[CR] รีวิว Skin Trade - สัญญาณที่ดีของวงการหนังไทย ถึงแม้ตัวหนังจะยังไม่ดีพอ



เป็นโชคดีของหนังเรื่องนี้ ที่มีกระแสของ จา พนม กับ Fast and Furious 7 จนเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับความสนใจเป็นการต่อเนื่องจากกระแสที่ว่า ซึ่งช่วงเวลามันช่างเหมาะเจาะและผลักให้ Skin Trade มีคนอยากดูเพิ่มขึ้น แถมยังเป็นหนังเรื่องแรกที่ จา พนม ได้รับบทนำเป็นตัวหลักของหนังที่เรียกได้ว่า บุก #Hollywood อย่างเต็มตัวเลยทีเดียว ตัวผมเองเป็นคนไม่ได้เชื่อเรทติ้งจากเว็บฝรั่ง แต่เรื่องนี้ผมอยากรู้ว่าฝรั่งเค้ามองหนังบ้านเรายังไง พอเข้าไปดูเรทติ้ง เค้าให้ไว้ 3.5 จาก 5 ดาว ก็ถือว่าไม่เลวนะ

นิค แคสสิดี้ (ดอล์ฟ ลันด์เกรน) ตํารวจนิวยอร์ค และ โทนี่ วิทยกุล (จา-พนม ยีรัมย์) ตํารวจไทย ต่างทําการสืบสวนคดีเดียวกันแต่จากคนละมุมโลก วิคเตอร์ ดราโกวิช (รอน เพิร์ลแมน) และครอบครัวในข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ตอนตํารวจเข้าจับกุมที่ท่าเรือนิวเจอร์ซี่ย์ นิค ฆ่า อังเดร ลูกชายคนสุดท้องของวิคเตอร์ตายโดยไม่ตั้งใจ วิคเตอร์ถูกจับกุมแต่ใช้เส้นสายทําให้รอดจากคุก ลูกชายของวิคเตอร์อีกสองคนตามจึงไปล้างแค้นนิค ด้วยการเผาบ้านฆ่าภรรยาและลูกสาวของนิคต่อหน้าต่อตา นิคเจ็บปางตายแต่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ขบวนการตามล่าข้ามโลกมากรุงเทพฯ เพื่อกําจัดวิคเตอร์จึงได้เริ่มขึ้น รี้ด (ไมเคิล ไจ ไวท์) เป็นสายของวิคเตอร์ ที่แฝงตัวมาอยู่ในเอฟบีไอ รี้ด ตาม นิค มาที่กรุงเทพเช่นกันแต่ให้ข้อมูลเท็จ ทําให้ฝ่ายตํารวจไทยนําทีมโดย โทนี่ วิทยกุล ตามจับนิค โดยได้รับการช่วยเหลือจาก มิน (เซลิน่า เจด) แฟนสาวสุดมั่นของโทนี่ ที่เอาตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อให้ได้ข้อมูลสําคัญ ท่ามกลางการไล่ล่า รี้ดฆ่าคู่หูของโทนี่อย่างเลือดเย็นและป้ายความผิดให้นิค ทําให้โทนี่เลือดเข้าตาตามจับนิคอย่างบ้าคลั่ง

จริงๆ เรื่องราวเนื้อหาจริงๆ ของหนังไม่ได้มีอะไรใหม่ ตัวหนังเองก็ไม่ได้ใหม่ ซึ่งเรื่องราวแบบนี้เราเห็นมาเยอะแล้วจากหนังหลายๆ เรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ Dolph Lundgran เป็นคนเขียนบท ซึ่งผมเชื่อว่าพี่ Dolph ที่แกเล่นหนัง #action มาตลอดชีวิต ก็คงหนีไม่พ้นหนัง action แนวนี้ไปได้ แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือหนังเอาประเด็นเกี่ยวกับการค้ามนุษย์มาเล่น ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ยังเป็นความจริงในโลกนี้อยู่ แต่หนังก็ยังตีแผ่ ออกมาได้ไม่ดีพอ เนื้อหายังคงหลวมๆ อยู่ บางครั้งหนังก็ปล่อยให้ฉากบางฉากเดินไปอย่างเรื่อยเปื่อย ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรจนเกือบหลับ แต่บางฉากกลับตัดต่อให้มันรวดเร็วจนเกินไปจนดูไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่บทหนังไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย แต่หนังพยายามจะมีลูกเล่นในการเล่าเรื่อง แต่กลับทำได้ไม่ดีพอ แถมบางอย่างยังดูง่ายและไร้เหตุผลเกินไป ตัวร้ายจะตายก็ตายแบบโง่ๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย ตัวร้ายจะรอดก็รอดง่ายๆ แต่บทจะตายก็ตายง่ายกว่า ดูแล้วมันแบบ ช่วยทำตัวให้คุ้มกับที่ลุ้นได้มั๊ย

ด้านนักแสดง Dolph Lundgran แก่ไปเยอะ action ดูไม่ไหวแล้ว ทุกอย่างช้าไปหมด ลุ้นแล้วเหนื่อยแทนลุง ในขณะที่ จา พนม เรื่องนี้มีพัฒนาการทางการแสดงพอสมควรเลย บทพูดเยอะขึ้น เป็นภาษาอังกฤษด้วย ถึงแม้จะเป็นประโยคสั้นๆ ง่ายๆ แต่ก็ถือว่าทำได้ดี และยังมีการแสดงออกจากท่าทางงหน้าตามากกว่าเรื่องอื่นที่ผ่านมา ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นจาแสดงออกด้วยสีหน้ามาก่อน ฉากต่อสู้ จา ก็ยังคงความเป็นจา ไว้ได้ดี ถึงแม้จะไม่ได้สดและไม่ได้เล่นจริงเหมือนเรื่องก่อน ด้วยเพราะวัยที่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่กว่าเดิม ทั้งๆ ที่จุดขายของ จา คือการหาท่าทางหรือศิลปะการต่อสู้แปลกๆ ใหม่ๆ เข้ามาผสมผสานให้มันเกิดเป็นฉากที่ไม่เคยมีใครเห็น ก็เลยดูเป็นแค่ฉากต่อสู้ของ จา พนม ธรรมดาๆ ไปเลย ไม่ได้น่าจดจำอะไร

ส่วนตัวผมว่ามันคือสัญญาณที่ดีของหนังไทยที่เริ่มมีคนจาก Hollywood หรือชาติอื่นๆ มาร่วมลงทุนมากขึ้น และยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หนังไทยเริ่มมีการพัฒนาไปสู่ความเป็นอินเตอร์มากขึ้น ถ้าทำให้มันดี และพัฒนาต่อไป วันนึงเราอาจจะเห็นหนังไทยโกอินเตอร์แบบเต็มตัวโดยไม่ต้องพึ่งทีมงานฝรั่งเลยก็เป็นได้นะครับ

พูดคุยติชมเพิ่มเติมได้ที่ >> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   รีวิว Skin Trade
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่