ต้นหนาวของปี 2013 ผมไปเดินเที่ยวสนามหลวง 2 ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งผมมักจะไปเดินเล่นเป็นประจำ
เนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน และมีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อหา
ทั้งต้นไม้ ของแต่งสวน หมา แมว อาหารสัตว์นานาชนิด เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของเล่นเด็กๆ อะไหล่เก่า ฯลฯ
แม้แต่รถยนต์ยังมีมาจอดขายเลยครับ เรียกได้ว่ามีทุกอย่างเท่าที่โลกมนุษย์พึงจะมีจริงๆ
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เดินดูเฉยๆครับ ไม่ค่อยได้ซื้อเท่าไหร่นักกับสินค้าต่างๆที่กล่าวมา
แต่จะหมดเงินไปกับของแต่งบ้าน และของเก่าหลากหลายรูปแบบ ที่มีพ่อค้านำมาวางขายแบบแบกะดิน
ทั้งพวกเพจเจอร์รุ่นแรกๆ โทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณ หนังสือหายากที่ร้านหนังสือเก่าขายกันเล่มละพันกว่าบาท
แต่ถ้าฟลุ๊คเจอที่นี่อาจจ่ายแค่ยี่สิบบาทก็เคยเจอมาแล้วครับ
แต่สิ่งที่ผมจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือพวกกล้องเก่าๆ เลนส์แก่ๆครับ
เพราะผมเคยได้ Isco projar lens จากที่นี่สองสามตัวในราคาไม่ถึงร้อยก็มี สองร้อยกว่าบาทก็มี
และครั้งนั้นผมไปเจอ กล้อง FUJICA MA-1 โดยบังเอิญ คนขายแปะบาร์โค๊ดเอาไว้ที่ 100 บาท
ซึ่งผมไม่คิดอะไรมากครับ แค่ซื้อมาเพื่อเอามาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากให้กับลูกชายเวลาถ่ายรูปเล่นๆเท่านั้น
แต่ยังมิวายต่อราคา ซึ่งคนขายก็ใจดี หรืออาจรำคาญก็มิอาจทราบได้ ลดให้เหลือ 80 บาทขาดตัว
FUJICA MA-1 เป็นกล้องฟิลม์ในฟอแมท 135 ติดเลนส์มาตรฐานคือ FUJINON แต่ไม่ได้ระบุระยะของเลนส์
ต้องให้ผู้ซื้อเอาไปคาดเดากันเอง เพื่อเพิ่มดีกรีความมันส์ในการใช้งาน
ตัวกล้องเป็นพลาสติกล้วนๆ แข็งแรงโคตรๆ เป็นกล้องประเภทยกเล็งแล้วถ่ายได้เลย
หมุนโฟกัสก็ไม่ได้ ปรับเอฟสต๊อปก็ไม่ได้ วัดแสงก็ไม่ได้ คือมันทำอะไรไม่ได้ ว่างั้นเหอะ!!!
ทำได้อย่างเดียวก็คือใส่ฟิลม์ เล็ง กดชัตเตอร์ แล้วก็เอาฟิลม์ออก แค่นี้เองจริงๆ
คนรุ่นเก่าไม่เรียกกล้องพวกนี้ว่ากล้องคอมแพคฟิลม์นะครับ แต่จะเรียกว่ากล้องป๊อกแป๊ก
บางท่านให้เกียรติหน่อย ก็เรียกว่ากล้องปัญญาอ่อน HA HA HA!!!
ซึ่งกล้องประเภทนี้มีขายกันเกลื่อนที่สนามหลวง2 ในราคาไม่เกินตัวละสองร้อยบาทครับ
……………
……………
ลูกชายเอาไปเล่นจนฝาหลังมันหลุดออกมา ปิดกลับไม่ได้ ก็เลยถึงแก่เวลาในการท้าพิสูจน์ครับ
คือผมอยากจะรู้ว่า เลนส์ Fujinon ของ Fujica MA-1 ตัวนี้ เมื่อถอดออกมาประกบกับ M4/3 มันจะเป็นอย่างไร
เพราะเลนส์มันปรับอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ถือซะว่าซื้อความรู้ครับ!!!
ทำการถอดเลนส์ออกมา โดยขอยืมสถานที่ถ่ายทำที่ร้านทองของน้าพีครับ
น้าพีแกยังบอกว่า แค่สายคล้องมือที่ติดกล้องมาก็หลายตังค์แล้ว คุ้มแสนคุ้ม!!!
กลับถึงบ้านจัดแจงหาท่อพีวีซีที่มีเก็บไว้มาลองเทียบดู เพื่อสร้างบอดี้ให้เลนส์
เพราะผมต้องการทดสอบภาพดูก่อนว่า ภาพที่ได้จะเป็นอย่างไร คุ้มหรือไม่ถ้าจะต้องเข้าโรงกลึงสร้างอแดปเตอร์ให้กับมัน
เมื่อสร้างอแดปเตอร์หรือบอดี้เลนส์จากท่อพีวีซีเสร็จแล้วก็ทำการทดสอบทันที
โดยผมใช้วิธีถือเลนส์ติดกับเมาท์กล้องไปเลยนะครับ เพราะยังไม่ได้ทำการยึดติดกับอแดปเตอร์ C-mount-M4/3
ลองถ่ายที่ระยะ Infinity และถ่ายระยะใกล้ด้วยการขยับเลนส์เข้าออกภายในบอดี้เลนส์ที่สร้างขึ้นครับ สนุกดี!!!
ซึ่งปัญหาเรื่องการโฟกัสสามารถแก้ไขได้ด้วยการโมดิฟายเป็นเมาท์ M39 แล้วใช้อแดปเตอร์แบบเฮลิคอยด์ครับ
……………
……………
เลนส์ตัวนี้ให้องศาการรับภาพใกล้เคียงกับระยะ 40mm ครับ แต่เอฟสต๊อปกว้างสุดเป็นเท่าไหร่ก็ยากที่จะคาดเดา
ให้ความคมเป็นอย่างไร สีสันสดสวยแค่ไหน ก็ลองชมภาพกันเอาเองนะครับ แต่ทั้งนี้ผมอาจโฟกัสหลุดไปบ้าง
เนื่องจากเป็นเพียงการทดลองเท่านั้น อย่าเพิ่งถือเป็นความบกพร่องของเลนส์นะครับ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทดลองครั้งนี้ก็คือ…ได้รู้ว่ามันถ่ายภาพได้ครับ
แค่นี้ก็เกินพอแล้ว HA HA HA HA HA!!!!!
และอีกสักสองสัปดาห็จะหาเวลาว่างไปโมดิฟายท้ายเป็น M39 เพราะมันคุ้มกับเวลาที่จะเสียไปแน่นอน
รับรองว่าจะโฟกัสได้แม่นและเข้าเป้ามากกว่านี้
ขอให้มีความสุขเสมอต้นเสมอปลายครับ!!!
FUJICA MA-1 โมดิฟายเลนส์จากกล้องป๊อกแป๊ก!!!
เนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน และมีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อหา
ทั้งต้นไม้ ของแต่งสวน หมา แมว อาหารสัตว์นานาชนิด เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของเล่นเด็กๆ อะไหล่เก่า ฯลฯ
แม้แต่รถยนต์ยังมีมาจอดขายเลยครับ เรียกได้ว่ามีทุกอย่างเท่าที่โลกมนุษย์พึงจะมีจริงๆ
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เดินดูเฉยๆครับ ไม่ค่อยได้ซื้อเท่าไหร่นักกับสินค้าต่างๆที่กล่าวมา
แต่จะหมดเงินไปกับของแต่งบ้าน และของเก่าหลากหลายรูปแบบ ที่มีพ่อค้านำมาวางขายแบบแบกะดิน
ทั้งพวกเพจเจอร์รุ่นแรกๆ โทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณ หนังสือหายากที่ร้านหนังสือเก่าขายกันเล่มละพันกว่าบาท
แต่ถ้าฟลุ๊คเจอที่นี่อาจจ่ายแค่ยี่สิบบาทก็เคยเจอมาแล้วครับ
แต่สิ่งที่ผมจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือพวกกล้องเก่าๆ เลนส์แก่ๆครับ
เพราะผมเคยได้ Isco projar lens จากที่นี่สองสามตัวในราคาไม่ถึงร้อยก็มี สองร้อยกว่าบาทก็มี
และครั้งนั้นผมไปเจอ กล้อง FUJICA MA-1 โดยบังเอิญ คนขายแปะบาร์โค๊ดเอาไว้ที่ 100 บาท
ซึ่งผมไม่คิดอะไรมากครับ แค่ซื้อมาเพื่อเอามาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากให้กับลูกชายเวลาถ่ายรูปเล่นๆเท่านั้น
แต่ยังมิวายต่อราคา ซึ่งคนขายก็ใจดี หรืออาจรำคาญก็มิอาจทราบได้ ลดให้เหลือ 80 บาทขาดตัว
FUJICA MA-1 เป็นกล้องฟิลม์ในฟอแมท 135 ติดเลนส์มาตรฐานคือ FUJINON แต่ไม่ได้ระบุระยะของเลนส์
ต้องให้ผู้ซื้อเอาไปคาดเดากันเอง เพื่อเพิ่มดีกรีความมันส์ในการใช้งาน
ตัวกล้องเป็นพลาสติกล้วนๆ แข็งแรงโคตรๆ เป็นกล้องประเภทยกเล็งแล้วถ่ายได้เลย
หมุนโฟกัสก็ไม่ได้ ปรับเอฟสต๊อปก็ไม่ได้ วัดแสงก็ไม่ได้ คือมันทำอะไรไม่ได้ ว่างั้นเหอะ!!!
ทำได้อย่างเดียวก็คือใส่ฟิลม์ เล็ง กดชัตเตอร์ แล้วก็เอาฟิลม์ออก แค่นี้เองจริงๆ
คนรุ่นเก่าไม่เรียกกล้องพวกนี้ว่ากล้องคอมแพคฟิลม์นะครับ แต่จะเรียกว่ากล้องป๊อกแป๊ก
บางท่านให้เกียรติหน่อย ก็เรียกว่ากล้องปัญญาอ่อน HA HA HA!!!
ซึ่งกล้องประเภทนี้มีขายกันเกลื่อนที่สนามหลวง2 ในราคาไม่เกินตัวละสองร้อยบาทครับ
……………
……………
ลูกชายเอาไปเล่นจนฝาหลังมันหลุดออกมา ปิดกลับไม่ได้ ก็เลยถึงแก่เวลาในการท้าพิสูจน์ครับ
คือผมอยากจะรู้ว่า เลนส์ Fujinon ของ Fujica MA-1 ตัวนี้ เมื่อถอดออกมาประกบกับ M4/3 มันจะเป็นอย่างไร
เพราะเลนส์มันปรับอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ถือซะว่าซื้อความรู้ครับ!!!
ทำการถอดเลนส์ออกมา โดยขอยืมสถานที่ถ่ายทำที่ร้านทองของน้าพีครับ
น้าพีแกยังบอกว่า แค่สายคล้องมือที่ติดกล้องมาก็หลายตังค์แล้ว คุ้มแสนคุ้ม!!!
กลับถึงบ้านจัดแจงหาท่อพีวีซีที่มีเก็บไว้มาลองเทียบดู เพื่อสร้างบอดี้ให้เลนส์
เพราะผมต้องการทดสอบภาพดูก่อนว่า ภาพที่ได้จะเป็นอย่างไร คุ้มหรือไม่ถ้าจะต้องเข้าโรงกลึงสร้างอแดปเตอร์ให้กับมัน
เมื่อสร้างอแดปเตอร์หรือบอดี้เลนส์จากท่อพีวีซีเสร็จแล้วก็ทำการทดสอบทันที
โดยผมใช้วิธีถือเลนส์ติดกับเมาท์กล้องไปเลยนะครับ เพราะยังไม่ได้ทำการยึดติดกับอแดปเตอร์ C-mount-M4/3
ลองถ่ายที่ระยะ Infinity และถ่ายระยะใกล้ด้วยการขยับเลนส์เข้าออกภายในบอดี้เลนส์ที่สร้างขึ้นครับ สนุกดี!!!
ซึ่งปัญหาเรื่องการโฟกัสสามารถแก้ไขได้ด้วยการโมดิฟายเป็นเมาท์ M39 แล้วใช้อแดปเตอร์แบบเฮลิคอยด์ครับ
……………
……………
เลนส์ตัวนี้ให้องศาการรับภาพใกล้เคียงกับระยะ 40mm ครับ แต่เอฟสต๊อปกว้างสุดเป็นเท่าไหร่ก็ยากที่จะคาดเดา
ให้ความคมเป็นอย่างไร สีสันสดสวยแค่ไหน ก็ลองชมภาพกันเอาเองนะครับ แต่ทั้งนี้ผมอาจโฟกัสหลุดไปบ้าง
เนื่องจากเป็นเพียงการทดลองเท่านั้น อย่าเพิ่งถือเป็นความบกพร่องของเลนส์นะครับ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทดลองครั้งนี้ก็คือ…ได้รู้ว่ามันถ่ายภาพได้ครับ
แค่นี้ก็เกินพอแล้ว HA HA HA HA HA!!!!!
และอีกสักสองสัปดาห็จะหาเวลาว่างไปโมดิฟายท้ายเป็น M39 เพราะมันคุ้มกับเวลาที่จะเสียไปแน่นอน
รับรองว่าจะโฟกัสได้แม่นและเข้าเป้ามากกว่านี้
ขอให้มีความสุขเสมอต้นเสมอปลายครับ!!!