นี่เป็นกระทู้แรกของ จขกท. ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจ้า
ทริปสุด FAIL ทัวร์ Japan 6 วัน 4 คืน Osaka-Tokyo (April 2015)
คำเตือน *** กระทู้นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ จขกท. โดยตรง เขียนขึ้นมาเพราะอยากแชร์ประสบการณ์ความเฟล โปรดใช้อารมณ์ร่วมในการอ่าน และอย่าใช้เหตุผลหรืออินจนมากเกินไป
***
วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวความ FAIL ในการไปญี่ปุ่นครั้งแรก จขกท. เดินทางกับทัวร์ เนื่องจากมีผู้สูงอายุไปด้วย 4 ชีวิต และวัยรุ่น(ตอนปลาย)อีก 3 ชีวิต ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ “ถ่ายรูปกับซากุระแล้วก็ภูเขาไฟฟูจิ”
จขกท. บอกเลยว่าทริปนี้เตรียมตัวมาเต็มที่จะถ่ายรูป ร้านอาหารอร่อยๆตามเมืองต่างๆที่ไปพักในแต่ละคืน และแพลนที่ทำเพิ่มเติมสำหรับวัน freeday
อันนี้ภาพประกอบจ้า
ใช้ประโยชน์จากมือถือสักหน่อยๆ ขีดๆเขียนๆ ดูดีพร้อมไปเที่ยว
ก่อนจะเริ่มเรื่องต้องขอขอบคุณข้อมูลที่เพื่อนๆได้แบ่งปันไว้ในพันทิพย์ ให้ผมได้เตรียมตัวแผนอันสวยงาม และคิดเข้าข้างตัวเองทุกอย่างว่า เราเตรียมความพร้อมมา PERFECT สุดๆ แต่ใครจะรู้ว่า เราจะต้องเจอกับอะไร ...
เฟลวันที่ 1 FIRST DAY OF FAILURES
เดินทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิ ไป สนามบินนาริตะ
1.1 เริ่มจากทัวร์นัดรวมที่สนามบิน 2 ทุ่ม ผมขับรถออกจากบ้านไปรับญาติที่อนุเสาวรีย์ และกำลังขึ้นทางด่วนไปสนามบินมีโทรศัพท์จากคนขายโปรแกรมทัวร์ตอน 5 โมงเย็นว่า เที่ยวบินที่จะไปมีปัญหาอาจจะต้องเลื่อนเที่ยวบิน แต่ก็ให้ไปเจอที่สนามบินรวมกับลูกทัวร์คนอื่นก่อน
เมื่อไปถึงสนามบินทราบข่าวว่าสายการบิน แคนเซิลเที่ยวบิน!!! ที่จะต้องบินตอน 23.30น. ต้องเปลี่ยนไปบินตอน 08.00น. (ทราบภายหลังว่าทางสายการบินนำเครื่องที่จะไปญี่ปุ่น ไปเสริมที่ฝรั่งเศส เนื่องจากอะไรซักอย่าง จขกท. ก็จำได้ไม่หมด) ทางสายการบินได้จัดหาที่พักให้เป็น Novotel Suvarnabhumi แต่กลับมาลงเอยที่ Miracle(อะไรซักอย่าง) สภาพห้องพักเหม็บอับเน่ากังมาก แถมมีกลิ่นบุหรี่อีก จะกลับบ้านก็ไม่ทัน
เฟลวันที่ 2 SECOND DAY OF FAILURES วันเสาร์ที่ 04 เม.ย. 58
โอซาก้า – ปราสาทโอซาก้า – เกียวโต – ปราสาทคินคะคุจิ – วัดน้ำใส – นาโกย่า
2.1 ตื่นขึ้นมายอมรับความจริงว่า แผนการเดินทางของวันนี้มัน พัง พัง พัง!! กว่าจะไปถึงแผนการเที่ยวทั้งหมดต้องถูกยกเลิก เนื่องจากเปลี่ยนเที่ยวบินมาบินเช้าแล้วถึงบ่าย และกว่าจะผ่าน ตม.อีก ทำใจยอมรับ … ตอนนั้น จขกท. อยากจะปามือถือทิ้ง แต่ก็ทำไมลง เพราะยังต้องผ่อนอีกหลายเดือน
2.2 ตอนเช้ามารอขึ้นรถบัสเพื่อไปสนามบิน ที่นั่งในรถบัสไม่เพียงพอ รถบัสนั่งได้ 40คน แต่ผู้โดยสารมีประมาณ 50คน ทำให้ จขกท. พ่อแม่และญาติ ต้องยืนบนรถบัสจากโรงแรมไปสนามบิน ซึ่ง จขกท. ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่พ่อแม่ และญาติ อายุ 60-70 แล้วต้องยืนบนรถบัส ซึ่งทำให้โกรธมาก (ไม่รู้ว่าเป็นทางสายการบินจัดรถหรือเป็นทางโรงแรมจัดรถให้ ผมว่าแย่มากครับ)
2.3 ระหว่างเดินเที่ยว ชินไซบาชิ ที่โอซาก้า จขกท. หว่านล้อมให้ครอบครัว อยากกินปูได้สำเร็จ(เพราะ จขกท. บิ้วท์ตัวเองมาจากเมืองไทย) แล้วก็ทำการถามพนักงานหน้าร้าน พนักงานตอบว่า…วันนี้ไม่รับลูกค้าจร เนื่องจากร้านถูกจองไว้หมดแล้ว ความฝันของผมในการกินปูก็ต้องจบลง
2.4 เวลา30นาที เพื่อชมสวนสาธารณะแถวๆปราสาทโอซาก้า ที่มีต้นซากุระตอนสามทุ่ม ไฟสลัวและมืดมาก
2.5 โปรแกรมคืนแรกที่วางไว้จะไปกินอาหารร้านต่างๆ โดยเฉพาะข้าวหน้าปลาไหล ได้สูญสลายลง แม้แต่ไก่ทอด ที่ปิดเที่ยงคืน ที่ๆคิดว่าถ้าอย่างอื่นไม่ทันอันนี้น่าจะทัน ก็พลาดไป [นั่งรถบัสไปถึงโรงแรมประมาณเที่ยงคืน]
เฟลวันที่ 3 THIRD DAY OF FAILURES
รถไฟด่วนชินคันเซ็น – ทะเลสาบฮามานะ – ฮาโกเน่ – ล่องเรือทะเลสาปอาชิ – หุบเขาโอวาคุดานิ
3.1 ถ้าหมอกสีขาวๆนั้นหายไปก็คงดี วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่มีแดดเลยทั้งวัน แล้วเป็นวันที่ผมต้องล่องเรือทะเลสาบอาชิ ที่เห็นแค่น้ำที่อยู่ข้างๆเรือ และขึ้นกระเช้าสู่ หุบเขาโอวาคุดานิ ก็เห็นแต่หยดน้ำที่เกาะอยู่กับตัวกระเช้า และเมื่อลงจากกระเช้าลมแรงมาก และฝนก็ตกลงมาเรื่อยๆ
3.2 อากาศไม่เต็มใจต่อไป ทำให้ไม่สามารถไปชมบ่อน้ำแร่กำมะถันที่ใช้ต้มไข่ได้ ไกด์จึงให้ไปขึ้นรถบัสและไกด์จะซื้อไข่มาให้ลองชิมกันบนรถ ได้แค่ปลอบใจกันไป
3.3 เข้าพักที่โรงแรมคืนนี้นอนเรียวกัง มากับโปรพิเศษ!! บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ไม่อั้น น่าตื้นตันใจ จากที่เฟลการกินปูของเมื่อวานนี้
แต่พอกินไปคำแรก…..อาจจะถึงขั้นผิดหวังมากกว่า เพราะเนื้อปูจืดและไม่ได้รู้สึกว่าปูมันสดแต่อย่างใด ไว้อาลัยกับการกินขาปูยักษ์
เฟลวันที่ 4 FOURTH DAY OF FAILURES
ภูเขาไฟฟูจิ – สวนสันติภาพ – โกเทมบะเอ้าท์เลท – โตเกียว – วัดอาซากุซะ – ช๊อปปิ้งถนนชินจูกุ
4.1 ห๊ะ…อะไรนะ!!! ช๊อปปิ้งโกเทมบะเอ้าท์เลท ให้เวลา 1.30 ชม. ขนาดนี้เข้าร้านเดียวลองเสื้อก็น่าจะใช้เวลาครึ่งชมแล้ว ผมเดินได้เพียงครึ่งเดียวของเอ้าท์เลทคือฝั่ง East Zone และแล้วก็ต้องทำใจลาจากโดยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ
4.2 สวนอุเอโนะ กับ วิวซากุระในฝัน เหมือนฟ้าจะจงใจให้ฝนตกลงมาเมื่อผมถึงซะงั้น และที่น่าสะพรึงมากกว่าคือ ดอกซากุระในฝันของผมก็ร่วงไปเกือบหมดแล้ว แต่ละต้นมีใบสีเขียวขึ้นมาแล้ว การถ่ายรูปกับซากุระสีขาว และชมพูบานสะพรั่งได้พังทลายลงไปกับตา
4.3 ก่อนแยกย้ายกันช๊อปปิ้งไกด์ก็ได้พาไปกินอาหารก่อนโดยบอกว่า จะพาไปกินชาบู ความรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ชาบูต้นตำหรับที่จะได้กินที่ประเทศญี่ปุ่นในค่ำนี้ … พอไปถึง จขกท. ถึงกับน้ำตาไหลพราก #ร้องไห้หนักมาก ไกด์พามากินชาบู MOMO Paradise คือกินที่ประเทศไทยก็ได้นะครับบบ (แถมโดนชาร์ตเพิ่มทุกอย่าง ถ้าจะกินน้ำอัดลม 300yen หรือจะเป็นไข่ไก่ 50yen)
4.4 ปลดปล่อยตัวเองกับการช๊อปปิ้ง เพราะไกด์ใจดีเพิ่มเวลาช๊อปปิ้งจาก 2ทุ่มครึ่งเป็น 3ทุ่ม ผมกับพี่ก็ไปช๊อปปิ้งกัน แต่ใครจะไปรู้ว่า ความเฟลงยังคงเฟลกันต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เพราะเมื่อถึงเวลานัด 3ทุ่ม จขกท. ได้ก็รีบมาขึ้นรถ เพราะรู้ว่าตนเองสายไปแล้ว 5นาที แต่บรรยากาศบนรถทำให้ผมแปลกใจเมื่อเห็นทุกคนในรถทำหน้าไม่พอใจ เลยแอบมาถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แม่บอกว่าเนี่ยลุงๆป้าๆ(ลูกทัวร์) เขามารอตั้งครึ่งชมกว่าแล้ว (เพราะเค้าจำได้ว่าไกด์บอกสองทุ่มครึ่ง) นี่ผมผิดใช่ไหม
เฟลวันที่ 5 FIFTH DAY OF FAILURES
อิสระช้อปปิ้ง (เต็มวัน)
5.1ไปตลาดปลาเพื่อไปกินซูชิ หลังจากที่เสพข้อมูลใน pantip มาเนินนาน เมื่อซูชิเข้าปาก ความสดของปลาก็อร่อยจริงไม่สามารถคัดค้านได้เลย แต่ทำไมแต่ละชิ้นที่ผมสั่ง ปลาที่โปะบนข้าวชิ้นมันเล็กและบางเหลือเกิน T^T และข้าวปั้นก้อนนึงมีขนดำๆ แถมมาให้แต่พอดึงออกมาก็โล่งใจในระดับนึงคือ ขนมันไม่หยิก น่าจะเป็นผมหรือขนธรรมดา
5.2 เมื่อไปเจอขนมราคาถูกกว่า ผมเลยเฟลอีกครั้งครับ ตอนไปเดินที่อุเอโนะโซนตลาดจะมีขายขนมเยอะ เราก็เหลือบไปเห็นขนมกองใหญ่ๆแปะป้ายราคา 900 เยน พอมองดีๆ นั่นมัน!!! ขนมที่ผมซื้อจากไกด์ที่เอามาขายบนรถ (เป็นพิทาชิโอ้ซองสามเหลี่ยมเล็กๆ) แต่บนรถบังคับว่าต้องซื้อ 3 แพค 3000เยน (แล้วก็เจอขนมอีกหลายรายการซึ่งถูกกว่าแต่เราสั่งบนรถไปเรียบร้อยแล้ว T^T )
เฟลวันที่ 6 LAST DAY OF FAILURES
สวนอูเอโนะ ( ชมซากุระ ) – ช้อปปิ้งห้างอิออน – สนามบินสุวรรณภูมิ
6.1 ดูท่าทางอากาศอยากจะให้ผมได้สัมผัสอากกาศอุณหภูมิติดลบ เพราะปกติทุกวันอากาศจะอยู่อุณหภูมิ 14-18 C แต่วันนี้โดดมาที่ 3-4 องศา แล้วรถบัสก็มาสาย ผมและลูกทัวร์ได้แต่ยืนหนาวสะท้านลมกันอยู่ประมาณ 30นาที (อุณหภูมิตอนนั้น 4 องศา แต่ real feel คือ -5 และลมแรงมาก) สงสารน้องในกรุ๊ปทัวร์ เป็นเด็กอายุประมาณ 10ขวบ เห็นยืนตัวสั่น จมูกหูแดงไปหมด
6.2 ช้อปปิ้งห้างอิออน ไม่มีอะไรให้ช้อปเลย เดินเจอแต่คนไทย และอยากจะบอกว่าให้เวลาช๊อปที่นี่ 3ชม มันมากไป(เสียงเอคโค่) ทำไมไม่ปล่อยผมไปที่อื่นนน
ใครที่เคยไปญี่ปุ่น แล้วเฟล อย่าเพิ่งน้อยใจเสียใจไปกันนะครับ เพราะผมเชื่อว่าผมนั้น เฟล กว่าหลายๆคนแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่าาา (นี่แค่บางส่วนเท่านั้น) และมั่นใจว่า ครั้งหน้าที่กลับมาญี่ปุ่นมันต้องดีกว่านี้แน่นอน หรือใครจะมาคอมเมนต์บอกว่า ผมขี้บ่น ก็มาเลยครับ ยินดีรับฟัง หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นบทเรียนให้กับเพื่อนๆนักท่องเที่ยวมือใหม่กันได้นะครับว่าอะไรๆมันก็ไม่แน่นอน แต่ที่แน่นอนก็คือ อย่าคาดหวังอะไรไว้มากจะได้ไม่เจ็บเหมือน ผม (ฮา)
จบแล้วเรื่องราวเฟลๆที่ผมได้เจอ ถึงแม้จะเป็นทริปเฟลๆ ที่เป็นการรวมตัวอย่างหนาแน่นของความเฟล แต่อย่างน้อย จขกท. ก็ดีใจได้ไปกับคนที่ผมรัก เท่านี้ก็สุขใจ อิ่มใจจริงๆ ใครที่ว่างๆ ก็อย่าลืมพาพ่อแม่ และครอบครัวกันด้วยนะครับ
ก่อนจะจบกระทู้ ผมของฝากรูป สวยๆ(มั้ง) และเรื่องดีๆที่มีอยู่ในทริปนี้บ้าง และคงต้องกราบขอบคุณเทคโนโลยีที่ย่อทั้งกล้องทั้งสมุดโน๊ตแถมมีปากกาอีก(Note4) และหลากหลายอุปกรณ์ไว้ในมือถือเพียงเครื่องๆเดียว (นี่สินะคำว่า smartphone พึ่งเข้าใจก็วันนี้
) ที่ทำให้คนถ่ายรูปไม่เก่งอย่างผม ถ่ายรูปออกมาได้สวย(มั้ง) รวมถึงการทำข้อมูลเดินทาง(ที่ไม่ได้ใช้)ด้วย T^T
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
นี่คือหน้าตาของเจ้าตัวปัญหาเราตั้งแต่เริ่มทริปนี้ = ถึงจะเป็นปัญหาแต่ก็ทำให้ถึงญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย
หลังจากหลับแล้วตื่นขึ้นมาฟ้าสวยสุดๆเลยรีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย = ถ้าไม่เลื่อนเที่ยวบินก็คงไม่เห็นฟ้าสวยๆแบบนี้
ถึงโอซาก้าแล้ว...นี่แหละโอซาก้า = ตอนนั้นไม่รู้ว่าหน้าฝน หน้าหนาวหรือหน้าร้อน แต่เทอคนนี้น่ารักครับ
ได้ไปชมซากุระตอนกลางคืนแถวๆปราสาทโอซาก้า ขาวโพลนเลยจ้า เห็นครั้งแรกน้ำตาจะไหลสวยมากจริงๆ (ประเทศเราน่าจะปลูกต้นคูณเป็นทางยาวๆบ้างนะผมว่า ผมก็ชอบดอกคูณของประเทศเราไม่แพ้ซากุระเหมือนกัน) รูปถ่ายตอน 3ทุ่มครึ่ง ขอย้ำ สามทุ่มครึ่งงงง(ลากเสียงเป็นเอคโค่) ไฟสลัวมากจ้าแต่พอกดถ่ายเท่านั้นแหละ ฟรุ้งฟริ้งเป็นบ้า ให้ตายเถอะแฟลชก็ไม่ได้เปิด ขอกราบงามๆ โน๊ต4 อีกรอบ
อันนี้ตอนมองในจอโทรศัพท์หน้านี่มืดมองไม่เห็นอะไรกันเลยทีเดียวพอกดถ่ายออกมาก็ถึงกับกรี๊ด
พูดได้เพียงสามคำ “ดอก-โอ-โม่”
อะยังไม่จบเพียงเท่านี้(มันพิมได้ไม่พอ) เดี๋ยวจะมาลงรูปสุดฟินในทริปนี้ต่อ
ครั้งแรกกับทริปสุด FAIL ทัวร์ Japan 6 วัน 4 คืน Osaka-Tokyo (April 2015)
ทริปสุด FAIL ทัวร์ Japan 6 วัน 4 คืน Osaka-Tokyo (April 2015)
คำเตือน *** กระทู้นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ จขกท. โดยตรง เขียนขึ้นมาเพราะอยากแชร์ประสบการณ์ความเฟล โปรดใช้อารมณ์ร่วมในการอ่าน และอย่าใช้เหตุผลหรืออินจนมากเกินไป ***
วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวความ FAIL ในการไปญี่ปุ่นครั้งแรก จขกท. เดินทางกับทัวร์ เนื่องจากมีผู้สูงอายุไปด้วย 4 ชีวิต และวัยรุ่น(ตอนปลาย)อีก 3 ชีวิต ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ “ถ่ายรูปกับซากุระแล้วก็ภูเขาไฟฟูจิ”
จขกท. บอกเลยว่าทริปนี้เตรียมตัวมาเต็มที่จะถ่ายรูป ร้านอาหารอร่อยๆตามเมืองต่างๆที่ไปพักในแต่ละคืน และแพลนที่ทำเพิ่มเติมสำหรับวัน freeday
อันนี้ภาพประกอบจ้า
ใช้ประโยชน์จากมือถือสักหน่อยๆ ขีดๆเขียนๆ ดูดีพร้อมไปเที่ยว
ก่อนจะเริ่มเรื่องต้องขอขอบคุณข้อมูลที่เพื่อนๆได้แบ่งปันไว้ในพันทิพย์ ให้ผมได้เตรียมตัวแผนอันสวยงาม และคิดเข้าข้างตัวเองทุกอย่างว่า เราเตรียมความพร้อมมา PERFECT สุดๆ แต่ใครจะรู้ว่า เราจะต้องเจอกับอะไร ...
เฟลวันที่ 1 FIRST DAY OF FAILURES
เดินทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิ ไป สนามบินนาริตะ
1.1 เริ่มจากทัวร์นัดรวมที่สนามบิน 2 ทุ่ม ผมขับรถออกจากบ้านไปรับญาติที่อนุเสาวรีย์ และกำลังขึ้นทางด่วนไปสนามบินมีโทรศัพท์จากคนขายโปรแกรมทัวร์ตอน 5 โมงเย็นว่า เที่ยวบินที่จะไปมีปัญหาอาจจะต้องเลื่อนเที่ยวบิน แต่ก็ให้ไปเจอที่สนามบินรวมกับลูกทัวร์คนอื่นก่อน
เมื่อไปถึงสนามบินทราบข่าวว่าสายการบิน แคนเซิลเที่ยวบิน!!! ที่จะต้องบินตอน 23.30น. ต้องเปลี่ยนไปบินตอน 08.00น. (ทราบภายหลังว่าทางสายการบินนำเครื่องที่จะไปญี่ปุ่น ไปเสริมที่ฝรั่งเศส เนื่องจากอะไรซักอย่าง จขกท. ก็จำได้ไม่หมด) ทางสายการบินได้จัดหาที่พักให้เป็น Novotel Suvarnabhumi แต่กลับมาลงเอยที่ Miracle(อะไรซักอย่าง) สภาพห้องพักเหม็บอับเน่ากังมาก แถมมีกลิ่นบุหรี่อีก จะกลับบ้านก็ไม่ทัน
เฟลวันที่ 2 SECOND DAY OF FAILURES วันเสาร์ที่ 04 เม.ย. 58
โอซาก้า – ปราสาทโอซาก้า – เกียวโต – ปราสาทคินคะคุจิ – วัดน้ำใส – นาโกย่า
2.1 ตื่นขึ้นมายอมรับความจริงว่า แผนการเดินทางของวันนี้มัน พัง พัง พัง!! กว่าจะไปถึงแผนการเที่ยวทั้งหมดต้องถูกยกเลิก เนื่องจากเปลี่ยนเที่ยวบินมาบินเช้าแล้วถึงบ่าย และกว่าจะผ่าน ตม.อีก ทำใจยอมรับ … ตอนนั้น จขกท. อยากจะปามือถือทิ้ง แต่ก็ทำไมลง เพราะยังต้องผ่อนอีกหลายเดือน
2.2 ตอนเช้ามารอขึ้นรถบัสเพื่อไปสนามบิน ที่นั่งในรถบัสไม่เพียงพอ รถบัสนั่งได้ 40คน แต่ผู้โดยสารมีประมาณ 50คน ทำให้ จขกท. พ่อแม่และญาติ ต้องยืนบนรถบัสจากโรงแรมไปสนามบิน ซึ่ง จขกท. ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่พ่อแม่ และญาติ อายุ 60-70 แล้วต้องยืนบนรถบัส ซึ่งทำให้โกรธมาก (ไม่รู้ว่าเป็นทางสายการบินจัดรถหรือเป็นทางโรงแรมจัดรถให้ ผมว่าแย่มากครับ)
2.3 ระหว่างเดินเที่ยว ชินไซบาชิ ที่โอซาก้า จขกท. หว่านล้อมให้ครอบครัว อยากกินปูได้สำเร็จ(เพราะ จขกท. บิ้วท์ตัวเองมาจากเมืองไทย) แล้วก็ทำการถามพนักงานหน้าร้าน พนักงานตอบว่า…วันนี้ไม่รับลูกค้าจร เนื่องจากร้านถูกจองไว้หมดแล้ว ความฝันของผมในการกินปูก็ต้องจบลง
2.4 เวลา30นาที เพื่อชมสวนสาธารณะแถวๆปราสาทโอซาก้า ที่มีต้นซากุระตอนสามทุ่ม ไฟสลัวและมืดมาก
2.5 โปรแกรมคืนแรกที่วางไว้จะไปกินอาหารร้านต่างๆ โดยเฉพาะข้าวหน้าปลาไหล ได้สูญสลายลง แม้แต่ไก่ทอด ที่ปิดเที่ยงคืน ที่ๆคิดว่าถ้าอย่างอื่นไม่ทันอันนี้น่าจะทัน ก็พลาดไป [นั่งรถบัสไปถึงโรงแรมประมาณเที่ยงคืน]
เฟลวันที่ 3 THIRD DAY OF FAILURES
รถไฟด่วนชินคันเซ็น – ทะเลสาบฮามานะ – ฮาโกเน่ – ล่องเรือทะเลสาปอาชิ – หุบเขาโอวาคุดานิ
3.1 ถ้าหมอกสีขาวๆนั้นหายไปก็คงดี วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่มีแดดเลยทั้งวัน แล้วเป็นวันที่ผมต้องล่องเรือทะเลสาบอาชิ ที่เห็นแค่น้ำที่อยู่ข้างๆเรือ และขึ้นกระเช้าสู่ หุบเขาโอวาคุดานิ ก็เห็นแต่หยดน้ำที่เกาะอยู่กับตัวกระเช้า และเมื่อลงจากกระเช้าลมแรงมาก และฝนก็ตกลงมาเรื่อยๆ
3.2 อากาศไม่เต็มใจต่อไป ทำให้ไม่สามารถไปชมบ่อน้ำแร่กำมะถันที่ใช้ต้มไข่ได้ ไกด์จึงให้ไปขึ้นรถบัสและไกด์จะซื้อไข่มาให้ลองชิมกันบนรถ ได้แค่ปลอบใจกันไป
3.3 เข้าพักที่โรงแรมคืนนี้นอนเรียวกัง มากับโปรพิเศษ!! บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ไม่อั้น น่าตื้นตันใจ จากที่เฟลการกินปูของเมื่อวานนี้
แต่พอกินไปคำแรก…..อาจจะถึงขั้นผิดหวังมากกว่า เพราะเนื้อปูจืดและไม่ได้รู้สึกว่าปูมันสดแต่อย่างใด ไว้อาลัยกับการกินขาปูยักษ์
เฟลวันที่ 4 FOURTH DAY OF FAILURES
ภูเขาไฟฟูจิ – สวนสันติภาพ – โกเทมบะเอ้าท์เลท – โตเกียว – วัดอาซากุซะ – ช๊อปปิ้งถนนชินจูกุ
4.1 ห๊ะ…อะไรนะ!!! ช๊อปปิ้งโกเทมบะเอ้าท์เลท ให้เวลา 1.30 ชม. ขนาดนี้เข้าร้านเดียวลองเสื้อก็น่าจะใช้เวลาครึ่งชมแล้ว ผมเดินได้เพียงครึ่งเดียวของเอ้าท์เลทคือฝั่ง East Zone และแล้วก็ต้องทำใจลาจากโดยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ
4.2 สวนอุเอโนะ กับ วิวซากุระในฝัน เหมือนฟ้าจะจงใจให้ฝนตกลงมาเมื่อผมถึงซะงั้น และที่น่าสะพรึงมากกว่าคือ ดอกซากุระในฝันของผมก็ร่วงไปเกือบหมดแล้ว แต่ละต้นมีใบสีเขียวขึ้นมาแล้ว การถ่ายรูปกับซากุระสีขาว และชมพูบานสะพรั่งได้พังทลายลงไปกับตา
4.3 ก่อนแยกย้ายกันช๊อปปิ้งไกด์ก็ได้พาไปกินอาหารก่อนโดยบอกว่า จะพาไปกินชาบู ความรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ชาบูต้นตำหรับที่จะได้กินที่ประเทศญี่ปุ่นในค่ำนี้ … พอไปถึง จขกท. ถึงกับน้ำตาไหลพราก #ร้องไห้หนักมาก ไกด์พามากินชาบู MOMO Paradise คือกินที่ประเทศไทยก็ได้นะครับบบ (แถมโดนชาร์ตเพิ่มทุกอย่าง ถ้าจะกินน้ำอัดลม 300yen หรือจะเป็นไข่ไก่ 50yen)
4.4 ปลดปล่อยตัวเองกับการช๊อปปิ้ง เพราะไกด์ใจดีเพิ่มเวลาช๊อปปิ้งจาก 2ทุ่มครึ่งเป็น 3ทุ่ม ผมกับพี่ก็ไปช๊อปปิ้งกัน แต่ใครจะไปรู้ว่า ความเฟลงยังคงเฟลกันต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เพราะเมื่อถึงเวลานัด 3ทุ่ม จขกท. ได้ก็รีบมาขึ้นรถ เพราะรู้ว่าตนเองสายไปแล้ว 5นาที แต่บรรยากาศบนรถทำให้ผมแปลกใจเมื่อเห็นทุกคนในรถทำหน้าไม่พอใจ เลยแอบมาถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แม่บอกว่าเนี่ยลุงๆป้าๆ(ลูกทัวร์) เขามารอตั้งครึ่งชมกว่าแล้ว (เพราะเค้าจำได้ว่าไกด์บอกสองทุ่มครึ่ง) นี่ผมผิดใช่ไหม
เฟลวันที่ 5 FIFTH DAY OF FAILURES
อิสระช้อปปิ้ง (เต็มวัน)
5.1ไปตลาดปลาเพื่อไปกินซูชิ หลังจากที่เสพข้อมูลใน pantip มาเนินนาน เมื่อซูชิเข้าปาก ความสดของปลาก็อร่อยจริงไม่สามารถคัดค้านได้เลย แต่ทำไมแต่ละชิ้นที่ผมสั่ง ปลาที่โปะบนข้าวชิ้นมันเล็กและบางเหลือเกิน T^T และข้าวปั้นก้อนนึงมีขนดำๆ แถมมาให้แต่พอดึงออกมาก็โล่งใจในระดับนึงคือ ขนมันไม่หยิก น่าจะเป็นผมหรือขนธรรมดา
5.2 เมื่อไปเจอขนมราคาถูกกว่า ผมเลยเฟลอีกครั้งครับ ตอนไปเดินที่อุเอโนะโซนตลาดจะมีขายขนมเยอะ เราก็เหลือบไปเห็นขนมกองใหญ่ๆแปะป้ายราคา 900 เยน พอมองดีๆ นั่นมัน!!! ขนมที่ผมซื้อจากไกด์ที่เอามาขายบนรถ (เป็นพิทาชิโอ้ซองสามเหลี่ยมเล็กๆ) แต่บนรถบังคับว่าต้องซื้อ 3 แพค 3000เยน (แล้วก็เจอขนมอีกหลายรายการซึ่งถูกกว่าแต่เราสั่งบนรถไปเรียบร้อยแล้ว T^T )
เฟลวันที่ 6 LAST DAY OF FAILURES
สวนอูเอโนะ ( ชมซากุระ ) – ช้อปปิ้งห้างอิออน – สนามบินสุวรรณภูมิ
6.1 ดูท่าทางอากาศอยากจะให้ผมได้สัมผัสอากกาศอุณหภูมิติดลบ เพราะปกติทุกวันอากาศจะอยู่อุณหภูมิ 14-18 C แต่วันนี้โดดมาที่ 3-4 องศา แล้วรถบัสก็มาสาย ผมและลูกทัวร์ได้แต่ยืนหนาวสะท้านลมกันอยู่ประมาณ 30นาที (อุณหภูมิตอนนั้น 4 องศา แต่ real feel คือ -5 และลมแรงมาก) สงสารน้องในกรุ๊ปทัวร์ เป็นเด็กอายุประมาณ 10ขวบ เห็นยืนตัวสั่น จมูกหูแดงไปหมด
6.2 ช้อปปิ้งห้างอิออน ไม่มีอะไรให้ช้อปเลย เดินเจอแต่คนไทย และอยากจะบอกว่าให้เวลาช๊อปที่นี่ 3ชม มันมากไป(เสียงเอคโค่) ทำไมไม่ปล่อยผมไปที่อื่นนน
ใครที่เคยไปญี่ปุ่น แล้วเฟล อย่าเพิ่งน้อยใจเสียใจไปกันนะครับ เพราะผมเชื่อว่าผมนั้น เฟล กว่าหลายๆคนแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่าาา (นี่แค่บางส่วนเท่านั้น) และมั่นใจว่า ครั้งหน้าที่กลับมาญี่ปุ่นมันต้องดีกว่านี้แน่นอน หรือใครจะมาคอมเมนต์บอกว่า ผมขี้บ่น ก็มาเลยครับ ยินดีรับฟัง หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นบทเรียนให้กับเพื่อนๆนักท่องเที่ยวมือใหม่กันได้นะครับว่าอะไรๆมันก็ไม่แน่นอน แต่ที่แน่นอนก็คือ อย่าคาดหวังอะไรไว้มากจะได้ไม่เจ็บเหมือน ผม (ฮา)
จบแล้วเรื่องราวเฟลๆที่ผมได้เจอ ถึงแม้จะเป็นทริปเฟลๆ ที่เป็นการรวมตัวอย่างหนาแน่นของความเฟล แต่อย่างน้อย จขกท. ก็ดีใจได้ไปกับคนที่ผมรัก เท่านี้ก็สุขใจ อิ่มใจจริงๆ ใครที่ว่างๆ ก็อย่าลืมพาพ่อแม่ และครอบครัวกันด้วยนะครับ
ก่อนจะจบกระทู้ ผมของฝากรูป สวยๆ(มั้ง) และเรื่องดีๆที่มีอยู่ในทริปนี้บ้าง และคงต้องกราบขอบคุณเทคโนโลยีที่ย่อทั้งกล้องทั้งสมุดโน๊ตแถมมีปากกาอีก(Note4) และหลากหลายอุปกรณ์ไว้ในมือถือเพียงเครื่องๆเดียว (นี่สินะคำว่า smartphone พึ่งเข้าใจก็วันนี้ ) ที่ทำให้คนถ่ายรูปไม่เก่งอย่างผม ถ่ายรูปออกมาได้สวย(มั้ง) รวมถึงการทำข้อมูลเดินทาง(ที่ไม่ได้ใช้)ด้วย T^T
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
นี่คือหน้าตาของเจ้าตัวปัญหาเราตั้งแต่เริ่มทริปนี้ = ถึงจะเป็นปัญหาแต่ก็ทำให้ถึงญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย
หลังจากหลับแล้วตื่นขึ้นมาฟ้าสวยสุดๆเลยรีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย = ถ้าไม่เลื่อนเที่ยวบินก็คงไม่เห็นฟ้าสวยๆแบบนี้
ถึงโอซาก้าแล้ว...นี่แหละโอซาก้า = ตอนนั้นไม่รู้ว่าหน้าฝน หน้าหนาวหรือหน้าร้อน แต่เทอคนนี้น่ารักครับ
ได้ไปชมซากุระตอนกลางคืนแถวๆปราสาทโอซาก้า ขาวโพลนเลยจ้า เห็นครั้งแรกน้ำตาจะไหลสวยมากจริงๆ (ประเทศเราน่าจะปลูกต้นคูณเป็นทางยาวๆบ้างนะผมว่า ผมก็ชอบดอกคูณของประเทศเราไม่แพ้ซากุระเหมือนกัน) รูปถ่ายตอน 3ทุ่มครึ่ง ขอย้ำ สามทุ่มครึ่งงงง(ลากเสียงเป็นเอคโค่) ไฟสลัวมากจ้าแต่พอกดถ่ายเท่านั้นแหละ ฟรุ้งฟริ้งเป็นบ้า ให้ตายเถอะแฟลชก็ไม่ได้เปิด ขอกราบงามๆ โน๊ต4 อีกรอบ
อันนี้ตอนมองในจอโทรศัพท์หน้านี่มืดมองไม่เห็นอะไรกันเลยทีเดียวพอกดถ่ายออกมาก็ถึงกับกรี๊ด
พูดได้เพียงสามคำ “ดอก-โอ-โม่”
อะยังไม่จบเพียงเท่านี้(มันพิมได้ไม่พอ) เดี๋ยวจะมาลงรูปสุดฟินในทริปนี้ต่อ