สวัสดีค่ะ เพื่อนๆพันทิพย์ เราเป็นมือใหม่หัดเขียนนะค่ะ อยากแชร์ประสบการณ์การสมัครแอร์ของสายการบิน EMIRATES สายการบินในฝันของสาวหลายๆคน รวมถึงตัวเราเองด้วย... มองสายการบินนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ก็ไม่ได้ตามฝันให้เป็นจริง ทำงานออฟฟิศมาประมาณ 8 ปี จนเบื่อและเริ่มคิดว่าควรไปตามฝันของตัวเองได้แล้ว บอกเลยว่าการสมัครเอมิเรตส์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกค่ะ ลงสนามครั้งแรกกับ QATAR เมื่อตอนเดือนกันยายน 57 ที่ผ่านมาและก็ตกตั้งแต่ PRE-SCREEN เลยค่ะ หลังจากนั้นมาก็มาได้ INVITATION ของ EK ให้ไปสมัครเมื่อตอนวันที่ 11 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา แล้วก็ไม่ได้ไปค่ะ เนื่องจากที่บ้านมีปัญหานิดหน่อย จนกระทั่งไปลองสมัคร EK ที่เปิดรับ walk in เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา เหมือนเดิมค่ะตกตั้งแต่ Pre creening ตอนนั้นบอกเลยว่าแอบคิดว่า หรือตัวเองจะไม่เหมาะกับสายพวกนี้จริงๆ เพราะตกพรีสกรีนทั้งสองครั้ง แล้วก็อายุเยอะแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ 30 ละ กลับบ้านมาก็มานั่งคิดๆดู เปิดเว็บ EK เจอว่าไปรับสมัครที่กัวลาลัมเปอร์อีกละ เลยคุยกะน้องๆที่เจอกันคราวที่แล้วว่าไปดี ไม่ไปดี ลังเลอยู่พักใหญ่ จนสรุปสุดท้าย ไปดีกว่า อายุเยอะละ ถ้ารอก็มีแต่จะเสียเวลา แต่คิดว่าครั้งนี้อาจจะเป็นการสมัครครั้งสุดท้ายเพราะถ้าไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปต่างประเทศละ ก็จัดการจองตั๋ว ที่พัก พร้อมเดินทาง คราวนี้เราจองเฉพาะขาไปค่ะ ไม่ได้จองกลับไว้ กะว่าคราวนี้ถ้าตกรอบไหน ก็กลับวันนั้นแหละ เพราะจากประสบการณ์คราวก่อนติดอยู่ที่มาเลตั้ง 4 วัน คราวนี้ออกเดินทางวันที่ 3 ค่ะ เพราะวันรับสมัครคือวันที่ 4 เมษายน 2558….
แล้วเราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย........
วันที่ 3 APR 2015
นัดกับน้องที่ไปด้วยกันว่าเจอกัน 10 โมงเช้าค่ะ เพราะ Boarding ตอน 12:10 น. เดินทางด้วยสายการบิน Air Asia ค่ะ รอบนี้จัดการ CHECK IN ONLINE มาแล้วและกระเป๋าไม่ได้โหลดค่ะ (เปลือง.. ตั้งใจให้เป็นทริปประหยัด อิอิ) เลยเดินไป counter ขอใบ ตม แล้วก็เดินเข้า ตม เลย เข้าไปข้างในสนามบินก็เดินหาอะไรทานเพราะบนเครื่องไม่มีของกิน + กว่าจะไปถึงที่พักเลยจัดการให้ท้องอิ่มไว้ก่อน พอถึงเวลาก็ออกเดินทางกันเลยจ้าาา (รอบนี้ที่ไปไม่ได้บอกที่บ้านด้วย ไปแบบเงียบๆ สารภาพอีกทีก็ตอนที่อยู่ที่สนามบิน KLIA 2 ที่ KL แล้วจ้าา) วันนั้นรู้สึกเลยว่ารอบนี้คนไทยเยอะมากๆค่ะ ออกจากสนามบินปุ๊บไปติดต่อจัดการเรื่องซิมเบอร์ที่มาเล (อันนี้แนะนำนะค่ะ เพราะถ้าใครที่ใช้อินเตอร์เน็ตบวกโทรกลับไทย ซื้อซิมที่นู้นคุ้มกว่าเยอะเลยค่ะ
) ด้วยรถไฟ EXPRESS (ราคา 35 RM) ไปลงที่สถานีรถไฟ KL SENTRAL แล้วต่อด้วยรถแท็กซี่ไปที่พักค่ะ เราพักแถวๆ บูกิตบินตังค่ะ ถ้าใครสนใจไปแนะนำพักย่านนี้นะค่ะ ไปรร ที่ อีเค รับสมัครได้ไม่ยากมาก หาของกินง่าย ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ไปถึงที่พักจัดแจงรื้อกระเป๋าเสร็จก็ลงมาหาอะไรทานกับน้องที่ไปด้วยกัน แล้วก็เลยไปช๊อปปิ้งเล็กน้อยที่ SEPHORA ก่อนกลับมาพักที่ห้องตามอัธยาศัยเพื่อรอการสมัครแอร์ในวันพรุ่งนี้จ้าาาา....
วันที่ 4 APR 2015 -- OPEN DAY EVENT -- RENAISSANCE HOTEL, KUALA LUMPUR
วันนี้ตื่นมาแต่งหน้า ทำผม แต่งตัวกันแต่เช้าเลยจ้า กลัวไม่ทัน เพราะทำอะไรพวกนี้ไม่เก่งเลย เข้าขั้นสุด ไอ้ที่เค้าว่าใช้โดนัททำผมง๊ายยย ง่ายยย เรายังทำไม้ได้เลย เพราะ
1. ไม่เก่งเรื่องพวกศิลปะต่างๆ
2. ผมลื่นมากถึงมากที่สุด ชีวิตนี้ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองไม่สระผมถึง 3 วันเพื่องานนี้ ยอมจ้าาาาไม่งั้นรวบไม่อยู่จริงๆ
มาถึงนี้แล้ว ดูโมเมพาเพลินมาก็เยอะ ต้องช่วยได้น่าาาา ก็ค่อยๆบรรเลงไปเรื่อยๆ ค่อยๆเติม ค่อยๆแต่ง กับน้องอีกคนก็ช่วยกันตลอดเวลา อันนี้พอไหม? อันนี้ได้รึยัง? ตาเข้มไปไหม? คิ้วน้อยไปรึเปล่า? ผมโอเคไหม? เป็นกันยังงี้อยู่ร่วมๆ ชม. จนคิดว่าโอเคละ พร้อมลุยก็เริ่มออกเดินทางเลยจ้า ตอนแรกเจ้าของที่พักจะไปส่งที่ รร. เกรงใจค่ะเลยนั่งแท็กซี่ไปจากที่พัก สนนราคาค่าแท็กซี่อยู่ที่ประมาณ 8 RM (ราวๆ 70 กว่าบาท) ไปถึง รร.ปุ๊บก็เดินลงไปห้องที่รับสมัคร เจอเพื่อนคนนึง ตอนแรกเราเช้าใจว่าเค้าเป็นมาเล พอเริ่มคุย อ้าวคนไทยนี่น่า.. สักพักเห็นเจ้าหน้าที่มาเปิดประตูก็เลยลองไปถามๆเค้าว่าขอเข้าไปนั่งรอด้านในเลยได้ไหม เค้าก็บอกว่า ได้มั้ง ไม่ชัวร์ เอาละ ชาวไทยใจหาญกล้าบุกเข้าไปนั่งเลยจ้าาา นั่งๆไปสักพักก็จะเริ่มมีคนเดินเข้ามานั่งในห้องเรื่อยๆ เท่าที่สังเกตที่มากันเช้าๆจะเป็นคนไทย กับ เกาหลีค่ะ คนไทยพอได้ยินเราคุยๆกันก็จะเริ่มมานั่งกันใกล้ๆ คุยกันสนุกสนาน ถ่ายรูปกันด้วย จนประมาณ 9 โมงกรรมการเดินเข้ามาในห้อง มี 2 ท่านค่ะ ชื่อ Shila กะ Anna, Shila จะเป็นคนที่ดูใจดีๆหน่อย แต่ Anna นี่ทุกคนค่อนข้างจะผวานิด เพราะนางหน้าดุมว๊ากก
ตอนนั้นคนเต็มห้องเลยค่ะ ที่นั่งเต็มด้วยมีคนอื่นๆยืนออกันแถวๆประตูด้านหลัง
กรรมการเลยตัดสินใจว่าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่ม 9:00 กับกลุ่ม 11:00 โมง กลุ่ม 9:00 ก็คือคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้แล้วเรียบร้อย ส่วนใครที่ยังไม่มีที่นั่ง กรรมการให้กลับมาใหม่ต้อง 11:00 จ้า.. แล้วกรรมการก็เริ่มแจกกระดาษ Cabin พร้อมกับกระดาษครึ่ง A4 ให้เขียนรายละเอียดส่วนตัวลงไป ระหว่างนั้น กรรมการก็จะบอกค่ะว่า "เนื่องด้วยมีผู้สมัครจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเค้าจะขอรับ CV กับ รูปถ่ายเท่านั้น ไม่มีการสัมภาษณ์ สอบถามพูดคุยอะไรทั้งนั้น แต่ให้ผู้สมัครทุกคนกลับมาดูผลอีกครั้งตอน บ่าย 2 โมง" แอบคิดในใจ "เจอ 500 กว่ายังบอกว่าเยอะ ลองเจอพี่ไทยเราหน่อยไหม ได้ข่าวว่ารอบล่าสุด 5,000 คน 10 เท่านะยูว์ ฮ่าฮ่าฮ่า" และแล้วก็เริ่ม PROCESS การยื่น CV…ก็เริ่มจากหัวแถวอีกฝั่งนึง พอถึงคิวเราก็ลุกขึ้นเดินไปแบบมั่นๆ (คือขาสั่นนะ แต่สั่นสู้) เดินเข้าไป "Good Morning!" แล้วยื่นเอกสารให้กรรมการ พร้อมลงชื่อในกระดาษเอ 4 ซึ่งจะมีตัวเลขอยู่หน้าชื่อ เค้าให้จำเลขพวกนั้นไว้ เวลาประกาศจะได้หาชื่อตัวเองเจอง่ายๆ เขียนชื่อเสร็จ ก็ "Thank you…" คือจะบอกว่าพูดแค่นี้ แค่นี้เลย แล้วเอาอะไรตัดสินเราว้าาาาา ยื่นเสร็จก็เดินออกจากห้อง ในใจคิดไม่ผ่านอีกแหงๆ ไม่เห็นจะคุยอะไร แล้วจะรู้ได้งัยว่าชอบหรือไม่ชอบ ตอนนั้นยื่นเสร็จประมาณ 10 โมง จะทำอะไรล่ะ อีกตั้ง 4 ชม. ก็เลยนั่งเล่นที่ล๊อบบี้ รร พร้อมกับน้องๆอีกประมาณ 8-9 คน น่ารักทุกคนเลย สนิทกันไวมาก เหมือนรู้จักกันมานาน นั่งไปเรื่อยๆจนเกือบบ่ายสองก็ลงไปที่ห้องที่รับสมัคร ตอนนั้นทุกคนมายืนรอที่หน้าห้องกันหมด คนเยอะมาก พอบ่ายสองปุ๊บ กรรมการก็เปิดประตูพร้อมแจ้งว่าเค้าติดรายชื่อไว้สองฝั่ง แบ่งตามลำดับเลข เอาจริงตอนนั้นไม่ได้ยินหรอกว่ากรรมการพูดว่าอะไร รู้แค่ว่าถ้าใครชื่อมี ไฮไลท์เอาไว้ ให้นั่งที่เก้าอี้เพื่อทำ process ต่อไป ตอนนั้นก็เดินหาชื่อตัวเองเลยจ้าาา จำได้ว่าหมายเลข 1xx ก็มองหาใหญ่เลย เฮ้ย!!!! มีไฮไลท์ด้วยอ่ะเห็นปุ๊บ ก้อมานั่งรอที่เก้าอี้ตามที่เค้าบอก นั่งไปสักพักเริ่มบ่นกะตัวเอง "มองผิดป่าวว่ะ ถ้ามองผิดนี่อายนะมาสะเหร่อนั่งแล้วเนี่ย ไปดูอีกรอบดีกว่า เลยบอกเพื่อนขอไปดูชื่ออีกรอบนะ เผื่อดูผิด" แล้วก็ลุกไปดู "เอ๊ะ ชื่อเรา ชื่อเราจริงๆด้วยอ่ะ"
แล้วก็กลับมานั่งใจนี่ตึกๆตักๆ อยากโทรหาแฟน อยากโทรหาที่บ้าน แต่ก็รอทำโปรเซสต่อไปก่อนเลยยังไม่ได้โทร หลังจากนั้นกรรมการก็จะให้ดู slide show เกี่ยวกับชีวิตที่ดูไบ และการเป็น cabin crew ของเอมิเรตส์ ตอนที่นั้นดูไม่รู้ใครเคยเป็นบ้าง แต่เรางี้ เหมือนโดนดูดเข้าไปอยู่ในนั้น มันเป็นความรู้สึกเพ้อฝันขั้นสุด แบบเหมือนพวกเพ้อเจ้อในหนังอ่ะ ที่คิดว่าตัวเองอยู่ตรงนั้น อย่างงั้นงี้ บวกกับความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ตัวเองสามารถผ่านเข้ารอบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกตื้นตัน แน่นหน้าอกอย่าบอกไม่ถูก (ดูเว่อร์เนอะ แต่โคตรจริงเลยอ่ะ) หลังจากนั้นกรรมการจะให้เราไปดูที่กระดาษรายชื่ออีกครั้ง คราวนี้กรรมการจะเขียนเลขใหม่ เราได้เลขที่ 4x คราวนี้ตัวเลขนี้จะเป็น Ref. ของเราไปตลอดจนถึง FINAL เลยจ้าา ระหว่างนี้กรรมการให้เวลาพักประมาณ 1 ชม. แล้วให้ทุกคนกลับมาอีกครั้งเพื่อทำ 1st Group Discussion จ้าาาา
----- 1 ชม. ผ่านไป ไวเหมือนโกหก ------
กลับเข้ามาที่ conference room อีกครั้งคราวนี้กรรมการแบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มแรกที่จะทำ Group Discussion ก่อนจะเป็นเลขที่ 1-59 อีกกลุ่มจะเป็นเลขที่ 60-120 (โดยประมาณค่ะ) ซึ่งกรรมการให้รออยู่ที่หน้าห้องอีกประมาณครึ่งชม. เรามาเริ่มทำกรุ๊ปกันเลยดีกว่า...
อันดับแรก กรรมการแจกสติ๊กเกอร์พร้อมเขียนหมายเลขให้เราติดเอาไว้ที่หน้าอก ให้ห้องจะมีเก้าอี้วางอยู่เป็นวงกลม 2 วงใหญ่ๆ ให้นั่งวงละประมาณ 29-30 คน คราวนี้กรรมการจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆอีกกลุ่มละ 3-4 คน รอบแรกนี้กรรมการจะแจกบัตรคำให้กลุ่มละ 1 ใบ โดยให้ในกลุ่มปรึกษากันและคิดมาคนละ 1 ข้อ เสร็จแล้วจะให้พรีเซ็นต์ให้เพื่อนๆฟัง ซึ่ง topic ที่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาชีพ ยกตัวอย่างนะจ๊ะ Photographer ก็ให้คิดกันมาว่าอาชีพนี่ต้องมีคุณลักษณะอะไรบ้าง คิดมาเป็นคำ 1 คำพร้อมกับอธิบายว่าทำไมเราถึงคิดว่าใช้คำนี้ เช่น Creative เพราะ ช่างถ่ายภาพที่ดีและที่ดังๆจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างสรรรูปภาพที่สวยงาม อะไรประมาณนี้แหละ (งงไหมค่ะ?) เค้าให้เวลา 5 นาทีในการปรึกษา พอหมดเวลาก็เริ่มพรีเซ็นต์กันเลยจ้า.. เอาจริงๆไม่ยากนะ เราคิดว่าเค้าพยายามที่จะดูว่าเราเป็นยังไงกับเพื่อนๆในกลุ่ม การเสนอความคิดเห็น การรับฟังเพื่อนในกลุ่ม กลุ่มเรามี 4 คนค่ะเป็นคนไทย 3 คนคนมาเล 1 คน หลังจากทุกกลุ่มอธิบายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ความนี้กรรมการจะแจกบัตรคำใบที่สอง จะเป็นรูปสิ่งของค่ะ เหมือนเดิมค่ะให้ปรึกษากันในกลุ่ม แต่คราวนี้ขอแค่ 1 ความคิดเห็น ให้เป็นลักษณะ Think out of box ค่ะ ขอแค่สั้นๆได้ใจความ เช่นได้เป็นรูปแก้วน้ำ ก็ให้เราเอารูปภาพนี้ไปเชื่อโยงกับคำศัพท์ที่เราได้ก่อนหน้า คือ Photographer ว่าเค้าสามารถเอาแก้วน้ำไปทำอะไรได้บ้าง หลังจากปรึกษากันก็ตอบไปว่า เอามาทำเป็น PROP ในการถ่ายรูป เป็นของประกอบฉาก อะไรประมาณนี้ค่ะ ง่ายๆเลย (งงไหม? ไม่งงเนอะ) แต่คราวนี้กรรมการจะเป็นคนเลือกคนที่จะทำการพรีเซ้นต์เองค่ะ รอบนี้เราไม่โดน (แหะๆ แอบโชคดีเบาๆ) หลังจากพรีเซ้นต์จบ กรรมการก็บอกให้ออกไปรอที่หน้าห้องและให้รอประมาณ 10 นาทีแล้วจะเขียนหมายเลขในกระดาษมาแปะหน้าห้องค่ะว่าใครผ่านบ้าง เราก็ รอ รอ รอ รอ รอ คิดในใจไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างน้อยรอบนี้ก็ผ่านพรีสกรีน แหะ แหะ และแล้วใบประกาศผลก็มาา... แท่น แท้น แท๊น.... เย้ๆๆๆๆๆ มีเลขเราด้วยยย
หลังจากนั้นก็ให้อีกกลุ่มที่รออยู่เข้ามาทำกรุ๊ปต่อ หลังจากทำกรุ๊ปกันเสร็จเรียบร้อย เสร็จหมด แล้วกรรมการเรียกทุกคนที่ผ่านเข้ารอบเข้าไปในห้องพร้อมกับบอกว่าคนที่ผ่านทั้งหมด พรุ่งนี้ให้มาในชุด Formal Business Attire คือสูท กระโปรง พร้อมทำผม Updo มาให้เรียบร้อยค่าาา ที่เข้ารอบไปวันที่สองมีทั้งหมด 64 คนจ้าา
เดี๋ยวจะมาเขียนต่อน้าาาาา ว่า Assessment Day 2 เป็นยังงัยกันบ้างงงงงง..... แอบเมื่อยนิดหน่อย
อันนี้เรามาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆอ่านดูนะค่ะ ถ้าดูงงๆ ไม่เข้าใจอะไรยังไงก็ขอโทษด้วยน้าาาา ส่วนเรื่องProcess บางรอบอาจจะไม่เหมือนกันนะค่ะ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกรรมการ ขาดตกบกพร่องอะไร ขออภัยนะจ๊ะ
Assessment Day 2 Coming Soon
ไปตามฝัน Walk-in สายการบิน Emirates ที่ KL 04-04-15
แล้วเราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย........
วันที่ 3 APR 2015
นัดกับน้องที่ไปด้วยกันว่าเจอกัน 10 โมงเช้าค่ะ เพราะ Boarding ตอน 12:10 น. เดินทางด้วยสายการบิน Air Asia ค่ะ รอบนี้จัดการ CHECK IN ONLINE มาแล้วและกระเป๋าไม่ได้โหลดค่ะ (เปลือง.. ตั้งใจให้เป็นทริปประหยัด อิอิ) เลยเดินไป counter ขอใบ ตม แล้วก็เดินเข้า ตม เลย เข้าไปข้างในสนามบินก็เดินหาอะไรทานเพราะบนเครื่องไม่มีของกิน + กว่าจะไปถึงที่พักเลยจัดการให้ท้องอิ่มไว้ก่อน พอถึงเวลาก็ออกเดินทางกันเลยจ้าาา (รอบนี้ที่ไปไม่ได้บอกที่บ้านด้วย ไปแบบเงียบๆ สารภาพอีกทีก็ตอนที่อยู่ที่สนามบิน KLIA 2 ที่ KL แล้วจ้าา) วันนั้นรู้สึกเลยว่ารอบนี้คนไทยเยอะมากๆค่ะ ออกจากสนามบินปุ๊บไปติดต่อจัดการเรื่องซิมเบอร์ที่มาเล (อันนี้แนะนำนะค่ะ เพราะถ้าใครที่ใช้อินเตอร์เน็ตบวกโทรกลับไทย ซื้อซิมที่นู้นคุ้มกว่าเยอะเลยค่ะ) ด้วยรถไฟ EXPRESS (ราคา 35 RM) ไปลงที่สถานีรถไฟ KL SENTRAL แล้วต่อด้วยรถแท็กซี่ไปที่พักค่ะ เราพักแถวๆ บูกิตบินตังค่ะ ถ้าใครสนใจไปแนะนำพักย่านนี้นะค่ะ ไปรร ที่ อีเค รับสมัครได้ไม่ยากมาก หาของกินง่าย ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ไปถึงที่พักจัดแจงรื้อกระเป๋าเสร็จก็ลงมาหาอะไรทานกับน้องที่ไปด้วยกัน แล้วก็เลยไปช๊อปปิ้งเล็กน้อยที่ SEPHORA ก่อนกลับมาพักที่ห้องตามอัธยาศัยเพื่อรอการสมัครแอร์ในวันพรุ่งนี้จ้าาาา....
วันที่ 4 APR 2015 -- OPEN DAY EVENT -- RENAISSANCE HOTEL, KUALA LUMPUR
วันนี้ตื่นมาแต่งหน้า ทำผม แต่งตัวกันแต่เช้าเลยจ้า กลัวไม่ทัน เพราะทำอะไรพวกนี้ไม่เก่งเลย เข้าขั้นสุด ไอ้ที่เค้าว่าใช้โดนัททำผมง๊ายยย ง่ายยย เรายังทำไม้ได้เลย เพราะ
1. ไม่เก่งเรื่องพวกศิลปะต่างๆ
2. ผมลื่นมากถึงมากที่สุด ชีวิตนี้ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองไม่สระผมถึง 3 วันเพื่องานนี้ ยอมจ้าาาาไม่งั้นรวบไม่อยู่จริงๆ
มาถึงนี้แล้ว ดูโมเมพาเพลินมาก็เยอะ ต้องช่วยได้น่าาาา ก็ค่อยๆบรรเลงไปเรื่อยๆ ค่อยๆเติม ค่อยๆแต่ง กับน้องอีกคนก็ช่วยกันตลอดเวลา อันนี้พอไหม? อันนี้ได้รึยัง? ตาเข้มไปไหม? คิ้วน้อยไปรึเปล่า? ผมโอเคไหม? เป็นกันยังงี้อยู่ร่วมๆ ชม. จนคิดว่าโอเคละ พร้อมลุยก็เริ่มออกเดินทางเลยจ้า ตอนแรกเจ้าของที่พักจะไปส่งที่ รร. เกรงใจค่ะเลยนั่งแท็กซี่ไปจากที่พัก สนนราคาค่าแท็กซี่อยู่ที่ประมาณ 8 RM (ราวๆ 70 กว่าบาท) ไปถึง รร.ปุ๊บก็เดินลงไปห้องที่รับสมัคร เจอเพื่อนคนนึง ตอนแรกเราเช้าใจว่าเค้าเป็นมาเล พอเริ่มคุย อ้าวคนไทยนี่น่า.. สักพักเห็นเจ้าหน้าที่มาเปิดประตูก็เลยลองไปถามๆเค้าว่าขอเข้าไปนั่งรอด้านในเลยได้ไหม เค้าก็บอกว่า ได้มั้ง ไม่ชัวร์ เอาละ ชาวไทยใจหาญกล้าบุกเข้าไปนั่งเลยจ้าาา นั่งๆไปสักพักก็จะเริ่มมีคนเดินเข้ามานั่งในห้องเรื่อยๆ เท่าที่สังเกตที่มากันเช้าๆจะเป็นคนไทย กับ เกาหลีค่ะ คนไทยพอได้ยินเราคุยๆกันก็จะเริ่มมานั่งกันใกล้ๆ คุยกันสนุกสนาน ถ่ายรูปกันด้วย จนประมาณ 9 โมงกรรมการเดินเข้ามาในห้อง มี 2 ท่านค่ะ ชื่อ Shila กะ Anna, Shila จะเป็นคนที่ดูใจดีๆหน่อย แต่ Anna นี่ทุกคนค่อนข้างจะผวานิด เพราะนางหน้าดุมว๊ากก
ตอนนั้นคนเต็มห้องเลยค่ะ ที่นั่งเต็มด้วยมีคนอื่นๆยืนออกันแถวๆประตูด้านหลัง กรรมการเลยตัดสินใจว่าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่ม 9:00 กับกลุ่ม 11:00 โมง กลุ่ม 9:00 ก็คือคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้แล้วเรียบร้อย ส่วนใครที่ยังไม่มีที่นั่ง กรรมการให้กลับมาใหม่ต้อง 11:00 จ้า.. แล้วกรรมการก็เริ่มแจกกระดาษ Cabin พร้อมกับกระดาษครึ่ง A4 ให้เขียนรายละเอียดส่วนตัวลงไป ระหว่างนั้น กรรมการก็จะบอกค่ะว่า "เนื่องด้วยมีผู้สมัครจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเค้าจะขอรับ CV กับ รูปถ่ายเท่านั้น ไม่มีการสัมภาษณ์ สอบถามพูดคุยอะไรทั้งนั้น แต่ให้ผู้สมัครทุกคนกลับมาดูผลอีกครั้งตอน บ่าย 2 โมง" แอบคิดในใจ "เจอ 500 กว่ายังบอกว่าเยอะ ลองเจอพี่ไทยเราหน่อยไหม ได้ข่าวว่ารอบล่าสุด 5,000 คน 10 เท่านะยูว์ ฮ่าฮ่าฮ่า" และแล้วก็เริ่ม PROCESS การยื่น CV…ก็เริ่มจากหัวแถวอีกฝั่งนึง พอถึงคิวเราก็ลุกขึ้นเดินไปแบบมั่นๆ (คือขาสั่นนะ แต่สั่นสู้) เดินเข้าไป "Good Morning!" แล้วยื่นเอกสารให้กรรมการ พร้อมลงชื่อในกระดาษเอ 4 ซึ่งจะมีตัวเลขอยู่หน้าชื่อ เค้าให้จำเลขพวกนั้นไว้ เวลาประกาศจะได้หาชื่อตัวเองเจอง่ายๆ เขียนชื่อเสร็จ ก็ "Thank you…" คือจะบอกว่าพูดแค่นี้ แค่นี้เลย แล้วเอาอะไรตัดสินเราว้าาาาา ยื่นเสร็จก็เดินออกจากห้อง ในใจคิดไม่ผ่านอีกแหงๆ ไม่เห็นจะคุยอะไร แล้วจะรู้ได้งัยว่าชอบหรือไม่ชอบ ตอนนั้นยื่นเสร็จประมาณ 10 โมง จะทำอะไรล่ะ อีกตั้ง 4 ชม. ก็เลยนั่งเล่นที่ล๊อบบี้ รร พร้อมกับน้องๆอีกประมาณ 8-9 คน น่ารักทุกคนเลย สนิทกันไวมาก เหมือนรู้จักกันมานาน นั่งไปเรื่อยๆจนเกือบบ่ายสองก็ลงไปที่ห้องที่รับสมัคร ตอนนั้นทุกคนมายืนรอที่หน้าห้องกันหมด คนเยอะมาก พอบ่ายสองปุ๊บ กรรมการก็เปิดประตูพร้อมแจ้งว่าเค้าติดรายชื่อไว้สองฝั่ง แบ่งตามลำดับเลข เอาจริงตอนนั้นไม่ได้ยินหรอกว่ากรรมการพูดว่าอะไร รู้แค่ว่าถ้าใครชื่อมี ไฮไลท์เอาไว้ ให้นั่งที่เก้าอี้เพื่อทำ process ต่อไป ตอนนั้นก็เดินหาชื่อตัวเองเลยจ้าาา จำได้ว่าหมายเลข 1xx ก็มองหาใหญ่เลย เฮ้ย!!!! มีไฮไลท์ด้วยอ่ะเห็นปุ๊บ ก้อมานั่งรอที่เก้าอี้ตามที่เค้าบอก นั่งไปสักพักเริ่มบ่นกะตัวเอง "มองผิดป่าวว่ะ ถ้ามองผิดนี่อายนะมาสะเหร่อนั่งแล้วเนี่ย ไปดูอีกรอบดีกว่า เลยบอกเพื่อนขอไปดูชื่ออีกรอบนะ เผื่อดูผิด" แล้วก็ลุกไปดู "เอ๊ะ ชื่อเรา ชื่อเราจริงๆด้วยอ่ะ" แล้วก็กลับมานั่งใจนี่ตึกๆตักๆ อยากโทรหาแฟน อยากโทรหาที่บ้าน แต่ก็รอทำโปรเซสต่อไปก่อนเลยยังไม่ได้โทร หลังจากนั้นกรรมการก็จะให้ดู slide show เกี่ยวกับชีวิตที่ดูไบ และการเป็น cabin crew ของเอมิเรตส์ ตอนที่นั้นดูไม่รู้ใครเคยเป็นบ้าง แต่เรางี้ เหมือนโดนดูดเข้าไปอยู่ในนั้น มันเป็นความรู้สึกเพ้อฝันขั้นสุด แบบเหมือนพวกเพ้อเจ้อในหนังอ่ะ ที่คิดว่าตัวเองอยู่ตรงนั้น อย่างงั้นงี้ บวกกับความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ตัวเองสามารถผ่านเข้ารอบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกตื้นตัน แน่นหน้าอกอย่าบอกไม่ถูก (ดูเว่อร์เนอะ แต่โคตรจริงเลยอ่ะ) หลังจากนั้นกรรมการจะให้เราไปดูที่กระดาษรายชื่ออีกครั้ง คราวนี้กรรมการจะเขียนเลขใหม่ เราได้เลขที่ 4x คราวนี้ตัวเลขนี้จะเป็น Ref. ของเราไปตลอดจนถึง FINAL เลยจ้าา ระหว่างนี้กรรมการให้เวลาพักประมาณ 1 ชม. แล้วให้ทุกคนกลับมาอีกครั้งเพื่อทำ 1st Group Discussion จ้าาาา
----- 1 ชม. ผ่านไป ไวเหมือนโกหก ------
กลับเข้ามาที่ conference room อีกครั้งคราวนี้กรรมการแบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มแรกที่จะทำ Group Discussion ก่อนจะเป็นเลขที่ 1-59 อีกกลุ่มจะเป็นเลขที่ 60-120 (โดยประมาณค่ะ) ซึ่งกรรมการให้รออยู่ที่หน้าห้องอีกประมาณครึ่งชม. เรามาเริ่มทำกรุ๊ปกันเลยดีกว่า...
อันดับแรก กรรมการแจกสติ๊กเกอร์พร้อมเขียนหมายเลขให้เราติดเอาไว้ที่หน้าอก ให้ห้องจะมีเก้าอี้วางอยู่เป็นวงกลม 2 วงใหญ่ๆ ให้นั่งวงละประมาณ 29-30 คน คราวนี้กรรมการจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆอีกกลุ่มละ 3-4 คน รอบแรกนี้กรรมการจะแจกบัตรคำให้กลุ่มละ 1 ใบ โดยให้ในกลุ่มปรึกษากันและคิดมาคนละ 1 ข้อ เสร็จแล้วจะให้พรีเซ็นต์ให้เพื่อนๆฟัง ซึ่ง topic ที่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาชีพ ยกตัวอย่างนะจ๊ะ Photographer ก็ให้คิดกันมาว่าอาชีพนี่ต้องมีคุณลักษณะอะไรบ้าง คิดมาเป็นคำ 1 คำพร้อมกับอธิบายว่าทำไมเราถึงคิดว่าใช้คำนี้ เช่น Creative เพราะ ช่างถ่ายภาพที่ดีและที่ดังๆจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างสรรรูปภาพที่สวยงาม อะไรประมาณนี้แหละ (งงไหมค่ะ?) เค้าให้เวลา 5 นาทีในการปรึกษา พอหมดเวลาก็เริ่มพรีเซ็นต์กันเลยจ้า.. เอาจริงๆไม่ยากนะ เราคิดว่าเค้าพยายามที่จะดูว่าเราเป็นยังไงกับเพื่อนๆในกลุ่ม การเสนอความคิดเห็น การรับฟังเพื่อนในกลุ่ม กลุ่มเรามี 4 คนค่ะเป็นคนไทย 3 คนคนมาเล 1 คน หลังจากทุกกลุ่มอธิบายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ความนี้กรรมการจะแจกบัตรคำใบที่สอง จะเป็นรูปสิ่งของค่ะ เหมือนเดิมค่ะให้ปรึกษากันในกลุ่ม แต่คราวนี้ขอแค่ 1 ความคิดเห็น ให้เป็นลักษณะ Think out of box ค่ะ ขอแค่สั้นๆได้ใจความ เช่นได้เป็นรูปแก้วน้ำ ก็ให้เราเอารูปภาพนี้ไปเชื่อโยงกับคำศัพท์ที่เราได้ก่อนหน้า คือ Photographer ว่าเค้าสามารถเอาแก้วน้ำไปทำอะไรได้บ้าง หลังจากปรึกษากันก็ตอบไปว่า เอามาทำเป็น PROP ในการถ่ายรูป เป็นของประกอบฉาก อะไรประมาณนี้ค่ะ ง่ายๆเลย (งงไหม? ไม่งงเนอะ) แต่คราวนี้กรรมการจะเป็นคนเลือกคนที่จะทำการพรีเซ้นต์เองค่ะ รอบนี้เราไม่โดน (แหะๆ แอบโชคดีเบาๆ) หลังจากพรีเซ้นต์จบ กรรมการก็บอกให้ออกไปรอที่หน้าห้องและให้รอประมาณ 10 นาทีแล้วจะเขียนหมายเลขในกระดาษมาแปะหน้าห้องค่ะว่าใครผ่านบ้าง เราก็ รอ รอ รอ รอ รอ คิดในใจไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างน้อยรอบนี้ก็ผ่านพรีสกรีน แหะ แหะ และแล้วใบประกาศผลก็มาา... แท่น แท้น แท๊น.... เย้ๆๆๆๆๆ มีเลขเราด้วยยย หลังจากนั้นก็ให้อีกกลุ่มที่รออยู่เข้ามาทำกรุ๊ปต่อ หลังจากทำกรุ๊ปกันเสร็จเรียบร้อย เสร็จหมด แล้วกรรมการเรียกทุกคนที่ผ่านเข้ารอบเข้าไปในห้องพร้อมกับบอกว่าคนที่ผ่านทั้งหมด พรุ่งนี้ให้มาในชุด Formal Business Attire คือสูท กระโปรง พร้อมทำผม Updo มาให้เรียบร้อยค่าาา ที่เข้ารอบไปวันที่สองมีทั้งหมด 64 คนจ้าา
เดี๋ยวจะมาเขียนต่อน้าาาาา ว่า Assessment Day 2 เป็นยังงัยกันบ้างงงงงง..... แอบเมื่อยนิดหน่อย
อันนี้เรามาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆอ่านดูนะค่ะ ถ้าดูงงๆ ไม่เข้าใจอะไรยังไงก็ขอโทษด้วยน้าาาา ส่วนเรื่องProcess บางรอบอาจจะไม่เหมือนกันนะค่ะ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกรรมการ ขาดตกบกพร่องอะไร ขออภัยนะจ๊ะ
Assessment Day 2 Coming Soon