สวัสดีค่ะ
เห็นหัวข้อกระทู้แล้วอย่าเพิ่งนึกไปถึงนิยายแจ่มใสนะคะ 5555555 จริงๆแล้วมันไม่ใช่ไปเที่ยวพักใจแบบอกหักรักคุดอะไรเลยยยยย คือไปเที่ยวแบคแพคนอกประเทศครั้งแรกเฉยๆ แต่อยากตั้งชื่อกระทู้ให้มันดูมีอะไรแบบก๊าวใจเท่านั้นเอง (คิดเอาเองทั้งนั้น 555 ) ส่วนที่มาเล่า ก็เพราะ … เดี๋ยวนี้กระทู้เกี่ยวกับอะไรพวกนี้เยอะมากอ่ะ เพจนู้นเพจนี้แชร์กันให้ลึ่ม เพื่อนก็ส่งมาให้อ่านกันจั๊งงงง ไอ้เราอ่านแล้วนึกถึงเรื่องของเราทุกที คันยิกๆ อยากเล่ามั่ง ไม่มีอะไรมาก
บอกดักไว้ก่อน ถ้าใครมาอ่านแล้วทะ
ๆคุ้นๆ เอ๊ มันของอินั่นหรือเปล่า คิดว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ อย่าไปโพสต์แซวเราเลยนะ ทักแชทมาก็พอ เราอายอ่ะแก 55555
เอาล่ะ ศรีเริ่มเลยนะ
เรื่องของเรามันเริ่มในวันที่สามของการไปเที่ยวแบคแพคครั้งแรกกับเพื่อนสนิทที่เวียดนาม วันนั้นเรามาที่เมืองมุยเน่ตามแพลนที่เราวางไว้ ซึ่ง…มีแค่แพลนจริงๆว่าจะมา แต่เรื่องโรงแรมอะไรไม่ได้จอง กะมา walk-in เอา เพราะคิดว่าถูกกว่า ทำให้อิสองสาวไทยหัวฟูมากเลยค่ะ เพราะที่พักเต็ม 555555555555 ไงล่ะแก ไงล่ะ อยากได้ของถูกมาก แบกเป้ใบบะเอ้กเดินตากแดดหาโรงแรมไปสิ จนมีพี่มอเตอร์ไซต์รับจ้างคนนึงขี่รถมาเลียบๆเสนอเราว่ามีที่พักถูกๆตรงนั้นนะ ของเพื่อนเค้าเอง เราสองคนไม่ไว้ใจทันทีค่ะ 5555 ปฏิเสธพัลวัน คือเรากลัวโดนฟันค่ารถ และถูกหลอก (อ่านรีวิวมา 55555 ) ก็เดินโบกมือ No No No ไปเค้าก็ขี่ตามเรามาเรื่อยๆ เราแวะถามโรงแรมไหนก็รอเราด้วย 555555 พอเราไม่ได้(โรงแรมถูกๆ)ซักทีเค้าก็แบบ เอ้า! เดี๋ยวพาไปเนี่ย ฟรีค่ารถเลยอ้ะ สองสาวไทยหยุดกึก มองหน้ากันแบบเอาไงดีวะ ใกล้จะถึงเวลาทัวร์รถจี๊บครึ่งวันที่ซื้อไว้ด้วย เลยแบบเอาวะ ไปก็ไป เป็นไงเป็นกัน ถ้าหลอกนี่เอาเป้ฟาดให้ลืมบ้านแน่ๆ ปรากฏว่าถูกจริงด้วยจ่ะ ได้มาห้องนึงราคา $10 คือแบบห้องดี กว้าง เราแฮปปี้มาก เลยคุยกะเพื่อนว่าเออ ให้ค่ารถเค้าหน่อยก็ดี 55555 แต่พอเราจัดการห้องเสร็จ พี่วินมอไซค์ก็หายไปแล้ว ได้แต่ thank you ไว้ในใจพร้อมเก็บเงินลงกระเป๋า 5555555
เราไปถึงทัวร์ทันเวลาพอดีเป๊ะ ไปถึงก็พบกับคนไทยที่เมาท์มอยกันเสียงดังมาก เป็นรุ่นน้าอา ซึ่งมันไม่ใช่ไทป์เรากะเพื่อนเลยอ่ะกิ๊บ เรามองหน้ากับเพื่อนแล้วภาวนาว่าขอให้อย่าได้ทัวร์กับแก๊งค์นี้เลยยยย ศรีอยากจะสปีคอิงลิช เมคเฟรนด์กับฝรั่งมั่งง่ะ 555555 พอดีกับพี่คนขับรถชาวเวียดนามมาสะกิดเราให้ไปขึ้นรถจี๊บที่อยู่อีกทาง
เราขึ้นรถไปก็เจอฝรั่งผมทองใส่แว่นกันแดดคนนึงนั่งอยู่ก่อนแล้ว เรานั่งกลางและเพื่อนนั่งริม ความคิดแรกคือ ตานี่ขายาวมากกกก เรานั่งกางขามากไม่ได้เดี๋ยวไปโดนเค้า เลยต้องนั่งหุบๆซึ่งมันเมื่อยมาก 55555 ไม่นานก็มีฝรั่งสองสามีภรรยามานั่งด้านหลัง และตามด้วยฝรั่งมีเครามานั่งข้างคนขับ สรุปคือทัวร์นี้ ต่างชาติทั้งคันค่ะ! เรากับเพื่อนสบตากรีดร้องกันเบาๆ ชอบ 5555555 เราแนะนำตัวกันด้วยชื่อและประเทศ ฝรั่งมีเคราด้านหน้าเป็นคนอิตาลี ฝรั่งผมทองขายาวมาจากฮอลแลนด์ (เนเธอร์แลนด์) และสองสามีภรรยาด้านหลังมาจากสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก เราก็มาถึงที่แรก Fairy Stream
เราเดินไปถ่ายรูปไปกับเพื่อน ผลัดมาถ่ายให้สองสามีภรรยาสวิสบ้าง แต่ฝรั่งอิตาลีคุยถูกคอกับเพื่อนเรามาก คือเพื่อนเราเรียนภาษาอิตาเลียนมาด้วย นางเลยได้โอกาสฝึกภาษาพอดีเลย แหม่ ชั้นไม่รู้ความคิดหล่อนเลยยยย 555 รู้ตัวอีกทีเพื่อนก็แยกไปผจญภัยกับฝรั่งอิตาลี เหลือแต่เรากับฝรั่งฮอลแลนด์ (หลังจากนี้เราขอเรียกว่า บ่าฝรั่ง นะ) เราเลยชวนเค้าคุยและเดินไปด้วยกัน พอจะรู้ว่า เค้าอายุ 26 เพิ่งลาออกจากงานแล้วเอาเงินเก็บมาเที่ยว เคยมาเมืองไทยที่เชียงใหม่และเกาะพีพีแล้ว ก่อนหน้านั้นเค้าไปลาวมาด้วย แล้วเค้าก็สงสัยว่าเราไม่ร้อนเหรอ เห็นใส่แจ็คเกตยีนส์ เราบอกว่าร้อนสิ ถึงใส่ แดดแรงมากเลยฉันแสบผิว แม้ว่าในใจจะคิดว่า เหรยแกกก ชั้นกลัวดำ 55555555 เค้าก็ทำหน้างงๆ บอกไอไม่เข้าใจยูเลย ร้อนเลยต้องถอดสิ 555555
นี่รูปที่เพื่อนแอบถ่ายไว้ตอนไหนไม่รู้ 55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้วยความที่เราเป็นคนสูงในหมู่เพื่อนผู้หญิง และค่อนข้างไม่มีเพื่อนผู้ชายที่สูงกว่าเรามาก เลยไม่ค่อยชินเวลาแหงนหน้าคุยกับบ่าฝรั่ง เพราะเค้าสูงมากกกก บางทีเราพูดๆไป หันมาก็ตกใจเพราะเค้าก้มหน้าลงมาฟังเราแล้วมันใกล้หน้ามาก คือแอบจั๊กจี้เล็กๆ 555555 ช่วงนี้ไม่มีอะไรมาก คือแนะนำตัวเองเฉยๆเลย ไม่ก็เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศนู่นนี่นั่น รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นรถพร้อมไปอีกที่แล้ว
เราอาจจะข้ามไปบางที่เพราะไม่มีอะไรเลย 5555555 นั่งรถ แวะชม เดินขึ้นรถ เราจำไม่ค่อยได้ว่าคุยอะไรกันบ้างเพราะเราเฉยๆกับบ่าฝรั่งมากค่ะตอนแรก งั้นขอข้ามกับตอนไปแวะฮาลองเบย์ กับ white sandue มาที่ Red Sandue เลยนะคะ เอารูปไปชมก่อน 55555
white sandue ค่า
มาถึง Red Sandue เป็นที่สุดท้ายแถมทันเวลาที่ดวงอาทิตย์จะตกจนได้ ต้องขอบคุณพี่คนขับ เพราะพี่ซิ่งมาก บางทีก็กลัวพี่แหกโค้งไปตายหมู่ทั้งคันอยู่สันทรายแถวๆนี้ 555555555 เรากับเพื่อนที่ค่อนข้างล้าแล้วเพราะเดินตลอด แถมเดินบนทรายที่ยวบเอายวบเอาอีก เลยพอมีแรงฮึดเดินไปถึงสันทรายเพื่อจะไปนั่งจองที่ เรากึ่งเดินกึ่งวิ่งนำเพื่อน เพราะกลัวไม่ทันและไม่มีที่นั่ง บ่าฝรั่งที่เดินมาพร้อมๆกันก็หัวเราะกับท่าเดินเรา เราหันไปค้อนพร้อมคิดในใจว่า เออ ขาแกยาวนี่หว่า
เราเดินไปถึงก็นั่งแหมะ บ่าฝรั่งก็นั่งข้างๆกันค่ะ ตอนแรกเพื่อนก็มานั่งอีกข้าง แล้วก็ลุกไปบอกจะถ่ายรูป เราขี้เกียจเลยไม่ไปจะรอนั่งดูดวงอาทิตย์ตกเลย บทสนทนาที่คุยกับบ่าฝรั่งไม่มีเรื่องอะไรเลยค่ะ คือเรื่องชีวิตของเราเป็นส่วนใหญ่ 55555 เราเล่าว่าเนี่ยแม่เราอยากให้เป็นเภสัชนะ แต่เราอยากทำกราฟฟิก เราเลยมีช่วงที่ conflict กับแม่ ซึ่งช่วงตรงนั้นเค้าตั้งใจฟังและชอบมาก เค้าบอกว่าเราดูไฟท์ดี 555555 คือเราประทับใจเค้าอย่างหนึ่งคือเค้าตั้งใจฟังเราแล้วไม่ได้ฟังผ่าน เค้าถามว่าเราชอบอะไร เราแพล่มไปเยอะมากกกก 5555 บางทีก็กลัวแบบ เค้าจะเบื่อปะวะ แต่เค้าไม่อ่ะ เค้าต่อบทสนทนาเราได้ แล้วคำถามเค้าก็ไม่ใช่คำถามที่ถามไปเพื่อต่อบทสนทนาไปอย่างไร้ความหมาย เค้าถาม เค้าอยากรู้จริงๆ เค้าไม่ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราพูดมันน่าเบื่อ ซึ่งเราไม่ค่อยเจออ่ะ 5555 แบบปกติเวลาเราเล่าเรื่องนี้หรือสิ่งที่เราชอบกับคนที่เราอยากแชร์อยากเล่า จะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ทำให้ตรงนี้เราประทับใจเค้ามากๆเลย
จริงๆตอนเราคุยกับบ่าฝรั่งเราจะไม่ค่อยค่อยอยากสบตาเค้า เพราะเค้าจ้องมาก อาจเป็นเพราะกำลังตั้งใจฟังว่าอินี่พูดอะไร นั่นใช่ภาษาอังกฤษหรือไม่ 55555555 เราแบบมองนู่นมองนี่ มองจมูกเค้าแทน 5555 เราไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังเขิน มารู้อีกที เท้าเราก็จมไปกับกองทรายที่มือเรากวักมาถมไปเรื่อยๆ จนเค้าถามว่านี่ยูจะกลบตัวเองเหรอ 555555555 สงสัยเขินเพลิน 55555 เราเงียบกันก็ตอนที่นั่งดูดวงอาทิตย์ตก จริงๆเงียบกันหมดเลยทุกคน เป็นช่วงเวลาที่มีมนต์ขลังสมกับที่เรียกว่าเมจิคัลโมเมนท์มาก อยากจะถ่ายรูป แต่ไอโฟนเจ้ากรรมก็ปลิดตัวเองดับไปเรียบร้อย (ซึ่งภาพสุดท้ายที่ถ่ายคือ รูปบ่าฝรั่งที่นั่งข้างๆเนี่ยแหละ 5555 ไม่ขอลงนะตัวเอง)
ตอนเดินกลับรถ เราก็รู้สึกเหมือนเราอยากคุยกับเค้ามากขึ้น อยากรู้จักเค้ามากขึ้น เพื่อนก็เลยเชียร์ให้ขอเฟสไว้ แต่เราเขินแรงอ่ะ 55555555 เราไม่กล้า เพื่อนก็เลยนำให้แบบขอเฟสบุ๊คฝรั่งอิตาลีด้วย สองสามีภรรยาด้วย เราเลยขอบ่าฝรั่งมั่ง พอถึงที่พักทัวร์เราก็แยกย้ายกันกลับโรงแรม บ่าฝรั่งถามก่อนจะลากันว่า ดินเนอร์กันที่ไหน เราบอกว่าไม่รู้ คงหาแถวๆนี้ เค้าบอกว่างั้นเดี๋ยวทักไปนะ
หูยยยย ตอนนั้นแบบมีหวังนิดนึงอ่ะแก 5555555555
เรากลับมาถึงห้องก็ผลัดกันอาบน้ำ ซึ่งตอนนั้นหลอนทรายมาก เหมือนทรายจะติดตามเราไปอยู่ทุกหนทุกแห่ง 5555555 เราอาบเสร็จก่อนเลยมานอนเล่นโทรศัพท์รอเพื่อน อัพรูป และส่องเฟสเค้า 5555555555 ส่องไปได้ซักพักแชทก็เด้งมาค่ะ เค้าทักมาแหละแกกกกก กรี๊ส
เค้าถามว่า ตอนนี้ทำอะไรอยู่ จะไปกินข้าวยัง เราก็บอกว่า รอเพื่อนอาบน้ำอยู่ และถามกลับว่ายูล่ะจะไปกินที่ไหน เค้าก็บอกว่าเค้ายังไม่รู้ ตอนนี้กำลังพยายามเคาะทรายออกจากกล้อง แต่ยอมแพ้ละ ปล่อยให้มันติดเป็นที่ระลึกก็ได้ 55555 แล้วเค้าก็ชวนเราไปดินเนอร์ด้วยกันค่า
โอ้ยยยย อิศรีนี่กรี๊ดแรงเขินแรง 5555555 เพื่อนอาบน้ำเสร็จพอดีก็รีบบอกนางเลยจ้าว่า แกกกก เค้าชวนดินเนอร์ ไปกันนนนนนๆๆ นางก็ให้สติเรากลับมาค่ะว่า
ตั้งสติแปป คิดว่าเค้าจะไปกินอะไรระดับไหน ดูเงินเราก่อน หรือจะให้เค้าเลี้ยง
…. เราก็ส่ายหน้า บ้าสิ มันดูไม่งามเลยให้เค้าเลี้ยง เพื่อนก็ยิ้มละมุนแล้วบอกว่า
แล้วเราจะมีปัญญาจ่ายเงินมั๊ย
ตึ๊งงงงงง …. ในหัวอิศรีนี่แบบ เออ ค่าเงินเค้ามันยิ่งใหญ่กว่าเราอ่ะ เค้าคงไปกินอะไรดีๆกว่าแบคแพคเกอร์ประหยัดจนๆอย่างเราที่อาจจะมีเงินจ่ายค่าอาหารแต่อาจจะไม่มีเงินกลับประเทศ 555555 เรานี่โซแซดเลยค่ะ พิมพ์ตอบแชทไปว่า ยูไปกินก่อนเลย เพื่อนไอยังไม่เสร็จอ่ะ คงอีกนานเลย เค้าก็ตอบกลับมาว่า อืมม โอเค งั้นบอกไอด้วยนะถ้ายูกินเสร็จแล้ว เราก็ โอเคคคค ถ้ามันมีไวไฟนะ 55555555
ข้ามตรงนี้ไปก็ได้นะเพราะมันไม่มีอะไรเกี่ยวกับบ่าฝรั่ง แต่เป็นการกินข้าวฮาๆของเรากับเพื่อน 55555 อยากเล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ด้วยความที่ทริปนี่แปะหัวไว้ว่าเป็นทริปประหยัด แต่มุยเน่ เป็นเมืองทะเลด้วย เราเลยตัดใจเก็บเงินไว้ส่วนนึงเพื่อมากินอาหารทะเลดีๆกันซักมื้อ เราเลยหมายมั่นว่าเราจะกินอย่างราชา เราจะมาฟาดล็อบเตอร์กันค่ะคุณณณณ (ถึงจะบอกว่าตั้งใจมาอย่างราชา แต่เงินเราก็ไม่มากเลยจริมๆค่ะ 555) หลังจากเซย์โนกับบ่าฝรั่งไปด้วยใจอาลัยยิ่ง เราก็เดินหาร้านอาหารที่ดูไม่หรูมาก คือทุกร้านจะมีสมุดเมนูตั้งอยู่บนแท่นหน้าร้าน เราก็ไปเปิดๆดู ก่อนจะพบว่าล็อบเตอร์มันขึ้นราคาค่ะคุณผู้ชมมมมมมม แงงงงงงง ดูทุกร้านนี่แพงมหาโหด เงินในกระเป๋านี่สั่นพั่บๆ ล็อบเตอร์เลยต้องตกรอบจากมื้อนี้ไปอย่างน่าเสียดาย T_T ต้องเดินจากมาเงียบๆ 55555
จนเรามาป๊ะกับร้านนึง ดูราคาก็ไม่แพงมาก พอสู้ไหว ก็ไปนั่งกันเลยค่า สั่งเบียร์นำมาก่อนเลย 5555 ย้อมใจ เมนูเป็นภาษาอังกฤษ แบบมันดูงดงาม อาหารดูดีมาก อย่างกุ้งอบชีส ปลาหมึกทอดกับอะไรซักอย่าง ลืม 555 คือมันดูดีมากจริงๆ แต่พอมาเสิร์ฟปุ๊บ เราสองคนระเบิดหัวเราะเลยค่ะ 555555555555555555555555 คือแบบ มันไม่มีเค้าคำว่ามื้ออย่างราชาเราเลยง่ะ กุ้งตัวเล็กๆ 3-4 ตัว ปลาหมึกชุบแป้งทอดธรรมดา 55555555555 อิช้อยนี่ซดเบียร์รัวๆเลยค่ะ มองหน้าเพื่อนก็พูดอะไรไม่ออกได้แต่หัวเราะกัน จนโต๊ะข้างๆคิดว่าอิสองคนนี้เมาไปแล้ว 5555555 กินไปน้ำตาตกในไป โถ่ววว มื้ออย่างราชาของเรา 5555555555555
พอกินเสร็จปุ๊บ ศรีนี่ตามล่าหาไวไฟเลยค่ะ เพราะที่ร้านมันไม่มี กลัวบ่าฝรั่งทักมา เดินชูไอโฟนไปตามทางอย่างกับคนบ้าไปซักพักก็เจอไวไฟค่ะ เป็นไวไฟโรงแรมที่เราไม่ได้พัก 5555555555555555555 พอออนไลน์ปุ๊บ ก็พบว่า ไม่มีข้อความอะไรจากเค้า 5555 แต่เราก็ทักเค้าไปค่ะ ว่านี่ไอกินเสร็จแล้วนะ ตอนนั้นเราเจอร้านเค้กพอดี เลยกะจะนั่งทานเค้ก พร้อมใช้ไวไฟร้านดีกว่า 5555555
เค้าตอบมาทันใจมากเลยค่ะ 555 บอกว่า เหรอ นี่ไอกำลังกินเสร็จ เพิ่งเคยกินเต่าด้วย อร่อยมาก ตอนนี้อยู่ไหน
เรา : ตอนนี้อยู่ร้านเค้ก
บ่าฝรั่ง : ชื่อร้านอะไร
เรา : Bellany ice cream ใกล้ๆกับ Kim shop
บ่าฝรั่ง : โอเค เดี๋ยวจะนั่งแท็กซี่ไปนะ
เรา : โอ้ว โนวๆ ไอเดินไปหาก็ได้นะ ยูอยู่ไหน (กลัวบ่าฝรั่งโดนฟันค่าแท็กซี่ อ่านรีวิวมาอีกแล้ว 5555)
บ่าฝรั่ง : ไออยู่อีกฟากของเมืองยังไงก็ต้องนั่งแท็กซี่อยู่แล้ว ถ้าถึงแล้วจะทักไปนะ
เรา : โอเคๆ
ตอนนั้นเราก็นั่งกินเค้กไปเรื่อยๆ สายตาไม่ค่อยจดจ้องที่ช่องแชทเท่าไหร่หรอก 555555555 ซักพักมีเสียงทักแชทมา
การี๊ดดดด มันเกินกำหนดอักษรแล้วอ่ะ 55555555ตายๆ เดี๋ยวมาต่อค่า
[อยากเล่ามั่งอ่ะเธอ ประสบการณ์กับบ่าฝรั่ง] เมื่อศรีไปเที่ยวพักใจแต่ดันได้เจอรัก
เห็นหัวข้อกระทู้แล้วอย่าเพิ่งนึกไปถึงนิยายแจ่มใสนะคะ 5555555 จริงๆแล้วมันไม่ใช่ไปเที่ยวพักใจแบบอกหักรักคุดอะไรเลยยยยย คือไปเที่ยวแบคแพคนอกประเทศครั้งแรกเฉยๆ แต่อยากตั้งชื่อกระทู้ให้มันดูมีอะไรแบบก๊าวใจเท่านั้นเอง (คิดเอาเองทั้งนั้น 555 ) ส่วนที่มาเล่า ก็เพราะ … เดี๋ยวนี้กระทู้เกี่ยวกับอะไรพวกนี้เยอะมากอ่ะ เพจนู้นเพจนี้แชร์กันให้ลึ่ม เพื่อนก็ส่งมาให้อ่านกันจั๊งงงง ไอ้เราอ่านแล้วนึกถึงเรื่องของเราทุกที คันยิกๆ อยากเล่ามั่ง ไม่มีอะไรมาก
บอกดักไว้ก่อน ถ้าใครมาอ่านแล้วทะๆคุ้นๆ เอ๊ มันของอินั่นหรือเปล่า คิดว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ อย่าไปโพสต์แซวเราเลยนะ ทักแชทมาก็พอ เราอายอ่ะแก 55555
เอาล่ะ ศรีเริ่มเลยนะ
เรื่องของเรามันเริ่มในวันที่สามของการไปเที่ยวแบคแพคครั้งแรกกับเพื่อนสนิทที่เวียดนาม วันนั้นเรามาที่เมืองมุยเน่ตามแพลนที่เราวางไว้ ซึ่ง…มีแค่แพลนจริงๆว่าจะมา แต่เรื่องโรงแรมอะไรไม่ได้จอง กะมา walk-in เอา เพราะคิดว่าถูกกว่า ทำให้อิสองสาวไทยหัวฟูมากเลยค่ะ เพราะที่พักเต็ม 555555555555 ไงล่ะแก ไงล่ะ อยากได้ของถูกมาก แบกเป้ใบบะเอ้กเดินตากแดดหาโรงแรมไปสิ จนมีพี่มอเตอร์ไซต์รับจ้างคนนึงขี่รถมาเลียบๆเสนอเราว่ามีที่พักถูกๆตรงนั้นนะ ของเพื่อนเค้าเอง เราสองคนไม่ไว้ใจทันทีค่ะ 5555 ปฏิเสธพัลวัน คือเรากลัวโดนฟันค่ารถ และถูกหลอก (อ่านรีวิวมา 55555 ) ก็เดินโบกมือ No No No ไปเค้าก็ขี่ตามเรามาเรื่อยๆ เราแวะถามโรงแรมไหนก็รอเราด้วย 555555 พอเราไม่ได้(โรงแรมถูกๆ)ซักทีเค้าก็แบบ เอ้า! เดี๋ยวพาไปเนี่ย ฟรีค่ารถเลยอ้ะ สองสาวไทยหยุดกึก มองหน้ากันแบบเอาไงดีวะ ใกล้จะถึงเวลาทัวร์รถจี๊บครึ่งวันที่ซื้อไว้ด้วย เลยแบบเอาวะ ไปก็ไป เป็นไงเป็นกัน ถ้าหลอกนี่เอาเป้ฟาดให้ลืมบ้านแน่ๆ ปรากฏว่าถูกจริงด้วยจ่ะ ได้มาห้องนึงราคา $10 คือแบบห้องดี กว้าง เราแฮปปี้มาก เลยคุยกะเพื่อนว่าเออ ให้ค่ารถเค้าหน่อยก็ดี 55555 แต่พอเราจัดการห้องเสร็จ พี่วินมอไซค์ก็หายไปแล้ว ได้แต่ thank you ไว้ในใจพร้อมเก็บเงินลงกระเป๋า 5555555
เราไปถึงทัวร์ทันเวลาพอดีเป๊ะ ไปถึงก็พบกับคนไทยที่เมาท์มอยกันเสียงดังมาก เป็นรุ่นน้าอา ซึ่งมันไม่ใช่ไทป์เรากะเพื่อนเลยอ่ะกิ๊บ เรามองหน้ากับเพื่อนแล้วภาวนาว่าขอให้อย่าได้ทัวร์กับแก๊งค์นี้เลยยยย ศรีอยากจะสปีคอิงลิช เมคเฟรนด์กับฝรั่งมั่งง่ะ 555555 พอดีกับพี่คนขับรถชาวเวียดนามมาสะกิดเราให้ไปขึ้นรถจี๊บที่อยู่อีกทาง
เราขึ้นรถไปก็เจอฝรั่งผมทองใส่แว่นกันแดดคนนึงนั่งอยู่ก่อนแล้ว เรานั่งกลางและเพื่อนนั่งริม ความคิดแรกคือ ตานี่ขายาวมากกกก เรานั่งกางขามากไม่ได้เดี๋ยวไปโดนเค้า เลยต้องนั่งหุบๆซึ่งมันเมื่อยมาก 55555 ไม่นานก็มีฝรั่งสองสามีภรรยามานั่งด้านหลัง และตามด้วยฝรั่งมีเครามานั่งข้างคนขับ สรุปคือทัวร์นี้ ต่างชาติทั้งคันค่ะ! เรากับเพื่อนสบตากรีดร้องกันเบาๆ ชอบ 5555555 เราแนะนำตัวกันด้วยชื่อและประเทศ ฝรั่งมีเคราด้านหน้าเป็นคนอิตาลี ฝรั่งผมทองขายาวมาจากฮอลแลนด์ (เนเธอร์แลนด์) และสองสามีภรรยาด้านหลังมาจากสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก เราก็มาถึงที่แรก Fairy Stream
เราเดินไปถ่ายรูปไปกับเพื่อน ผลัดมาถ่ายให้สองสามีภรรยาสวิสบ้าง แต่ฝรั่งอิตาลีคุยถูกคอกับเพื่อนเรามาก คือเพื่อนเราเรียนภาษาอิตาเลียนมาด้วย นางเลยได้โอกาสฝึกภาษาพอดีเลย แหม่ ชั้นไม่รู้ความคิดหล่อนเลยยยย 555 รู้ตัวอีกทีเพื่อนก็แยกไปผจญภัยกับฝรั่งอิตาลี เหลือแต่เรากับฝรั่งฮอลแลนด์ (หลังจากนี้เราขอเรียกว่า บ่าฝรั่ง นะ) เราเลยชวนเค้าคุยและเดินไปด้วยกัน พอจะรู้ว่า เค้าอายุ 26 เพิ่งลาออกจากงานแล้วเอาเงินเก็บมาเที่ยว เคยมาเมืองไทยที่เชียงใหม่และเกาะพีพีแล้ว ก่อนหน้านั้นเค้าไปลาวมาด้วย แล้วเค้าก็สงสัยว่าเราไม่ร้อนเหรอ เห็นใส่แจ็คเกตยีนส์ เราบอกว่าร้อนสิ ถึงใส่ แดดแรงมากเลยฉันแสบผิว แม้ว่าในใจจะคิดว่า เหรยแกกก ชั้นกลัวดำ 55555555 เค้าก็ทำหน้างงๆ บอกไอไม่เข้าใจยูเลย ร้อนเลยต้องถอดสิ 555555
นี่รูปที่เพื่อนแอบถ่ายไว้ตอนไหนไม่รู้ 55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้วยความที่เราเป็นคนสูงในหมู่เพื่อนผู้หญิง และค่อนข้างไม่มีเพื่อนผู้ชายที่สูงกว่าเรามาก เลยไม่ค่อยชินเวลาแหงนหน้าคุยกับบ่าฝรั่ง เพราะเค้าสูงมากกกก บางทีเราพูดๆไป หันมาก็ตกใจเพราะเค้าก้มหน้าลงมาฟังเราแล้วมันใกล้หน้ามาก คือแอบจั๊กจี้เล็กๆ 555555 ช่วงนี้ไม่มีอะไรมาก คือแนะนำตัวเองเฉยๆเลย ไม่ก็เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศนู่นนี่นั่น รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นรถพร้อมไปอีกที่แล้ว
เราอาจจะข้ามไปบางที่เพราะไม่มีอะไรเลย 5555555 นั่งรถ แวะชม เดินขึ้นรถ เราจำไม่ค่อยได้ว่าคุยอะไรกันบ้างเพราะเราเฉยๆกับบ่าฝรั่งมากค่ะตอนแรก งั้นขอข้ามกับตอนไปแวะฮาลองเบย์ กับ white sandue มาที่ Red Sandue เลยนะคะ เอารูปไปชมก่อน 55555
white sandue ค่า
มาถึง Red Sandue เป็นที่สุดท้ายแถมทันเวลาที่ดวงอาทิตย์จะตกจนได้ ต้องขอบคุณพี่คนขับ เพราะพี่ซิ่งมาก บางทีก็กลัวพี่แหกโค้งไปตายหมู่ทั้งคันอยู่สันทรายแถวๆนี้ 555555555 เรากับเพื่อนที่ค่อนข้างล้าแล้วเพราะเดินตลอด แถมเดินบนทรายที่ยวบเอายวบเอาอีก เลยพอมีแรงฮึดเดินไปถึงสันทรายเพื่อจะไปนั่งจองที่ เรากึ่งเดินกึ่งวิ่งนำเพื่อน เพราะกลัวไม่ทันและไม่มีที่นั่ง บ่าฝรั่งที่เดินมาพร้อมๆกันก็หัวเราะกับท่าเดินเรา เราหันไปค้อนพร้อมคิดในใจว่า เออ ขาแกยาวนี่หว่า
เราเดินไปถึงก็นั่งแหมะ บ่าฝรั่งก็นั่งข้างๆกันค่ะ ตอนแรกเพื่อนก็มานั่งอีกข้าง แล้วก็ลุกไปบอกจะถ่ายรูป เราขี้เกียจเลยไม่ไปจะรอนั่งดูดวงอาทิตย์ตกเลย บทสนทนาที่คุยกับบ่าฝรั่งไม่มีเรื่องอะไรเลยค่ะ คือเรื่องชีวิตของเราเป็นส่วนใหญ่ 55555 เราเล่าว่าเนี่ยแม่เราอยากให้เป็นเภสัชนะ แต่เราอยากทำกราฟฟิก เราเลยมีช่วงที่ conflict กับแม่ ซึ่งช่วงตรงนั้นเค้าตั้งใจฟังและชอบมาก เค้าบอกว่าเราดูไฟท์ดี 555555 คือเราประทับใจเค้าอย่างหนึ่งคือเค้าตั้งใจฟังเราแล้วไม่ได้ฟังผ่าน เค้าถามว่าเราชอบอะไร เราแพล่มไปเยอะมากกกก 5555 บางทีก็กลัวแบบ เค้าจะเบื่อปะวะ แต่เค้าไม่อ่ะ เค้าต่อบทสนทนาเราได้ แล้วคำถามเค้าก็ไม่ใช่คำถามที่ถามไปเพื่อต่อบทสนทนาไปอย่างไร้ความหมาย เค้าถาม เค้าอยากรู้จริงๆ เค้าไม่ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราพูดมันน่าเบื่อ ซึ่งเราไม่ค่อยเจออ่ะ 5555 แบบปกติเวลาเราเล่าเรื่องนี้หรือสิ่งที่เราชอบกับคนที่เราอยากแชร์อยากเล่า จะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ทำให้ตรงนี้เราประทับใจเค้ามากๆเลย
จริงๆตอนเราคุยกับบ่าฝรั่งเราจะไม่ค่อยค่อยอยากสบตาเค้า เพราะเค้าจ้องมาก อาจเป็นเพราะกำลังตั้งใจฟังว่าอินี่พูดอะไร นั่นใช่ภาษาอังกฤษหรือไม่ 55555555 เราแบบมองนู่นมองนี่ มองจมูกเค้าแทน 5555 เราไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังเขิน มารู้อีกที เท้าเราก็จมไปกับกองทรายที่มือเรากวักมาถมไปเรื่อยๆ จนเค้าถามว่านี่ยูจะกลบตัวเองเหรอ 555555555 สงสัยเขินเพลิน 55555 เราเงียบกันก็ตอนที่นั่งดูดวงอาทิตย์ตก จริงๆเงียบกันหมดเลยทุกคน เป็นช่วงเวลาที่มีมนต์ขลังสมกับที่เรียกว่าเมจิคัลโมเมนท์มาก อยากจะถ่ายรูป แต่ไอโฟนเจ้ากรรมก็ปลิดตัวเองดับไปเรียบร้อย (ซึ่งภาพสุดท้ายที่ถ่ายคือ รูปบ่าฝรั่งที่นั่งข้างๆเนี่ยแหละ 5555 ไม่ขอลงนะตัวเอง)
ตอนเดินกลับรถ เราก็รู้สึกเหมือนเราอยากคุยกับเค้ามากขึ้น อยากรู้จักเค้ามากขึ้น เพื่อนก็เลยเชียร์ให้ขอเฟสไว้ แต่เราเขินแรงอ่ะ 55555555 เราไม่กล้า เพื่อนก็เลยนำให้แบบขอเฟสบุ๊คฝรั่งอิตาลีด้วย สองสามีภรรยาด้วย เราเลยขอบ่าฝรั่งมั่ง พอถึงที่พักทัวร์เราก็แยกย้ายกันกลับโรงแรม บ่าฝรั่งถามก่อนจะลากันว่า ดินเนอร์กันที่ไหน เราบอกว่าไม่รู้ คงหาแถวๆนี้ เค้าบอกว่างั้นเดี๋ยวทักไปนะ
หูยยยย ตอนนั้นแบบมีหวังนิดนึงอ่ะแก 5555555555
เรากลับมาถึงห้องก็ผลัดกันอาบน้ำ ซึ่งตอนนั้นหลอนทรายมาก เหมือนทรายจะติดตามเราไปอยู่ทุกหนทุกแห่ง 5555555 เราอาบเสร็จก่อนเลยมานอนเล่นโทรศัพท์รอเพื่อน อัพรูป และส่องเฟสเค้า 5555555555 ส่องไปได้ซักพักแชทก็เด้งมาค่ะ เค้าทักมาแหละแกกกกก กรี๊ส
เค้าถามว่า ตอนนี้ทำอะไรอยู่ จะไปกินข้าวยัง เราก็บอกว่า รอเพื่อนอาบน้ำอยู่ และถามกลับว่ายูล่ะจะไปกินที่ไหน เค้าก็บอกว่าเค้ายังไม่รู้ ตอนนี้กำลังพยายามเคาะทรายออกจากกล้อง แต่ยอมแพ้ละ ปล่อยให้มันติดเป็นที่ระลึกก็ได้ 55555 แล้วเค้าก็ชวนเราไปดินเนอร์ด้วยกันค่า
โอ้ยยยย อิศรีนี่กรี๊ดแรงเขินแรง 5555555 เพื่อนอาบน้ำเสร็จพอดีก็รีบบอกนางเลยจ้าว่า แกกกก เค้าชวนดินเนอร์ ไปกันนนนนนๆๆ นางก็ให้สติเรากลับมาค่ะว่า
ตั้งสติแปป คิดว่าเค้าจะไปกินอะไรระดับไหน ดูเงินเราก่อน หรือจะให้เค้าเลี้ยง
…. เราก็ส่ายหน้า บ้าสิ มันดูไม่งามเลยให้เค้าเลี้ยง เพื่อนก็ยิ้มละมุนแล้วบอกว่า
แล้วเราจะมีปัญญาจ่ายเงินมั๊ย
ตึ๊งงงงงง …. ในหัวอิศรีนี่แบบ เออ ค่าเงินเค้ามันยิ่งใหญ่กว่าเราอ่ะ เค้าคงไปกินอะไรดีๆกว่าแบคแพคเกอร์ประหยัดจนๆอย่างเราที่อาจจะมีเงินจ่ายค่าอาหารแต่อาจจะไม่มีเงินกลับประเทศ 555555 เรานี่โซแซดเลยค่ะ พิมพ์ตอบแชทไปว่า ยูไปกินก่อนเลย เพื่อนไอยังไม่เสร็จอ่ะ คงอีกนานเลย เค้าก็ตอบกลับมาว่า อืมม โอเค งั้นบอกไอด้วยนะถ้ายูกินเสร็จแล้ว เราก็ โอเคคคค ถ้ามันมีไวไฟนะ 55555555
ข้ามตรงนี้ไปก็ได้นะเพราะมันไม่มีอะไรเกี่ยวกับบ่าฝรั่ง แต่เป็นการกินข้าวฮาๆของเรากับเพื่อน 55555 อยากเล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอกินเสร็จปุ๊บ ศรีนี่ตามล่าหาไวไฟเลยค่ะ เพราะที่ร้านมันไม่มี กลัวบ่าฝรั่งทักมา เดินชูไอโฟนไปตามทางอย่างกับคนบ้าไปซักพักก็เจอไวไฟค่ะ เป็นไวไฟโรงแรมที่เราไม่ได้พัก 5555555555555555555 พอออนไลน์ปุ๊บ ก็พบว่า ไม่มีข้อความอะไรจากเค้า 5555 แต่เราก็ทักเค้าไปค่ะ ว่านี่ไอกินเสร็จแล้วนะ ตอนนั้นเราเจอร้านเค้กพอดี เลยกะจะนั่งทานเค้ก พร้อมใช้ไวไฟร้านดีกว่า 5555555
เค้าตอบมาทันใจมากเลยค่ะ 555 บอกว่า เหรอ นี่ไอกำลังกินเสร็จ เพิ่งเคยกินเต่าด้วย อร่อยมาก ตอนนี้อยู่ไหน
เรา : ตอนนี้อยู่ร้านเค้ก
บ่าฝรั่ง : ชื่อร้านอะไร
เรา : Bellany ice cream ใกล้ๆกับ Kim shop
บ่าฝรั่ง : โอเค เดี๋ยวจะนั่งแท็กซี่ไปนะ
เรา : โอ้ว โนวๆ ไอเดินไปหาก็ได้นะ ยูอยู่ไหน (กลัวบ่าฝรั่งโดนฟันค่าแท็กซี่ อ่านรีวิวมาอีกแล้ว 5555)
บ่าฝรั่ง : ไออยู่อีกฟากของเมืองยังไงก็ต้องนั่งแท็กซี่อยู่แล้ว ถ้าถึงแล้วจะทักไปนะ
เรา : โอเคๆ
ตอนนั้นเราก็นั่งกินเค้กไปเรื่อยๆ สายตาไม่ค่อยจดจ้องที่ช่องแชทเท่าไหร่หรอก 555555555 ซักพักมีเสียงทักแชทมา
การี๊ดดดด มันเกินกำหนดอักษรแล้วอ่ะ 55555555ตายๆ เดี๋ยวมาต่อค่า