สวัสดีค่ะ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนจะไปฮ่องกงด้วยตัวเองนะคะ
ทริปนี้ไปกับคุณพ่อ อายุ 63 ปีค่ะ จึงต้องมองหาโรงแรมและสายการบินที่สบาย ๆ หน่อย
เลือกใช้บริการของ expedia ทีแรกว่าจะไปช่วงเดือนพ.ค. – มิ.ย. เพราะเห็นฮ่องกงแอร์ไลน์มีโปรโมชั่นราคาเริ่มต้น 5990 บาท
แต่ช่วงนั้นน่าจะเป็นหน้าฝนของฮ่องกง กลัวจะเที่ยวไม่สนุก เลยเปลี่ยนมาเป็นเดือนเมษายนแทน
เริ่มมองหาแพคเก็จตั้งแต่ช่วงวันหยุดจักรี โดยเลือกช่วงเวลาที่สะดวก และแพคเก็จที่ expedia เสนอให้ ดูรีวิวของโรงแรมใน expedia แล้วมาหาอ่านรีวิวจากเว็บอื่น ๆ อีกเยอะมาก อ่านจนเบลอเลยค่ะ โจทย์คือต้องการห้องพักที่ทำเลดีเดินทางสะดวก ห้องพักไม่แคบมาก ราคาไม่สูงเกินไป
ใช้เวลาหลายวันกับการเลือกที่พัก สุดท้ายมาได้ที่ Hotel Panorama by Rhombus อยู่ย่านจิมซาจุ่ยค่ะ
โดยแพคเก็จที่ได้มาคือ เดินทางด้วย Cathay Pacific และพักที่ Hotel Panorama 3 คืน 23 – 26 เมษายน 2558 2 คน(ไม่รวมอาหารเช้า) รวม 24,56.13 หารอยู่ที่คนละประมาณ 12,500 บาท เราคิดเอาเองว่า ค่าที่พักคืนละ 3,000 บาท ค่าตั๋วเครื่องบิน 8,000 บาท
ซึ่งเป็นราคาที่รับได้ เลยจองอันนี้เลยค่ะ ระหว่างรอการเดินทาง เราก็เปิดเว็บศึกษาวิธีการเดินทาง รีวิวร้านอาหารต่าง ๆ อย่างหนักหน่วง ส่วนใหญ่ได้ข้อมูบมาจาก pantip, hongkongfanclub, และhongkongspackage ค่ะ
วันที่ 1 เดินทาง – Hotel Panorama – Kai Kee – Avenue of Star
เดินทางด้วย CX704 เครื่องออก 12.10 ถึงฮ่องกง 15.55 น.
เครื่องเป็น Airbus A340-300 ที่นั่งเป็นแบบ 2-4-2 นั่งสบายค่ะ คุณพ่อเป็นคนตัวใหญ่แต่ไม่สูงนัก นั่งแบบสบายๆ เหลือพื้นที่ระหว่างเข่ากับเบาะหลายนิ้วค่ะ เราทำการ web check in เลือกที่นั่งทางเน็ตไปก่อน พอไปถึงเคาน์เตอร์ก็ไปแถวที่ bag drop ได้เลย รอคิวเดียว เร็วมาก เครื่องออกตรงตามเวลา สักพักหนึ่งก็มีเสิร์ฟอาหารบนเครื่องมีให้เลือก 2 อย่างคือปลาผัดผัก กับแกงหมู เราเลยเลือกมาอย่างละอันค่ะ แล้วก็มีขนมผลไม้ จบมื้อสามารถขอชาหรือกาแฟล้างปากได้
เครื่องถึงฮ่องกงตามกำหนดดีค่ะ เดินตามทางไปตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า ช่วงรอกระเป๋านานเหมือนกัน กระเป๋าของชั้น business class ออกมาก่อน ถึงจะตามด้วย economy class พอได้กระเป๋าก็จะไปหาซื้อ octopus card เดินได้แป๊บนึงหันไปมองพ่อ ปรากฏว่าพ่อกำลังก้มดูกระเป๋าเดินทางอยู่ เลยเดินเข้าไปสำรวจกระเป๋าเดินทาง ปรากฏว่าตรงล้อมันมีพลาสติกหักออกมา ทำให้ล้อด้านหนึ่งไม่สามารถเข็นได้เป็นปกติ กระเป๋าด้านหน้ามีบุบด้วย ก็เลยเดินไปที่จุดคอยบริการเรื่องปัญหากระเป๋า มันเป็นเคาน์เตอร์ใหญ่มาก เดินไปบอกเขาว่าล้อหักอ่ะ เข็นไม่ได้ เขาถามว่าพักที่ไหน พักกี่วัน กระเป๋าราคาเท่าไหร่ แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปถามใครสักคน แล้วก็หันมาบอกว่ามี 2 ทางเลือก คือให้เงินเรา 500 เหรียญฮ่องกง (เราบอกว่ากระเป๋าเรามันประมาณ 2000 บาท) แล้วให้เราไปหาซื้อกระเป๋าเอาเอง ทางเลือกที่ 2 คือ ไปเอากระเป๋าที่ของ Cathay pacific เตรียมไว้ให้ เราก็ไม่มั่นใจว่ากระเป๋าเขาเป็นยังไง แต่เขาบอกว่ากระเป๋าเขาก็ไม่ถูกนะ เราก็ปรึกษาพ่อ เนื่องจากเราต้องเดินทางต่อ ถ้ากระเป๋ามันลากไม่ได้มันก็ลำบาก เราเลยเลือกแบบไปรับกระเป๋าที่ออฟฟิศของเขาค่ะ กระเป๋าที่เขามีให้ไซส์ใหญ่กว่าใบเดิม ดูแล้วก็โอเคค่ะ เราก็เลยถ่ายของ แล้วทิ้งกระเป๋าใบเดิมไว้ที่ออฟฟิศเขา รู้สึกดีอย่างนึงว่าเขาให้เคลมกระเป๋าง่าย ไม่เรื่องมากดีจัง จากรูปใบเก่าจะมีขนาดเท่าใบฝั่งซ้ายค่ะ แต่ใบนี้ไม่ใช่ใบที่พังนะคะ ส่วนใบขวาคือกระเป๋าที่ได้จากสายการบินค่ะ
พอทำเรื่องกระเป๋าเสร็จ ก็เดินไปเคาน์เตอร์ Airport Express เพื่อซื้อบัตร octopus card ราคา 150 เหรียญ ค่ามัดจำ 50 มีมูลค่าในบัตรเหลือ 100 เราเลยเติมเงินอีกคนละ 100 เหรียญ หลังจากนั้นไปช้อป 1010 ซื้อซิมโทรศัพท์ มีแบบเดียวเลยค่ะ 118 เหรียญ แพ็คเกจอินเตอร์เน็ต 5120 MB เหลือเงินที่ใช้โทรได้ 48 เหรียญหมดอายุ 20 Oct 2015 เขาใส่ซิมตั้งค่าให้เรียบร้อยพร้อมใช้ได้เลยค่ะ
เสร็จแล้วลากกระเป๋าไปขึ้นรถเมล์ ค่ารถ 33 ลงป้ายที่ 13 แล้วเดินเข้าโรงแรมต่อประมาณ 200 – 300 เมตร โรงแรมหาไม่ยากค่ะ ปริ้นท์แผนที่จาก google map เลย ถึงโรงแรมเช็คอินที่ชั้น L เราจองเตียงคู่ ได้ชั้น 7 (ชั้นล่างสุดเลย) วิวไม่โอเคค่ะ แต่ไม่คิดมาก เพราะไม่ได้อยู่ห้องให้นั่งชมวิวเท่าไหร่ ห้องพักขนาดโอเค ไม่กว้างขวางมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด ห้องสะอาดดี ห้องน้ำขนาดดกำลังดีไม่กว้างไม่แคบ มีห้องอาบน้ำเป็นสัดส่วน ของใช้ครบค่ะ วันนึงให้น้ำ 2 ขวดเล็ก ผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าถ้าจะให้เปลี่ยนทุกวันก็เอาไปกอง ๆ ไว้ ถ้าแขวนไว้ที่ราวเหมือนเดิมแปลว่าไม่ต้องการเปลี่ยนค่ะ
ข้อดี ความกว้างกำลังดี ความสะอาดดี ทำเลดี
ข้อเสีย เราไปเจอเรื่องท่อน้ำตัน อาบน้ำแล้วน้ำขัง แต่โทรเรียก ก็มีแม่บ้านมาจัดการให้ภายใน 10 นาทีค่ะ ผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าดูเก่า ๆ นิดนึง หมอนนิ่มกัน มันยวบจนแบน เราชอบนอนตะแคง นอนไม่ได้เลย
ถึงห้องพักก็หกโมงแล้วค่ะ หาของกินตามรีวิวเลยค่ะ มื้อแรก Kai Kee สั่งก๋วยเตี๋ยวแห้งลูกชิ้น คุณพ่อสั่งบะหมี่เนื้อตุ๋น ของเรา เราว่าเขาใส่ซีอิ๊วเยอะไป มันเค็มอ่ะ ลูกชิ้นอร่อยเด้งดี ส่วนบะหมี่เนื้อตุ๋นอร่อยดี น้ำซุปกลมกล่อม มื้อนี้จ่ายไป 71 HKD
กินเสร็จก็เดินไป Avenue of star เดินหลง ๆ อ้อม ๆ นิดหน่อย กว่าจะหาเจอก็เหนื่อยเหมือนกัน เดินเล่นเรียบแม่น้ำ อากาศดี มีลม แต่ไม่เย็นมาก เจอปลาหมึกปิ้งอันขึ้นชื่อ กลิ่นหอมมาแต่ไกล จัดไปสักหน่อย 30 เหรียญ รสชาติดีค่ะ ไม่เหนียว
เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนสองทุ่มก็มีโชว์ไฟ SOL เราว่ามันน้อย ๆ อ่ะ ไฟเลเซอร์ไม่เยอะเหมือนที่เคยเห็นในรูป มีแค่บางตึกที่เล่นไฟตามเสียงเพลง เราว่าโขว์นี้เฉยมากๆ
จบแล้วก็เดินเล่นสักพักแล้วก็กลับที่พักค่ะ ขากลับเร็วกว่าขามาเยอะ ยังงงๆ ว่าเอ๊ะถึงที่พักแล้วหรอ มันก็ไม่ไกลเท่าไหร่นิ แล้วขาไปทำไมฉันหลงได้ไกลขนาดนั้น เหนื่อยๆ ได้เวลานอน แต่ก็นอนไม่หลับอ่ะ หมอนไม่ได้สเป๊ก พ่อนอนกรนครืด ๆ เรานอนไม่ได้เลย เศร้ามาก
เดี๋ยวมาต่อ วันที่ 2 ค่ะ
[CR] [CR] เที่ยวฮ่องกง 4 วัน 3 คืน กับคุณพ่อ (แบบเที่ยวด้วยตัวเอง)
ทริปนี้ไปกับคุณพ่อ อายุ 63 ปีค่ะ จึงต้องมองหาโรงแรมและสายการบินที่สบาย ๆ หน่อย
เลือกใช้บริการของ expedia ทีแรกว่าจะไปช่วงเดือนพ.ค. – มิ.ย. เพราะเห็นฮ่องกงแอร์ไลน์มีโปรโมชั่นราคาเริ่มต้น 5990 บาท
แต่ช่วงนั้นน่าจะเป็นหน้าฝนของฮ่องกง กลัวจะเที่ยวไม่สนุก เลยเปลี่ยนมาเป็นเดือนเมษายนแทน
เริ่มมองหาแพคเก็จตั้งแต่ช่วงวันหยุดจักรี โดยเลือกช่วงเวลาที่สะดวก และแพคเก็จที่ expedia เสนอให้ ดูรีวิวของโรงแรมใน expedia แล้วมาหาอ่านรีวิวจากเว็บอื่น ๆ อีกเยอะมาก อ่านจนเบลอเลยค่ะ โจทย์คือต้องการห้องพักที่ทำเลดีเดินทางสะดวก ห้องพักไม่แคบมาก ราคาไม่สูงเกินไป
ใช้เวลาหลายวันกับการเลือกที่พัก สุดท้ายมาได้ที่ Hotel Panorama by Rhombus อยู่ย่านจิมซาจุ่ยค่ะ
โดยแพคเก็จที่ได้มาคือ เดินทางด้วย Cathay Pacific และพักที่ Hotel Panorama 3 คืน 23 – 26 เมษายน 2558 2 คน(ไม่รวมอาหารเช้า) รวม 24,56.13 หารอยู่ที่คนละประมาณ 12,500 บาท เราคิดเอาเองว่า ค่าที่พักคืนละ 3,000 บาท ค่าตั๋วเครื่องบิน 8,000 บาท
ซึ่งเป็นราคาที่รับได้ เลยจองอันนี้เลยค่ะ ระหว่างรอการเดินทาง เราก็เปิดเว็บศึกษาวิธีการเดินทาง รีวิวร้านอาหารต่าง ๆ อย่างหนักหน่วง ส่วนใหญ่ได้ข้อมูบมาจาก pantip, hongkongfanclub, และhongkongspackage ค่ะ
วันที่ 1 เดินทาง – Hotel Panorama – Kai Kee – Avenue of Star
เดินทางด้วย CX704 เครื่องออก 12.10 ถึงฮ่องกง 15.55 น.
เครื่องเป็น Airbus A340-300 ที่นั่งเป็นแบบ 2-4-2 นั่งสบายค่ะ คุณพ่อเป็นคนตัวใหญ่แต่ไม่สูงนัก นั่งแบบสบายๆ เหลือพื้นที่ระหว่างเข่ากับเบาะหลายนิ้วค่ะ เราทำการ web check in เลือกที่นั่งทางเน็ตไปก่อน พอไปถึงเคาน์เตอร์ก็ไปแถวที่ bag drop ได้เลย รอคิวเดียว เร็วมาก เครื่องออกตรงตามเวลา สักพักหนึ่งก็มีเสิร์ฟอาหารบนเครื่องมีให้เลือก 2 อย่างคือปลาผัดผัก กับแกงหมู เราเลยเลือกมาอย่างละอันค่ะ แล้วก็มีขนมผลไม้ จบมื้อสามารถขอชาหรือกาแฟล้างปากได้
เครื่องถึงฮ่องกงตามกำหนดดีค่ะ เดินตามทางไปตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า ช่วงรอกระเป๋านานเหมือนกัน กระเป๋าของชั้น business class ออกมาก่อน ถึงจะตามด้วย economy class พอได้กระเป๋าก็จะไปหาซื้อ octopus card เดินได้แป๊บนึงหันไปมองพ่อ ปรากฏว่าพ่อกำลังก้มดูกระเป๋าเดินทางอยู่ เลยเดินเข้าไปสำรวจกระเป๋าเดินทาง ปรากฏว่าตรงล้อมันมีพลาสติกหักออกมา ทำให้ล้อด้านหนึ่งไม่สามารถเข็นได้เป็นปกติ กระเป๋าด้านหน้ามีบุบด้วย ก็เลยเดินไปที่จุดคอยบริการเรื่องปัญหากระเป๋า มันเป็นเคาน์เตอร์ใหญ่มาก เดินไปบอกเขาว่าล้อหักอ่ะ เข็นไม่ได้ เขาถามว่าพักที่ไหน พักกี่วัน กระเป๋าราคาเท่าไหร่ แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปถามใครสักคน แล้วก็หันมาบอกว่ามี 2 ทางเลือก คือให้เงินเรา 500 เหรียญฮ่องกง (เราบอกว่ากระเป๋าเรามันประมาณ 2000 บาท) แล้วให้เราไปหาซื้อกระเป๋าเอาเอง ทางเลือกที่ 2 คือ ไปเอากระเป๋าที่ของ Cathay pacific เตรียมไว้ให้ เราก็ไม่มั่นใจว่ากระเป๋าเขาเป็นยังไง แต่เขาบอกว่ากระเป๋าเขาก็ไม่ถูกนะ เราก็ปรึกษาพ่อ เนื่องจากเราต้องเดินทางต่อ ถ้ากระเป๋ามันลากไม่ได้มันก็ลำบาก เราเลยเลือกแบบไปรับกระเป๋าที่ออฟฟิศของเขาค่ะ กระเป๋าที่เขามีให้ไซส์ใหญ่กว่าใบเดิม ดูแล้วก็โอเคค่ะ เราก็เลยถ่ายของ แล้วทิ้งกระเป๋าใบเดิมไว้ที่ออฟฟิศเขา รู้สึกดีอย่างนึงว่าเขาให้เคลมกระเป๋าง่าย ไม่เรื่องมากดีจัง จากรูปใบเก่าจะมีขนาดเท่าใบฝั่งซ้ายค่ะ แต่ใบนี้ไม่ใช่ใบที่พังนะคะ ส่วนใบขวาคือกระเป๋าที่ได้จากสายการบินค่ะ
พอทำเรื่องกระเป๋าเสร็จ ก็เดินไปเคาน์เตอร์ Airport Express เพื่อซื้อบัตร octopus card ราคา 150 เหรียญ ค่ามัดจำ 50 มีมูลค่าในบัตรเหลือ 100 เราเลยเติมเงินอีกคนละ 100 เหรียญ หลังจากนั้นไปช้อป 1010 ซื้อซิมโทรศัพท์ มีแบบเดียวเลยค่ะ 118 เหรียญ แพ็คเกจอินเตอร์เน็ต 5120 MB เหลือเงินที่ใช้โทรได้ 48 เหรียญหมดอายุ 20 Oct 2015 เขาใส่ซิมตั้งค่าให้เรียบร้อยพร้อมใช้ได้เลยค่ะ
เสร็จแล้วลากกระเป๋าไปขึ้นรถเมล์ ค่ารถ 33 ลงป้ายที่ 13 แล้วเดินเข้าโรงแรมต่อประมาณ 200 – 300 เมตร โรงแรมหาไม่ยากค่ะ ปริ้นท์แผนที่จาก google map เลย ถึงโรงแรมเช็คอินที่ชั้น L เราจองเตียงคู่ ได้ชั้น 7 (ชั้นล่างสุดเลย) วิวไม่โอเคค่ะ แต่ไม่คิดมาก เพราะไม่ได้อยู่ห้องให้นั่งชมวิวเท่าไหร่ ห้องพักขนาดโอเค ไม่กว้างขวางมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด ห้องสะอาดดี ห้องน้ำขนาดดกำลังดีไม่กว้างไม่แคบ มีห้องอาบน้ำเป็นสัดส่วน ของใช้ครบค่ะ วันนึงให้น้ำ 2 ขวดเล็ก ผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าถ้าจะให้เปลี่ยนทุกวันก็เอาไปกอง ๆ ไว้ ถ้าแขวนไว้ที่ราวเหมือนเดิมแปลว่าไม่ต้องการเปลี่ยนค่ะ
ข้อดี ความกว้างกำลังดี ความสะอาดดี ทำเลดี
ข้อเสีย เราไปเจอเรื่องท่อน้ำตัน อาบน้ำแล้วน้ำขัง แต่โทรเรียก ก็มีแม่บ้านมาจัดการให้ภายใน 10 นาทีค่ะ ผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าดูเก่า ๆ นิดนึง หมอนนิ่มกัน มันยวบจนแบน เราชอบนอนตะแคง นอนไม่ได้เลย
ถึงห้องพักก็หกโมงแล้วค่ะ หาของกินตามรีวิวเลยค่ะ มื้อแรก Kai Kee สั่งก๋วยเตี๋ยวแห้งลูกชิ้น คุณพ่อสั่งบะหมี่เนื้อตุ๋น ของเรา เราว่าเขาใส่ซีอิ๊วเยอะไป มันเค็มอ่ะ ลูกชิ้นอร่อยเด้งดี ส่วนบะหมี่เนื้อตุ๋นอร่อยดี น้ำซุปกลมกล่อม มื้อนี้จ่ายไป 71 HKD
กินเสร็จก็เดินไป Avenue of star เดินหลง ๆ อ้อม ๆ นิดหน่อย กว่าจะหาเจอก็เหนื่อยเหมือนกัน เดินเล่นเรียบแม่น้ำ อากาศดี มีลม แต่ไม่เย็นมาก เจอปลาหมึกปิ้งอันขึ้นชื่อ กลิ่นหอมมาแต่ไกล จัดไปสักหน่อย 30 เหรียญ รสชาติดีค่ะ ไม่เหนียว
เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนสองทุ่มก็มีโชว์ไฟ SOL เราว่ามันน้อย ๆ อ่ะ ไฟเลเซอร์ไม่เยอะเหมือนที่เคยเห็นในรูป มีแค่บางตึกที่เล่นไฟตามเสียงเพลง เราว่าโขว์นี้เฉยมากๆ
จบแล้วก็เดินเล่นสักพักแล้วก็กลับที่พักค่ะ ขากลับเร็วกว่าขามาเยอะ ยังงงๆ ว่าเอ๊ะถึงที่พักแล้วหรอ มันก็ไม่ไกลเท่าไหร่นิ แล้วขาไปทำไมฉันหลงได้ไกลขนาดนั้น เหนื่อยๆ ได้เวลานอน แต่ก็นอนไม่หลับอ่ะ หมอนไม่ได้สเป๊ก พ่อนอนกรนครืด ๆ เรานอนไม่ได้เลย เศร้ามาก
เดี๋ยวมาต่อ วันที่ 2 ค่ะ