ความขัดแย้งระหว่างความเชื่อกับความจริง --> เหตุใดคนเราจึงมักให้นำหนักกับความเชื่อมากกว่าความจริง?

หลวงพี่เตชมักจะจั่วหัวกระทู้ของท่านด้วยประโยคนี้เสมอ และแน่นอนทุกกระทู้ของหลวงพี่ก็จะเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างคนอยู่กับความเชื่อกับคนที่อยู่กับความจริง

สิ่งที่น่าสนใจก็คือเหตุใดคนเราจึงมักให้นำหนักกับความเชื่อมากกว่าความจริง?

เช่น แฟนนอกใจไปมีชู้ก็ยอมรับความจริงไม่ได้ แทนที่จะมองตามความเป็นจริงว่าคนรักกันไม่มีทางทำแบบนี้ ก็หลอกตัวเองด้วยเหตุผลต่างๆนาๆเพียงเพราะไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่ตนเองนั้นไม่ต้องการ หลายคนกลัวความจริงถึงขั้นที่ยอมปลิดชีวิตตัวเอง ตายไปดีกว่าที่จะต้องมีชีวิตอยู่กับความจริง

ครุฑ พญานาค หนุมาน เทพฮินดู เทพอียิปต์ เทพกรีซ มังกร แดร็กคูลล่า กับปะ ตัวเนสซี่ สิ่งเหล่านี้บางคนเชื่อว่ามีจริง เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่เคยเห็น ความเชื่ออันแรงกล้าที่ไม่ต่างจากคนกลุ่มแรกที่ผิดหวังจากความรัก เชื่อกันถึงขนาดไม่เปิดโอกาศให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นที่จะไปขัดแย้งกับความเชื่อของตนเอง ประโยคนี้คนไทยน่าจะคุ้นเคยกันดี "ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่" แปลกดีที่เราไม่โต้เถียงกันว่าไดโนเสาร์ในเรื่อง Jurassic Park นั้นมีจริงหรือเปล่า นั่นก็เพราะมันมีฟอสซิล มีโครงกระดูกเป็นหลักฐานให้เราเห็นว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้นั้นเคยมีอยู่จริง

แต่หลักฐานของพญาครุฑ พญานาค หนุมาน เทพเทวดา ล่ะ?
ทันทีที่คนกลุ่มหนึ่งตั้งคำถามนี้ขึ้นมา คนอีกกลุ่มก็จะพร้อมใจกันเปล่งเสียงว่า "มีอยู่ในคำภีร์ไงล่ะ"

ความจริงคือเราไม่เคยเห็นพญาครุฑหรือเทวดาบินอยู่บนท้องฟ้าเลย แม้แต่เวลานั่งอยู่บนเครื่องบินเราก็ไม่เคยเห็นกันสักครั้ง
ความจริงคือเราไม่เคยเห็นพญานาคในแม่น้ำหรือทะเลเลย แม้แต่เวลาอยู่บนเรือหรือพวกที่อยู่ในเรื่อดำน้ำก็ไม่เห็นกันสักคน

ความจริงคือเราเห็นคนในสำนักสักยันต์ตะโกนเสียงดังทำท่าทางเหมือนลิง แสดงเป็นหนุมานแต่ไม่ยักกะบินได้เหมือนที่ว่าไว้ในตำนานเลย
ความจริงคือบนท้องฟ้ามีเมฆไม่มีวิมานและใต้พื้นดินลงไปเป็นแม็กมาไม่มีกะทะทองแดงหรือต้นงิ้ว

คนส่วนใหญ่เลือกที่จะหลับตาเพื่ออยู่กับความเชื่อ มากกว่าลืมตาขึ้นมาแล้วต้องพบกับความจริง หรือเปล่า?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่