ก่อนที่จะตั้งกระทู้นี้ ดิฉันได้ตามอ่านจากหลายๆกระทู้ ของหลายๆท่านที่ประสบปัญหากับคนข้างบ้าน (หรือคนที่เคยเป็นเพื่อนบ้านของเรา) หลายๆท่านอาจจะมองว่าเป็นปัญหาโลกแตกแก้ไขยาก และจบลงด้วยการทะเลาะเบาะแว้งและร้ายแรงที่สุดคือการฆ่ากันตาย.....ดิฉันและสามีก็ประสบปัญหากับคนข้างบ้านค่ะ บ้านที่ดิฉันอยู่เป็นทาวเฮ้าท์อายุประมาณ 30 ปี สภาพค่อนข้างเก่าแต่ก็ยังอยู่ได้ ดิฉันซื้อทาวเฮ้าท์ขอเรียกว่าบ้านนะคะ ซื้อมา 10 กว่าปี ด้วยความสามารถทางการเงินที่พอจะซื้อบ้านเป็นของตนเองได้ เลยได้บ้านในราคาไม่สูงมาก ตอนซื้อก็ไม่ได้ตัดสินใจนาน เห็นว่าถูกก็เลยซื้อเลย โดยที่ไม่ได้ดูสภาพแวดล้อมหรือเพื่อนบ้าน เพราะตอนที่ไปดูบ้านหลังนี้ ในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบ ไม่วุ่นวาย...แต่พอซื้อบ้านหลังนี้ ดิฉันได้ของแถมมาเยอะเลยค่ะ นั่นคือคนข้างบ้าน เดิมบ้านหลังนี้คนเช่าได้แบ่งน้ำประปาให้บ้านหลังนี้ใช้ คือบ้านเขาไม่ได่ขอประปาเป็นของตนเองค่ะ พอดิฉันมาซื้อ ดิฉันก็ไม่อนุญาตให้เขามาร่วมใช้น้ำประปาด้วย ผลที่ตามมาคือ เขานำผ้าใบมากั้นระหว่างลูกกรงข้างบ้าน คือประมาณไม่ต้องมองหน้ากันอีกเลย แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงแรกๆที่ดิฉันซื้อบ้านนี้ค่ะ ดิฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะอย่างไรก็ต่างคนต่างอยู่ ดิฉันต้องไปทำงานแต่เช้า และกลับมืดค่ำก็คงจะไม่ได้เจอกับเขา บางวันเขาเสียงดัง ดื่มเหล้ากัน ดิฉันกลับมาเจอก็ตัดรำคาญโดยไปนอนพักบ้านเพื่อนบ้าง และหาหูฟังมาอุดหูเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงเหล่านั้น
จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมาดิฉันได้แต่งงานกับชาวต่างชาติ เขาย้ายมาอยู่กับดิฉันที่ประเทศไทย และมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขาไม่ได้ทำงานประจำ ชีวิตส่วนใหญ่จึงอยู่กับบ้าน สิ่งที่เขาต้องพบเจอทุกวัน คือ เสียงทีวีที่ดังรบกวน คนมานั่งดื่มเหล้าพูดคุยหัวเราะเสียงดังหน้าบ้าน...เดิมเคยมีคนมาเปิดร้านเหล้าเยื้องหน้าบ้านดิฉัน ซึ่งร้านเหล้านี้เป็นร้านเหล้ายาดอง ทุกเย็นจะมีกลุ่มผู้หญิงในหมู่บ้านมาตั้งวงกินเหล้า หน้าที่รับผิดชอบในครอบครัวก็ไม่ไปทำ แถมบางคนก็อุ้มลูกมาเลี้ยงที่เพิงยาดองนี้ และส่งเสียงร้องรำทำเพลงรบกวน ดังมาถึงที่บ้านดิฉันเพราะอยู่ใกล้ ฝรั่งที่บ้าน(ขออนุญาตเรียกสามีที่บ้านว่าฝรั่งนะคะ)จึงออกไปว่า ทำไมไม่เคารพเพื่อนบ้านคนอื่น ส่งเสียงดังโวยวายไม่เกรงใจ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำด่าค่ะ ดิฉันก็โดนด่าไปด้วยที่ไม่ไปห้ามสามี คือวิ่งไปไม่ทันเขาจริงๆ เพิงร้านเหล้าเริ่มหนักข้อขึ้น เอาดนตรีมาเปิด ตั้งขายเหล้าแบบผิดกฎหมาย จนดิฉันต้องไปปรึกษาตำรวจ และสิ่งที่ได้รับกลับมา ร้านเหล้านั้นไปจ้างมาเฟียมาขู่ฆ่าดิฉัน และสามีโทษฐานที่ไปขัดขวางการทำมาหากินและบอกว่าตำรวจเขารำคาญมากที่ดิฉันโทรไปแจ้งความ ทั้งที่จริงแล้วดิฉันไม่เคยโทรเลยสักครั้ง แต่ใช้วิธีการส่งข้อความผ่านเฟซบุค มาเฟียมายืนด่าแถมมีอาวุธปืนมาด้วย แต่เมื่อดิฉันไม่ปลอดภัย ดิฉันเลยต้องหดหัวกลัวตายปล่อยให้ร้านเหล้าแห่งนี้ดำเนินต่อไป แต่อาจจะด้วยความดวงดีหรือเปล่าไม่ทราบได้ค่ะ เพิงเหล้ายาดองนี้ ย้ายไปขายที่หน้าบ้านตัวเองและไม่ส่งเสียงรบกวนดิฉันและคนละแวกนั้นอีก ความบาดหมางระหว่างบ้านดิฉันและเพิงเหล้าก็เริ่มๆจางลงไป........แต่เรื่องยังไม่จบค่ะ คนข้างบ้านดิฉันเขาเปิดบ้านตัวเองเป็นร้านขายของชำในหมู่บ้าน ภรรยาของคนข้างบ้านนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกยาดอง ไม่ต้องถามนะคะว่าสินค้าอะไรที่เธอจะขายมากที่สุด ใช่ค่ะ มันคือเครื่องดื่มประเภทแอลอกฮอล์....เธอได้ตั้งวงเหล้าหน้าบ้านตัวเอง ทีวีที่เคยเปิดเสียงดังก็ดังยิ่งขึ้นเพราะทีวีอยู่หลังบ้าน แต่เขาขายของหน้าบ้าน จึงต้องเร่งระดับเสียงให้ได้ยิน....ทุกวันฝรั่งสามีของดิฉันต้องทนฟังเสียงทีวี และทุกเย็นก็จะมีวงเหล้าตั้งอยู่หน้าบ้านแม้จะเป็นหน้าบ้านเขาแต่ก็เยื้องมาที่บ้านดิฉันด้วย มีอยู่วันนึงฝรั่งสติแตกเพราะเก็บสะสมความเครียดมานานแล้ว ดิฉันเองก็ไม่ได้ไปแจ้งความไว้เพราะก่อนหน้านั้นได้บอกเขาให้ระวังเรื่องการเปิดทีวีเสียงดัง แต่เขาบอกว่าไม่ใช่บ้านเขานะ ฝรั่งหูแว่วไปเอง แต่เอาเข้าจริงเป็นทีวีของเขาเอง ฝรั่งไม่ชอบคนพูดโกหกให้ร้ายคนอื่นอยู่แล้วผนวกกับสติแตก จึงออกไปตระโกนที่หน้าบ้านเขาด้วยอารมณ์โกรธ แปลได้ประมาณว่า ทำไมต้องโกหกให้ร้ายคนอื่นด้วย บ้านตนเองเปิดทีวีเสียงดังเอง เขาไม่คิดเลยว่าประเทศไทยที่เขาหลงใหลจะมีคนที่แย่ๆทำให้คนไทยคนอื่นๆต้องเสื่อมเสียไปด้วย แต่ด้วยท่าทางของฝรั่งคนบ้านนี้เลยคิดว่าฝรั่งจะไปทำร้ายร่างกายจึงโทรแจ้งความกับตำรวจว่าสามีดิฉันบุกรุกและด่าทอเขาให้เสื่อมเสีย ทั้งที่จริงแล้วเขาพูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาโปรตุเกส ดิฉันมั่นใจว่าคนข้างบ้านและคนละแวกนั้นฟังไม่ออกแน่นอน ดิฉันก็รอตำรวจค่ะ ไม่ได้ท้าทายนะคะ แต่อยากจะบอกเรื่องราวต่างๆให้ตำรวจได้ฟังเช่นกันว่าเป็นอย่างไร แต่ตำรวจก็ไม่มา คนข้างบ้านคู่นี้ก็เริ่มปฏิบัติการใส่ร้ายป้ายสีบอกคนในหมู่บ้านว่าฝรั่งใจดำเห็นแก่ตัว และดิฉันก็เป็นคนหยิ่งไม่คบกับใคร เป็นคนไทยเสียเปล่ากลับไม่รักคนไทยด้วยกัน เห็นผัวดีกว่าคนไทยด้วยกัน ดิฉันฟังคำเหล่านี้ด้วยความอดทน เขาบอกว่าฝรั่งใจดำ ไม่คิดที่จะปรับตัวเข้าหาคนไทย เป็นเพราะว่าเดิมหน้าบ้านดิฉันทุกคนจะชอบมาจอดรถค่ะ เพราะเราไม่มีรถ ดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มันมากเกินไปค่ะ จอดเป็นวัน บางครั้งดิฉันมีลูกค้ามารับขนม ไม่มีที่จอดรถ ลูกค้าลำบากมากค่ะ ฝรั่งเลยแปะกระดาษไว้ที่รถทุกคันว่าห้ามจอดมีลูกค้า เพราะเขาพูดไทยหรือเขียนไทยไม่ได้ค่ะ เลยโดนด่าไปดอกแรกว่าไม่มีน้ำใจ ไม่มีน้ำใจเรื่องที่สองคือ เดิมหน้าบ้านดิฉันต่ำค่ะ เวลาคนข้างบ้านล้างรถยนต์ซึ่งเขาจะล้างทุกๆ 2วัน น้ำที่ล้างรถเขาก็จะไหลมานองพื้นเต็มไปหมด เวลาดิฉันเดินเข้าบ้านรองเท้าจะดีดน้ำล้างรถเปื้นชุดทำงานตลอด บางครั้งใส่ชุดขาวของข้าราชการนี่น้ำตานองหน้าเลยนะคะ และบางครั้งน้ำขังมีถุงพลาสติกอยู่ในน้ำและเรามองไม่เห็นเพราะเรากลับบ้านค่ำมืด ดิฉันลื่นหกล้มไปคนละครั้งกับฝรั่งที่บ้านค่ะ หลังยอกกันไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ ฝรั่งทนไม่ไหวเลยเทปูนตรงถนนส่วนหน้าบ้านของดิฉันใหม่ยกให้สูงขึ้น เพื่อไม่ให้น้ำล้างรถไหลกลับมา ทีนี้พอเราล้างพื้นหน้าบ้าน น้ำจากล้างพื้นก็ไหลไปที่บ้านพวกเขาบ้าง เธอด่าประจานฝรั่งว่าสกปรกและเห็นแก่ตัว....โดยที่เราไม่เคยชี้แจงความจริงว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น....ส่วนดิฉันที่ไม่พูดจากับใคร ไม่ใช่หยิ่งนะคะ ดิฉันทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์จรรยาบรรณหนึ่งที่เราต้องยึดคือทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรีและมีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แต่ที่ดิฉันไม่ค่อยไปเสวนากับเขา เพราะดิฉันไม่ได้สนใจในประเด็นที่เขาพูดคุยกันและมีภารกิจเรื่องเรียนที่จะต้องทำงานส่งอาจารย์ และโดยส่วนตัวอยากพักผ่อนเพราะกรำงานที่ต้องใช้สมองคิดมาทั้งวัน แต่เมื่อเขาคิดและพูดมาแบบนั้น ดิฉันก็เลยได้แต่อดทน
เมื่อวานสามีดิฉันเขาหยิบมือถือมาถ่ายคลิปวีดีโอก๊วนเหล้า เขาไม่ได้มีเจตนาจะละเมิดใคร เขาเพียงแค่อยากจะให้คนอื่นๆได้ดูว่า ที่เขาพูดว่าคนพวกนี้เสียงดัง มันเสียงดังจริงๆนะ แต่เราก็โดนด่ากลับมา แต่ดิฉันจะโดนหนักหน่อยตรงที่มีการศึกษาเสียเปล่ากลับไม่ตักเตือนผัวตัวเองที่มาละเมิดคนอื่นๆแบบนี้ แต่ไอ้ที่เขาตั้งวงกินเหล้าส่งเสียงดังกันเนี่ยไม่ใช่ละเมิดคนอื่นๆเหมือนกันเหรอ และด่ามาอีกว่าสงสัยการเรียนมันคงจะไม่ได้ช่วยทำให้คิดได้หรือคิดมันแต่เรื่องอย่างว่ากับฝรั่งเลยไม่นึกรักคนไทยเหมือนกัน ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็ย้ายออกไป ....ดิฉันสะกดอารมณ์ไว้ในใจ บ้านหลังนี้ดิฉันซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงมาจากงานสุจริต แต่พวกเขาเป็นคนบ้านเช่า งานที่ดิฉันทำดิฉันยกย่องให้เกียรติทุกคน แต่วันนี้ดิฉันกลับดูถูกเหยียดหยามให้ดูต้อยต่ำลง ถามว่าระหว่างสามีกับเพื่อนร่วมชาติดิฉันจะเลือกใคร ดิฉันไม่เลือกใครหรอกค่ะ ดิฉันเลือกความถูกต้องบางครั้งสามีดิฉันเขาทำผิด ดิฉันก็ว่ากล่าวกับเขาเช่นกัน แต่พวกคุณคนข้างบ้าน คุณไม่เคยมองว่าตนเองผิดบ้างเลยเหรอ มองว่าฝรั่งควรจะต้องปรับตัว แล้วคุณเองหล่ะ ได้ทำอะไรบ้าง แค่หน้าที่พลเมืองที่ดีคุณยังไม่สามารถทำได้จนฝรั่งเขาเริ่มมองคนไทยผิดๆไป ก๊วนเหล้าก็ด่าทอดิฉันด้วยความสนุกสนานและเรื่องส่วนใหญ่ก็พุ่งไปที่เรื่องบนเตียง และเปรียบเทียบฝรั่งคนอื่นๆที่มาอยู่เมื่องไทยว่า ดีมากและไม่มีปัญหา....ดิฉันอยากถามว่า หากฝรั่งรายนั้นที่พวกคุณชื่นชมมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ คุณคิดว่าเขาจะทนพวกคุณได้หรือไม่????? .....และเมียคนข้างบ้านก็พูดดังๆให้ได้ยินว่า จะหาฉากหนาทึบมากั้นหลังบ้านจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงกัน....สามีดิฉันเขาเลยพูดมาคำนึงหลังจากที่ดิฉันแปลให้เขาฟังว่า....แปลว่าบ้านนี้เขาไม่คิดที่จะระวังเรื่องการใช้เสียงแบบที่บ้านคนอื่นๆทำแต่คิดแค่หาทางปิดเสียงดังที่เขาทำอยู่ทุกวัน ใช่ไหม........และหากเขาปิดด้านหลังบ้านของเราๆจะไม่มีอากาศถ่ายเทและไม่มีแสงแดดเลย....
..ดิฉันไม่อยากจะเปิดปากพูดบอกหรือเล่าให้คนอื่นๆในละแวกบ้านได้ฟังถึงความจริงทั้งหมด....ณ ตอนนี้เราเลยกลายเป็นคนเลว ไร้น้ำใจ เห็นแก่ตัว และฝรั่งปรับตัวเข้ากับคนไทยไม่ได้ แต่ดิฉันก็ไม่ได้เศร้าอะไรมากมายนะคะ เพราะคนที่ด่าว่าเราสองคนคือก๊วนเหล้าของคนข้างบ้าน แต่ถ้าคนอื่นๆจะคิดว่าเราเป็นแบบนั้นก็คงต้องทำใจ...เพราะเราห้ามความคิดคนไม่ได้ เขาอาจจะมองเห็นแค่ด้านมืดของบ้านดิฉัน ที่ไปวุ่นวายตั้งแต่เรื่องร้านเพิงยาดองจนทำให้คนทำมาหากินสุจริต(ตรงไหน)ต้องปิดลง และมาวุ่นวายกับคนข้างบ้านนิสัยดีที่เปิดบ้านเปิดเหล้าเลี้ยงฟรีอยู่ทุกวัน....
....ดิฉันหาทางออกอยู่หลายวัน โทรปรึกษาตำรวจ(ที่ดี) ปรึกษารุ่นพี่ที่เป็นทนายความ และปรึกษาครอบครัวว่าจะเอาอย่างไรดี.....สุดท้ายเลยคิดว่าจะลองคุยกับคนข้างบ้านอีกสักครั้ง แม้ว่ามันจะไม่ได้แตกต่างอะไรกับครั้งก่อนๆ แต่มันคงทำอะไรมากมายไปกว่านี้คงไม่ได้....ที่จริงดิฉันอยากได้คนกลางมาคุย ขอให้เขาระวังเรื่องการใช้เสียง และยุติการพูดส่อเสียด เสียดสี คำหยาบ และการพูดให้ร้ายต่อกันเสียที แม้ิดฉันจะพยายามไม่เอาหูไปหาปากพวกเขา แต่บางทีมันน่ารำคาญค่ะ
แค่อยากจะหาทางอยู่ร่วมกันกับคนข้างบ้าน
จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมาดิฉันได้แต่งงานกับชาวต่างชาติ เขาย้ายมาอยู่กับดิฉันที่ประเทศไทย และมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขาไม่ได้ทำงานประจำ ชีวิตส่วนใหญ่จึงอยู่กับบ้าน สิ่งที่เขาต้องพบเจอทุกวัน คือ เสียงทีวีที่ดังรบกวน คนมานั่งดื่มเหล้าพูดคุยหัวเราะเสียงดังหน้าบ้าน...เดิมเคยมีคนมาเปิดร้านเหล้าเยื้องหน้าบ้านดิฉัน ซึ่งร้านเหล้านี้เป็นร้านเหล้ายาดอง ทุกเย็นจะมีกลุ่มผู้หญิงในหมู่บ้านมาตั้งวงกินเหล้า หน้าที่รับผิดชอบในครอบครัวก็ไม่ไปทำ แถมบางคนก็อุ้มลูกมาเลี้ยงที่เพิงยาดองนี้ และส่งเสียงร้องรำทำเพลงรบกวน ดังมาถึงที่บ้านดิฉันเพราะอยู่ใกล้ ฝรั่งที่บ้าน(ขออนุญาตเรียกสามีที่บ้านว่าฝรั่งนะคะ)จึงออกไปว่า ทำไมไม่เคารพเพื่อนบ้านคนอื่น ส่งเสียงดังโวยวายไม่เกรงใจ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำด่าค่ะ ดิฉันก็โดนด่าไปด้วยที่ไม่ไปห้ามสามี คือวิ่งไปไม่ทันเขาจริงๆ เพิงร้านเหล้าเริ่มหนักข้อขึ้น เอาดนตรีมาเปิด ตั้งขายเหล้าแบบผิดกฎหมาย จนดิฉันต้องไปปรึกษาตำรวจ และสิ่งที่ได้รับกลับมา ร้านเหล้านั้นไปจ้างมาเฟียมาขู่ฆ่าดิฉัน และสามีโทษฐานที่ไปขัดขวางการทำมาหากินและบอกว่าตำรวจเขารำคาญมากที่ดิฉันโทรไปแจ้งความ ทั้งที่จริงแล้วดิฉันไม่เคยโทรเลยสักครั้ง แต่ใช้วิธีการส่งข้อความผ่านเฟซบุค มาเฟียมายืนด่าแถมมีอาวุธปืนมาด้วย แต่เมื่อดิฉันไม่ปลอดภัย ดิฉันเลยต้องหดหัวกลัวตายปล่อยให้ร้านเหล้าแห่งนี้ดำเนินต่อไป แต่อาจจะด้วยความดวงดีหรือเปล่าไม่ทราบได้ค่ะ เพิงเหล้ายาดองนี้ ย้ายไปขายที่หน้าบ้านตัวเองและไม่ส่งเสียงรบกวนดิฉันและคนละแวกนั้นอีก ความบาดหมางระหว่างบ้านดิฉันและเพิงเหล้าก็เริ่มๆจางลงไป........แต่เรื่องยังไม่จบค่ะ คนข้างบ้านดิฉันเขาเปิดบ้านตัวเองเป็นร้านขายของชำในหมู่บ้าน ภรรยาของคนข้างบ้านนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกยาดอง ไม่ต้องถามนะคะว่าสินค้าอะไรที่เธอจะขายมากที่สุด ใช่ค่ะ มันคือเครื่องดื่มประเภทแอลอกฮอล์....เธอได้ตั้งวงเหล้าหน้าบ้านตัวเอง ทีวีที่เคยเปิดเสียงดังก็ดังยิ่งขึ้นเพราะทีวีอยู่หลังบ้าน แต่เขาขายของหน้าบ้าน จึงต้องเร่งระดับเสียงให้ได้ยิน....ทุกวันฝรั่งสามีของดิฉันต้องทนฟังเสียงทีวี และทุกเย็นก็จะมีวงเหล้าตั้งอยู่หน้าบ้านแม้จะเป็นหน้าบ้านเขาแต่ก็เยื้องมาที่บ้านดิฉันด้วย มีอยู่วันนึงฝรั่งสติแตกเพราะเก็บสะสมความเครียดมานานแล้ว ดิฉันเองก็ไม่ได้ไปแจ้งความไว้เพราะก่อนหน้านั้นได้บอกเขาให้ระวังเรื่องการเปิดทีวีเสียงดัง แต่เขาบอกว่าไม่ใช่บ้านเขานะ ฝรั่งหูแว่วไปเอง แต่เอาเข้าจริงเป็นทีวีของเขาเอง ฝรั่งไม่ชอบคนพูดโกหกให้ร้ายคนอื่นอยู่แล้วผนวกกับสติแตก จึงออกไปตระโกนที่หน้าบ้านเขาด้วยอารมณ์โกรธ แปลได้ประมาณว่า ทำไมต้องโกหกให้ร้ายคนอื่นด้วย บ้านตนเองเปิดทีวีเสียงดังเอง เขาไม่คิดเลยว่าประเทศไทยที่เขาหลงใหลจะมีคนที่แย่ๆทำให้คนไทยคนอื่นๆต้องเสื่อมเสียไปด้วย แต่ด้วยท่าทางของฝรั่งคนบ้านนี้เลยคิดว่าฝรั่งจะไปทำร้ายร่างกายจึงโทรแจ้งความกับตำรวจว่าสามีดิฉันบุกรุกและด่าทอเขาให้เสื่อมเสีย ทั้งที่จริงแล้วเขาพูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาโปรตุเกส ดิฉันมั่นใจว่าคนข้างบ้านและคนละแวกนั้นฟังไม่ออกแน่นอน ดิฉันก็รอตำรวจค่ะ ไม่ได้ท้าทายนะคะ แต่อยากจะบอกเรื่องราวต่างๆให้ตำรวจได้ฟังเช่นกันว่าเป็นอย่างไร แต่ตำรวจก็ไม่มา คนข้างบ้านคู่นี้ก็เริ่มปฏิบัติการใส่ร้ายป้ายสีบอกคนในหมู่บ้านว่าฝรั่งใจดำเห็นแก่ตัว และดิฉันก็เป็นคนหยิ่งไม่คบกับใคร เป็นคนไทยเสียเปล่ากลับไม่รักคนไทยด้วยกัน เห็นผัวดีกว่าคนไทยด้วยกัน ดิฉันฟังคำเหล่านี้ด้วยความอดทน เขาบอกว่าฝรั่งใจดำ ไม่คิดที่จะปรับตัวเข้าหาคนไทย เป็นเพราะว่าเดิมหน้าบ้านดิฉันทุกคนจะชอบมาจอดรถค่ะ เพราะเราไม่มีรถ ดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มันมากเกินไปค่ะ จอดเป็นวัน บางครั้งดิฉันมีลูกค้ามารับขนม ไม่มีที่จอดรถ ลูกค้าลำบากมากค่ะ ฝรั่งเลยแปะกระดาษไว้ที่รถทุกคันว่าห้ามจอดมีลูกค้า เพราะเขาพูดไทยหรือเขียนไทยไม่ได้ค่ะ เลยโดนด่าไปดอกแรกว่าไม่มีน้ำใจ ไม่มีน้ำใจเรื่องที่สองคือ เดิมหน้าบ้านดิฉันต่ำค่ะ เวลาคนข้างบ้านล้างรถยนต์ซึ่งเขาจะล้างทุกๆ 2วัน น้ำที่ล้างรถเขาก็จะไหลมานองพื้นเต็มไปหมด เวลาดิฉันเดินเข้าบ้านรองเท้าจะดีดน้ำล้างรถเปื้นชุดทำงานตลอด บางครั้งใส่ชุดขาวของข้าราชการนี่น้ำตานองหน้าเลยนะคะ และบางครั้งน้ำขังมีถุงพลาสติกอยู่ในน้ำและเรามองไม่เห็นเพราะเรากลับบ้านค่ำมืด ดิฉันลื่นหกล้มไปคนละครั้งกับฝรั่งที่บ้านค่ะ หลังยอกกันไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ ฝรั่งทนไม่ไหวเลยเทปูนตรงถนนส่วนหน้าบ้านของดิฉันใหม่ยกให้สูงขึ้น เพื่อไม่ให้น้ำล้างรถไหลกลับมา ทีนี้พอเราล้างพื้นหน้าบ้าน น้ำจากล้างพื้นก็ไหลไปที่บ้านพวกเขาบ้าง เธอด่าประจานฝรั่งว่าสกปรกและเห็นแก่ตัว....โดยที่เราไม่เคยชี้แจงความจริงว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น....ส่วนดิฉันที่ไม่พูดจากับใคร ไม่ใช่หยิ่งนะคะ ดิฉันทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์จรรยาบรรณหนึ่งที่เราต้องยึดคือทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรีและมีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แต่ที่ดิฉันไม่ค่อยไปเสวนากับเขา เพราะดิฉันไม่ได้สนใจในประเด็นที่เขาพูดคุยกันและมีภารกิจเรื่องเรียนที่จะต้องทำงานส่งอาจารย์ และโดยส่วนตัวอยากพักผ่อนเพราะกรำงานที่ต้องใช้สมองคิดมาทั้งวัน แต่เมื่อเขาคิดและพูดมาแบบนั้น ดิฉันก็เลยได้แต่อดทน
เมื่อวานสามีดิฉันเขาหยิบมือถือมาถ่ายคลิปวีดีโอก๊วนเหล้า เขาไม่ได้มีเจตนาจะละเมิดใคร เขาเพียงแค่อยากจะให้คนอื่นๆได้ดูว่า ที่เขาพูดว่าคนพวกนี้เสียงดัง มันเสียงดังจริงๆนะ แต่เราก็โดนด่ากลับมา แต่ดิฉันจะโดนหนักหน่อยตรงที่มีการศึกษาเสียเปล่ากลับไม่ตักเตือนผัวตัวเองที่มาละเมิดคนอื่นๆแบบนี้ แต่ไอ้ที่เขาตั้งวงกินเหล้าส่งเสียงดังกันเนี่ยไม่ใช่ละเมิดคนอื่นๆเหมือนกันเหรอ และด่ามาอีกว่าสงสัยการเรียนมันคงจะไม่ได้ช่วยทำให้คิดได้หรือคิดมันแต่เรื่องอย่างว่ากับฝรั่งเลยไม่นึกรักคนไทยเหมือนกัน ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็ย้ายออกไป ....ดิฉันสะกดอารมณ์ไว้ในใจ บ้านหลังนี้ดิฉันซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงมาจากงานสุจริต แต่พวกเขาเป็นคนบ้านเช่า งานที่ดิฉันทำดิฉันยกย่องให้เกียรติทุกคน แต่วันนี้ดิฉันกลับดูถูกเหยียดหยามให้ดูต้อยต่ำลง ถามว่าระหว่างสามีกับเพื่อนร่วมชาติดิฉันจะเลือกใคร ดิฉันไม่เลือกใครหรอกค่ะ ดิฉันเลือกความถูกต้องบางครั้งสามีดิฉันเขาทำผิด ดิฉันก็ว่ากล่าวกับเขาเช่นกัน แต่พวกคุณคนข้างบ้าน คุณไม่เคยมองว่าตนเองผิดบ้างเลยเหรอ มองว่าฝรั่งควรจะต้องปรับตัว แล้วคุณเองหล่ะ ได้ทำอะไรบ้าง แค่หน้าที่พลเมืองที่ดีคุณยังไม่สามารถทำได้จนฝรั่งเขาเริ่มมองคนไทยผิดๆไป ก๊วนเหล้าก็ด่าทอดิฉันด้วยความสนุกสนานและเรื่องส่วนใหญ่ก็พุ่งไปที่เรื่องบนเตียง และเปรียบเทียบฝรั่งคนอื่นๆที่มาอยู่เมื่องไทยว่า ดีมากและไม่มีปัญหา....ดิฉันอยากถามว่า หากฝรั่งรายนั้นที่พวกคุณชื่นชมมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ คุณคิดว่าเขาจะทนพวกคุณได้หรือไม่????? .....และเมียคนข้างบ้านก็พูดดังๆให้ได้ยินว่า จะหาฉากหนาทึบมากั้นหลังบ้านจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงกัน....สามีดิฉันเขาเลยพูดมาคำนึงหลังจากที่ดิฉันแปลให้เขาฟังว่า....แปลว่าบ้านนี้เขาไม่คิดที่จะระวังเรื่องการใช้เสียงแบบที่บ้านคนอื่นๆทำแต่คิดแค่หาทางปิดเสียงดังที่เขาทำอยู่ทุกวัน ใช่ไหม........และหากเขาปิดด้านหลังบ้านของเราๆจะไม่มีอากาศถ่ายเทและไม่มีแสงแดดเลย....
..ดิฉันไม่อยากจะเปิดปากพูดบอกหรือเล่าให้คนอื่นๆในละแวกบ้านได้ฟังถึงความจริงทั้งหมด....ณ ตอนนี้เราเลยกลายเป็นคนเลว ไร้น้ำใจ เห็นแก่ตัว และฝรั่งปรับตัวเข้ากับคนไทยไม่ได้ แต่ดิฉันก็ไม่ได้เศร้าอะไรมากมายนะคะ เพราะคนที่ด่าว่าเราสองคนคือก๊วนเหล้าของคนข้างบ้าน แต่ถ้าคนอื่นๆจะคิดว่าเราเป็นแบบนั้นก็คงต้องทำใจ...เพราะเราห้ามความคิดคนไม่ได้ เขาอาจจะมองเห็นแค่ด้านมืดของบ้านดิฉัน ที่ไปวุ่นวายตั้งแต่เรื่องร้านเพิงยาดองจนทำให้คนทำมาหากินสุจริต(ตรงไหน)ต้องปิดลง และมาวุ่นวายกับคนข้างบ้านนิสัยดีที่เปิดบ้านเปิดเหล้าเลี้ยงฟรีอยู่ทุกวัน....
....ดิฉันหาทางออกอยู่หลายวัน โทรปรึกษาตำรวจ(ที่ดี) ปรึกษารุ่นพี่ที่เป็นทนายความ และปรึกษาครอบครัวว่าจะเอาอย่างไรดี.....สุดท้ายเลยคิดว่าจะลองคุยกับคนข้างบ้านอีกสักครั้ง แม้ว่ามันจะไม่ได้แตกต่างอะไรกับครั้งก่อนๆ แต่มันคงทำอะไรมากมายไปกว่านี้คงไม่ได้....ที่จริงดิฉันอยากได้คนกลางมาคุย ขอให้เขาระวังเรื่องการใช้เสียง และยุติการพูดส่อเสียด เสียดสี คำหยาบ และการพูดให้ร้ายต่อกันเสียที แม้ิดฉันจะพยายามไม่เอาหูไปหาปากพวกเขา แต่บางทีมันน่ารำคาญค่ะ