว่าเค้าคงจะเดินแห่ไปรอบเมืองแล้วก็วนกลับมาที่วัดนั่นแหละ ถ้าให้เปรียบก็น่าจะประมาณแห่เทียนพรรษาบ้านเรา แต่นี่เค้าแห่ลึงค์ !!!
2. Museum / Theme Park
ไปเที่ยวนี้ด้วยตารางเที่ยวที่(คิดว่า) จัดไปหลวมๆ แล้วนะ แต่เอาเข้าจริงก็ค่อนข้างแน่นพอดู กอปรกะการที่ไม่สามารถทิ้งลูกทัวร์ได้เลย ครั้งนี้เราเลยอดข้าโรงหนังเลยอ่ะ T_T แต่ก็ถือว่าทดแทนด้วยการเข้าสถานที่พวกนี้แทน ประเทศญี่ปุ่นเนี่ย เท่าที่รู้ พวกมิวเซียม กะธีมปาร์ค หรือว่าพวกสวนสนุกต่างๆ จะเยอะมาก มีแทบทุกเมือง ส่วนที่เราได้ไปคราวนี้ก็มี
- Tokyo DisneySea เอ้า แล้วมันไม่ใช่ Disneyland เหรอ ? คำตอบคือ ไม่ใช่จ้ะ DisneySea เป็นธีมปาร์คที่เป็นการต่อยอดมาจาก Disneyland ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นหนึ่งในโครงการ Tokyo Disney Resort และสาเหตุสำคัญที่เราเลือกเข้าที่นี่ ก็เพราะมันมีที่เดียวในโลกจ้ะ เก๋ป่ะล่ะ? Disneyland เรายังไม่เคยเข้า แต่เท่าที่อ่านๆ มา เครื่องเล่นต่างๆ ใน land จะออกแนวเด็กๆ น่ารักๆ หน่อมแน้มๆ ถ้าเทียบกะ Sea แต่พอได้เข้าไปแล้ว ใน Sea เองเราว่าก็ไม่เท่าไหร่นะ ก็ออกแนวหน่อมแน้มๆ แหละ แต่บอกได้เลยว่า กว้างมากกกกกกกกก คือจะกว้างจะใหญ่ไปไหนเนี่ย นี่กูต้องมากี่ครั้ง ถึงจะเล่นเครื่องเล่นได้ครบ ดูโชว์ ดูพาเหรดอะไรได้หมดวะ และอีกอย่างที่บ้าบอมาก คือรอคิวนานมากกกกกกกกก บางอย่างรอเป็นชั่วโมง เล่นได้ไม่ถึง 3 นาที หมดรอบแล้วจ้ะ สัส ! กูยังไม่หายเมื่อยขาที่ยืนรอเลยนะ เอาจริงๆ ไอ้เรื่องคนเยอะเนี่ย เราก็เคยอ่านเจอมานะ เราก็เลยเลือกไปวันอังคาร ซึ่งตามสถิติแล้วคนจะน้อยที่สุด บวกกะเช้าวันนั้นฝนตก ตอนมาถึงก็เลยเห็นว่าคนไม่ค่อยจะเยอะนะ แต่ตรงนี้ไม่ห่วงเราซื้อเป็น e-ticket มาแล้ว (และที่สำคัญราคาตั๋วปรับขึ้นจาก 6,400 เป็น 6,900 เยนตั้งแต่ 1 เมษา เราเลยซื้อผ่านเว็บไชต์ไปก่อน แม้จะเข้าหลัง 1 เมษา เลยยังได้ราคาเดิม) แต่พอได้เข้าไปเล่นจริงแค่นั้นแหละ รู้เลย คือเราอ่ะ เคยมีโอกาสได้เข้าสวนสนุกใหญ่ๆ ระดับโลกเนี่ยมา 3 ครั้ง คือ Fuji-Q Highland , Universal Studio Singapore และก็ที่ DisneySea ขอบอกเลยว่าที่นี่รอคิวนานสุด เอาเป็นว่าใครคิดจะมาที่นี่ รวมถึง Disneyland ด้วย วางแผนไปเลย 1 วันเต็ม เชื่อเรา ปิดท้ายขอแนะนำเครื่องเล่นที่ถ้าไปถึงแล้ว แม้จะคนเยอะซักแค่ไหนก็ควรจะต้องต่อคิวรอเล่น ก็จะมี Tower of Terror (อันนี้เราชอบมาก), Raging Spirits (รถไฟเหาะเบาๆ) และ Indiana Jones Adventure: Temple of the Crystal Skull (นั่งรถขำๆ) ส่วนอันอื่นก็แล้วแต่ดวงและความอดทนในการรอ
- Fujiko-F-Fujio Museum หรือที่เค้าเรียกกันติดปากว่า พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน (ซึ่งแม้จริงๆ แล้วมันจะไม่ได้มีแต่โดราเอมอน เป็นที่รวบรวมผลงานของผู้เขียน ซึ่งมีหลายเรื่องมาก ทั้งผีน้อยคิวทาโร ปาร์แมน ฯลฯ แต่โดราเอมอนนี่แหละที่ดังที่สุด เอาจริงๆ ทีแรกเราก็ไม่ได้วางแผนนะว่าจะไป แต่ด้วยความที่ไปงานเทศกาล Kanamara Matsuri ซึ่งจัดที่เมืองคาวาซากิ และไอ้พิพิธภัณฑ์เนี่ย ก็ที่คาวาซิเหมือนกัน แต่ต้องนั่งรถไฟต่อไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ไหนๆ ก็ไปแล้วก็เลยต่อไปอีกหน่อย ซึ่งการจะเข้าพิพิธภัณฑ์นี้ที่ไม่ใช่นึกอยากจะไปก็ไปนะ เพราะเค้าไม่มีขายตั๋วที่พิพิธภัณฑ์ คือถ้าจะไปต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าที่ Lawson (เป็นร้านคล้ายๆ 7-11) ค่าตั๋ว 1,000 เยน โดยเค้าจะให้เค้าเป็นรอบ วันนึงมี 4 รอบคือ 10.00 , 12.00 , 14.00 และ 16.00 ถ้าซื้อบัตรแล้วเปลี่ยนไม่ได้และถ้าไปช้าเกิน 30 นาทีก็เข้าไม่ได้อีก และในแต่ละรอบก็จำกัดจำนวนคนเข้าด้วย ฟังแล้วดูยุ่งยากมาก เอาจริงๆ มันก็ยุ่งยากแหละ แต่ถ้ามีการวางแผนซักนิดก็ไม่ได้อะไรมาก พอเข้าไปภายใน เค้าก็จะมีให้เลือกฟังจากเครื่องบรรยายที่มี 4 ภาษา ญี่ปุ่น อังกฤษ เกาหลี จีน เราก็เอาเลย ภาษาญี่ปุ่น ถรุ้ยยยย ! ภาษาอังกฤษยังกระท่อนกระแท่น แต่พอฟังจริงๆ ก็พอรู้เรื่องนะ เค้าเลือกใช้การอธิบายที่ไม่ยากจนเกินไป แต่ถ้าไม่ฟังก็ไม่ได้อะไรมาก เดินดูไปอย่างเดียว เค้าก็จะมีแบ่งเป็นชั้นเป็นโซน ก็มีตั้งแต่การจำลองโต๊ะทำงานผู้เขียน ภาพเสก็ตช์ และผลงานต่างๆ ก็เดินตามๆ เค้าไป จุดที่น่าสนใจคือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ถ้าใครเคยอ่านและพอจำได้ มันจะมีอยู่ตอนนึงที่ไจแอนท์ตกบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และขึ้นมากลายเป็นไจแอนท์หล่อ ตรงนี้จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีแอคทิวิตี้ให้เล่นโดยการโยกบ่อน้ำและไจแอนท์ก็จะโผล่ขึ้นมา ชั้นบนสุดเป็นคาเฟ่ และลานโล่งที่จะมีการจำลองฉากเด่นๆ ที่เป็นที่จดจำมาไว้ให้คนถ่ายรูปเล่น ก็จะมีฉากท่อในสวนที่แก๊งค์โดราเอมอนมักจะไปรวมตัวกัน มีประตูวิเศษ และก็ฉากไดโนเสาร์พีสุเกะ ในส่วนของคาเฟ่ก็จะมีเอาไว้หลอก- แต่เราและหลายๆ คนก็ยอมให้หลอกนะ สั่งขนม น้ำ มาไม่กี่อย่าง ประมาณ 2,500 เยน ก็ขำๆ ไป
- Ghibli Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวมรวมผลงานของสตูดิโอจิบลิเอาไว้ทั้งหมด ถามว่าสตูดิโอจิบลิคืออะไร สตูดิโอจิบลิเป็นสตูดิโอที่ก่อตั้งโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ มีผลงานอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จมากมาย ที่ดังสุดก็ Spirited Away อนิเมชั่นที่ได้รับรางวัลออสการ์และส่งให้จิบลิดังไปทั่วโลก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามวงการหนังหรือไม่ได้ชอบอนิเมชั่นซักเท่าไหร่ก็คงยังไม่รู้จักอยู่ดี ถ้างั้นก็ข้ามไป แต่สำหรับเรา เอาจริงๆ เราอยากไปตั้งแต่ไปญี่ปุ่นครั้งแรกแล้วแหละ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง หรือเอาง่ายๆ ไม่รู้อะไรเลย ก็เลยไม่ได้ไป พอมีโอกาสไปอีกเลยจัดอยู่ในลิสต์อันดับแรกๆ เลย การจัดการอะไรหลายๆ อย่างก็คล้ายกะของโดราเอมอนนั่นแหละ ตั้งแต่การซื้อตั๋วที่ต้องซื้อล่วงหน้าที่ Lawson เหมือนกัน ราคาเท่ากัน รวมไปถึงรูปแบบพิพิธภัณฑ์ก็คล้ายกัน ชั้นบนสุดก็จะเป็นสวนที่มีหุ่นยนต์ให้ไปถ่ายรูป ที่เราคิดว่าแม้จะไม่รู้จักจิบลิแต่น่าจะต้องเคยผ่านตาหุ่นยนต์ตัวนี้ตามโฆษณาหรือไกด์บุ๊กกันมามั่งแหละ และแน่นอนโดนคาเฟ่ขำๆ ไปอีก 2,500 เยน
- Tokyo One Piece Tower เป็นธีมปาร์คจากการ์ตูน One Piece ที่มาใช้สถานที่ของโตเกียวทาวเวอร์เป็นที่จัด ชื่อก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น คือสวนสนุกนี้เราไม่แน่ใจนะว่าเป็นแบบถาวรหรือเปล่า เพราะไม่เห็นกำหนดการที่แน่นอน และเราเองก็ไม่ได้เป็นแฟนวันพีซอะไรซักเท่าไหร่ แต่ไหนๆ มาโตเกียว ทาวเวอร์แล้วก็ต้องเข้าซักหน่อย ที่นี่มาซื้อบัตรหน้างานได้ ราคาพอสมควรเลย 3,200 เยน (อ่อ แต่ถ้าซื้อล่วงหน้าที่ 7-11 จะราคา 3,000 เยนนะ) เข้าไปก็มีหลายชั้นหลายโซนนะ แต่ด้วยความที่ไม่อิน เลยเดินๆ ดูถ่ายรูป / จบ แต่ถ้าใครเป็นแฟนวันพีซ นี่คือที่ที่ต้องมา / จบ
เอาจริงๆ มีที่ที่เราอยากไปอีกหลายที่นะ อย่าง Gundam Front Tokyo หรือพิพิธภัณฑ์กันดั้ม อันนี้ไม่มีเวลาเข้าเลยได้แค่ไปถ่ายรูปกันดั้มขนาดเท่าตัวจริงแค่ด้านหน้า Diver City บนเกาะโอไดบะ, Namja Town ในห้างซันไชน์ซิตี้ที่อิเคบุคุโระ สวนสนุกที่มีธีมจากการ์ตูนของโชเน็นจัมป์ อย่าง Bleach , Hunter x Hunter และ Dragon Ball อันนี้ก็ไม่มีเวลา จัดว่าพลาดอย่างแรงงงงงงง อีกที่นึงก็ Conan Café เป็นคาเฟ่เล็กๆ จากการ์ตูนโคนัน อันนี้อยู่ที่ชิบูย่า เป็นหนึ่งในที่ที่กะว่าจะต้องไป อาจจะแค่เดินผ่านๆ แต่พอไปจริงคีบับ ลืมไปเลยอ่ะ ! ซึ่งจริงๆ สถานที่พวกเนี้ย ความสนุกของคนที่ไปนี่ไม่เท่ากันนะ จะสนุกมากน้อยแค่ไหนก็อยู่ที่ความอินของแต่ละคนเลย ส่วนตัวชอบจิบลิมิวเซียมมากที่สุด แต่ถ้าได้ไป นัมจะ อาจจะชอบนัมจะมากกว่า ทั้ง Bleach ทั้ง Hunter x Hunter ทั้ง Dragon Ball T_T #ร้องไห้หนักมาก
3. Souvenirs
อันนี้สืบเนื่องจากข้อ 2 ก็พวกของที่ระลึกต่างๆ นานา อะไรนั่นแหละ คือถ้าใครแบบชอบสะสมคาแร็คเตอร์ พวกที่มาจากหนัง การ์ตูน หรืออะไรทำนองนี้นะ และถ้าไม่มีสติยับยั้งชั่งใจนะ บอกได้เลยว่า หมดตัวอ่ะ เยอะมว๊าก โดยเฉพาะแถวๆ ทางออกอ่ะ จะมีร้านขายของพวกนี้อยู่ โดยเฉพาะที่ Disney นะ 4-5 ร้านเรียงๆ ติดๆ กัน ไม่นับพวกร้านที่มีอยู่ตามรายทางอีกเป็นสิบ และมีทำออกมาหลากหลายมาก คือคนทำมั้นคงคิดว่า “กูไม่ปล่อยให้พวกออกไปมือเปล่าหร๊อก หึหึ” และถ้าใครเป็นแฟนคิตตี้นี่ยิ่งหนัก มีขายถ้วนทั่วไปหมด แถมยังชอบทำเนียนออกสินค้าเฉพาะ ที่มีขายเฉพาะสถานที่นั้นๆ อีก หาซื้อที่ไหนไม่ได้ เพราะฉะนั้น แฟนคิตตี้ถ้าใจไม่แข็งพอ บอกได้คำเดียวว่า “เธอต้องรวย” และสำหรับเรา สติไม่มี และสตังค์ก็ไม่มีด้วย เลยไม่ได้ซื้ออะไรเลย ได้ cat bus จากจิบลิมาตัวนึง (ที่ไม่ได้ซื้อเองด้วย) และก็ได้ที่คาดหัวมิกกี้เมาส์มาอันนึง (อันนี้ตอนซื้อสติหลุด) ณ จุดนี้สรุปได้ว่า “สตังค์สำคัญกว่าสติ” สึด
4. Pachinko
แปลเป็นไทยก็ “ปาจิงโกะ” ไงล่ะ ก็โอเค เราก็พอรู้มามั่งว่าคนญี่ปุ่นอ่ะเค้าชอบเล่นปาจิงโกะกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก รู้ก็แค่ว่ามันเป็นตู้ๆ คล้ายตู้เกมส์บ้านเรา แต่พอได้ไปเห็นจริง โหย อเมซิ่งมาก อยากรู้ พวกพี่ทำอัลไลกัน ? คือมันเป็นยังงี้ ครั้งแรกที่เห็นมันก็เป็นตึกใหญ่ๆ ใหญ่กว่าห้างบางห้างซะอีก 4-5 ชั้น มองจากด้านนอกที่เป็นประตูกระจก ก็เห็นเป็นตู้เรียงรายกันเยอะมาก และก็มีคนเล่นประจำตู้เกือบเต็มอ่ะ ก็สนใจเดินเข้าไปดู วินาทีแรกที่ด้าวขาเข้าไปคือ เสียงดังมากกกกก นี่ถ้าอยู่นานๆ มีโอกาสหูดับอ่ะ และก็มีกระบะใส่ลูกเหล็กเล็กๆ วางอยู่ บางคนก็วางซ้อนกันเยอะเลย บางคนก็ไม่มี ดูไปซักแป็บ ก็เห็นแค่ว่าหยอดลูกเหล็กใส่ในตู้ แค่นั้น แล้วมันอะไร ยังไง แค่ต้องรอให้มันถูกแจ็คพอตและมันจะมีลูกเหล็กหล่นออกมาแบบในหนังใช่มะ ? แล้วมันสนุกตรงไหนอ่ะ ? คืออยากรู้มาก แต่ไม่ได้เล่น ดูๆ แอบถ่ายรูป(เพราะไม่รู้ว่าเค้าให้ถ่ายรูปเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าให้นะ) แล้วก็ออกมา ทิ้งความค้างคาใจไว้อย่างนั้น ซึ่งเท่าที่เห็น เราว่าเราเห็นมันมีทุกเมืองเลยนะ ถ้าแบบชานเมืองจะเป็นตึกใหญ่หน่อย แต่ถ้าในเมืองอย่างชิบูย่า ชินจูกุ มันก็จะเป็นตึกแคบๆ หน่อย เอาเป็นว่าขอศึกษาก่อน คราวหน้าจะไปถล่มให้