** ตอนนี้เรียนจบแล้ว มีอัพเดตข้อมูล+ความรู้สึกต่อมหาลัยหลังเรียนจบอยู่ที่คห.13ค่ะ**
เราเป็นนักเรียนปี1 ของสแตมฟอร์ด เอกการโรงแรม (International Hotel Management) หรือที่ม.จะเรียกกันว่า IHM ค่ะ
ที่ม. เราไม่รู้ว่าทั้งหมดมีกี่คณะเหมือนกัน แต่คณะหลักๆที่เพื่อนเราเรียนคือมี IHM (คณะตัวเอง) IBM (International Business Management) ABM (เป็นเกี่ยวกับการบิน) แล้วก็มีที่เรียนเกียวกับ Arts ค่ะ แต่เราไม่มีเพื่อนเรียนอยู่ Arts เพราะเวลาเรียน เหมือนจะเรียนคนละสายกัน เลยลงวิชาไม่ตรงกันค่ะ
มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด ผ่านมาตรฐานนะคะ ไม่ใช่ม.ที่ไม่มีมาตรฐาน
“มหาวิทยาลัยนานาชาติสแตมฟอร์ดและหลักสูตรการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี และโท ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานทั้งหมด โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาของประเทศไทย (สกอ.) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รายชื่อมหาวิทยาลัยเอกชนที่ผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาของประเทศไทย (ทบวงมหาวิทยาลัย)”
อันนี้ก็อปจากเว็บมหาลัยมาให้อ่านกันค่ะ
สำหรับเรา มหาลัยนี้ ดีกว่าที่คนภายนอกหลายคนมองมากๆค่ะ
เราก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยมอง ว่าม.นี้คงไม่ดี ปล่อยจบ เข้าง่าย ไม่ต้องเขียนเรียน สอบมั่วๆก็คงผ่าน จนกระทั่งวันนึง เราได้มีโอกาสเข้าไปดูมหาลัยอย่างจริงๆจังๆ ได้คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะการโรงแรม ได้เดินดูมหาลัย ได้ดูหลักสูตรการเรียน ได้เห็นหลายๆอย่างในตัวมหาลัยนั้น ทำให้เราพบว่ามหาลัยนี้ เป็นม.ที่ใช้ได้เลย ไม่ได้แย่อย่างที่เราเคยคิดไว้
สอบเข้า คือไม่ใช่ว่าใครมาสอบก็เข้าได้หมด ของภาคอินเตอร์ การโรงแรมที่เราเข้า ต้องได้ IELTS 6/ TOELF 600 ถึงจะเข้าได้ หรือถ้าใครไม่มีคะแนนมายื่น ก็สามารถสอบข้อสอบภาษาอังกฤษที่ทางมหาลัยเตรียมไว้ให้ได้ค่ะ
การสอบข้อสอบของมหาลัย คือคะแนนต้องผ่านเกณฑ์ถึงจะเข้าเรียนได้นะคะ ถ้าใครที่ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ต้องการจะเข้าเรียนที่ม.นี้ จะต้องเข้าเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษก่อนค่ะ ระยะเวลาที่ต้องปรับพื้นฐานก็ขึ้นอยู่กับคะแนนภาษาอังกฤษที่สอบได้ค่ะ 3เดือน 6เดือน 9เดือน ประมาณนี้ แล้วพอเรียนปรับพื้นฐานครบเวลา เหมือนจะต้องสอบข้อสอบอีกรอบ ว่าผ่านเกณฑ์ที่จะเข้าเรียนได้รึยัง อันนี้เราไม่แน่ใจเพราะเราไม่ต้องเรียนปรับพื้นฐานค่ะ
เรียนที่นี่ ไม่มีรุ่นพี่ ไม่มีรุ่นน้อง เป็นเพื่อนกันหมดค่ะ ด้วยความที่แต่ละคณะ จะมีวิชา General ที่จะต้องลงคนละเทอม คนละปีกัน พอลงตัวเดียวกัน รู้จักกัน ก็เป็นเพื่อนกันหมด ไม่มีการนับพี่นับน้องกันค่ะ
และที่สำคัญมากคือที่นี่ ต่างชาติเยอะมากค่ะ มีทั้งจีน มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน ฮ่องกง อเมริกา รัสเซีย แล้วก็จะมีคนผิวสีค่อนข้างเยอะ แต่นี่เป็นอีกสาเหตุนึงนอกจากการเรียน ที่จะทำให้ภาษาอังกฤษเราดีขึ้นค่ะ เนื่องจากนอกห้องเรียน นอกเหนือจากการทำงาน เรายังได้ใช้ภาษาอังกฤษคุยกับเพื่อนต่างชาติของเราอีกด้วยค่ะ เลยทำให้ภาษาอังกฤษพัฒนาไปค่อนข้างเร็ว และทำให้คนที่ไม่ค่อยกล้าพูดภาษาอังกฤษ กล้าพูดมากขึ้น เพราะภาษาอังกฤษในม.คือแทบจะต้องใช้ตลอดเวลา คนอื่นพูด เราก็ต้องพูดด้วย ประมาณนี้ค่ะ
การเรียนในม.นี้ ถือว่ายากพอตัวค่ะ สำหรับเรา คือยังไม่ยากมาก อาจจะเป็นเพราะเรายังเรียนอยู่เทอม1ก็ได้ เลยทำให้งานยังไม่สุมหัว ความยากคงยังมาไม่เยอะเนอะ
เป็นนักศึกษาที่นี่ ต้องมาเรียนค่ะ อาจารย์มีเช็คชื่อทุกวิชา ใครขาดเกินกว่าที่กำหนด (คือ 5 ครั้ง) จะหมดสิทธิ์สอบทันทีค่ะ แต่บางครั้ง ถ้าเราขาดเพราะเหตุจำเป็น หรืออาจารย์เห็นแวว ว่าเราจะปรับปรุงตัวได้ อาจารย์จะให้โอกาสค่ะ แต่มีกฎว่าต่อจากที่เตือนไปแล้ว ห้ามขาดแม้แต่ครั้งเดียว อันนี้รู้มาจากเพื่อนตัวเองที่ขาดบ่อยนี่แหละ
ส่วนเรื่องการเรียนแต่ล่ะวิชา คือต้องคะแนน 60% ขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะถือว่าผ่าน จะไม่มีการปล่อยผ่านไปง่ายๆแน่นอนค่ะ ถ้าไม่ผ่าน ยังไงก็คือต้องลงเรียนซ้ำ อันนี้ก็รู้มาจากเพื่อนที่ลงเรียนซ้ำจนมาเจอกับเราที่เพิ่งเทอม1เหมือนกันค่ะ
ที่มหาลัย มีโครงการให้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศได้ด้วยค่ะ และสำหรับนักเรียนการโรงแรม ปี3-4 สามารถเลือกไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียได้ค่ะ จะได้ปริญญาทั้งของสแตมฟอร์ด และของม.ที่ออสเตรเลียเอง
ที่นี่จะมีให้ฝึกงาน ปี2 เทอม1 กับปี3 เทอม1ค่ะ ของการโรงแรม คือเลือกฝึกที่โรงแรมไหนก็ได้ จังหวัดไหนก็ได้ ประเทศไหนก็ได้ จากที่มีรุ่นพี่ที่เคยฝึกงานแล้ว เค้ากลับมาพรีเซนท์ให้ดู ที่มีไปหลายที่มากค่ะ มีทั้งฝึกในกรุงเทพ บางคนบ้านอยู่สมุย ก็ไปฝึกงานที่เกาะสมุย เพื่อนเป็นคนภูเก็ต ก็กลับบ้านไปฝึกภูเก็ต บางคนอยากไปเมืองนอก หรืออยากกลับประเทศตัวเองก็ไปได้หมดค่ะ มีไปมัลดีฟ ไต้หวัน สิงคโปร ออสเตรเลีย และอีกหลายๆที่ค่ะ แต่สำหรับเรา ปี2เทอม1 คงเลือกฝึกในกรุงเทพนี่แหละค่ะ เพราะจบมา ก็ทำงานในกรุงเทพอยู่ดี เลยคิดว่าฝึกที่ที่จบมาได้ทำงานจริง คงจะดีกว่า
ข้อเสียที่นี่อย่างนึงที่เราไม่ชอบ อาจจะไม่เรียกว่าข้อเสียก็ได้ คือมันเป็นสิ่งที่เรากับเพื่อนหลายๆคนไม่ค่อยชอบน่ะค่ะ ซึ่งก็คือ ที่ม.คนสูบบุหรี่เยอะมากค่ะ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ทั้งไทย ทั้งต่างชาติ ถึงทางมหาลัยจะมีพื้นที่สูบบุหรี่ให้ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่ต้องเดินผ่านบ่อยๆ เลยทำให้เหม็นควันไปตามๆกัน แต่ที่ไม่ชอบสุด คือการที่มีคนมาสูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบค่ะ คือสูบในที่ที่จัดไว้ให้ คือเราไม่ทำไม เราแค่เหม็น แต่ก็ไม่ได้อะไรมา เพราะมันก็เป็นเรื่องทั่วไป แต่มาสูบข้างๆโต๊ะกินข้าว หน้าประตูโถงลิฟต์ อันนี้ไม่ค่อยโอเคค่ะ
อีกเรื่องนึง คือที่จอดรถไม่พอค่ะ เนื่องจากทางม. มีที่จอดรถให้นศ. ทุกคนเลยพากันขับรถมาม.กันหมด เช้าๆนี่ที่จอดยังว่างอยู่ แต่พอ10โมงหรือเที่ยงนี่ ที่จอดเต็มทุกที่ค่ะ ต้องจอดซ้อน หรือไม่ก็จอดริมถนนในม.เอาค่ะ
ส่วนอาหารในโรงอาหาร ไม่ค่อยอร่อยค่ะ อันนี้จากใจเลย ไม่อร่อยไม่พอ ยังแพงด้วย ข้าวกับไก่ทอดชิ้นนึง 50 บาท คุณพระคุณเจ้า คือถึงจะเป็นราคาปกติในห้าง แต่ในมหาลัยควรจะถูกกว่านี้น่ะค่ะ ในความคิดเรา
ที่ม.จะมีห้องสมุด ค่อนข้างใหญ่อยู่ค่ะ มีโซฟา มีโต๊ะ เก้าอี้ มีเครื่องคอม ไว้ให้เด็กมานั่งทำงาน มานั่งคุยงานกัน จะมีห้องmeetingเล็กๆ นั่งได้ประมาณ5คนให้ประมาณ 5 ห้องค่ะ แต่ต้องจองล่วงหน้าถึงใช้ได้
ถ้านอกห้องสมุด ก็จะมีที่นั่งหน้าห้องเรียนที่ตึกใหม่ค่ะ (เป็นตึกที่เพิ่งสร้าง อยู่หน้าสุด ตึกเก่าอยู่ด้านหลังค่ะ) จะมีโซฟายาวๆ แล้วก็มีโต๊ะเป็นแถบเลย เหมือนในร้านอาหารน่ะค่ะ
แล้วก็สำหรับเด็กบางคณะ จะมีล็อกเกอร์ให้ด้วยค่ะ เหมือนคณะเราก็มีเหมือนกัน อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะเรายังไม่ได้ล็อกเกอร์ เนื่องจากนศ.การโรงแรม จะต้องใช้ชุดหลายชุดน่ะค่ะ มีทั้งชุดนศ.ธรรมดา ชุดสูท ชุดเชฟ ชุดแม่บ้าน ชุดเด็กเสิร์ฟ เลยทำให้ต้องมีล็อกเกอร์ไว้เก็บของค่ะ แบกไม่ไหว แบกมาแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ไหน แล้วเวลาอยู่ในครัว ในร้านอาหาร เรียนทำความสะอาดห้อง ก็ไม่มีที่ให้วางของค่ะ เลยเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ต้องมีล็อกเกอร์
ส่วนเรื่องค่าเทอม ไม่ได้แพงเวอร์อย่างที่หลายๆคนคิดค่ะ ค่าเทอมโดยประมาณ คือ 50000 บาทต่อเทอม ที่นี่เรียนปีละ 3 เทอมค่ะ ตกปีละประมาณ 150000 พิเศษกว่านั้น คือที่นี่ไม่ได้เรียน4ปีค่ะ เรียน 3 ปี กับอีก 1 เทอม เท่ากับว่าทั้งหมดเรียน10เทอม ไม่แน่ใจว่าเทอมที่ฝึกงานต้องจ่ายค่าเทอมมั้ย แต่ถ้าคิดคร่าวๆ 50000 คูณ 10เทอม ทั้งหมดทุกเทอมก็ประมาณ 500000บาทค่ะ
ที่นี่ ใส่ชุดอะไรมาเรียนก็ได้ค่ะ ไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษา ยกเว้นแต่วันที่มีสอบ หรือวิชาที่อาจารย์บังคับให้ใส่ อันนั้นก็ต้องใส่มาค่ะ ที่นี่จะเรียนไปทางแบบเมืองนอกค่ะ แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ แต่ต้องตั้งใจเรียนนะคะ
ส่วนเรื่องที่พัก เนื่องจากมีนักศึกษาต่างชาติค่อนข้างเยอะ ทางม.จะมีหอของม.เองเลยค่ะ เหมือนจะมีประมาณ 2 หอ อันนี้ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้อยู่หอค่ะ มีรถรับส่งระหว่างที่ม.กับหอ ทุกๆ2ชม.ค่ะ เหมือนจะคิดคนละ50บาท เป็นรถตู้ของมหาลัยเองค่ะ
ส่วนคนที่ไม่ได้พักหอ แอร์พอร์ทลิ้งค์เป็นรถไฟที่ใกล้ม.สุดค่ะ แต่เดินไม่ถึง ทางม.มีรถรับส่งให้ทุกชั่วโมงค่ะ ไม่เสียตัง จากม.ถึงแอร์พอร์ทลิ้งใช้เวลา 5 นาทีโดยประมาณค่ะ
นอกจากรถไปแอร์พอร์ทลิ้งค์ ก็มีรถตู้ไปส่งที่ MRT ป้ายศูนย์วัฒนธรรมค่ะ อันนี้จะมีแค่ตอนเช้า ประมาณ7.30 กับตอนเย็น น่าจะเป็นช่วง16.00ค่ะ เสียตัง50บาท อันนี้เราไม่เคยนั่งเหมือนกันค่ะ
ที่นี่ รอบข้าง ไม่ใกล้ที่เที่ยว ไม่ใกล้ห้าง ไม่ใกล้ร้านเหล้า ไม่ใกล้อะไรเลยค่ะ เพราะงั้น จะเรียนดี เรียนแย่ อยู่ที่ตัวเราเองค่ะ อย่าไปโทษอย่างอื่นที่ดึงดูดใจเรา ตั้งจิตให้มั่น แล้วโฟกัสไปที่เรื่องเรียนค่ะ
เราเห็นผ่านตามาหลายกระทู้ หลายๆคนชอบถามว่า ระหว่างเอแบค ม.กรุงเทพ สแตมฟอร์ด จะเลือกที่ไหนดี ที่ไหนดีกว่ากัน อะไรประมาณนี้ เราขอไม่เปรียบเทียบดีกว่าค่ะ เพราะสิ่งที่เราสัมผัส คือที่สแตมฟอร์ดที่เดียว เราไม่เคยได้เข้าไปเรียนม.อื่น เพราะงั้น เราคงบอกไม่ได้ ว่าที่ไหนดีกว่ากัน เอาเป็นว่า เรามาแบ่งปันประสบการณ์กับข้อมูลหลายๆอย่าง ให้คนที่สนใจแล้วกันนะคะ
ทั้งหมดในมหาลัย ก็น่าจะมีประมาณนี้ นึกไม่ออกแล้วว่าจะพิมพ์อะไรอีก
ถ้าสงสัยอะไร ถามได้นะคะ น้องๆคนไหน หรือเพื่อนๆคนไหนอยากเข้า อยากสอบถาม หลังไมค์มาก็ได้ค่ะ ยินดีตอบทุกคำถามเสมอค่ะ
สุดท้ายนี้ อยากจะให้ทุกคน ได้เขามาลองสัมผัสหลายๆอย่างในมหาลัยนี้ดูค่ะ แล้วจะพบว่า มันไม่ได้แย่อย่างที่หลายคนมอง ส่วนท่านไหนที่มองม.เราดีมาโดยตลอด ก็อยากจะขอขอบคุณมากๆค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านจนจบนะคะ ภาษาอาจจะไม่ได้สวยหรู ไม่ได้เป็นทางการอะไร แต่เขียนจากประสบการณ์ และความรู้สึกจากการที่ได้สัมผัสที่นี่จริงๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ
**ไม่ได้ตรวจคำผิด ขอโทษด้วยนะคะ ^^
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
[แบ่งปันประสบการณ์] จากนักศึกษา มหาวิทยาลัยนานาชาติ สแตมฟอร์ดค่ะ (Stamford International University)
เราเป็นนักเรียนปี1 ของสแตมฟอร์ด เอกการโรงแรม (International Hotel Management) หรือที่ม.จะเรียกกันว่า IHM ค่ะ
ที่ม. เราไม่รู้ว่าทั้งหมดมีกี่คณะเหมือนกัน แต่คณะหลักๆที่เพื่อนเราเรียนคือมี IHM (คณะตัวเอง) IBM (International Business Management) ABM (เป็นเกี่ยวกับการบิน) แล้วก็มีที่เรียนเกียวกับ Arts ค่ะ แต่เราไม่มีเพื่อนเรียนอยู่ Arts เพราะเวลาเรียน เหมือนจะเรียนคนละสายกัน เลยลงวิชาไม่ตรงกันค่ะ
มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด ผ่านมาตรฐานนะคะ ไม่ใช่ม.ที่ไม่มีมาตรฐาน
“มหาวิทยาลัยนานาชาติสแตมฟอร์ดและหลักสูตรการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี และโท ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานทั้งหมด โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาของประเทศไทย (สกอ.) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รายชื่อมหาวิทยาลัยเอกชนที่ผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาของประเทศไทย (ทบวงมหาวิทยาลัย)”
อันนี้ก็อปจากเว็บมหาลัยมาให้อ่านกันค่ะ
สำหรับเรา มหาลัยนี้ ดีกว่าที่คนภายนอกหลายคนมองมากๆค่ะ
เราก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยมอง ว่าม.นี้คงไม่ดี ปล่อยจบ เข้าง่าย ไม่ต้องเขียนเรียน สอบมั่วๆก็คงผ่าน จนกระทั่งวันนึง เราได้มีโอกาสเข้าไปดูมหาลัยอย่างจริงๆจังๆ ได้คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะการโรงแรม ได้เดินดูมหาลัย ได้ดูหลักสูตรการเรียน ได้เห็นหลายๆอย่างในตัวมหาลัยนั้น ทำให้เราพบว่ามหาลัยนี้ เป็นม.ที่ใช้ได้เลย ไม่ได้แย่อย่างที่เราเคยคิดไว้
สอบเข้า คือไม่ใช่ว่าใครมาสอบก็เข้าได้หมด ของภาคอินเตอร์ การโรงแรมที่เราเข้า ต้องได้ IELTS 6/ TOELF 600 ถึงจะเข้าได้ หรือถ้าใครไม่มีคะแนนมายื่น ก็สามารถสอบข้อสอบภาษาอังกฤษที่ทางมหาลัยเตรียมไว้ให้ได้ค่ะ
การสอบข้อสอบของมหาลัย คือคะแนนต้องผ่านเกณฑ์ถึงจะเข้าเรียนได้นะคะ ถ้าใครที่ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ต้องการจะเข้าเรียนที่ม.นี้ จะต้องเข้าเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษก่อนค่ะ ระยะเวลาที่ต้องปรับพื้นฐานก็ขึ้นอยู่กับคะแนนภาษาอังกฤษที่สอบได้ค่ะ 3เดือน 6เดือน 9เดือน ประมาณนี้ แล้วพอเรียนปรับพื้นฐานครบเวลา เหมือนจะต้องสอบข้อสอบอีกรอบ ว่าผ่านเกณฑ์ที่จะเข้าเรียนได้รึยัง อันนี้เราไม่แน่ใจเพราะเราไม่ต้องเรียนปรับพื้นฐานค่ะ
เรียนที่นี่ ไม่มีรุ่นพี่ ไม่มีรุ่นน้อง เป็นเพื่อนกันหมดค่ะ ด้วยความที่แต่ละคณะ จะมีวิชา General ที่จะต้องลงคนละเทอม คนละปีกัน พอลงตัวเดียวกัน รู้จักกัน ก็เป็นเพื่อนกันหมด ไม่มีการนับพี่นับน้องกันค่ะ
และที่สำคัญมากคือที่นี่ ต่างชาติเยอะมากค่ะ มีทั้งจีน มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน ฮ่องกง อเมริกา รัสเซีย แล้วก็จะมีคนผิวสีค่อนข้างเยอะ แต่นี่เป็นอีกสาเหตุนึงนอกจากการเรียน ที่จะทำให้ภาษาอังกฤษเราดีขึ้นค่ะ เนื่องจากนอกห้องเรียน นอกเหนือจากการทำงาน เรายังได้ใช้ภาษาอังกฤษคุยกับเพื่อนต่างชาติของเราอีกด้วยค่ะ เลยทำให้ภาษาอังกฤษพัฒนาไปค่อนข้างเร็ว และทำให้คนที่ไม่ค่อยกล้าพูดภาษาอังกฤษ กล้าพูดมากขึ้น เพราะภาษาอังกฤษในม.คือแทบจะต้องใช้ตลอดเวลา คนอื่นพูด เราก็ต้องพูดด้วย ประมาณนี้ค่ะ
การเรียนในม.นี้ ถือว่ายากพอตัวค่ะ สำหรับเรา คือยังไม่ยากมาก อาจจะเป็นเพราะเรายังเรียนอยู่เทอม1ก็ได้ เลยทำให้งานยังไม่สุมหัว ความยากคงยังมาไม่เยอะเนอะ
เป็นนักศึกษาที่นี่ ต้องมาเรียนค่ะ อาจารย์มีเช็คชื่อทุกวิชา ใครขาดเกินกว่าที่กำหนด (คือ 5 ครั้ง) จะหมดสิทธิ์สอบทันทีค่ะ แต่บางครั้ง ถ้าเราขาดเพราะเหตุจำเป็น หรืออาจารย์เห็นแวว ว่าเราจะปรับปรุงตัวได้ อาจารย์จะให้โอกาสค่ะ แต่มีกฎว่าต่อจากที่เตือนไปแล้ว ห้ามขาดแม้แต่ครั้งเดียว อันนี้รู้มาจากเพื่อนตัวเองที่ขาดบ่อยนี่แหละ
ส่วนเรื่องการเรียนแต่ล่ะวิชา คือต้องคะแนน 60% ขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะถือว่าผ่าน จะไม่มีการปล่อยผ่านไปง่ายๆแน่นอนค่ะ ถ้าไม่ผ่าน ยังไงก็คือต้องลงเรียนซ้ำ อันนี้ก็รู้มาจากเพื่อนที่ลงเรียนซ้ำจนมาเจอกับเราที่เพิ่งเทอม1เหมือนกันค่ะ
ที่มหาลัย มีโครงการให้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศได้ด้วยค่ะ และสำหรับนักเรียนการโรงแรม ปี3-4 สามารถเลือกไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียได้ค่ะ จะได้ปริญญาทั้งของสแตมฟอร์ด และของม.ที่ออสเตรเลียเอง
ที่นี่จะมีให้ฝึกงาน ปี2 เทอม1 กับปี3 เทอม1ค่ะ ของการโรงแรม คือเลือกฝึกที่โรงแรมไหนก็ได้ จังหวัดไหนก็ได้ ประเทศไหนก็ได้ จากที่มีรุ่นพี่ที่เคยฝึกงานแล้ว เค้ากลับมาพรีเซนท์ให้ดู ที่มีไปหลายที่มากค่ะ มีทั้งฝึกในกรุงเทพ บางคนบ้านอยู่สมุย ก็ไปฝึกงานที่เกาะสมุย เพื่อนเป็นคนภูเก็ต ก็กลับบ้านไปฝึกภูเก็ต บางคนอยากไปเมืองนอก หรืออยากกลับประเทศตัวเองก็ไปได้หมดค่ะ มีไปมัลดีฟ ไต้หวัน สิงคโปร ออสเตรเลีย และอีกหลายๆที่ค่ะ แต่สำหรับเรา ปี2เทอม1 คงเลือกฝึกในกรุงเทพนี่แหละค่ะ เพราะจบมา ก็ทำงานในกรุงเทพอยู่ดี เลยคิดว่าฝึกที่ที่จบมาได้ทำงานจริง คงจะดีกว่า
ข้อเสียที่นี่อย่างนึงที่เราไม่ชอบ อาจจะไม่เรียกว่าข้อเสียก็ได้ คือมันเป็นสิ่งที่เรากับเพื่อนหลายๆคนไม่ค่อยชอบน่ะค่ะ ซึ่งก็คือ ที่ม.คนสูบบุหรี่เยอะมากค่ะ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ทั้งไทย ทั้งต่างชาติ ถึงทางมหาลัยจะมีพื้นที่สูบบุหรี่ให้ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่ต้องเดินผ่านบ่อยๆ เลยทำให้เหม็นควันไปตามๆกัน แต่ที่ไม่ชอบสุด คือการที่มีคนมาสูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบค่ะ คือสูบในที่ที่จัดไว้ให้ คือเราไม่ทำไม เราแค่เหม็น แต่ก็ไม่ได้อะไรมา เพราะมันก็เป็นเรื่องทั่วไป แต่มาสูบข้างๆโต๊ะกินข้าว หน้าประตูโถงลิฟต์ อันนี้ไม่ค่อยโอเคค่ะ
อีกเรื่องนึง คือที่จอดรถไม่พอค่ะ เนื่องจากทางม. มีที่จอดรถให้นศ. ทุกคนเลยพากันขับรถมาม.กันหมด เช้าๆนี่ที่จอดยังว่างอยู่ แต่พอ10โมงหรือเที่ยงนี่ ที่จอดเต็มทุกที่ค่ะ ต้องจอดซ้อน หรือไม่ก็จอดริมถนนในม.เอาค่ะ
ส่วนอาหารในโรงอาหาร ไม่ค่อยอร่อยค่ะ อันนี้จากใจเลย ไม่อร่อยไม่พอ ยังแพงด้วย ข้าวกับไก่ทอดชิ้นนึง 50 บาท คุณพระคุณเจ้า คือถึงจะเป็นราคาปกติในห้าง แต่ในมหาลัยควรจะถูกกว่านี้น่ะค่ะ ในความคิดเรา
ที่ม.จะมีห้องสมุด ค่อนข้างใหญ่อยู่ค่ะ มีโซฟา มีโต๊ะ เก้าอี้ มีเครื่องคอม ไว้ให้เด็กมานั่งทำงาน มานั่งคุยงานกัน จะมีห้องmeetingเล็กๆ นั่งได้ประมาณ5คนให้ประมาณ 5 ห้องค่ะ แต่ต้องจองล่วงหน้าถึงใช้ได้
ถ้านอกห้องสมุด ก็จะมีที่นั่งหน้าห้องเรียนที่ตึกใหม่ค่ะ (เป็นตึกที่เพิ่งสร้าง อยู่หน้าสุด ตึกเก่าอยู่ด้านหลังค่ะ) จะมีโซฟายาวๆ แล้วก็มีโต๊ะเป็นแถบเลย เหมือนในร้านอาหารน่ะค่ะ
แล้วก็สำหรับเด็กบางคณะ จะมีล็อกเกอร์ให้ด้วยค่ะ เหมือนคณะเราก็มีเหมือนกัน อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะเรายังไม่ได้ล็อกเกอร์ เนื่องจากนศ.การโรงแรม จะต้องใช้ชุดหลายชุดน่ะค่ะ มีทั้งชุดนศ.ธรรมดา ชุดสูท ชุดเชฟ ชุดแม่บ้าน ชุดเด็กเสิร์ฟ เลยทำให้ต้องมีล็อกเกอร์ไว้เก็บของค่ะ แบกไม่ไหว แบกมาแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ไหน แล้วเวลาอยู่ในครัว ในร้านอาหาร เรียนทำความสะอาดห้อง ก็ไม่มีที่ให้วางของค่ะ เลยเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ต้องมีล็อกเกอร์
ส่วนเรื่องค่าเทอม ไม่ได้แพงเวอร์อย่างที่หลายๆคนคิดค่ะ ค่าเทอมโดยประมาณ คือ 50000 บาทต่อเทอม ที่นี่เรียนปีละ 3 เทอมค่ะ ตกปีละประมาณ 150000 พิเศษกว่านั้น คือที่นี่ไม่ได้เรียน4ปีค่ะ เรียน 3 ปี กับอีก 1 เทอม เท่ากับว่าทั้งหมดเรียน10เทอม ไม่แน่ใจว่าเทอมที่ฝึกงานต้องจ่ายค่าเทอมมั้ย แต่ถ้าคิดคร่าวๆ 50000 คูณ 10เทอม ทั้งหมดทุกเทอมก็ประมาณ 500000บาทค่ะ
ที่นี่ ใส่ชุดอะไรมาเรียนก็ได้ค่ะ ไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษา ยกเว้นแต่วันที่มีสอบ หรือวิชาที่อาจารย์บังคับให้ใส่ อันนั้นก็ต้องใส่มาค่ะ ที่นี่จะเรียนไปทางแบบเมืองนอกค่ะ แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ แต่ต้องตั้งใจเรียนนะคะ
ส่วนเรื่องที่พัก เนื่องจากมีนักศึกษาต่างชาติค่อนข้างเยอะ ทางม.จะมีหอของม.เองเลยค่ะ เหมือนจะมีประมาณ 2 หอ อันนี้ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้อยู่หอค่ะ มีรถรับส่งระหว่างที่ม.กับหอ ทุกๆ2ชม.ค่ะ เหมือนจะคิดคนละ50บาท เป็นรถตู้ของมหาลัยเองค่ะ
ส่วนคนที่ไม่ได้พักหอ แอร์พอร์ทลิ้งค์เป็นรถไฟที่ใกล้ม.สุดค่ะ แต่เดินไม่ถึง ทางม.มีรถรับส่งให้ทุกชั่วโมงค่ะ ไม่เสียตัง จากม.ถึงแอร์พอร์ทลิ้งใช้เวลา 5 นาทีโดยประมาณค่ะ
นอกจากรถไปแอร์พอร์ทลิ้งค์ ก็มีรถตู้ไปส่งที่ MRT ป้ายศูนย์วัฒนธรรมค่ะ อันนี้จะมีแค่ตอนเช้า ประมาณ7.30 กับตอนเย็น น่าจะเป็นช่วง16.00ค่ะ เสียตัง50บาท อันนี้เราไม่เคยนั่งเหมือนกันค่ะ
ที่นี่ รอบข้าง ไม่ใกล้ที่เที่ยว ไม่ใกล้ห้าง ไม่ใกล้ร้านเหล้า ไม่ใกล้อะไรเลยค่ะ เพราะงั้น จะเรียนดี เรียนแย่ อยู่ที่ตัวเราเองค่ะ อย่าไปโทษอย่างอื่นที่ดึงดูดใจเรา ตั้งจิตให้มั่น แล้วโฟกัสไปที่เรื่องเรียนค่ะ
เราเห็นผ่านตามาหลายกระทู้ หลายๆคนชอบถามว่า ระหว่างเอแบค ม.กรุงเทพ สแตมฟอร์ด จะเลือกที่ไหนดี ที่ไหนดีกว่ากัน อะไรประมาณนี้ เราขอไม่เปรียบเทียบดีกว่าค่ะ เพราะสิ่งที่เราสัมผัส คือที่สแตมฟอร์ดที่เดียว เราไม่เคยได้เข้าไปเรียนม.อื่น เพราะงั้น เราคงบอกไม่ได้ ว่าที่ไหนดีกว่ากัน เอาเป็นว่า เรามาแบ่งปันประสบการณ์กับข้อมูลหลายๆอย่าง ให้คนที่สนใจแล้วกันนะคะ
ทั้งหมดในมหาลัย ก็น่าจะมีประมาณนี้ นึกไม่ออกแล้วว่าจะพิมพ์อะไรอีก
ถ้าสงสัยอะไร ถามได้นะคะ น้องๆคนไหน หรือเพื่อนๆคนไหนอยากเข้า อยากสอบถาม หลังไมค์มาก็ได้ค่ะ ยินดีตอบทุกคำถามเสมอค่ะ
สุดท้ายนี้ อยากจะให้ทุกคน ได้เขามาลองสัมผัสหลายๆอย่างในมหาลัยนี้ดูค่ะ แล้วจะพบว่า มันไม่ได้แย่อย่างที่หลายคนมอง ส่วนท่านไหนที่มองม.เราดีมาโดยตลอด ก็อยากจะขอขอบคุณมากๆค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านจนจบนะคะ ภาษาอาจจะไม่ได้สวยหรู ไม่ได้เป็นทางการอะไร แต่เขียนจากประสบการณ์ และความรู้สึกจากการที่ได้สัมผัสที่นี่จริงๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ
**ไม่ได้ตรวจคำผิด ขอโทษด้วยนะคะ ^^
-----------------------------------------------------------------------------------------------------