เบื่อไหมเวลาถามหาหนังซูเปอร์ฮีโร่ยอดเยี่ยมก็เจอแต่ The Dark Knight, X-Men, The Avengers, Superman, Spider-Man ทั้งที่โลกนี้มันไม่ได้มีแค่ DC กับ Marvel สักหน่อย ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักหนังซูเปอร์ฮีโร่ยอดเยี่ยมที่ไม่ได้สร้างจาก 2 ค่ายดังกันดีกว่า
20 อันดับนี่อาจจะต้องแบ่งเป็นสองส่วนคือ ครึ่งหลังเป็นประเภทพอดูได้ กับครึ่งแรกที่อยากจะแนะนำเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าใครยังไม่ได้ดูเรื่องไหนก็ลองหามาดูนะครับ หรือใครมีเรื่องไหนอยากแลกเปลี่ยนแนะนำก็เชิญได้เลยครับ ยินดีเป็นอย่างมากครับ
20 | Hancock (2008)
จริง ๆ เราว่าไอเดียหนังมันดีนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ลุค bad-ass ไม่แยแสว่าตัวเองได้ทำลายบ้านเมืองหรือคนจะเกลียดขนาดไหน ทั้งที่มีความสามารถพิเศษราวกับเป็น Superman แต่กลับมีภาพลักษณ์ย่ำแย่ จนกระทั่งได้เจอชายคนหนึ่งที่มาช่วยดูแลภาพลักษณ์ของเขาให้เป็นขวัญใจของประชาชน ซึ่งสูตรแบบนี้มันค่อนข้างใหม่และเป็นไอเดียที่ดีสำหรับหนังซูเปอร์โร่ แต่ก็นั่นแหละมันนำเสนอออกมาได้น่าผิดหวังสักเล็กน้อย
ส่วนเซอไพรส์เล็ก ๆ ครึ่งหลังนี่แล้วแต่คนจะพิจารณาละกันนะครับ ฮ่าๆๆๆ
19 | Sucker Punch (2011)
แซ็ค สไนเดอร์เคยอธิบายถึง Sucker Punch ว่ามันคือ "Alice in Wonderland เวอชั่นถือปืนกล" ซึ่งเป็นนิยามที่จำกัดความหนังได้เข้าใจง่ายเลยแหละ
ที่ผมหยิบมาใส่ในลิสต์นี้ทั้งที่มีก้ำกึ่งว่าจะไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ก็เพราะถ้ามองว่านักแสดงหญิงเป็นตัวหลักของเรื่อง แถมที่บู๊ก็เป็นผู้หญิงหมด มันจึงใกล้จะเรียกว่าเป็นหนังสายเฟมินิสต์ฉบับแอ็คชั่นเต็มสูบ ซึ่งสะท้อนว่าเหล่าผู้หญิงก็สามารถต่อสู้เพื่อตัวเองได้
การันตีว่าใครชอบความเท่ของแซ็ค สไนเดอร์ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ
18 | The Crow (1994)
อีกาพญายมมันก็คือหนังล้างแค้นธรรมดาน่ะแหละ แต่คือมันเป็นการฟื้นจากความตายเพื่อมาล้างแค้น และการล้างแค้นนั้นก็ส่งผลอีกด้านคือการปราบเหล่าอาชญากรตัวป่วนของเมืองที่รอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายมาตลอด แต่ที่สุดตามสูตรสำเร็จแล้วพวกชั่วร้ายก็ไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือพญายม
สไตล์กอธิคของผู้กำกับโดดเด่นมากจนต้องเชียร์เลยว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดาร์คเหมือน Batman ของทิม เบอร์ตันในช่วงยุคเดียวกันนั่นแหละ
17 | The Spirit (2008)
ส่วนตัวมองว่าหนังมีองค์ประกอบคุณภาพหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานภาพกราฟฟิคเหมือน Sin City ที่โดดเด่นงามได้ใจมาก ๆ, มีตัวละครซูเปอร์ฮีโร่เพลย์บอยคุณธรรมสูง, แฝงความเป็นตลกร้าย, และมีเนื้อเรื่องชวนติดตามดูตัวละครต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายมันเล่าเรื่องน่าเบื่อไปหน่อยเลยทำให้คนไม่ปลื้มหนังกัน
อย่างไรก็ตาม The Spirit ก็คือซูเปอร์ฮีโร่อยู่ดีน่ะแหละ
16 | Darkman (1990)
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 'แซม ไรมี่' (ผู้กำกับไตรภาค Spider-Man) แห้วรับประทาน อดกำกับ The Shadow หนังซูเปอร์ฮีโร่แรงบันดาลใจของแบทแมน สิ่งที่แซม ไรมี่ทำก็คือปั้นซูเปอร์ฮีโร่ของตัวเองขึ้นมา โดยให้ 'เลียม นีสัน' มารับบทดังกล่าว
หนังเล่าเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ที่โดนตัวร้ายบุกมาทำร้ายจนเสียโฉม เขาเลยต้องการล้างแค้นด้วยการพยายามปลูกถ่ายผิวหนังแต่ติดปัญหาว่าผิวหนังเทียมมันที่ช่วยปลอมตัวมันมีอายุอยู่ได้แค่ 99 นาที
จริง ๆ ก็แนวเดียวกับ The Crow น่ะแหละ แต่แอ็คชั่นได้ลุ้นกว่าเยอะ ฮ่าๆๆ
15 | The Mask (1994)
ถ้าถามหาการแสดงคอมีเดี้ยนที่ดีที่สุดของจิม แครี่ย์ก็คงต้องยกหน้ากากเทวดาขึ้นมาพิจารณากันอย่างแน่นอน
รวมถึงถ้าถามว่าฮีโร่คนไหนเกรียนที่สุดในปฐพี ยังไงก็ต้องมีชื่อ The Mask ยามออกฤทธิ์ติดอยู่ด้วยแน่นอน เป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยมุกยียวนชวนให้ไล่ตื้บ แม้กระทั่งเจ้าหมาไมโลยังน่ารักน่าเตะยามใส่หน้ากาก ฮ่าๆๆ
14 | Megamind (2010)
มันน่าสงสารนะที่คนเราถูกกำหนดความดี-เลวด้วยการแบ่งแยกจากรูปลักษณ์ภายนอก อนิเมชั่นว่าด้วยวายร้ายซึ่งสามารถปราบซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจชาวเมืองได้สำเร็จแต่ก็ต้องพบว่าตัวเองไม่เหลือคู่ปรับให้ต่อกร จึงสร้างซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ขึ้นมาเพื่อไว้เป็นคู่ต่อกร แต่เรื่องราวกลับตาลปัตรเมื่อซูเปอร์ฮีโร่ดันกลายเป็นวายร้าย ทำให้วายร้ายแบบ Megamind ต้องลุกขึ้นมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่
เป็นอีกครั้งที่อนิเมชั่นจากค่าย Dreamworks ไม่ทำให้ผิดหวัง
13 | Dick Tracy (1990)
หนังเล่าเรื่องของ 'ดิ๊ก เทรซี่' (Warren Beatty กำกับเอง แสดงเอง) ตำรวจนักสืบขวัญใจชาวเมืองต้องหาหลักฐานเพื่อปราบ 'บิ๊ก บอย' (Al Pacino) สุดยอดอาชญากรประจำเมืองที่วางแผนจะจับมืออาชญากรทั้งเมืองให้มาทำงานเป็นองค์กร
หนังออกแนว good cop vs. gangster มากกว่า แต่ด้วยตัวละครแต่งชุดคอสตูมสีสันจัดจ้านฉูดฉาดสุดฤทธิ์แถมยังมีลักษณะของภาพวาดการ์ตูนตลอดทั้งเรื่องจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หลาย ๆ ลิสต์หนัง รวมทั้งผมเองจะจัดเข้าหมวดหมู่ซูเปอร์ฮีโร่ไปด้วย
12 | Dredd (2012) / Robocop (2014)
สองเรื่องควบเพราะมันคือเรื่องของตำรวจสุดแกร่งเหมือนกัน
Robocop มาพร้อมประเด็น sci-fi ยอดฮิต จักรกลหรือมนุษย์ที่สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ (free will) แต่ที่น่าสนใจคือการเลือกหยิบแง่มุมประเด็นการตัดสินใจมอบอำนาจให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่รักษากฎหมายว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสียแค่ไหน และฉาก Robocop สู้กับ ED-209 เวอชั่นใหม่นี่ผ่านเกณฑ์ครับ
Dredd นี่แอ็คชั่นเพียว ๆ ขายความเป็นตำรวจซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีพล็อตรองคือต้องพาตำรวจมือใหม่ไปตะลุยตึกด้วยกัน
11 | Hellboy (2004) / Hellboy II: The Golden Army (2008)
ก็ต้องบอกว่ามันเป็นซูเปอร์ฮีโร่แนว dark fantasy ที่สร้างบุคลิกตัวละครออกแนว bad-ass จิตใจดี ซึ่งบทการเล่าเรื่องมันก็ไม่ได้ต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นหรอก ต้องขอชมเชย 'เดอ โทโร่' ว่าจัดหนักจัดเต็มสัตว์ประหลาดทั้งสองภาคให้คนดูอิ่มเอมไปกับความแฟนตาซีของหนัง
------------------------------------------------
ติดตามลิสต์หนังอื่น ๆ และรีวิวหนังเพิ่มเติมได้ที่
หนังโปรดของข้าพเจ้า
https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
------------------------------------------------
== 20 หนัง Superhero ยอดเยี่ยม ที่ไม่ได้สร้างจาก DC และ Marvel ==
เบื่อไหมเวลาถามหาหนังซูเปอร์ฮีโร่ยอดเยี่ยมก็เจอแต่ The Dark Knight, X-Men, The Avengers, Superman, Spider-Man ทั้งที่โลกนี้มันไม่ได้มีแค่ DC กับ Marvel สักหน่อย ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักหนังซูเปอร์ฮีโร่ยอดเยี่ยมที่ไม่ได้สร้างจาก 2 ค่ายดังกันดีกว่า
20 อันดับนี่อาจจะต้องแบ่งเป็นสองส่วนคือ ครึ่งหลังเป็นประเภทพอดูได้ กับครึ่งแรกที่อยากจะแนะนำเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าใครยังไม่ได้ดูเรื่องไหนก็ลองหามาดูนะครับ หรือใครมีเรื่องไหนอยากแลกเปลี่ยนแนะนำก็เชิญได้เลยครับ ยินดีเป็นอย่างมากครับ
จริง ๆ เราว่าไอเดียหนังมันดีนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ลุค bad-ass ไม่แยแสว่าตัวเองได้ทำลายบ้านเมืองหรือคนจะเกลียดขนาดไหน ทั้งที่มีความสามารถพิเศษราวกับเป็น Superman แต่กลับมีภาพลักษณ์ย่ำแย่ จนกระทั่งได้เจอชายคนหนึ่งที่มาช่วยดูแลภาพลักษณ์ของเขาให้เป็นขวัญใจของประชาชน ซึ่งสูตรแบบนี้มันค่อนข้างใหม่และเป็นไอเดียที่ดีสำหรับหนังซูเปอร์โร่ แต่ก็นั่นแหละมันนำเสนอออกมาได้น่าผิดหวังสักเล็กน้อย
ส่วนเซอไพรส์เล็ก ๆ ครึ่งหลังนี่แล้วแต่คนจะพิจารณาละกันนะครับ ฮ่าๆๆๆ
แซ็ค สไนเดอร์เคยอธิบายถึง Sucker Punch ว่ามันคือ "Alice in Wonderland เวอชั่นถือปืนกล" ซึ่งเป็นนิยามที่จำกัดความหนังได้เข้าใจง่ายเลยแหละ
ที่ผมหยิบมาใส่ในลิสต์นี้ทั้งที่มีก้ำกึ่งว่าจะไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ก็เพราะถ้ามองว่านักแสดงหญิงเป็นตัวหลักของเรื่อง แถมที่บู๊ก็เป็นผู้หญิงหมด มันจึงใกล้จะเรียกว่าเป็นหนังสายเฟมินิสต์ฉบับแอ็คชั่นเต็มสูบ ซึ่งสะท้อนว่าเหล่าผู้หญิงก็สามารถต่อสู้เพื่อตัวเองได้
การันตีว่าใครชอบความเท่ของแซ็ค สไนเดอร์ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ
อีกาพญายมมันก็คือหนังล้างแค้นธรรมดาน่ะแหละ แต่คือมันเป็นการฟื้นจากความตายเพื่อมาล้างแค้น และการล้างแค้นนั้นก็ส่งผลอีกด้านคือการปราบเหล่าอาชญากรตัวป่วนของเมืองที่รอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายมาตลอด แต่ที่สุดตามสูตรสำเร็จแล้วพวกชั่วร้ายก็ไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือพญายม
สไตล์กอธิคของผู้กำกับโดดเด่นมากจนต้องเชียร์เลยว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดาร์คเหมือน Batman ของทิม เบอร์ตันในช่วงยุคเดียวกันนั่นแหละ
ส่วนตัวมองว่าหนังมีองค์ประกอบคุณภาพหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานภาพกราฟฟิคเหมือน Sin City ที่โดดเด่นงามได้ใจมาก ๆ, มีตัวละครซูเปอร์ฮีโร่เพลย์บอยคุณธรรมสูง, แฝงความเป็นตลกร้าย, และมีเนื้อเรื่องชวนติดตามดูตัวละครต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายมันเล่าเรื่องน่าเบื่อไปหน่อยเลยทำให้คนไม่ปลื้มหนังกัน
อย่างไรก็ตาม The Spirit ก็คือซูเปอร์ฮีโร่อยู่ดีน่ะแหละ
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 'แซม ไรมี่' (ผู้กำกับไตรภาค Spider-Man) แห้วรับประทาน อดกำกับ The Shadow หนังซูเปอร์ฮีโร่แรงบันดาลใจของแบทแมน สิ่งที่แซม ไรมี่ทำก็คือปั้นซูเปอร์ฮีโร่ของตัวเองขึ้นมา โดยให้ 'เลียม นีสัน' มารับบทดังกล่าว
หนังเล่าเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ที่โดนตัวร้ายบุกมาทำร้ายจนเสียโฉม เขาเลยต้องการล้างแค้นด้วยการพยายามปลูกถ่ายผิวหนังแต่ติดปัญหาว่าผิวหนังเทียมมันที่ช่วยปลอมตัวมันมีอายุอยู่ได้แค่ 99 นาที
จริง ๆ ก็แนวเดียวกับ The Crow น่ะแหละ แต่แอ็คชั่นได้ลุ้นกว่าเยอะ ฮ่าๆๆ
ถ้าถามหาการแสดงคอมีเดี้ยนที่ดีที่สุดของจิม แครี่ย์ก็คงต้องยกหน้ากากเทวดาขึ้นมาพิจารณากันอย่างแน่นอน
รวมถึงถ้าถามว่าฮีโร่คนไหนเกรียนที่สุดในปฐพี ยังไงก็ต้องมีชื่อ The Mask ยามออกฤทธิ์ติดอยู่ด้วยแน่นอน เป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยมุกยียวนชวนให้ไล่ตื้บ แม้กระทั่งเจ้าหมาไมโลยังน่ารักน่าเตะยามใส่หน้ากาก ฮ่าๆๆ
มันน่าสงสารนะที่คนเราถูกกำหนดความดี-เลวด้วยการแบ่งแยกจากรูปลักษณ์ภายนอก อนิเมชั่นว่าด้วยวายร้ายซึ่งสามารถปราบซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจชาวเมืองได้สำเร็จแต่ก็ต้องพบว่าตัวเองไม่เหลือคู่ปรับให้ต่อกร จึงสร้างซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ขึ้นมาเพื่อไว้เป็นคู่ต่อกร แต่เรื่องราวกลับตาลปัตรเมื่อซูเปอร์ฮีโร่ดันกลายเป็นวายร้าย ทำให้วายร้ายแบบ Megamind ต้องลุกขึ้นมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่
เป็นอีกครั้งที่อนิเมชั่นจากค่าย Dreamworks ไม่ทำให้ผิดหวัง
หนังเล่าเรื่องของ 'ดิ๊ก เทรซี่' (Warren Beatty กำกับเอง แสดงเอง) ตำรวจนักสืบขวัญใจชาวเมืองต้องหาหลักฐานเพื่อปราบ 'บิ๊ก บอย' (Al Pacino) สุดยอดอาชญากรประจำเมืองที่วางแผนจะจับมืออาชญากรทั้งเมืองให้มาทำงานเป็นองค์กร
หนังออกแนว good cop vs. gangster มากกว่า แต่ด้วยตัวละครแต่งชุดคอสตูมสีสันจัดจ้านฉูดฉาดสุดฤทธิ์แถมยังมีลักษณะของภาพวาดการ์ตูนตลอดทั้งเรื่องจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หลาย ๆ ลิสต์หนัง รวมทั้งผมเองจะจัดเข้าหมวดหมู่ซูเปอร์ฮีโร่ไปด้วย
สองเรื่องควบเพราะมันคือเรื่องของตำรวจสุดแกร่งเหมือนกัน
Robocop มาพร้อมประเด็น sci-fi ยอดฮิต จักรกลหรือมนุษย์ที่สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ (free will) แต่ที่น่าสนใจคือการเลือกหยิบแง่มุมประเด็นการตัดสินใจมอบอำนาจให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่รักษากฎหมายว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสียแค่ไหน และฉาก Robocop สู้กับ ED-209 เวอชั่นใหม่นี่ผ่านเกณฑ์ครับ
Dredd นี่แอ็คชั่นเพียว ๆ ขายความเป็นตำรวจซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีพล็อตรองคือต้องพาตำรวจมือใหม่ไปตะลุยตึกด้วยกัน
ก็ต้องบอกว่ามันเป็นซูเปอร์ฮีโร่แนว dark fantasy ที่สร้างบุคลิกตัวละครออกแนว bad-ass จิตใจดี ซึ่งบทการเล่าเรื่องมันก็ไม่ได้ต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นหรอก ต้องขอชมเชย 'เดอ โทโร่' ว่าจัดหนักจัดเต็มสัตว์ประหลาดทั้งสองภาคให้คนดูอิ่มเอมไปกับความแฟนตาซีของหนัง
ติดตามลิสต์หนังอื่น ๆ และรีวิวหนังเพิ่มเติมได้ที่
หนังโปรดของข้าพเจ้า
https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
------------------------------------------------