Written by airlinesweek
Tuesday, 28 April 2015 09:21
โคเรียน แอร์ แอโรสเปซ ดิวิชั่น (Korean Air Aerospace Division: KAL-ASD) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการผลิตเครื่องบินของกลุ่มบริษัท โคเรียน แอร์ กรุ๊ป (Korean Air Group)
ได้รับการคัดเลือกโดยบริษัทแอร์บัสให้เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ปลายปีกชาร์คเลท (Sharklet) แบบใหม่
รวมถึงการขยายระยะระหว่างปีกทั้งสองข้างสำหรับเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ
ซึ่งเป็นตัวแปรใหม่ของเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างอย่างตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ขายดีที่สุด
ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงดังกล่าว โคเรียน แอร์ แอโรสเปซ ดิวิชั่น จะทำการผลิตอุปกรณ์ปลายปีกซึ่งเป็นส่วนประกอบชิ้นใหม่ของเครื่องบิน
ณ โรงงานที่ปูซานในประเทศเกาหลีใต้ และลำเลียงอุปกรณ์ดังกล่าวไปยังโครงการประกอบเครื่องบินแอร์บัส ตระกูล เอ330 ขั้นสุดท้ายในตูลูส
โดยอุปกรณ์ปลายปีกสำหรับเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากปลายปีกโค้งของเครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี
จะเพิ่มความกว้างของระยะระหว่างปีกทั้งสองข้างโดยรวมจากความกว้างของเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซีโอ ที่มีระยะ 60.3 เมตรในปัจจุบัน
ให้กลายเป็น 64 เมตร ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เครื่องบินมีแรงยกเพิ่มขึ้นและมีแรงต้านที่ลดลง
เมื่อปลายปีกแบบใหม่ได้ถูกนำมาทำงานร่วมกับเครื่องยนต์โรลสรอยซ์ เทรนท์ 7000 รุ่นล่าสุดของเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ
รวมทั้งการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์อื่นๆ และลักษณะที่โดดเด่นของห้องโดยสารแบบใหม่
ก็จะทำให้เครื่องบินสามารถลดอัตราการเผาผลาญพลังงานต่อที่นั่งได้ถึงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซีโอ
ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน การนำนวัตกรรมเพิ่มเติมเหล่านี้มาใช้จะไม่เพียงทำให้เครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ กลายเป็นเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างที่มีความคุ้มค่าทางด้านต้นทุนมากที่สุดในกลุ่มเครื่องบินที่มีขนาดเท่ากัน
แต่ยังทำให้ผู้ปฏิบัติการเครื่องบินรุ่นดังกล่าวได้รับผลประโยชน์จากพิสัยการบินที่เพิ่มขึ้นเป็นระยะ 400 ไมล์ทะเล ในขณะเดียวกัน ก็ยังนำเสนอประโยชน์จากลักษณะร่วม (Commonality)
เชิงการปฏิบัติการบินของตระกูลเครื่องบินแอร์บัส โดยการส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ จะเริ่มต้นขึ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2560
โคเรียน แอร์ แอโรสเปซ ดิวิชั่น เป็นหุ้นส่วนเชิงอุตสาหกรรมในระยะยาวของบริษัทแอร์บัส ด้วยความร่วมมือที่มีมายาวนานกว่า 25 ปี
ในปัจจุบัน โคเรียน แอร์ แอโรสเปซ ดิวิชั่น ได้ผลิตส่วนประกอบให้กับโครงการต่างๆของเครื่องบินแอร์บัสอย่างหลากหลาย
รวมถึงการผลิตอุปกรณ์ปลายปีกชาร์คเลทสำหรับตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ320 ที่เป็นเครื่องบินที่ขายดีที่สุด
แผงผนังส่วนลำตัวของเครื่องบิน และชิ้นส่วนส่วนพื้นของตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ330 และชิ้นส่วนประตูห้องบรรทุกสินค้าของเครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี
ตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซึ่งมียอดสั่งซื้อกว่า 1,500 ลำ ได้ให้บริการกับผู้ปฏิบัติการกว่า 100 รายทั่วโลก
ที่ยังคงได้รับผลประโยชน์จากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
โดยตระกูลเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องบินลำตัวกว้างที่ครอบคลุมที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลก
ซึ่งยังประกอบด้วยเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี และเครื่องบินสองชั้นอย่างเครื่องบินแอร์บัส เอ380
ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว สมาชิกเครื่องบินและประเภทตัวแปรที่หลากหลายของตระกูลเครื่องบินดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมความต้องการของสายการบินที่มีต่อเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างทั้งหมดเอาไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อการปฏิบัติการบินทั้งแบบพิสัยการบินระยะไกล ระยะกลาง และระดับภูมิภาค โดยมีความสามารถในการจุที่นั่งผู้โดยสารตั้งแต่ 250 ที่นั่ง
ไปจนถึงกว่า 500 ที่นั่ง และแบ่งปันลักษณะร่วมในเชิงการปฏิบัติการบินในระดับที่ไม่เหมือนใคร
Source : Airbus
Photo : Airbus
Last Updated on Tuesday, 28 April 2015 09:23
http://www.airlinesweek.com/
Airbus เลือก Korean Air Aerospace ให้เป็นผู้ผลิตปลายปีก Sharklet สำหรับตระกูลเครื่องบิน A330 NEO
Tuesday, 28 April 2015 09:21
โคเรียน แอร์ แอโรสเปซ ดิวิชั่น (Korean Air Aerospace Division: KAL-ASD) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการผลิตเครื่องบินของกลุ่มบริษัท โคเรียน แอร์ กรุ๊ป (Korean Air Group)
ได้รับการคัดเลือกโดยบริษัทแอร์บัสให้เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ปลายปีกชาร์คเลท (Sharklet) แบบใหม่
รวมถึงการขยายระยะระหว่างปีกทั้งสองข้างสำหรับเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ
ซึ่งเป็นตัวแปรใหม่ของเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างอย่างตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ขายดีที่สุด
ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงดังกล่าว โคเรียน แอร์ แอโรสเปซ ดิวิชั่น จะทำการผลิตอุปกรณ์ปลายปีกซึ่งเป็นส่วนประกอบชิ้นใหม่ของเครื่องบิน
ณ โรงงานที่ปูซานในประเทศเกาหลีใต้ และลำเลียงอุปกรณ์ดังกล่าวไปยังโครงการประกอบเครื่องบินแอร์บัส ตระกูล เอ330 ขั้นสุดท้ายในตูลูส
โดยอุปกรณ์ปลายปีกสำหรับเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากปลายปีกโค้งของเครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี
จะเพิ่มความกว้างของระยะระหว่างปีกทั้งสองข้างโดยรวมจากความกว้างของเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซีโอ ที่มีระยะ 60.3 เมตรในปัจจุบัน
ให้กลายเป็น 64 เมตร ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เครื่องบินมีแรงยกเพิ่มขึ้นและมีแรงต้านที่ลดลง
เมื่อปลายปีกแบบใหม่ได้ถูกนำมาทำงานร่วมกับเครื่องยนต์โรลสรอยซ์ เทรนท์ 7000 รุ่นล่าสุดของเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ
รวมทั้งการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์อื่นๆ และลักษณะที่โดดเด่นของห้องโดยสารแบบใหม่
ก็จะทำให้เครื่องบินสามารถลดอัตราการเผาผลาญพลังงานต่อที่นั่งได้ถึงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซีโอ
ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน การนำนวัตกรรมเพิ่มเติมเหล่านี้มาใช้จะไม่เพียงทำให้เครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ กลายเป็นเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างที่มีความคุ้มค่าทางด้านต้นทุนมากที่สุดในกลุ่มเครื่องบินที่มีขนาดเท่ากัน
แต่ยังทำให้ผู้ปฏิบัติการเครื่องบินรุ่นดังกล่าวได้รับผลประโยชน์จากพิสัยการบินที่เพิ่มขึ้นเป็นระยะ 400 ไมล์ทะเล ในขณะเดียวกัน ก็ยังนำเสนอประโยชน์จากลักษณะร่วม (Commonality)
เชิงการปฏิบัติการบินของตระกูลเครื่องบินแอร์บัส โดยการส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ จะเริ่มต้นขึ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2560
โคเรียน แอร์ แอโรสเปซ ดิวิชั่น เป็นหุ้นส่วนเชิงอุตสาหกรรมในระยะยาวของบริษัทแอร์บัส ด้วยความร่วมมือที่มีมายาวนานกว่า 25 ปี
ในปัจจุบัน โคเรียน แอร์ แอโรสเปซ ดิวิชั่น ได้ผลิตส่วนประกอบให้กับโครงการต่างๆของเครื่องบินแอร์บัสอย่างหลากหลาย
รวมถึงการผลิตอุปกรณ์ปลายปีกชาร์คเลทสำหรับตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ320 ที่เป็นเครื่องบินที่ขายดีที่สุด
แผงผนังส่วนลำตัวของเครื่องบิน และชิ้นส่วนส่วนพื้นของตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ330 และชิ้นส่วนประตูห้องบรรทุกสินค้าของเครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี
ตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซึ่งมียอดสั่งซื้อกว่า 1,500 ลำ ได้ให้บริการกับผู้ปฏิบัติการกว่า 100 รายทั่วโลก
ที่ยังคงได้รับผลประโยชน์จากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
โดยตระกูลเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องบินลำตัวกว้างที่ครอบคลุมที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลก
ซึ่งยังประกอบด้วยเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี และเครื่องบินสองชั้นอย่างเครื่องบินแอร์บัส เอ380
ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว สมาชิกเครื่องบินและประเภทตัวแปรที่หลากหลายของตระกูลเครื่องบินดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมความต้องการของสายการบินที่มีต่อเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างทั้งหมดเอาไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อการปฏิบัติการบินทั้งแบบพิสัยการบินระยะไกล ระยะกลาง และระดับภูมิภาค โดยมีความสามารถในการจุที่นั่งผู้โดยสารตั้งแต่ 250 ที่นั่ง
ไปจนถึงกว่า 500 ที่นั่ง และแบ่งปันลักษณะร่วมในเชิงการปฏิบัติการบินในระดับที่ไม่เหมือนใคร
Source : Airbus
Photo : Airbus
Last Updated on Tuesday, 28 April 2015 09:23
http://www.airlinesweek.com/