สัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันรู้สึกกดดันมากเพราะต้องนั่งปั่นงานหน้าคอม เหลือบมาดูเฟสทีก็เห็นกัลยาณมิตรทั้งหลายโพสท์เกี่ยวกับละครเรื่อง “กลกิโมโน” ...ตั้งสเตตัสกันไม่พอ มีโพสท์รูปประกอบด้วย กิโมโนอะไรเรืองแสงทอง ทำไมชมพู่ใส่กระโปรงชมพูฟูฟ่องขนาดนั้น ดิฉันทนไม่ไหวสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเลยนั่งดูละครเรื่องนี้ 3 ตอนรวดเลยจ้ะ
ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณ....
1. ขอบคุณเพื่อนในเฟสทั้งหลาย
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่โพสท์ภาพผีฮิโตชิ (ผีเด็กแม็ก/ผีเด็กจูออน) กัน โชคดีที่เห็นในเฟสบุ๊คล่วงหน้า ดิฉันจึงสามารถทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้วว่า เรื่องนี้ มันมีผีเด็กตาดำๆ หน้าขาวๆ น่ากลัวๆ (ขอละภาพประกอบไว้ในจินตนาการนะจ๊ะ)
คือตอนนั่งดูที่บ้านคนเดียว มันจะมีฉากเด็กหญิงอายูมิกับคุณพ่อนั่งรถจิ๊จ๊ะกัน รอบข้างก็เป็นป่าเขาลำเนาไพรสวยงาม จู่ๆ ดนตรีก็เปลี่ยนเป็นเสียงกลองตุ้งแช่ “ผ่าง!” แล้วก็ตัดภาพมาที่เด็กจูออนนี่นั่งบนหลังคารถ แล้วก็ตัดไปที่ฉากกุ๊กกิ๊กพ่อลูกใหม่ แล้วก็ “ผ่าง!” เด็กจูออนกลับมาอีกแล้ว! นั่งข้างๆ คนขับ! ไรเงี้ย หลอนค่ะ
ใครยังไม่ได้ดูและคิดจะดู ระวังการปรากฏตัวกะทันหันของเด็กน้อยคนนี้ให้ดีนะคะ
2. ขอบคุณผู้แต่ง ผู้จัดและผู้เขียนบท
เมื่อเทียบกับละครเรื่องอื่นที่เล่นธีมเป็นญี่ปุ่น ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้ดูโอเคเลย เรื่องเสื้อผ้า พิธีต่างๆ ใช้ได้เลยค่ะ ไม่ค่อยมีฉากให้เราขำกันเหมือนเรื่องอื่น ฉากที่ประทับใจมากๆ คือ ฉากที่ปีศาจหิมะถล่มเมืองเพราะเทพเจ้านกกระเรียน (ป๋าเบิร์ด) ไม่รับรัก จริงๆ ท่านเทพก็ไม่ผิด ก็คนมันไม่ได้รัก ช่วยไม่ได้นี่นา สรุป ก็เลยสู้กันไปมา ทั้งๆ ที่ท่านเทพสามารถตัดช่องน้อยแต่พอตัวชิ่งกลับสวรรค์ได้ แต่ท่านก็แมนพอที่จะปกป้องชาวเมืองจากภัยหิมะ และแสดงความรับผิดชอบด้วยการอยู่ช่วยเหลือมนุษย์ แถมต้องสูญเสียอำนาจเทพ
การแสดงความรับผิดชอบแบบนี้แหละ สมเป็นชาวญี่ปุ่น (และเทพเจ้าญี่ปุ่น) จริงๆ
ท่านเทพถอดใจเพราะอดกลับสวรรค์ไปเจอแฟน และกรีดเลือดให้ชาวบ้านดื่ม มิใช่คว้านท้องฮาราคีรี
คุณผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะเริ่มถอดใจ ....อุตส่าห์รอวิจารณ์เผ็ดร้อน จะอวยไปถึงไหนกัน ... อันนี้อิชั้นก็เขียนไปตามเนื้อผ้า เขาทำดี ไม่ค่อยมีอะไรผิดพลาดใหญ่หลวง ถ้าจะพูดถึงประเด็นที่ดูแล้วตะขิดตะขวงใจไม่น่ามีในญี่ปุ่น ก็จะมีอยู่บ้าง แต่เป็นประเด็นเล็กๆ น้อยๆ มากๆ ค่ะ หยิบยกมาเป็นตัวอย่างให้เป็นน้ำจิ้มนะคะ
1. นักดนตรีข้างถนน
เจ้าพิณยาวๆ ในภาพ เรียกว่า “โคโตะ” ค่ะ เป็นเครื่องดนตรีญี่ปุ่นโบราณ และเป็นเครื่องดนตรีที่ท่านชายโฮชิ (ป๋าเบิร์ด) โปรดปรานมาก มีอยู่ฉากหนึ่งท่านชายเดินหานางเอกในเมือง พลันไปเจอนักดนตรีข้างถนนดีดโคโตะเข้า ท่านชายชะงัก... นัยว่าเจอเครื่องดนตรีโปรด ส่วนเกตุวดีก็ชะงัก ... เพราะ....
หนึ่ง เวลานักแสดงข้างถนนเล่นดนตรีในญี่ปุ่น มันไม่มีคนมายืนมุงเยอะขนาดนี้หรอก มีแต่เดินผ่านไปผ่านมา คนญี่ปุ่นยุ่งจะตายและเดินสปีดไล่ควายมาก ส่วนในละครตัวประกอบยืนกันแบบตั้งใจดูมาก หาภาพแบบนี้ได้ยากมากในท้องถนนญี่ปุ่นค่ะ (ยกเว้นวงนั้นเล่นดีจริง เล่นมานานแล้ว คนเริ่มรู้จัก)
สอง มันไม่มีใครเอาโคโตะมานั่งดีดริมถนนแบบนี้! (อันนี้ตกใจมากกว่าข้อแรก) คือ ... ดนตรีเปิดหมวกที่ญี่ปุ่น ก็น่าจะเหมือนประเทศอื่นๆ ในโลก คือมีคนเล่นกีต้าร์บ้าง เบสบ้าง ไวโอลินก็มี แซกโซโฟนก็เยอะ แต่....ไม่เคยเลย ที่มีนักดนตรีหยิบเครื่องดนตรีญี่ปุ่นมาเล่น
เครื่องดนตรีญี่ปุ่นอย่างชามิเซ็นหรือโคโตะ ก็คล้ายซอกับขิมบ้านเรา คือ เสียงไม่ได้ดังขนาดนั้น มักจะเล่นในที่เงียบๆ ที่ที่ดูญี่ปุ่นๆ อย่างห้องเสื่อทาทามิ คนเล่นก็ต้องใส่กิโมโน ดูขลังดี ดิฉันเลยตกใจที่เห็นมีคนมาดีดโคโตะกันกลางถนนคนเดินขนาดนั้น (ตอนฉากท่านชายให้ติ๊ปนักดนตรีคนนี้ไปหมื่นเยนยังไม่อึ้ง ... เพราะพยายามเข้าใจว่า ท่านชายป๋ารวย)
2. คิ้ว...Cute
ส่วนตัวไม่ได้สนใจตำนานรักอันดื่มด่ำระหว่างเทพนกกระเรียนกับเทพธิดาอะไรเท่าไร ดูแล้วอิจฉา ดิฉันก็เลยนั่งจดจ่อกับอะไรที่ชอบแทน...ดาราหนุ่มฮ่ะ (ยกมือปาดน้ำหมากน้ำลาย)
หนุ่มๆ ที่เล่นในเรื่องก็มีทั้งสไตล์ตี๋อย่างอากิระ พระรอง (เคนภูภูมิ) และสไตลคมเข้มอย่างอากิฮาระ พี่ชายพระรอง กับฮิเดโนริ ตัวร้ายที่ชอบชวนอากิระทะเลาะ
ทั้ง 3 คนหน้าตาดีมาก และเล่นเป็นคนญี่ปุ่นทั้งหมด ปลื้มปริ่มมมม... แต่มีบางจุดที่ดิฉันยังไม่สามารถสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นได้ 100%... คือ เสื้อผ้าก็ดูญี่ปุ่นพอใช้ได้ ทรงผมก็โอเค อะไรน้าที่ทำให้เรายังรู้สึกเหมือนดูละครไทยอยู่
คำตอบก็คือ ... “คิ้ว” ค่ะ
นักแสดงทั้ง 3 คนกันคิ้วแบบเป็นธรรมชาติๆ ชายไทยไม่ค่อยนิยมกันคิ้วสักเท่าไร แต่หากใครเคยไปญี่ปุ่น จะพบว่าผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่กันคิ้วกันทั้งนั้น คือไปร้านตัดผม เค้าก็จะกันให้อัตโนมัติอยู่แล้วค่ะ (ของผู้หญิงไม่มีนะจ๊ะ เสียใจด้วย) การกันคิ้วเป็นเรื่องปกติมาก
ถามว่าผู้ชายญี่ปุ่นกันคิ้วยังไงให้ดูกรณีตัวอย่างก่อน ดิฉันพยายามคัดดาราชายสไตล์คิ้วเข้มๆ เพราะหล่อ....เอ้ย คล้ายๆ นักแสดง 3 ท่านด้านบน พอจะเห็นความแตกต่างไหมคะ
(ซ้ายไปขวา) Hirai Ken, Kitamura Kazuki (คนที่เล่น Neko Samurai) และ Miura Haruma
คิ้วหนุ่มญี่ปุ่นจะกันแบบไม้บรรทัดตรง เป๊ะ ขีดเฉียงไปให้ตรง ดูเฉี่ยวเท่ห์ค่ะ ส่วนตรงปลายจะทำเป็นหักมุมลงมาเหมือนคิ้วผู้หญิงก็ได้หรือเฉียงขึ้นไปเลยก็ได้ ไม่ได้ทำเป็นแบบธรรมชาติมากเหมือนดาราไทย
อีกตัวอย่าง ขอถวายภาพประกอบแด่สาวกวง ARASHI ....ลองดูคิ้วมัตสึจุนด้านล่างก็ได้ค่ะ
ดู ดูคิ้วผม (มัตสึโมโต้ จุน ไม่ได้บอก)
เท่าที่ดูมา 3 ตอน ดาราชายที่ดิฉันรู้สึกว่าหน้าเหมือนคนญี่ปุ่นมากที่สุด ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมจนถึงหมวก เหมือนจนตอนพี่แกพูดภาษาไทยออกมา ดิฉันยังตกใจว่า อ้าว ไม่ใช่คนญี่ปุ่นเหรอ คนคนนั้นคือ “ทาคุยะ” ค่ะ คนนี้เล่นอยู่ติ๊ดเดียว เป็นนักเขียนที่รวบรวมตำนานเทพเจ้านกกระเรียน วิธีกันคิ้วและเล็มหนวดให้บางๆ ของทาคุยะซังนี่ ญี่ปุ่นมากๆ!
เป็นญี่ปุ่นสไตล์เถื่อนเล็กๆ
ซูมให้เห็นชัดๆ ญี่ปุ่นเนอะ
ที่น่าตกใจกว่า คือพอไปเสิร์ชข้อมูลว่าใครเล่นเป็นทาคุยะ ก็พบชื่อเขียนว่า “ปรีติ บารมีอนันต์” เสียงในหัวดิฉันตะโกนว่า “ใครวะ” แล้วก็เสิร์ชต่อ ... คนคนนี้ ก็คือ คุณแบงค์ วง CLASH!!! คุณผู้อ่านหลายท่านอาจทราบอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ร้างลาวงการบันเทิงไทยไปนานอย่างดิฉัน จำแทบไม่ได้เลย คุณแบงค์ที่ดิฉันรู้จักไว้ผมตั้งๆ นะ
แบงค์วง CLASH ในหัวเกตุวดี...ยังเป็นภาพแบบนี้อยู่...
3. ชุดเคนโด้
จิ๊ๆๆ อย่าเพิ่งลุ้นว่าหนังเรื่องนี้คาดผ้าคาดเอวผิดเหรอ อันนั้นมันผิดบ้องตื้นไป โปรดดูภาพต่อไปนี้ ...
จริงๆ จะให้คะแนนเสื้อผ้าเต็มสิบแล้ว แต่สังเกตเห็นป้ายชื่อเคนภูภูมิ เลยต้องลดเหลือ 9.5 คะแนน พลาดไปติ๊ดเดียว จุดที่วงสีแดงนั้น เขียนว่า “อากิระ (アキラ)” หลายท่านอาจรู้สึกว่า ก็ถูกอยู่แล้วนิ่...เคน เล่นเป็นผู้ชายชื่อ “อากิระ” ผิดตรงไหน?
อันที่จริงแล้ว โดยปกติทั่วไปคนญี่ปุ่นจะเรียกนามสกุลกันค่ะ ครูที่โรงเรียนเอย พนักงานเอย ยิ่งการแข่งขันเคนโด้ซึ่งทางก๊ารทางการแบบในฉากนี้ ป้ายชื่อควรจะเป็นนามสกุล กล่าวคือ “宮川 (มิยาคาวะ)” และควรเขียนด้วยตัวคันจิ ไม่ใช่อักษรฮิรากานะ ถ้าเขียนด้วยฮิรากานะจะดูเป็นเด็กอมมือที่ไม่รู้วิธีเขียนคันจิค่ะ
ส่วนการเรียกชื่อจริง ในกรณีนี้คือ “อากิระ” จะใช้เรียกกันกรณีเฉพาะคนในครอบครัว หรือแฟน หรือเพื่อนสนิทกันเท่านั้น สมมติถ้าอยู่ในคลาส เพื่อนผู้ชายก๊วนเดียวกันก็คงเรียกว่า อากิระ แต่ถ้าชมพู่หรือนักเรียนหญิงคนอื่นที่ไม่สนิทมากจะเรียก ก็ต้องเรียกว่า “มิยาคาวะ-ซัง” ค่ะ
เพราะฉะนั้นการติดป้ายติดชื่อว่า “อากิระ” ก็เหมือนกับการที่นักศึกษามหาลัยไปตอบปัญหาชิงรางวัล แล้วติดป้ายหน้าอกตัวเองว่า “เผือก” แทนที่จะเป็น “นายภูผา แกร่งดังภูผา” นั่นแหละค่ะ
ญี่ปุ่นของแท้ต้องแบบนี้! เขียนนามสกุล และเป็นตัวคันจิ
4. อี๋...เห็ดสด
นี่คือ เบนโตะข้าวกลางวันที่เคน ภูภูมิจะทานตอนวันแข่งเคนโด้ แต่โดนแมวคาบปลาย่างไป
อย่าให้แมวดึงความสนใจไปค่ะ สิ่งที่ดิฉันสนใจเป็นพิเศษในช็อทนี้ คือ เห็ดดิบในกล่องเบนโตะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอากิระจะกินยังไง คนขับรถต้องเตรียมเตาปิ้งไฟมาให้ด้วยหรือเปล่า คนญี่ปุ่นไม่ใส่เห็ดเป็นท่อนแบบนี้ลงไปในเบนโตะข้าวกลางวันนะคะ ไม่กินดิบๆ ด้วย อย่างน้อยหั่นแล้วเอาไปต้ม เอาไปผัดกันก่อน อันนี้ทีมงานคงจัดมาเพื่อความสวยงามของฉากเฉยๆ
ป.ล. ไม่เคยได้ยินว่ามีหมาแมวเพ่นพ่านในมหาลัยญี่ปุ่น มหาลัยโกเบที่ดิฉันเคยอยู่ มีแต่หมูป่าเพ่นพ่านค่ะ (ซีเรียส นี่เรื่องจริง...มหาลัยอยู่บนเขา หน้าหนาว หมูป่ามันลงมาหาอาหารในแคมปัส)
5. การโค้งคำนับ
ละครเรื่องนี้มีฉากโค้งคำนับเยอะมาก ส่วนตัวรู้สึกว่ามีหลายฉากที่แปลกๆ เจอกันในบ้านไม่ต้องโค้งอะไรกันเยอะขนาดนั้นก็ได้ แต่อธิบายไม่ได้ว่ามันแปลกอย่างไร
สุดท้าย ดิฉันจับความแตกต่างหนึ่งได้ค่ะ คนไทย (ที่เล่นเป็นญี่ปุ่น) จะพูดๆๆ บทก่อน แล้วค่อยโค้งคำนับลงไป เช่น ตัวละครจะพูดว่า “เดี๋ยวผมจะออกจากบ้านแล้วครับคุณยาย” แล้วก็โค้งแบบตั้งอกตั้งใจโค้ง มันเลยดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ในขณะที่คนญี่ปุ่นจะพูดด้วยแล้วก็โค้งด้วย ใครเคยทำงานกับคนญี่ปุ่น ให้ลองนึกภาพนายตอนคุยโทรศัพท์เป็นภาษาญี่ปุ่น ปากพูดไป หัวก็กระดึ๊บๆ โค้งไป นั่นแหละค่ะ ถึงจะเป็นธรรมชาติ
*********************
เท่าที่ดูมาสามตอน โดยรวมเรื่องนี้เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับญี่ปุ่นดีค่ะ ไม่ค่อยมีจุดผิดพลาดที่เด่นชัดเลย นี่ดูๆ ไป ดิฉันก็เริ่มติด กำลังลุ้นว่าพุธนี้ ปีศาจหิมะจะแก้แค้นหรือทำอะไรกับมาโกโตะ (ฝั่งตัวร้าย) หรือเปล่า ชักเริ่มอิน คงติดตามดูต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
ป.ล. ฝากไว้เป็นเกร็ดความรู้.. ใครไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วต้องพักหรือเดินในห้องปูเสื่อทาทามิ กรุณาถอดรองเท้าหรือสลิปเปอร์ก่อนนะจ๊ะ (ใส่ถุงเท้าได้) ไม่งั้น เสื่อจะสกปรกง่ายและพังเร็วจ้ะ
ในเรื่องชมพู่เล่นเป็นนักเรียนไทย คงยังไม่รู้ธรรมเนียมนี้ พี่เข้าใจค่ะ
ที่มา
http://www.marumura.com/entertainment/?id=7163
ดูๆไปก็ฮาบางข้อ และแหม่งๆใจเล็กตอนที่ชื่อคิราระเขียนเป็นตัวคานะ แถมเป็นชื่อจริงตะหาก 555 แต่ละครเรื่องนึ้ดูแล้วพอละเมียดละไมอยู่เหมือนกัน
ขออภัยครับ พอดีตั้งในมือถือ ไม่สามารถเอารูปลงได้
คลี่ "กลกิโมโน"
ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณ....
1. ขอบคุณเพื่อนในเฟสทั้งหลาย
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่โพสท์ภาพผีฮิโตชิ (ผีเด็กแม็ก/ผีเด็กจูออน) กัน โชคดีที่เห็นในเฟสบุ๊คล่วงหน้า ดิฉันจึงสามารถทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้วว่า เรื่องนี้ มันมีผีเด็กตาดำๆ หน้าขาวๆ น่ากลัวๆ (ขอละภาพประกอบไว้ในจินตนาการนะจ๊ะ)
คือตอนนั่งดูที่บ้านคนเดียว มันจะมีฉากเด็กหญิงอายูมิกับคุณพ่อนั่งรถจิ๊จ๊ะกัน รอบข้างก็เป็นป่าเขาลำเนาไพรสวยงาม จู่ๆ ดนตรีก็เปลี่ยนเป็นเสียงกลองตุ้งแช่ “ผ่าง!” แล้วก็ตัดภาพมาที่เด็กจูออนนี่นั่งบนหลังคารถ แล้วก็ตัดไปที่ฉากกุ๊กกิ๊กพ่อลูกใหม่ แล้วก็ “ผ่าง!” เด็กจูออนกลับมาอีกแล้ว! นั่งข้างๆ คนขับ! ไรเงี้ย หลอนค่ะ
ใครยังไม่ได้ดูและคิดจะดู ระวังการปรากฏตัวกะทันหันของเด็กน้อยคนนี้ให้ดีนะคะ
2. ขอบคุณผู้แต่ง ผู้จัดและผู้เขียนบท
เมื่อเทียบกับละครเรื่องอื่นที่เล่นธีมเป็นญี่ปุ่น ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้ดูโอเคเลย เรื่องเสื้อผ้า พิธีต่างๆ ใช้ได้เลยค่ะ ไม่ค่อยมีฉากให้เราขำกันเหมือนเรื่องอื่น ฉากที่ประทับใจมากๆ คือ ฉากที่ปีศาจหิมะถล่มเมืองเพราะเทพเจ้านกกระเรียน (ป๋าเบิร์ด) ไม่รับรัก จริงๆ ท่านเทพก็ไม่ผิด ก็คนมันไม่ได้รัก ช่วยไม่ได้นี่นา สรุป ก็เลยสู้กันไปมา ทั้งๆ ที่ท่านเทพสามารถตัดช่องน้อยแต่พอตัวชิ่งกลับสวรรค์ได้ แต่ท่านก็แมนพอที่จะปกป้องชาวเมืองจากภัยหิมะ และแสดงความรับผิดชอบด้วยการอยู่ช่วยเหลือมนุษย์ แถมต้องสูญเสียอำนาจเทพ
การแสดงความรับผิดชอบแบบนี้แหละ สมเป็นชาวญี่ปุ่น (และเทพเจ้าญี่ปุ่น) จริงๆ
ท่านเทพถอดใจเพราะอดกลับสวรรค์ไปเจอแฟน และกรีดเลือดให้ชาวบ้านดื่ม มิใช่คว้านท้องฮาราคีรี
คุณผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะเริ่มถอดใจ ....อุตส่าห์รอวิจารณ์เผ็ดร้อน จะอวยไปถึงไหนกัน ... อันนี้อิชั้นก็เขียนไปตามเนื้อผ้า เขาทำดี ไม่ค่อยมีอะไรผิดพลาดใหญ่หลวง ถ้าจะพูดถึงประเด็นที่ดูแล้วตะขิดตะขวงใจไม่น่ามีในญี่ปุ่น ก็จะมีอยู่บ้าง แต่เป็นประเด็นเล็กๆ น้อยๆ มากๆ ค่ะ หยิบยกมาเป็นตัวอย่างให้เป็นน้ำจิ้มนะคะ
1. นักดนตรีข้างถนน
เจ้าพิณยาวๆ ในภาพ เรียกว่า “โคโตะ” ค่ะ เป็นเครื่องดนตรีญี่ปุ่นโบราณ และเป็นเครื่องดนตรีที่ท่านชายโฮชิ (ป๋าเบิร์ด) โปรดปรานมาก มีอยู่ฉากหนึ่งท่านชายเดินหานางเอกในเมือง พลันไปเจอนักดนตรีข้างถนนดีดโคโตะเข้า ท่านชายชะงัก... นัยว่าเจอเครื่องดนตรีโปรด ส่วนเกตุวดีก็ชะงัก ... เพราะ....
หนึ่ง เวลานักแสดงข้างถนนเล่นดนตรีในญี่ปุ่น มันไม่มีคนมายืนมุงเยอะขนาดนี้หรอก มีแต่เดินผ่านไปผ่านมา คนญี่ปุ่นยุ่งจะตายและเดินสปีดไล่ควายมาก ส่วนในละครตัวประกอบยืนกันแบบตั้งใจดูมาก หาภาพแบบนี้ได้ยากมากในท้องถนนญี่ปุ่นค่ะ (ยกเว้นวงนั้นเล่นดีจริง เล่นมานานแล้ว คนเริ่มรู้จัก)
สอง มันไม่มีใครเอาโคโตะมานั่งดีดริมถนนแบบนี้! (อันนี้ตกใจมากกว่าข้อแรก) คือ ... ดนตรีเปิดหมวกที่ญี่ปุ่น ก็น่าจะเหมือนประเทศอื่นๆ ในโลก คือมีคนเล่นกีต้าร์บ้าง เบสบ้าง ไวโอลินก็มี แซกโซโฟนก็เยอะ แต่....ไม่เคยเลย ที่มีนักดนตรีหยิบเครื่องดนตรีญี่ปุ่นมาเล่น
เครื่องดนตรีญี่ปุ่นอย่างชามิเซ็นหรือโคโตะ ก็คล้ายซอกับขิมบ้านเรา คือ เสียงไม่ได้ดังขนาดนั้น มักจะเล่นในที่เงียบๆ ที่ที่ดูญี่ปุ่นๆ อย่างห้องเสื่อทาทามิ คนเล่นก็ต้องใส่กิโมโน ดูขลังดี ดิฉันเลยตกใจที่เห็นมีคนมาดีดโคโตะกันกลางถนนคนเดินขนาดนั้น (ตอนฉากท่านชายให้ติ๊ปนักดนตรีคนนี้ไปหมื่นเยนยังไม่อึ้ง ... เพราะพยายามเข้าใจว่า ท่านชายป๋ารวย)
2. คิ้ว...Cute
ส่วนตัวไม่ได้สนใจตำนานรักอันดื่มด่ำระหว่างเทพนกกระเรียนกับเทพธิดาอะไรเท่าไร ดูแล้วอิจฉา ดิฉันก็เลยนั่งจดจ่อกับอะไรที่ชอบแทน...ดาราหนุ่มฮ่ะ (ยกมือปาดน้ำหมากน้ำลาย)
หนุ่มๆ ที่เล่นในเรื่องก็มีทั้งสไตล์ตี๋อย่างอากิระ พระรอง (เคนภูภูมิ) และสไตลคมเข้มอย่างอากิฮาระ พี่ชายพระรอง กับฮิเดโนริ ตัวร้ายที่ชอบชวนอากิระทะเลาะ
ทั้ง 3 คนหน้าตาดีมาก และเล่นเป็นคนญี่ปุ่นทั้งหมด ปลื้มปริ่มมมม... แต่มีบางจุดที่ดิฉันยังไม่สามารถสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นได้ 100%... คือ เสื้อผ้าก็ดูญี่ปุ่นพอใช้ได้ ทรงผมก็โอเค อะไรน้าที่ทำให้เรายังรู้สึกเหมือนดูละครไทยอยู่
คำตอบก็คือ ... “คิ้ว” ค่ะ
นักแสดงทั้ง 3 คนกันคิ้วแบบเป็นธรรมชาติๆ ชายไทยไม่ค่อยนิยมกันคิ้วสักเท่าไร แต่หากใครเคยไปญี่ปุ่น จะพบว่าผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่กันคิ้วกันทั้งนั้น คือไปร้านตัดผม เค้าก็จะกันให้อัตโนมัติอยู่แล้วค่ะ (ของผู้หญิงไม่มีนะจ๊ะ เสียใจด้วย) การกันคิ้วเป็นเรื่องปกติมาก
ถามว่าผู้ชายญี่ปุ่นกันคิ้วยังไงให้ดูกรณีตัวอย่างก่อน ดิฉันพยายามคัดดาราชายสไตล์คิ้วเข้มๆ เพราะหล่อ....เอ้ย คล้ายๆ นักแสดง 3 ท่านด้านบน พอจะเห็นความแตกต่างไหมคะ
(ซ้ายไปขวา) Hirai Ken, Kitamura Kazuki (คนที่เล่น Neko Samurai) และ Miura Haruma
คิ้วหนุ่มญี่ปุ่นจะกันแบบไม้บรรทัดตรง เป๊ะ ขีดเฉียงไปให้ตรง ดูเฉี่ยวเท่ห์ค่ะ ส่วนตรงปลายจะทำเป็นหักมุมลงมาเหมือนคิ้วผู้หญิงก็ได้หรือเฉียงขึ้นไปเลยก็ได้ ไม่ได้ทำเป็นแบบธรรมชาติมากเหมือนดาราไทย
อีกตัวอย่าง ขอถวายภาพประกอบแด่สาวกวง ARASHI ....ลองดูคิ้วมัตสึจุนด้านล่างก็ได้ค่ะ
ดู ดูคิ้วผม (มัตสึโมโต้ จุน ไม่ได้บอก)
เท่าที่ดูมา 3 ตอน ดาราชายที่ดิฉันรู้สึกว่าหน้าเหมือนคนญี่ปุ่นมากที่สุด ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมจนถึงหมวก เหมือนจนตอนพี่แกพูดภาษาไทยออกมา ดิฉันยังตกใจว่า อ้าว ไม่ใช่คนญี่ปุ่นเหรอ คนคนนั้นคือ “ทาคุยะ” ค่ะ คนนี้เล่นอยู่ติ๊ดเดียว เป็นนักเขียนที่รวบรวมตำนานเทพเจ้านกกระเรียน วิธีกันคิ้วและเล็มหนวดให้บางๆ ของทาคุยะซังนี่ ญี่ปุ่นมากๆ!
เป็นญี่ปุ่นสไตล์เถื่อนเล็กๆ
ซูมให้เห็นชัดๆ ญี่ปุ่นเนอะ
ที่น่าตกใจกว่า คือพอไปเสิร์ชข้อมูลว่าใครเล่นเป็นทาคุยะ ก็พบชื่อเขียนว่า “ปรีติ บารมีอนันต์” เสียงในหัวดิฉันตะโกนว่า “ใครวะ” แล้วก็เสิร์ชต่อ ... คนคนนี้ ก็คือ คุณแบงค์ วง CLASH!!! คุณผู้อ่านหลายท่านอาจทราบอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ร้างลาวงการบันเทิงไทยไปนานอย่างดิฉัน จำแทบไม่ได้เลย คุณแบงค์ที่ดิฉันรู้จักไว้ผมตั้งๆ นะ
แบงค์วง CLASH ในหัวเกตุวดี...ยังเป็นภาพแบบนี้อยู่...
3. ชุดเคนโด้
จิ๊ๆๆ อย่าเพิ่งลุ้นว่าหนังเรื่องนี้คาดผ้าคาดเอวผิดเหรอ อันนั้นมันผิดบ้องตื้นไป โปรดดูภาพต่อไปนี้ ...
จริงๆ จะให้คะแนนเสื้อผ้าเต็มสิบแล้ว แต่สังเกตเห็นป้ายชื่อเคนภูภูมิ เลยต้องลดเหลือ 9.5 คะแนน พลาดไปติ๊ดเดียว จุดที่วงสีแดงนั้น เขียนว่า “อากิระ (アキラ)” หลายท่านอาจรู้สึกว่า ก็ถูกอยู่แล้วนิ่...เคน เล่นเป็นผู้ชายชื่อ “อากิระ” ผิดตรงไหน?
อันที่จริงแล้ว โดยปกติทั่วไปคนญี่ปุ่นจะเรียกนามสกุลกันค่ะ ครูที่โรงเรียนเอย พนักงานเอย ยิ่งการแข่งขันเคนโด้ซึ่งทางก๊ารทางการแบบในฉากนี้ ป้ายชื่อควรจะเป็นนามสกุล กล่าวคือ “宮川 (มิยาคาวะ)” และควรเขียนด้วยตัวคันจิ ไม่ใช่อักษรฮิรากานะ ถ้าเขียนด้วยฮิรากานะจะดูเป็นเด็กอมมือที่ไม่รู้วิธีเขียนคันจิค่ะ
ส่วนการเรียกชื่อจริง ในกรณีนี้คือ “อากิระ” จะใช้เรียกกันกรณีเฉพาะคนในครอบครัว หรือแฟน หรือเพื่อนสนิทกันเท่านั้น สมมติถ้าอยู่ในคลาส เพื่อนผู้ชายก๊วนเดียวกันก็คงเรียกว่า อากิระ แต่ถ้าชมพู่หรือนักเรียนหญิงคนอื่นที่ไม่สนิทมากจะเรียก ก็ต้องเรียกว่า “มิยาคาวะ-ซัง” ค่ะ
เพราะฉะนั้นการติดป้ายติดชื่อว่า “อากิระ” ก็เหมือนกับการที่นักศึกษามหาลัยไปตอบปัญหาชิงรางวัล แล้วติดป้ายหน้าอกตัวเองว่า “เผือก” แทนที่จะเป็น “นายภูผา แกร่งดังภูผา” นั่นแหละค่ะ
ญี่ปุ่นของแท้ต้องแบบนี้! เขียนนามสกุล และเป็นตัวคันจิ
4. อี๋...เห็ดสด
นี่คือ เบนโตะข้าวกลางวันที่เคน ภูภูมิจะทานตอนวันแข่งเคนโด้ แต่โดนแมวคาบปลาย่างไป
อย่าให้แมวดึงความสนใจไปค่ะ สิ่งที่ดิฉันสนใจเป็นพิเศษในช็อทนี้ คือ เห็ดดิบในกล่องเบนโตะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอากิระจะกินยังไง คนขับรถต้องเตรียมเตาปิ้งไฟมาให้ด้วยหรือเปล่า คนญี่ปุ่นไม่ใส่เห็ดเป็นท่อนแบบนี้ลงไปในเบนโตะข้าวกลางวันนะคะ ไม่กินดิบๆ ด้วย อย่างน้อยหั่นแล้วเอาไปต้ม เอาไปผัดกันก่อน อันนี้ทีมงานคงจัดมาเพื่อความสวยงามของฉากเฉยๆ
ป.ล. ไม่เคยได้ยินว่ามีหมาแมวเพ่นพ่านในมหาลัยญี่ปุ่น มหาลัยโกเบที่ดิฉันเคยอยู่ มีแต่หมูป่าเพ่นพ่านค่ะ (ซีเรียส นี่เรื่องจริง...มหาลัยอยู่บนเขา หน้าหนาว หมูป่ามันลงมาหาอาหารในแคมปัส)
5. การโค้งคำนับ
ละครเรื่องนี้มีฉากโค้งคำนับเยอะมาก ส่วนตัวรู้สึกว่ามีหลายฉากที่แปลกๆ เจอกันในบ้านไม่ต้องโค้งอะไรกันเยอะขนาดนั้นก็ได้ แต่อธิบายไม่ได้ว่ามันแปลกอย่างไร
สุดท้าย ดิฉันจับความแตกต่างหนึ่งได้ค่ะ คนไทย (ที่เล่นเป็นญี่ปุ่น) จะพูดๆๆ บทก่อน แล้วค่อยโค้งคำนับลงไป เช่น ตัวละครจะพูดว่า “เดี๋ยวผมจะออกจากบ้านแล้วครับคุณยาย” แล้วก็โค้งแบบตั้งอกตั้งใจโค้ง มันเลยดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ในขณะที่คนญี่ปุ่นจะพูดด้วยแล้วก็โค้งด้วย ใครเคยทำงานกับคนญี่ปุ่น ให้ลองนึกภาพนายตอนคุยโทรศัพท์เป็นภาษาญี่ปุ่น ปากพูดไป หัวก็กระดึ๊บๆ โค้งไป นั่นแหละค่ะ ถึงจะเป็นธรรมชาติ
*********************
เท่าที่ดูมาสามตอน โดยรวมเรื่องนี้เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับญี่ปุ่นดีค่ะ ไม่ค่อยมีจุดผิดพลาดที่เด่นชัดเลย นี่ดูๆ ไป ดิฉันก็เริ่มติด กำลังลุ้นว่าพุธนี้ ปีศาจหิมะจะแก้แค้นหรือทำอะไรกับมาโกโตะ (ฝั่งตัวร้าย) หรือเปล่า ชักเริ่มอิน คงติดตามดูต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
ป.ล. ฝากไว้เป็นเกร็ดความรู้.. ใครไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วต้องพักหรือเดินในห้องปูเสื่อทาทามิ กรุณาถอดรองเท้าหรือสลิปเปอร์ก่อนนะจ๊ะ (ใส่ถุงเท้าได้) ไม่งั้น เสื่อจะสกปรกง่ายและพังเร็วจ้ะ
ในเรื่องชมพู่เล่นเป็นนักเรียนไทย คงยังไม่รู้ธรรมเนียมนี้ พี่เข้าใจค่ะ
ที่มา http://www.marumura.com/entertainment/?id=7163
ดูๆไปก็ฮาบางข้อ และแหม่งๆใจเล็กตอนที่ชื่อคิราระเขียนเป็นตัวคานะ แถมเป็นชื่อจริงตะหาก 555 แต่ละครเรื่องนึ้ดูแล้วพอละเมียดละไมอยู่เหมือนกัน
ขออภัยครับ พอดีตั้งในมือถือ ไม่สามารถเอารูปลงได้