ทำตัวให้เหมือนนินจา เพราะเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
เราก้าวเท้าลงจากรถบัสในช่วงเย็น ฝนตกปรอยๆ ทั้งวันจนน้ำเริ่มซึมเข้าไปในรองเท้าบูทยางสีเขียวคู่ใจ ที่เรายัดใส่เป้มาจากเมืองไทย
ถัดจากป้ายรถบัสเพียงไม่กี่ก้าว มีตู้โทรศัพท์ตั้งอยู่ตามที่คาซูซัง โฮสต์คนสุดท้ายในทริปญี่ปุ่นของเรา ชี้แจงไว้อย่างละเอียดยิบ เช่นเดียวกับข้อมูลอื่นๆ ที่เขาให้ไว้ในเวปไซต์ เราหยอดเหรียญโทรบอกให้เขาทราบถึงการมาถึงของเรา
"โทรหาฉัน เมื่อเธอถึงที่หมาย เดี๋ยวฉันก็คงลืม!" เขาเขียนบอกเราไว้
หลังจากวางสายไป ไม่ถึง 5นาที รถยนต์คันหนึ่งก็มาจอดที่ด้านข้างหลัง พร้อมกระพริบไฟใส่ปริบๆ 2ที
เราหันไปมอง
เขาลดหน้าต่างลง
"ซาวัดดี ซาวั๊ดดี่ค่าบบบบ" โบกมือ แล้วยิ้มให้ ชายวัยประมาณ 45 ใส่หมวกแก๊ป ใบหน้าแดงก่ำ คิ้วหนาและดกจนเกือบกลายเป็นเส้นเดียวกัน จมูกโด่งงัดขึ้นแบบประหลาดๆ แล้วทำปากประหลาดๆ ขณะพยายามพูดทักทายเราด้วยภาษาไทย
มิสเตอร์บีนชัดๆ !
(เราคิด)
คาซูซัง เป็นผู้ดูแลกิจการ fruit picking หรือการทานผลไม้แบบบุฟเฟ่ต์ (หูผึ่งกันเลยทีเดียว!) ที่เมือง Yamanashi ค่ะ เขารับWWOOFers และอาสาสมัครอื่นๆ มากว่า5 ปีแล้ว รวมกับการไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาหลายปี ตั้งแต่สมัยค่าเงินเยนไม่มีค่าต้องประหยัดสุดขีด จนถึงสมัยที่เขาสามารถซื้อรถยนต์หรูๆ ขับในอเมริกาได้ ด้วยเงินเยนจำนวนเท่าๆ กัน
"ฉันไม่ได้รวยขึ้น แต่เป็นเพราะญี่ปุ่น เนื้อหอมและมีเสถียรภาพมากขึ้นต่างหาก" คาซูซังบอก
เขาเจอคนและเผชิญโลกมามาก เลยตัดสินคน (stereotype) เป็นกลุ่มก้อนจากสถาบันที่เรียกว่า "ประเทศ" (มั้ง)
เราไม่ใช่อาสาสมัครไทยกลุ่มแรกที่มาเยี่ยมฟาร์มของเขา เมื่อเดือนที่แล้วก่อนเรามา มีนักศึกษาไทยมาอยู่ที่ฟาร์มกว่าเดือนเลย
"they were from the very top top top universities of Thailand but they caused too many problems! My migraine was increased!! and I think you are as silly as them. Are you?" ประโยคทักทายที่ 2 ถัดจาก "ซาวัดดีขั่บ" ของเขา หลังจากเราเพิ่งเอากระเป๋าใส่หลังรถ แล้วขึ้นมานั่ง
............................................................
เราเอื้อมไปดึงเข็มขัดมารัด แล้วยิ้มแห้งๆ
"แกร๊ก!"
................................................................................
(จบ) ชาวไร่มือสมัครเล่นแลกที่อยู่ที่กินที่ญี่ปุ่นสไตล์ HARVEST MOON (4)
เราก้าวเท้าลงจากรถบัสในช่วงเย็น ฝนตกปรอยๆ ทั้งวันจนน้ำเริ่มซึมเข้าไปในรองเท้าบูทยางสีเขียวคู่ใจ ที่เรายัดใส่เป้มาจากเมืองไทย
ถัดจากป้ายรถบัสเพียงไม่กี่ก้าว มีตู้โทรศัพท์ตั้งอยู่ตามที่คาซูซัง โฮสต์คนสุดท้ายในทริปญี่ปุ่นของเรา ชี้แจงไว้อย่างละเอียดยิบ เช่นเดียวกับข้อมูลอื่นๆ ที่เขาให้ไว้ในเวปไซต์ เราหยอดเหรียญโทรบอกให้เขาทราบถึงการมาถึงของเรา
"โทรหาฉัน เมื่อเธอถึงที่หมาย เดี๋ยวฉันก็คงลืม!" เขาเขียนบอกเราไว้
หลังจากวางสายไป ไม่ถึง 5นาที รถยนต์คันหนึ่งก็มาจอดที่ด้านข้างหลัง พร้อมกระพริบไฟใส่ปริบๆ 2ที
เราหันไปมอง
เขาลดหน้าต่างลง
"ซาวัดดี ซาวั๊ดดี่ค่าบบบบ" โบกมือ แล้วยิ้มให้ ชายวัยประมาณ 45 ใส่หมวกแก๊ป ใบหน้าแดงก่ำ คิ้วหนาและดกจนเกือบกลายเป็นเส้นเดียวกัน จมูกโด่งงัดขึ้นแบบประหลาดๆ แล้วทำปากประหลาดๆ ขณะพยายามพูดทักทายเราด้วยภาษาไทย
มิสเตอร์บีนชัดๆ !
(เราคิด)
คาซูซัง เป็นผู้ดูแลกิจการ fruit picking หรือการทานผลไม้แบบบุฟเฟ่ต์ (หูผึ่งกันเลยทีเดียว!) ที่เมือง Yamanashi ค่ะ เขารับWWOOFers และอาสาสมัครอื่นๆ มากว่า5 ปีแล้ว รวมกับการไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาหลายปี ตั้งแต่สมัยค่าเงินเยนไม่มีค่าต้องประหยัดสุดขีด จนถึงสมัยที่เขาสามารถซื้อรถยนต์หรูๆ ขับในอเมริกาได้ ด้วยเงินเยนจำนวนเท่าๆ กัน
"ฉันไม่ได้รวยขึ้น แต่เป็นเพราะญี่ปุ่น เนื้อหอมและมีเสถียรภาพมากขึ้นต่างหาก" คาซูซังบอก
เขาเจอคนและเผชิญโลกมามาก เลยตัดสินคน (stereotype) เป็นกลุ่มก้อนจากสถาบันที่เรียกว่า "ประเทศ" (มั้ง)
เราไม่ใช่อาสาสมัครไทยกลุ่มแรกที่มาเยี่ยมฟาร์มของเขา เมื่อเดือนที่แล้วก่อนเรามา มีนักศึกษาไทยมาอยู่ที่ฟาร์มกว่าเดือนเลย
"they were from the very top top top universities of Thailand but they caused too many problems! My migraine was increased!! and I think you are as silly as them. Are you?" ประโยคทักทายที่ 2 ถัดจาก "ซาวัดดีขั่บ" ของเขา หลังจากเราเพิ่งเอากระเป๋าใส่หลังรถ แล้วขึ้นมานั่ง
............................................................
เราเอื้อมไปดึงเข็มขัดมารัด แล้วยิ้มแห้งๆ
"แกร๊ก!"
................................................................................