สวัสดีครับเพื่อนๆสมาชิกชาวพันทิพทุกคน
กระทู้นี้กระผมอยากเล่าถึงเรื่องราวเล็กๆแต่ไม่เล็กเกี่ยวกับการเดินทางของคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตของคนขี่มอเตอร์ไซค์
แม้ว่ากฎเกณฑ์ในเรื่องของป้ายบังคับตามอุโมงค์และสะพานข้ามแยกตามบังคับมาตรา 139(1) จะยังมีผลบังคับใช้อยู่
แต่ล่าสุดนี้มีการประกาศจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการอนุโลมการให้มอเตอร์ไซค์ขึ้นสะพานข้ามแยกรัชโยธิน
ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนพฤศจิกายนเพื่อเป็นการทดลองและศึกษาความเป็นไปได้ในการอนุญาตในภายหลัง
นับได้ว่าเป็นข่าวดีของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในกรุงเทพมหานครครับ
ตัวผู้เขียนเองแม้ไม่ได้เป็นหัวหอกคนสำคัญที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงก็จริง
แต่ก็เป็นคนที่ติดตามข่าวสารและให้กำลังใจการทำงานของทีมงานมาโดยตลอดตั้งแต่จุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนครั้งนี้
จุดประสงค์ของทีมงานนั้นแม้ว่าจะไม่ได้ต้องการชื่อเสียงหรือคำขอบคุณใดๆจากสังคม
แต่ผมในฐานะคนที่ติดตามทีมงานแม้จะไม่ถึงกับเป็นคนใกล้ชิดในระดับมีอำนาจตัดสินใจ
แต่ก็ติดตามมาโดยตลอดเห็นว่าอยากนำเสนอให้สังคมได้รับรู้บ้างไม่มากก็น้อย
เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดจากการทำงานเป็นทีม การหันหน้าเข้าหากันทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์
และที่ขาดไม่ได้คือกรมขนส่งทางบก ถ้าสังคมอยากจะจดจำชื่อผู้ที่สร้างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว ...
"มันไม่ควรจะเป็นชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง” เพราะงานนี้
"สำเร็จไม่ได้ด้วยใครคนเดียวอย่างแน่นอน”
จุดเริ่มต้นของการเดินทางนั้นผู้เขียนต้องขอเกริ่นนำถึงกลุ่มมอเตอร์ไซค์กลุ่มหนึ่งที่มีสมาชิกกว่าห้าหมื่นคนใน Facebook
นั่นคือกลุ่ม ไม่ซิ่ง..ก็ซี้!! Underground
หลายคนเห็นชื่อกลุ่มนี้ มีไม่น้อยที่ได้ยินมาถึงพฤติกรรมที่สังคมตราหน้าว่า"แว๊น”
อันที่จริงกลุ่มนี้เพียงแต่มองภาพสังคมในมุมมองที่แตกต่างออกไปเพราะเราไม่ได้ตัดสินว่าใครแว๊นหรือไม่แว๊นจากราคารถ
และเราไม่เคยเห็นด้วยให้ใครให้ปิดถนนแบบอันธพาล เพียงแต่เรามี Passion ที่หลงใหลในความเร็วเหมือนกัน
นี่คือสิ่งที่สมาชิกส่วนใหญ่มีร่วมกันไม่ว่าคุณจะใช้รถรุ่นอะไร
จุดเริ่มต้นของกลุ่มนี้มาจากการรวมตัวของคนที่รักในความเร็ว ชื่นชอบการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์
เบื่อการใส่หน้ากาก หรือหัวโขนเข้าหากัน ที่นี่ทุกคนเป็นเพื่อนคุยกันได้หมด ไม่ว่าจะขับรถรุ่นใด
ไม่ว่าจะเป็น BMW S1000RR, Ducati 1199 Panigale หรือ Honda Wave 110i, Yamaha Fino
ที่นี่เราถือว่าทุกคนเท่าเทียมกันเพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้
แม้ว่ากฎเกณฑ์ภายในอาจจะเยอะไปบ้างแต่ก็เป็นไปเพื่อความเป็นระเบียบของคนห้าหมื่นคนนั่นเอง
และนี่คือการเดินทางของเรา เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นจากกรณีของพี่นเรศ Ninja 300
ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตามผู้เขียนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้ง ณ ที่นี้นะครับ
ในวันที่ 17 มีนาคม 2558 มีการนัดรวมพลสมาชิกกลุ่มที่สามารถออกมาแสดงพลังได้เพื่อแสดงความไว้อาลัยในทันที
ภายใต้การนำของคุณเฉลิมชัย พ่วงแพ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ผมขออนุญาตเรียกสั้นๆว่าพี่ชัยนะครับ
และแน่นอนว่าเราไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้ใคร
ทันทีหลังจากมีการประกาศนัดรวมพลในตอนบ่าย ...
ในคืนนั้นมีสมาชิกที่ทราบข่าวสารเข้ามารวมตัวกันกว่าสองร้อยคันเพื่อแสดงความไว้อาลัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เราเริ่มรวมพลกันที่ปั๊ม ปตท. ใหญ่ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
และออกเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ .. แต่แล้ว
เราก็ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราจึงรวมตัวกันได้แค่หน้า Central World
พี่ชัยจึงตัดสินใจเด็ดขาด เคลื่อนพลไปแสดงความไว้อาลัยที่หน้าอาคารมาลีนนท์
ซึ่งได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่
ในระหว่างนั้นนักข่าวภาคสนามที่ประจำอยู่ ณ อาคารมาลีนนท์และนักข่าวช่อง 8 ได้สัมภาษณ์พี่ชัย
ขอขอบคุณท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงท่านหนึ่งซึ่งมาดูแลความเรียบร้อยให้เรา
ขออภัยที่ผมจำชื่อท่านไม่ได้ แต่ท่านมีไมตรีจิตกับกลุ่มของเราเป็นอย่างยิ่ง
และแล้ว ... ไพ่ใบแรกของเราก็ถูกเปิดขึ้นที่นี่ผ่านทางช่อง 8 และรายการเรื่องเล่าเช้านี้
หลังจากนั้นรายการสถานีประชาชนก็ติดต่อกับพี่ชัยเพื่อออกอากาศสดในวันที่ 27 มีนาคม 2558
เราจึงเดินทางมาที่นี่เพื่ออนาคตของผู้ใช้มอเตอร์ไซค์อีกครั้ง
ในครั้งนี้พี่ชัยเดินทางมาพร้อมกับคุณภูมิวัฒน์ นุกิจ
และได้มีโอกาสพูดถึงความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายกับท่าน พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผกก.5 บก.จร.
และท่าน อ.เจษฎา อนุจารี ผู้อำนวยการสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผู้ที่ติดตามการทำงานอย่างจริงจังก็ร่วมลุ้นไปกับความคืบหน้าครั้งนี้ในทุกช่องทางที่ตนมี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในการออกอากาศครั้งนี้แม้จะยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ได้ถนัดตานักแต่เราก็ยังไม่ยอมแพ้
พี่ชัยยืนยันว่าจะเดินหน้าผลักดันเรื่องการแก้ไขกฎหมายด้วยเหตุผลที่มาจากประสบการณ์ตรง
บางครั้งก็เจอแรงเสียดทานจากนักเลงคีย์บอร์ดเป็นธรรมดาแต่เขาเหล่านั้นก็ไม่มีความหมายอะไร
และในวันที่ 10 เมษายน 2558 รายการเจาะข่าวเด่นของคุณสรยุทธ์ได้เชิญพี่ชัยมาออกสัมภาษณ์อีกครั้ง
ในประเด็นการกำหนดอายุผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ขั้นต่ำที่อายุ 30 นั้นเหมาะสมหรือไม่
โดยออกอากาศร่วมกับท่าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง บก.จร.
แต่ในครั้งนี้พี่ชัยได้ส่งไม้ผลัดไปยังพี่ฐา คุณฐาปกรณ์ ปิ่นพงศ์พันธ์ ออกอากาศร่วมกับคุณภรวิธ เศรษฐบุตร
การออกอากาศครั้งนี้แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ก็เป็นการออกอากาศครั้งแรกที่ทำให้เรารู้สึกมีความหวัง
เพราะตลอดมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต่างก็เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมาของกันและกัน
แต่ในการออกอากาศครั้งนี้เป็นบรรยากาศแห่งความหวัง
เพราะตัวแทนผู้ใช้รถจักรยานยนต์และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจหันหน้าเข้าพูดคุยกันอย่างจริงจังถึงการแก้ปัญหาร่วมกัน
ระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้รถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากกรมขนส่งทางบก
ในวันที่ 16 เมษายน 2558 พี่ฐาได้รับเกียรติจากรายการ Good Morning Thailand ช่อง Mono 29
ให้ออกสัมภาษณ์เปิดใจในฐานะของคนที่ขับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่
หลังจากนั้น ในวันที่ 17 เมษายน 2558 พี่ชัยและพี่ฐาได้รับเกียรติให้ไปออกรายการแรงชัดจัดเต็ม ช่อง Bright TV
ร่วมกับท่านสารวัตรเอก หรือ พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง บก.จร. อีกครั้ง
... และนี่คือข่าวที่ทำให้ทีมงานและผู้ที่เฝ้าติดตามพี่ชัยและพี่ฐามาหนึ่งเดือนเต็มได้โห่ร้องด้วยความยินดีกันเป็นครั้งแรก
ในคืนนั้นเราจับจ้องไปที่จอโทรทัศน์ซึ่งกำลังออกอากาศเทปบันทึกรายการที่ทำการบันทึกเมื่อช่วงตอนบ่าย
ในวันนั้นรายการออกอากาศในวันศุกร์ หลายคนที่พลาดข่าวสารจึงต้องรอทางสถานีอัพโหลดคลิปวีดิโอย้อนหลัง
ซึ่งต้องรอถึงวันอังคารที่ 21 เมษายน 2558 เราก็แชร์ข่าวสารกันทันทีที่เรารู้ว่าคลิปย้อนหลังถูกอัพโหลดเข้าสู่อินเทอร์เน็ต
และหลังจากการเฝ้ารอคอยความคืบหน้าอย่างเป็นทางการมาหลายวัน ข่าวดีข่าวนี้ก็ปรากฏขึ้นต่อสาธารณชน
รวมถึงบนหน้ากระดาน Facebook ของผู้เขียนเอง
แม้ว่าการเดินทางของเราจะยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ก็จริง แต่ก็ถือได้ว่าเราเดินทางกันมาไกลมากครับ
นอกจากความหวังเรื่องสะพานและอุโมงค์แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกรมการขนส่งทางบกก็กำลังหารือกัน
ถึงกฎหมายอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบังคับทางเดินรถจักรยานยนต์ รวมถึงระบบการออกใบอนุญาตขับขี่
ซึ่งเรายังต้องเดินต่อไปอีกไกลครับ แม้ว่าในกระทู้ของผู้เขียนจะไม่ได้พูดถึงกรมการขนส่งทางบก
แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จำเป็นต้องมีการประสานกับกรมการขนส่งทางบกอยู่แล้ว
ดังนั้นหนึ่งในบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ขาดไม่ได้คือกรมการขนส่งทางบกครับ
ขอขอบคุณบุคคลดังต่อไปนี้ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ครับ
อ.เจษฎา อนุจารี
พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ
คุณเฉลิมชัย พ่วงแพ
คุณฐาปกรณ์ ปิ่นพงศ์พันธ์
คุณภูมิวัฒน์ นุกิจ
คุณภรวิธ เศรษฐบุตร
เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านที่คอยดูแลความเรียบร้อยให้เรา ณ อาคารมาลีนนท์
เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านที่อยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกทุกท่านที่อยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
พี่เบิร์ด Ducati 1098s ตำรวจหน้า CW ที่ทำให้เราตัดสินใจเดินมายังจุดเปลี่ยน ณ อาคารมาลีนนท์ (เสียดายวันนั้นผมไม่เห็นรถพี่)
สื่อมวลชนทุกรายการที่ได้สละพื้นที่ในการสร้างสรรค์สังคม
ครอบครัวไม่ซิ่ง..ก็ซี้!! Underground ทุกคนที่ได้ร่วมแสดงพลัง คอยติดตามข่าวสาร และช่วยเป็นกำลังใจให้ทีมงานทุกคน
คนขับรถจักรยานยนต์ทุกคนที่ร่วมสละเวลาไปออกอากาศในรายการสถานีประชาชน Thai PBS
และทุกคนที่เกี่ยวข้องที่ผมไม่อาจกล่าวถึงได้หมดครับ
ปล. ไม่เอา ไม่เอา ไม่ดราม่าครับ ผมแค่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้กฎหมายจราจรเท่านั้น
ถ้าเจอกลุ่มเด็กแว๊นบนถนนทำให้คุณเดือดร้อน สมควรโทร 191 มากกว่าหยิบสมาร์ทโฟนมาถ่ายคลิปนะครับ
อีกอย่างมันไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในกระทู้ผม ขอความกรุณาอย่าผิดประเด็น
เรื่องราวการเดินทางไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของโลกผู้ใช้รถจักรยานยนต์
กระทู้นี้กระผมอยากเล่าถึงเรื่องราวเล็กๆแต่ไม่เล็กเกี่ยวกับการเดินทางของคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตของคนขี่มอเตอร์ไซค์
แม้ว่ากฎเกณฑ์ในเรื่องของป้ายบังคับตามอุโมงค์และสะพานข้ามแยกตามบังคับมาตรา 139(1) จะยังมีผลบังคับใช้อยู่
แต่ล่าสุดนี้มีการประกาศจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการอนุโลมการให้มอเตอร์ไซค์ขึ้นสะพานข้ามแยกรัชโยธิน
ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนพฤศจิกายนเพื่อเป็นการทดลองและศึกษาความเป็นไปได้ในการอนุญาตในภายหลัง
นับได้ว่าเป็นข่าวดีของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในกรุงเทพมหานครครับ
ตัวผู้เขียนเองแม้ไม่ได้เป็นหัวหอกคนสำคัญที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงก็จริง
แต่ก็เป็นคนที่ติดตามข่าวสารและให้กำลังใจการทำงานของทีมงานมาโดยตลอดตั้งแต่จุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนครั้งนี้
จุดประสงค์ของทีมงานนั้นแม้ว่าจะไม่ได้ต้องการชื่อเสียงหรือคำขอบคุณใดๆจากสังคม
แต่ผมในฐานะคนที่ติดตามทีมงานแม้จะไม่ถึงกับเป็นคนใกล้ชิดในระดับมีอำนาจตัดสินใจ
แต่ก็ติดตามมาโดยตลอดเห็นว่าอยากนำเสนอให้สังคมได้รับรู้บ้างไม่มากก็น้อย
เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดจากการทำงานเป็นทีม การหันหน้าเข้าหากันทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์
และที่ขาดไม่ได้คือกรมขนส่งทางบก ถ้าสังคมอยากจะจดจำชื่อผู้ที่สร้างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว ...
"มันไม่ควรจะเป็นชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง” เพราะงานนี้ "สำเร็จไม่ได้ด้วยใครคนเดียวอย่างแน่นอน”
จุดเริ่มต้นของการเดินทางนั้นผู้เขียนต้องขอเกริ่นนำถึงกลุ่มมอเตอร์ไซค์กลุ่มหนึ่งที่มีสมาชิกกว่าห้าหมื่นคนใน Facebook
นั่นคือกลุ่ม ไม่ซิ่ง..ก็ซี้!! Underground
หลายคนเห็นชื่อกลุ่มนี้ มีไม่น้อยที่ได้ยินมาถึงพฤติกรรมที่สังคมตราหน้าว่า"แว๊น”
อันที่จริงกลุ่มนี้เพียงแต่มองภาพสังคมในมุมมองที่แตกต่างออกไปเพราะเราไม่ได้ตัดสินว่าใครแว๊นหรือไม่แว๊นจากราคารถ
และเราไม่เคยเห็นด้วยให้ใครให้ปิดถนนแบบอันธพาล เพียงแต่เรามี Passion ที่หลงใหลในความเร็วเหมือนกัน
นี่คือสิ่งที่สมาชิกส่วนใหญ่มีร่วมกันไม่ว่าคุณจะใช้รถรุ่นอะไร
จุดเริ่มต้นของกลุ่มนี้มาจากการรวมตัวของคนที่รักในความเร็ว ชื่นชอบการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์
เบื่อการใส่หน้ากาก หรือหัวโขนเข้าหากัน ที่นี่ทุกคนเป็นเพื่อนคุยกันได้หมด ไม่ว่าจะขับรถรุ่นใด
ไม่ว่าจะเป็น BMW S1000RR, Ducati 1199 Panigale หรือ Honda Wave 110i, Yamaha Fino
ที่นี่เราถือว่าทุกคนเท่าเทียมกันเพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้
แม้ว่ากฎเกณฑ์ภายในอาจจะเยอะไปบ้างแต่ก็เป็นไปเพื่อความเป็นระเบียบของคนห้าหมื่นคนนั่นเอง
และนี่คือการเดินทางของเรา เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นจากกรณีของพี่นเรศ Ninja 300
ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตามผู้เขียนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้ง ณ ที่นี้นะครับ
ในวันที่ 17 มีนาคม 2558 มีการนัดรวมพลสมาชิกกลุ่มที่สามารถออกมาแสดงพลังได้เพื่อแสดงความไว้อาลัยในทันที
ภายใต้การนำของคุณเฉลิมชัย พ่วงแพ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ผมขออนุญาตเรียกสั้นๆว่าพี่ชัยนะครับ
และแน่นอนว่าเราไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้ใคร
ทันทีหลังจากมีการประกาศนัดรวมพลในตอนบ่าย ...
ในคืนนั้นมีสมาชิกที่ทราบข่าวสารเข้ามารวมตัวกันกว่าสองร้อยคันเพื่อแสดงความไว้อาลัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เราเริ่มรวมพลกันที่ปั๊ม ปตท. ใหญ่ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
และออกเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ .. แต่แล้ว
เราก็ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราจึงรวมตัวกันได้แค่หน้า Central World
พี่ชัยจึงตัดสินใจเด็ดขาด เคลื่อนพลไปแสดงความไว้อาลัยที่หน้าอาคารมาลีนนท์
ซึ่งได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่
ในระหว่างนั้นนักข่าวภาคสนามที่ประจำอยู่ ณ อาคารมาลีนนท์และนักข่าวช่อง 8 ได้สัมภาษณ์พี่ชัย
ขอขอบคุณท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงท่านหนึ่งซึ่งมาดูแลความเรียบร้อยให้เรา
ขออภัยที่ผมจำชื่อท่านไม่ได้ แต่ท่านมีไมตรีจิตกับกลุ่มของเราเป็นอย่างยิ่ง
และแล้ว ... ไพ่ใบแรกของเราก็ถูกเปิดขึ้นที่นี่ผ่านทางช่อง 8 และรายการเรื่องเล่าเช้านี้
หลังจากนั้นรายการสถานีประชาชนก็ติดต่อกับพี่ชัยเพื่อออกอากาศสดในวันที่ 27 มีนาคม 2558
เราจึงเดินทางมาที่นี่เพื่ออนาคตของผู้ใช้มอเตอร์ไซค์อีกครั้ง
ในครั้งนี้พี่ชัยเดินทางมาพร้อมกับคุณภูมิวัฒน์ นุกิจ
และได้มีโอกาสพูดถึงความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายกับท่าน พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผกก.5 บก.จร.
และท่าน อ.เจษฎา อนุจารี ผู้อำนวยการสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในการออกอากาศครั้งนี้แม้จะยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ได้ถนัดตานักแต่เราก็ยังไม่ยอมแพ้
พี่ชัยยืนยันว่าจะเดินหน้าผลักดันเรื่องการแก้ไขกฎหมายด้วยเหตุผลที่มาจากประสบการณ์ตรง
บางครั้งก็เจอแรงเสียดทานจากนักเลงคีย์บอร์ดเป็นธรรมดาแต่เขาเหล่านั้นก็ไม่มีความหมายอะไร
และในวันที่ 10 เมษายน 2558 รายการเจาะข่าวเด่นของคุณสรยุทธ์ได้เชิญพี่ชัยมาออกสัมภาษณ์อีกครั้ง
ในประเด็นการกำหนดอายุผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ขั้นต่ำที่อายุ 30 นั้นเหมาะสมหรือไม่
โดยออกอากาศร่วมกับท่าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง บก.จร.
แต่ในครั้งนี้พี่ชัยได้ส่งไม้ผลัดไปยังพี่ฐา คุณฐาปกรณ์ ปิ่นพงศ์พันธ์ ออกอากาศร่วมกับคุณภรวิธ เศรษฐบุตร
การออกอากาศครั้งนี้แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ก็เป็นการออกอากาศครั้งแรกที่ทำให้เรารู้สึกมีความหวัง
เพราะตลอดมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต่างก็เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมาของกันและกัน
แต่ในการออกอากาศครั้งนี้เป็นบรรยากาศแห่งความหวัง
เพราะตัวแทนผู้ใช้รถจักรยานยนต์และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจหันหน้าเข้าพูดคุยกันอย่างจริงจังถึงการแก้ปัญหาร่วมกัน
ระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้รถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากกรมขนส่งทางบก
ในวันที่ 16 เมษายน 2558 พี่ฐาได้รับเกียรติจากรายการ Good Morning Thailand ช่อง Mono 29
ให้ออกสัมภาษณ์เปิดใจในฐานะของคนที่ขับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่
หลังจากนั้น ในวันที่ 17 เมษายน 2558 พี่ชัยและพี่ฐาได้รับเกียรติให้ไปออกรายการแรงชัดจัดเต็ม ช่อง Bright TV
ร่วมกับท่านสารวัตรเอก หรือ พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง บก.จร. อีกครั้ง
... และนี่คือข่าวที่ทำให้ทีมงานและผู้ที่เฝ้าติดตามพี่ชัยและพี่ฐามาหนึ่งเดือนเต็มได้โห่ร้องด้วยความยินดีกันเป็นครั้งแรก
ในคืนนั้นเราจับจ้องไปที่จอโทรทัศน์ซึ่งกำลังออกอากาศเทปบันทึกรายการที่ทำการบันทึกเมื่อช่วงตอนบ่าย
ในวันนั้นรายการออกอากาศในวันศุกร์ หลายคนที่พลาดข่าวสารจึงต้องรอทางสถานีอัพโหลดคลิปวีดิโอย้อนหลัง
ซึ่งต้องรอถึงวันอังคารที่ 21 เมษายน 2558 เราก็แชร์ข่าวสารกันทันทีที่เรารู้ว่าคลิปย้อนหลังถูกอัพโหลดเข้าสู่อินเทอร์เน็ต
และหลังจากการเฝ้ารอคอยความคืบหน้าอย่างเป็นทางการมาหลายวัน ข่าวดีข่าวนี้ก็ปรากฏขึ้นต่อสาธารณชน
รวมถึงบนหน้ากระดาน Facebook ของผู้เขียนเอง
แม้ว่าการเดินทางของเราจะยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ก็จริง แต่ก็ถือได้ว่าเราเดินทางกันมาไกลมากครับ
นอกจากความหวังเรื่องสะพานและอุโมงค์แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกรมการขนส่งทางบกก็กำลังหารือกัน
ถึงกฎหมายอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบังคับทางเดินรถจักรยานยนต์ รวมถึงระบบการออกใบอนุญาตขับขี่
ซึ่งเรายังต้องเดินต่อไปอีกไกลครับ แม้ว่าในกระทู้ของผู้เขียนจะไม่ได้พูดถึงกรมการขนส่งทางบก
แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จำเป็นต้องมีการประสานกับกรมการขนส่งทางบกอยู่แล้ว
ดังนั้นหนึ่งในบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ขาดไม่ได้คือกรมการขนส่งทางบกครับ
ขอขอบคุณบุคคลดังต่อไปนี้ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ครับ
อ.เจษฎา อนุจารี
พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ
คุณเฉลิมชัย พ่วงแพ
คุณฐาปกรณ์ ปิ่นพงศ์พันธ์
คุณภูมิวัฒน์ นุกิจ
คุณภรวิธ เศรษฐบุตร
เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านที่คอยดูแลความเรียบร้อยให้เรา ณ อาคารมาลีนนท์
เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านที่อยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกทุกท่านที่อยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
พี่เบิร์ด Ducati 1098s ตำรวจหน้า CW ที่ทำให้เราตัดสินใจเดินมายังจุดเปลี่ยน ณ อาคารมาลีนนท์ (เสียดายวันนั้นผมไม่เห็นรถพี่)
สื่อมวลชนทุกรายการที่ได้สละพื้นที่ในการสร้างสรรค์สังคม
ครอบครัวไม่ซิ่ง..ก็ซี้!! Underground ทุกคนที่ได้ร่วมแสดงพลัง คอยติดตามข่าวสาร และช่วยเป็นกำลังใจให้ทีมงานทุกคน
คนขับรถจักรยานยนต์ทุกคนที่ร่วมสละเวลาไปออกอากาศในรายการสถานีประชาชน Thai PBS
และทุกคนที่เกี่ยวข้องที่ผมไม่อาจกล่าวถึงได้หมดครับ
ปล. ไม่เอา ไม่เอา ไม่ดราม่าครับ ผมแค่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้กฎหมายจราจรเท่านั้น
ถ้าเจอกลุ่มเด็กแว๊นบนถนนทำให้คุณเดือดร้อน สมควรโทร 191 มากกว่าหยิบสมาร์ทโฟนมาถ่ายคลิปนะครับ
อีกอย่างมันไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในกระทู้ผม ขอความกรุณาอย่าผิดประเด็น