สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เห็นคุณแท็คคนไทยในอเมริกา แปลว่ากองทุนเกษียณอายุที่คุณว่านั่นคือ 401K (โฟร์โอวันเค)
ปกติไม่มีใครเค้าขายออกมาก่อนหรอกค่ะ
นอกจากค่าปรับ/ภาษีมันแพงแล้ว
มันยังเป็นก้อนสุดท้ายของชีวิตที่เจ้าของต้องกินต้องใช้ตอนแก่ ตอยทำงานไม่ได้แล้วน่ะ
มันสำคัญมากนะคุณ ใครๆ ในอเมริกาเค้าก็เก็บสะสมไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานกันทั้งนั้น
แล้วนี่คุณยอมให้เค้าขายออกมาเพื่อเอาไปให้คนอื่นใช้ในเรื่องที่ไม่จำเป็น/คอขาดบาดตายเนี่ยนะ
แล้วตอนบั้นปลายชีวิตสามีคุณเค้าจะเอาเงินที่ไหนใช้???
(สะสมใหม่มันก็ได้อยู่หรอก ช้าไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย)
เรื่องที่คุณรู้สึกว่ามันติดค้างอยู่ในใจคุณนี่
คุณแต่งงานสร้างครอบครัวของต้วเองแล้ว
อย่าให้เรื่องนี้มาทำลายครอบครัวของคุณค่ะ
คุณต้องเข้มแข็ง มีจุดยืนของตัวเอง
ถ้าคุณคิดมากจนเป็นทุกข์ ก็จะกระทบกับสามีคุณด้วย
เค้าจะมีความสุขได้ไงถ้ารู้ว่าภรรยาตัวเองเป็นทุกข์เพราะเค้าจน??
ไม่รู้สึกแย่กับตัวเองมากๆๆๆๆเลยเหรอคะ
"ประเด็นสินสอด แฟชั่นค่านิยม คน ตจว ที่ต้องแข่งขันกันเรื่องนี้" นี่เป็นเรื่องนานาจิตตังค่ะ
อย่างที่ว่าแหละ คุณต้องมีจุดยืนของตัวเอง
จะแคร์ทุกคน หรือทำให้ทุกคนพูดถึงคุณในแง่ดีไปหมดเป็นไปไม่ได้หรอก
อยู่กับปัจจุบัน ช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ของคุณเมื่อท่านเดือดร้อน
และซื้อของให้ท่านบ้างเพื่อบำรุงสุขภาพ/อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต แค่นี้ก็ถือว่าคุณกตัญญูแล้วค่ะ
คุณไม่จำเป็นต้องรับเอาค่านิยมของคนรุ่นก่อนเข้ามาใช้ในชีวิตคุณทั้งหมด
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ค่านิยมของคนเราก็เปลี่ยนตาม เป็นปกติธรรมดาของมนุษย์นะคะ
ปกติไม่มีใครเค้าขายออกมาก่อนหรอกค่ะ
นอกจากค่าปรับ/ภาษีมันแพงแล้ว
มันยังเป็นก้อนสุดท้ายของชีวิตที่เจ้าของต้องกินต้องใช้ตอนแก่ ตอยทำงานไม่ได้แล้วน่ะ
มันสำคัญมากนะคุณ ใครๆ ในอเมริกาเค้าก็เก็บสะสมไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานกันทั้งนั้น
แล้วนี่คุณยอมให้เค้าขายออกมาเพื่อเอาไปให้คนอื่นใช้ในเรื่องที่ไม่จำเป็น/คอขาดบาดตายเนี่ยนะ
แล้วตอนบั้นปลายชีวิตสามีคุณเค้าจะเอาเงินที่ไหนใช้???
(สะสมใหม่มันก็ได้อยู่หรอก ช้าไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย)
เรื่องที่คุณรู้สึกว่ามันติดค้างอยู่ในใจคุณนี่
คุณแต่งงานสร้างครอบครัวของต้วเองแล้ว
อย่าให้เรื่องนี้มาทำลายครอบครัวของคุณค่ะ
คุณต้องเข้มแข็ง มีจุดยืนของตัวเอง
ถ้าคุณคิดมากจนเป็นทุกข์ ก็จะกระทบกับสามีคุณด้วย
เค้าจะมีความสุขได้ไงถ้ารู้ว่าภรรยาตัวเองเป็นทุกข์เพราะเค้าจน??
ไม่รู้สึกแย่กับตัวเองมากๆๆๆๆเลยเหรอคะ
"ประเด็นสินสอด แฟชั่นค่านิยม คน ตจว ที่ต้องแข่งขันกันเรื่องนี้" นี่เป็นเรื่องนานาจิตตังค่ะ
อย่างที่ว่าแหละ คุณต้องมีจุดยืนของตัวเอง
จะแคร์ทุกคน หรือทำให้ทุกคนพูดถึงคุณในแง่ดีไปหมดเป็นไปไม่ได้หรอก
อยู่กับปัจจุบัน ช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ของคุณเมื่อท่านเดือดร้อน
และซื้อของให้ท่านบ้างเพื่อบำรุงสุขภาพ/อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต แค่นี้ก็ถือว่าคุณกตัญญูแล้วค่ะ
คุณไม่จำเป็นต้องรับเอาค่านิยมของคนรุ่นก่อนเข้ามาใช้ในชีวิตคุณทั้งหมด
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ค่านิยมของคนเราก็เปลี่ยนตาม เป็นปกติธรรมดาของมนุษย์นะคะ
ความคิดเห็นที่ 19
ขอไม่ให้วิจารณ์ครอบครัวแต่มันอดไม่ได้จริงๆค่ะ
คือทางศาสนาพุทธนี่มีหลักธรรมคำสั่งสอนมากมายหลายข้อ ความกตัญญูนี่มันก็ดี อริยสัจ4 ก็ใช้พิจารณาและดับทุกข์ได้ แต่อย่าลืมข้ออุเบกขาในพรหมวิหาร 4ด้วย
คือการรู้จักวางเฉยเมื่อไตร่ตรองแล้วสิ่งที่เราทำนั้นดีที่สุดหรือเราไม่สามารถช่วยเหลือใครได้มากกว่านี้
เอาตรงๆคือแม่คุณเป็นทุกข์เพราะทำตัวเอง ไม่มีความสุขเพราะเอาคำคนอื่นมาใส่ใจ มาเหนืออารมณ์ มีอิทธิพลมากกว่าสติปัญญาตัวเอง ที่ควรพิจารณาว่าอะไรดีไม่ดีหรือเหมาะสมไม่เหมาะสม ใส่ใจกับชาวบ้านใจหยาบที่ขาดมุฑิตา คือการยินดีเมื่อคนอื่นได้ดี เที่ยวนินทา เสียดสี เยาะเย้นว่าคนอื่นเขาจน สามีเขาเป็นฝรั่งขี้นก โอ้อวดความมั่งมีหรือลูกเขยตัวเอง
จะว่าเราเลวก็ได้นะ ถ้าเป็นแม่เรา โดนเราเทศนาตรงๆแน่ แม่ต้องดับทุกข์ด้วยการไม่ใส่ใจคำนินทา ไม่ใช่มาทุกข์ร้อน ขูดรีดกับลูกและลูกเขย ถ้าคุณแต่งงานดีๆ สินสอดเยอะ เขาก็อยากให้สร้างบ้านให้ ซื้อรถให้ พาไปเที่ยวเมืองนอก มีหลานน่ารัก หลานต้องเข้าวงการบันเทิง เหมือนลูกหลานบ้านนั้นบ้านนี้ทำ กิเลสมันไม่สิ้นสุดหรอกคุณ ยิ่งคุณไปส่งเสริม(แบบเกินกำลัง)แต่แรก มันก็เหมือนทำให้เขาอยู่วงจรกิเลสไม่สิ้นสุด
พ่อของคุณเป็นครูก็น่าจะคิดได้นะ ส่วนน้องชายคุณนี่ปากดีมาก ถ้ามันเก่งเหมือนปากคงช่วยพ่อแม่เคลียร์หนี้ ปลูกบ้านหลังใหญ่ได้แล้ว ไม่ใช่มาหวังสินสอดพี่สาว มากๆ
ขอโทษที เราพูดแรง แต่เราโมโห รอบๆตัวเราเจอเรื่องแบบนี้เยอะมาก คิดเรื่องกว้างๆ กันบ้างก็ดีนะ แบบระดับประเทศ ระดับทวีป ระดับโลกน่ะ
ส่วนเรื่องงานแต่ง เรายังไม่แต่ง จะจัดงานไหมคือดูความเหมาะสมณ ตอนนั้น สินสอดไม่เอา ค่าซองให้แม่ แม่เราไม่เรียกสินสอดด้วย ตอนนั้นเราไปอยู่เมกา พูดเล่นๆว่าถ้าท้องไม่มีพ่อกลับไทยแม่จะว่าไง แม่ก็ว่า ไปหนึ่งกลับสองก็คุ้มดีนะ เราถามว่าแม่ไม่อายชาวบ้านเหรอ แม่ก็บอกว่าพวกมันไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ฉัน ไม่เคยให้ฉันกินด้วย แถมลูกผัวพวกมันก็ใช่ว่าจะดี แค่เรามีการมีงานทำ ดูแลตัวเองได้และมีความสุขแม่ก็โอเคหมดแหละ
คนเป็นแม่ควรเป็นแบบนี้ป่ะ ขอให้ลูกมีความสุข รักโดยไม่หวังผลตอบแทน เห็นแก่ลูกเหนือคนอื่น และช่วยเหลือลูกเมื่อลูกลำบาก เราว่าคุณจะเข้าใจเมื่อมีลูก
เราดูแลแม่เต็มที่ ให้เงิน ส่งน้องเรียน ซื้อของเข้าบ้าน พาเที่ยวตปท. พูดคุยให้คำปรึกษา พาไปตรวจสุขภาพ และกำลังจะซื้อรถให้ปลายปีหน้า แต่เราไม่ตามใจแม่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่สมเหตุสมผลแน่ๆ
ปล. สามีคุณเป็นคนดีและน่าสงสารมาก
คือทางศาสนาพุทธนี่มีหลักธรรมคำสั่งสอนมากมายหลายข้อ ความกตัญญูนี่มันก็ดี อริยสัจ4 ก็ใช้พิจารณาและดับทุกข์ได้ แต่อย่าลืมข้ออุเบกขาในพรหมวิหาร 4ด้วย
คือการรู้จักวางเฉยเมื่อไตร่ตรองแล้วสิ่งที่เราทำนั้นดีที่สุดหรือเราไม่สามารถช่วยเหลือใครได้มากกว่านี้
เอาตรงๆคือแม่คุณเป็นทุกข์เพราะทำตัวเอง ไม่มีความสุขเพราะเอาคำคนอื่นมาใส่ใจ มาเหนืออารมณ์ มีอิทธิพลมากกว่าสติปัญญาตัวเอง ที่ควรพิจารณาว่าอะไรดีไม่ดีหรือเหมาะสมไม่เหมาะสม ใส่ใจกับชาวบ้านใจหยาบที่ขาดมุฑิตา คือการยินดีเมื่อคนอื่นได้ดี เที่ยวนินทา เสียดสี เยาะเย้นว่าคนอื่นเขาจน สามีเขาเป็นฝรั่งขี้นก โอ้อวดความมั่งมีหรือลูกเขยตัวเอง
จะว่าเราเลวก็ได้นะ ถ้าเป็นแม่เรา โดนเราเทศนาตรงๆแน่ แม่ต้องดับทุกข์ด้วยการไม่ใส่ใจคำนินทา ไม่ใช่มาทุกข์ร้อน ขูดรีดกับลูกและลูกเขย ถ้าคุณแต่งงานดีๆ สินสอดเยอะ เขาก็อยากให้สร้างบ้านให้ ซื้อรถให้ พาไปเที่ยวเมืองนอก มีหลานน่ารัก หลานต้องเข้าวงการบันเทิง เหมือนลูกหลานบ้านนั้นบ้านนี้ทำ กิเลสมันไม่สิ้นสุดหรอกคุณ ยิ่งคุณไปส่งเสริม(แบบเกินกำลัง)แต่แรก มันก็เหมือนทำให้เขาอยู่วงจรกิเลสไม่สิ้นสุด
พ่อของคุณเป็นครูก็น่าจะคิดได้นะ ส่วนน้องชายคุณนี่ปากดีมาก ถ้ามันเก่งเหมือนปากคงช่วยพ่อแม่เคลียร์หนี้ ปลูกบ้านหลังใหญ่ได้แล้ว ไม่ใช่มาหวังสินสอดพี่สาว มากๆ
ขอโทษที เราพูดแรง แต่เราโมโห รอบๆตัวเราเจอเรื่องแบบนี้เยอะมาก คิดเรื่องกว้างๆ กันบ้างก็ดีนะ แบบระดับประเทศ ระดับทวีป ระดับโลกน่ะ
ส่วนเรื่องงานแต่ง เรายังไม่แต่ง จะจัดงานไหมคือดูความเหมาะสมณ ตอนนั้น สินสอดไม่เอา ค่าซองให้แม่ แม่เราไม่เรียกสินสอดด้วย ตอนนั้นเราไปอยู่เมกา พูดเล่นๆว่าถ้าท้องไม่มีพ่อกลับไทยแม่จะว่าไง แม่ก็ว่า ไปหนึ่งกลับสองก็คุ้มดีนะ เราถามว่าแม่ไม่อายชาวบ้านเหรอ แม่ก็บอกว่าพวกมันไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ฉัน ไม่เคยให้ฉันกินด้วย แถมลูกผัวพวกมันก็ใช่ว่าจะดี แค่เรามีการมีงานทำ ดูแลตัวเองได้และมีความสุขแม่ก็โอเคหมดแหละ
คนเป็นแม่ควรเป็นแบบนี้ป่ะ ขอให้ลูกมีความสุข รักโดยไม่หวังผลตอบแทน เห็นแก่ลูกเหนือคนอื่น และช่วยเหลือลูกเมื่อลูกลำบาก เราว่าคุณจะเข้าใจเมื่อมีลูก
เราดูแลแม่เต็มที่ ให้เงิน ส่งน้องเรียน ซื้อของเข้าบ้าน พาเที่ยวตปท. พูดคุยให้คำปรึกษา พาไปตรวจสุขภาพ และกำลังจะซื้อรถให้ปลายปีหน้า แต่เราไม่ตามใจแม่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่สมเหตุสมผลแน่ๆ
ปล. สามีคุณเป็นคนดีและน่าสงสารมาก
ความคิดเห็นที่ 43
ขอโทดนะคะ อันนี้ไม่ขอวิจารณ์บุพการีคุณแต่ขอวิจารณ์คุณ จขกท แล้วกัน
คุณไม่น่าตามใจท่านจนเหลิงเลย. มีอย่างที่ไหนให้สามีขายหุ้นที่จำเป็นต่อชีวิตในบั้นปลาย เอาไปเปนค่าสินสอด??!
คุณควรจะแนะนำคุนพ่อคุนแม่ให้ปล่อยวางนะคะ ไม่ใช่ท่านอยากได้อะไรก้ให้ บางอย่างมันมีขอบเขต
แล้วคุนก้ควรมีจุดยืน มีความหนักแน่นด้วย
ถ้าเปนเราเราจะไม่ให้แฟนมาเดือดร้อนเพราะพ่อแม่เราเด็ดขาด เพราะถ้าคู่คุนเดือดร้อน ชีวิตคุนในอนาคตก้จะพลอยโดนไปด้วย
คุณไม่น่าตามใจท่านจนเหลิงเลย. มีอย่างที่ไหนให้สามีขายหุ้นที่จำเป็นต่อชีวิตในบั้นปลาย เอาไปเปนค่าสินสอด??!
คุณควรจะแนะนำคุนพ่อคุนแม่ให้ปล่อยวางนะคะ ไม่ใช่ท่านอยากได้อะไรก้ให้ บางอย่างมันมีขอบเขต
แล้วคุนก้ควรมีจุดยืน มีความหนักแน่นด้วย
ถ้าเปนเราเราจะไม่ให้แฟนมาเดือดร้อนเพราะพ่อแม่เราเด็ดขาด เพราะถ้าคู่คุนเดือดร้อน ชีวิตคุนในอนาคตก้จะพลอยโดนไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
ทำยังไง ให้พ่อแม่ยอมรับเรื่องสินสอด ที่ไม่ได้เท่าที่พ่อและแม่หวัง? ดันอยากแต่งงานกับฝรั่ง ที่ไม่ร่ำรวย!!!
ทุกครั้งที่มีข่าวแต่งงาน ของคนในหมู่บ้าน (ตจว) บางครั้งแม่จะโทรมาเล่าว่า นี้ ลูกบ้านนั้นแต่งงาน ได้ค่าสินสอดเท่านั้นเท่านี้ !! และยิ่งลูกบ้านไหน ได้แต่งกับฝรั่ง ด้วยแล้ว แม่ยิ่งมีน้ำเสียงผิดหวังเล็กๆแฝงอยู่!!! แม่อาจลืมไปว่า เราเองรู้สึกเสียใจมาตลอดที่ทำให้แม่ผิดหวัง...
เราคบสามีคนนี้ เราเจอกันเพราะทำงานด้วยกัน เรารักกันเพราะ เค้าเป็นคนดีและที่สำคัญรักและให้เกียรติเรา แม้นว่าเราจะเป็นเด็กบ้านนอก ลูกข้าราชการจนๆ พ่อเรารับราชการครู แม่เป็นชาวนา พ่อมีหนี้สินมากมายตามปกติครูที่กู้เงินมาได้ง่ายๆ....แต่ความเป็นข้าราชการของพ่อ ทำให้ "สินสอด"ลูกสาวคือเรื่องของศักศรีของพรอเช่นกัน!!!....ก่อนคบเป็นแฟน เราขอให้สามีไปขอหมั้น เราก่อน เพราะเรารู้ดีว่าการคบฝรั่ง เป็นเรื่องที่คนดูถูกและวัดค่าด้วยเงิน ยิ่งตาม ตจว ยิ่งมาก ..สามีก็ไปขอหมั้นทั้งๆที่แทบจะไม่เคยไปไหนมาไหนสองคน เจอกันที่ทำงานยิ้มทักทายกัน จนเค้ามาบอกว่า ชอบเรา ขอคบเป็นแฟน เค้าก็ตามเราไปบ้าน ตจว หลังเล็กๆของเรา และขอหมั้น ...หลังจากขอหมั้น และแม่อนุญาติ เค้าก็กลับ กทม และเราอยู่บ้านต่อคุยกับ พ่อและแม่ เรื่องการเตรียม
งาน แม่ดูตื่นเต้นดีใจ เห็นลูกสาวมีแฟนและจะหมั้นหมาย เราบอกแม่ว่าแค่งานหมั้นขอจัดง่ายๆกราบพ่อแม่ และสวมแหวนหมั้นพอนะ แม่เราบอกไม่ได้ ต้องมีของหมั้นตามประเพณี แม่บอกว่าแค่หมั้น แค่ สองแสน ก็พอ !!!!เราก็บอกว่า ยังไม่ได้คบกันเป็นแฟนเลย ใครจะมายอมจ่ายเงินหลักแสน แล้วแม่ก็บ่นแล้วบอกว่าถ้าไม่มีก็ไม่ต้องหมั้น อายชาวบ้านเค้า...เราก็บอกว่า งั้นขอคบกันเป็นแฟนนะ แม่ยิ่งโมโห หาว่าใจง่าย เดี๋ยวจะโดนเค้าทิ้งคนจะดูถูก บราๆๆๆๆ
เราบอกว่า งั้น หมั้น ห้าหมื่น แหวนเพชร วงหนึ่ง รวมๆ ก็แสนหนึ่งได้มั้ย ....สรุปทะเลาะกันบ้านแทบแตก ร้องไห้ตาบวม พ่อสงสารลูก จึงอนุญาติให้จัดงานแค่ในญาติๆ เล็กๆ ...และสามีเราก็มาหมั้น ไม่บ่นเรื่อง เงินของหมั้นสักคำ มันทำให้เรา ยิ่งรัก ผู้ชายคนนี้ หลังจากนั้นเราก็เป็นแฟนกัน คบกันมา2ปี สามีเค้าเปิดเผยเรื่องเงินเดือน ตั้งแต่วันแรกที่เป็นแฟน ว่าเค้าเงินเดือนเท่าไหร่ มีภาระส่งลูกติด1คนและเค้าให้เราดูแลเรื่องเงิน ทั้งที่เป็นแค่แฟน ดังนั้นเรารู้ว่าเค้ามรเงินแค่ไหน ฐานะเช่นไร เค้าบอกว่าเค้าเลี้ยงดูเราได้ และอยากทำให้ดีที่สุด ต่อมาเรามีปัญหาเรื่องงาน เพราะถูกย้ายไปแผนกที่ไม่ชอบ สามีเค้าก็ให้ลาออก แล้วส่งให้เรียน ทำอาหาร เพราะอยากเปิดร้านอาหาร ช่างนี้คือ เป็นคนไม่มีเงินเดือนก็ไม่ได้ส่งให้แม่และพ่อ (ไม่ได้ส่งเยอะ เท่าที่ส่งได้) ...เข้าสู่ปีที่3..แรงกดดันให้แต่งงานเริ่ม ขึ้น แม่ พ่อและ น้องชาย ต่างถามเรื่องนี้ จนวันหนึ่งทะเลาะกันใหญ่ เพราะน้องพูดว่า อยู่นานขนาดนี้ก็อยู่ฟรีไปเหอะ พ่อแม่อายชาวบ้าน!!! เราเจ็บจี๊ดมากๆๆๆ ทั้งๆที่ผ่านมา เราได้บอกว่าขอเวลาเก็บเงิน !!!!แม่เรียกสินสอด 1ล้านบาท เราได้แต่อึ้ง เลยบอกแม่ว่า ลูกสาวแม่ เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา บ้านจนๆ ไม่ใช่นางสาวไทย ทำไมเรียกแพงขนาดนั้น ไม่มีปัญญาแต่งหรอก ......และก็ทะเลาะ แม่หาว่าเราเข้าข้างฝ่ายชาย ลดค่าตัวเอง แล้วยกตัวอย่าง ลูกสาวบ้านอื่นแต่ง เค้าก็ ได้กัน หก-เจ็ดแสน นี้แต่งกับฝรั่ง ไม่ได้ล้านหนึ่ง อายเค้าตาย ฝรั่งขี้นก!!!เราได้แต่ร้องไห้ กลับมาหาสามีมาระบายให้ฟัง เค้าก็ได้แต่สงสารเราและ เสียใจว่า เค้าไม่ได้ร่ำรวย เค้าทำให้เราผิดหวัง.....เค้าบอกว่า มีทางเดียวที่จะช่วยเราได้ คือเค้าต้องขายหุ้น ที่เค้าซื้อไว้ สำหรับเป็นกองทุนเกษียณอายุในประเทศเค้า ซึ่ง ถ้าขายออกมาก่อน เท่ากับผิดสัญญา และจะถูกหักภาษี 60% ...สรุปเค้ากลับไปขาย และขายได้ 1ล้าน และเสียภาษี4แสน!!!! เราน้ำตาไหลเลยที่เค้ายอมทิ้งเงินในอนาคตมาเพื่อเรา ....เราและสามีกลับ ตจว และบอกที่มาของเงิน และสามีบอกกับแม่ว่า "ผมยกเงินนี้ให้คุณแม่ทั้งหมด แต่ผมไม่มีเงินจัดงานแต่งงานตามที่คุณแม่อยากจัด ผมขอโทษคุณแม่ด้วยที่ผมไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่น แต่ผมรักลูกสาวคุณแม่มาก"สามีอยู่ไทยนานพูดไทยได้ เคยเป็นครูสอนภาษา) คงเพราะคำนี้ แม่เลยอนุญาติทั้งที่ผิดหวัง และพ่อเองไม่พอใจเรื่องการไม่จัดงานแต่งงาน เพราะ อยากได้ค่าซอง!!!!!! เราเลยขอร้องแม่ว่า ให้แม่ใช้เงิน นี้ จัดงานตามใจแม่ และแล้วแม่ก็เตรียมงาน ใช้งบจัดงานไป2แสน จึงมีเงินในขันหมาก 4แสน !!!!!และนี้ทำให้ญาติๆและคนอื่นๆ วิจารณ์เรา ลับหลัง จนไปถึงหูแม่ แม่ก็เก็บมาเป็นอารมณ์เสมอมา ไม่หยุดแค่นี้ ญาติบางคนยังพูดว่า ได้ลูกเขยฝรั่งไม่ให้มาสร้างบ้านให้ เหมือน ฝรั่งบ้านโน้นเอาเงินมาสร้างหลังใหญ่ !!!! นี้แม่เราก็เก็บมาเล่าให้ฟัง เรารู้ว่าแม่ผิดหวังมาก แต่แม่ยอมรับเพราะสามีเราเป็นคนดี เวลาที่ครอบครัวเราต้องการเงินก้อน 3-4หมื่น ตอนทำนา สามีก็ช่วย และให้เสมอ ไม่เคยบ่น...........จนวันนี้ มีคนในหมู่บ้านแต่งงานกับฝรั่ง แม่เราก็เปรียบเทียบสินสอดอีกครั้ง!!!!! เรารักแม่มาก แม่เป็นผู้หญิงเกร่ง แม่ทำงานหนัก ถูกญาติพี่น้องเอาเปรียบ และเปรียบเทียบกันเหมือนคอยอิจฉากันตลอด เราไม่โกรธแม่เลยที่เป็นแบบนี้ เราพะเรารู้ว่าแม่ เพียงแต่อยากให้ญาติๆยอมรับ เท่านั้น !!!!!!!! แต่เราเองที่รู้สึกเสียใจที่ไม่อาจทำได้อย่างแม่หวัง และพยายามหาวิธีพูดให้แม่เลิกเป็นทุกข์เรื่องนี้ แต่เหมือนกับว่า เรื่องนี้ไม่เคยไปเลือนลางไปเลยมันเด่นชัดทุกครั้ง ที่มีคนจะแต่งงาน และเรารู้ดีว่า แม่ยอมให้เราแต่งงานเพราะแม่รักเรามากกก
กระทู้นี้ เพียงอยาก ขอความเห็นและคำแนะนำ เพื่อคนที่กำลังคิดจะแต่งงานและมีปัญหาเดียวกัน มีทางออกที่ดีกว่าเรา
ปล ขออย่าได้วิจารณครอบครัวเรานะคะ ให้วิจารณ์ประเด็นสินสอด แฟชั่นค่านิยม คน ตจว ที่ต้องแข่งขันกันเรื่องนี้ ขออย่าพาดพิงบุพการีเรานะคะ