คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
คงไม่จบเรื่องนี้
เอางี้ หอบหืดไม่มีทางรักษาหายนะคะ
แต่สามารถเอาชนะได้ ....
คำว่าเอาชนะ คือการควบคุมอาการได้
ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดอาการนั่นเอง
การควบคุมอาการได้ คือการใช้ยาตามแพทย์สั่ง
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น การออกกำลังกายหนัก อื่นๆอีกมาก
แต่หากมีการออกกำลังกายหนัก
ก็สามารถใช้ยาพ่นขยายหลอดลมก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอาการได้
ปล. ถามเพื่อนที่เรียนสายวิทย์สุขภาพมา ผิดพลาดตรงไหน
รบกวนบอกด้วยนะคะ
เอางี้ หอบหืดไม่มีทางรักษาหายนะคะ
แต่สามารถเอาชนะได้ ....
คำว่าเอาชนะ คือการควบคุมอาการได้
ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดอาการนั่นเอง
การควบคุมอาการได้ คือการใช้ยาตามแพทย์สั่ง
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น การออกกำลังกายหนัก อื่นๆอีกมาก
แต่หากมีการออกกำลังกายหนัก
ก็สามารถใช้ยาพ่นขยายหลอดลมก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอาการได้
ปล. ถามเพื่อนที่เรียนสายวิทย์สุขภาพมา ผิดพลาดตรงไหน
รบกวนบอกด้วยนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 44
เราออกตัวไว้ก่อนเลยนะคะว่าเราไม่ใช่แฟนคลับณเดช ไปดูประวัติการตอบได้ และขัดเคืองใจกับเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยที่มีดราม่าเรื่องเกณฑ์ทหารเพราะคุณแม่เราเป็นโรคนี้ค่ะ เพราะว่าแม่เป็นนี่แหละถึงได้กดเข้าไปอ่าน แม่เราเป็นมานานยี่สิบกว่าปีและเราก็เจออาการหอบของแม่มาทุกเวอร์ชั่นแล้ว เลยอยากจะอธิบาย หวังว่า จขกท จะเปิดใจรับฟัง ไม่ใช่ว่าเชื่อกับสิ่งที่คิดโดยไม่รับฟังอะไรนะคะ
เริ่มกันเลยเนอะ
- โรคหืดหอบไม่สามารถเอาใครคนใดคนหนึ่งเป็นมาตรฐานได้ว่าอาการต้องเป็นแบบนี้ๆๆๆๆ ค่ะ เพราะคนที่เป็นโรคนี้มีหลายระดับ
- โรคหอบหืดเป็นแล้วไม่มีทางรักษาหาย แต่อาจจะเป็นมาก เป็นน้อย เป็นบ่อย หรือนานๆเป็น ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานสุขภาพของแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆเลยคือมันไม่มีทางหายขาดค่ะ ถึงจะทิ้งช่วงนานกว่าอาการจะกำเริบแต่ละครั้ง แต่นั่นก็เป็นแค่การทิ้งช่วงเพราะสุขภาพช่วงนั้นแข็งแรงดีหรือไม่มีตัวกระตุ้นให้อาการกำเริบ แต่ไม่ได้แปลว่าหาย
- แม่เราเคยเป็นมาทุกระดับค่ะ ตั้งแต่หอบเบาๆซอฟต์ๆแบบที่แค่นั่งพักหรือพ่นยานิดๆหน่อยๆก็หาย จนถึงระดับที่หอบหนักจนต้องหามเข้า รพ. คือเมื่อก่อนสุขภาพแม่ค่อนข้างอ่อนแอค่ะ ป่วยกระเสาะกระแสะแต่เด็ก ออกกำลังกายไม่มาก เวลาเจอปัจจัยที่ทำให้แพ้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ก็จะเป็นหนัก คือหนักมาก หนักแบบที่ต้องนอน รพ. หลายๆวัน แต่สิบปีที่ผ่านมานี้แม่เราพยายามออกกำลังกายค่ะ เริ่มจากเบาๆ พอเริ่มชินก็เพิ่มไปเรื่อยๆจนทุกวันนี้แม่แข็งแรงกว่าเรา สามารถยกของหนักได้มากกว่าเรา ไม่หอบบ่อยเท่าเมื่อก่อน พอหอบก็จะไม่หนักมาก ปกติจะแค่พ่นยาก็หาย ถ้ามากหน่อยก็คือไปพ่นยาที่ รพ. แล้วก็กลับ ไม่ได้แอดมิทนอนยาวแบบเมื่อก่อน
- แต่ถึงปกติจะแข็งแรงกว่าเราก็เถอะค่ะ เวลาที่เจอเกสรดอกไม้หรืออะไรที่เป็นตัวกระตุ้นอาการขั้นรุนแรง แม่จะหอบหนักมาก กำลังที่เคยมีจะลดฮวบฮาบเหมือนแบตไอโฟนและสามารถนอนซมหน้าซีดได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
- เราเคยถามแม่ว่าคนที่เป็นหอบเล่นกีฬาหนักๆได้ไหม แม่ตอบว่า "ได้" ถ้าค่อยๆเล่นแล้วขยับความหนักไปทีละนิด แต่ส่วนใหญ่จะเล่นกีฬาที่ไม่ใช้กำลังมากหรือถ้าหอบก็สามารถหยุดพักได้มากกว่า (อย่างณเดชก็ถนัดพวกเวคบอร์ด ปีนเขา พวกนี้ไม่ใช่กีฬาที่ออกแรงหักโหมเลย) แต่ก็มีบางกลุ่มที่ประเมินกำลังตัวเองไม่ได้ อุตริไปเล่นกีฬาหนักๆ เช่นพวกวอลเลย์ ฟุตบอล ตะกร้อ บาส ซึ่งกีฬาพวกนี้หมอจะห้ามค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งกลุ่มที่ดื้อและคิดว่าตัวเองสามารถเล่นกีฬาที่ต้องใช้กำลังเยอะๆได้แล้วก็มีบางคนที่ "ขาดใจตาย" คาสนาม เพราะหอบแล้วพ่นยาไม่ทันบ้าง พ่นแล้วแต่ก็ยังระงับอาการไม่ได้บ้าง ก็แล้วแค่เคสไป
- แม่เราไม่เล่นกีฬานะคะ แต่ออกกำลังกายโดยการทำสวนครัว เล่นฮูลาฮูป ฟิตเนส เต้นแอโรบิก และจะรู้ระดับของตัวเอง ไม่เคยเล่นเกินกำลังจนหอบ อีกทั้งพกยาพ่นติดตัวเสมือนเป็นอวัยวะหนึ่งตลอดค่ะ
- นอกจากแม่เราแล้วเรายังรู้จักเพื่อนๆแม่หลายคนที่ร่วมก๊วนคนหอบ อาการแต่ละคนไม่ได้กำเริบพร้อมกันและตอบสนองต่ออาการแพ้ต่างกันค่ะ มีบางอย่างเท่านั้นที่จะพร้อมใจกันแพ้ และระดับความถี่ของการหอบของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันค่ะ
เวลาที่มีคนดราม่าด่าณเดชเรื่องเกณฑ์ทหารเราหงุดหงิดมากค่ะ ทั้งที่อ้างว่าเพื่อนเป็น ญาติเป็น นั่นโน่นนี่และมีอีกส่วนที่ไม่มีใครรอบตัวเป็น แต่เดาว่ามันต้องแบบนั้นแบบนี้ทั้งที่ไม่ได้คลุกคลีกับคนที่ป่วยเป็นโรคนี้จริงจัง ในขณะที่เราเฝ้าแม่ตอนที่หอบมาตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบ เวลาแม่หอบหนักๆคือไม่กล้านอนเลย เพราะกลัวว่าแม่จะอาการทรุด เห็นพัฒนาการความแข็งแรงของแม่มาเรื่อยๆ และก็เห็นว่าทุกวันนี้พอหอบหนักมากๆ อาการก็ยังรุนแรงเหมือนเดิม
เราอยากบอกนะคะว่าการที่เขาละเว้นคนที่ป่วยเป็นโรคหืดหอบให้ไม่ต้องเกณฑ์ทหารได้ มันเพราะการฝึกทหารไม่สามารถที่จะวิ่งออกมาพ่นยาได้ทุกเวลาที่ต้องการ โอเค บางคนร่างกายรับสภาพไหวกับการฝึก แต่บางคนที่ไม่ไหวก็มีสิทธิ์ขาดใจตายคาสนามฝึกถ้ารักษาไม่ทัน การที่ยื่นเอกสารขอละเว้นในส่วนที่เขาให้เว้นได้ถือเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ณเดชทำไม่ผิดค่ะเพราะมันอยู่ในกลุ่มโรคที่เขายกเว้น แค่ใช้สิทธิ์ ผิดตรงไหน ถูกไหม?
ส่วนคนที่เป็นโรคนี้ที่สมัครใจเข้าเป็นทหารก็ไม่ผิดเหมือนกัน ถือว่าสมัครใจไงคะ จะด้วยไม่รู้ว่ามันละเว้นได้หรือรู้แต่มั่นใจว่าร่างกายตัวเองรับไหวก็ตาม สุดท้ายมันคือการสมัครใจ มันไม่ใช่ว่าเพราะณเดชเป็นดารา พออ้างเรื่องนี้แล้วก็ให้ผ่านง่ายๆ ตอนที่ดราม่ามากๆเห็นมีคนมาอ้างว่าเพื่อนเป็นหอบแต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ละเว้น จุดนี้ก็ต้องใช้คำถามย้อนกลับว่า 1.มีเอกสารรับรองมาไหมหรือแค่พูดปากเปล่า 2.เอกสารที่เอามายื่นมันครบถ้วนถูกต้องตามที่เขาระบุไหม 3.ถ้าทุกอย่างครบแล้วเจ้าหน้าที่ยังไม่ยอม จุดนี้เจ้าหน้าที่ผิด คุณมีสิทธิ์ฟ้องร้องนะ ถ้าคุณไม่ฟ้อง ไม่โวยวาย ไม่หาหลักฐานมาโต้แย้ง ปล่อยเลยตามเลย อันนี้ตัวใครตัวมันค่ะ เพราะจะถือว่าสมัครใจ
และจากที่เราอ่านดราม่าสมัยโน้นมาก็ทำให้รู้ว่าณเดชเองมีประวัติการรักษามาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้เพิ่งมาดัดจริตเป็นเร็วๆนี้ มีทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่ต้องการไปยื่น ทำตามระเบียบครบทุกขั้นตอน ก็ไม่เข้าใจว่าพวกที่ดราม่าไม่จบไม่สิ้นทั้งที่มีหลักฐานยืนยันนี่คืออะไร รู้จักโรคนี้ดีแค่ไหน เข้าใจถึงระเบียบการยื่นขอละเว้นหรือเปล่า หรือแค่สักจะหาเรื่องแบบไม่ลืมหูลืมตาเพียงเพราะว่าอคติล้วนๆ และต้องการยัดเยียดความผิดให้เพียงเพื่อความสะใจเท่านั้น
เราอยากจะฝากทิ้งท้ายนะคะว่าคนที่เป็นโรคหอบทุกคนมีระดับความไวต่อการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ต่างกัน แม่เราบางเดือนแพ้กลิ่นขี้หมู บางเดือนไม่แพ้ ไปแพ้เกสรดอกไม้ แพ้ควันไฟ แพ้อะไรต่ออะไรไปโน่น เอาแน่เอานอนไม่ได้ค่ะ แถมบางทีเจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าที่อาการกำเริบมันเพราะแพ้อะไร ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้คลุกคลีกับคนป่วยโรคนี้และไม่ได้อยู่เห็นตอนที่เขาหอบครบทุกเลเวล กรุณาอย่าตัดสินค่ะว่าโรคนี้ไม่มีอะไรมาก แค่หอบนิดๆหน่อยพ่นยาก็หาย เพราะระดับความแรงของอาการในแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ไม่รู้ด้วยว่าจะหอบเมื่อไหร่ บางอย่างที่คิดว่าจะแพ้อาจไม่แพ้และดันไปแพ้สิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะแพ้ก็มี บางทีตอนเช้าอาจจะหอบเบาๆ พ่นยาแล้ววิ่งเล่นต่อได้ กลางคืนอาจจะหอบจะเป็นจะตายต้องหิ้วปีกเข้า รพ ก็ได้ค่ะ
อ้อ แล้วจากดราม่าเมื่อครั้งกระโน้น เราเห็นเคยมีคนตั้งคำถามว่าเป็นโรคหอบทำไมณเดชแสดงฉากแอคชั่นได้ .. ก็อยากค้านนะคะ ว่าละครกับหนังมันมีการ "เทค" มีการ "คัท" มีการ "ตัดต่อ" ไอ้ที่เห็นวิ่งกระโดดฟัดกับผู้ร้ายที่เห็นนี่มีทั้งตัวจริง ทั้งแสตนอิน ทั้งถ่ายหลายๆรอบ รอบละสั้นๆแล้วเอามาตัดต่อใส่กัน หรือถ้าไม่ไหวก็พักพ่นยาก่อนแล้วมาถ่ายต่อ คือ จริงๆนี่คิดว่ารู้นะว่าระบบถ่ายทำมันเป็นแบบนี้แต่อคติตัวเดียวที่มันบังตาอยู่
การจับผิด ช่างสงสัย เป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ก็ไม่ควรปักใจเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนปล่อยให้อคติครอบงำหรือขังตัวเองอยู่กับความเชื่อใดความเชื่อหนึ่ง ใครมีอะไรอธิบายก็รับฟัง รับรู้ คิดตาม และหาข้อมูลเพิ่ม จะได้รู้แจ้งค่ะ
ย้ำอีกครั้ง เราไม่ใช่แฟนคลับณเดช ยอมรับว่าดูละครช่องสามเป็นหลัก แต่ไม่ใช่ติ่งช่องหรือติ่งดาราช่องแน่ๆ ข้อมูลเรื่องโรคนี้ของณเดชเรารู้เพราะคลิกอ่านเกือบทุกกระทู้ที่ดราม่าเรื่องนี้เมื่อคราวโน้นค่ะ
และสุดท้ายนี้ แปะลิงค์ให้อ่านเป็นวิทยาทานนะคะ เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/Respiratory/asthma1/Asthma.htm#.VTufWNysWSo
#เข้ามาแก้คำผิดและแก้บางประโยคที่พิมพ์ตกหล่นค่ะ
เริ่มกันเลยเนอะ
- โรคหืดหอบไม่สามารถเอาใครคนใดคนหนึ่งเป็นมาตรฐานได้ว่าอาการต้องเป็นแบบนี้ๆๆๆๆ ค่ะ เพราะคนที่เป็นโรคนี้มีหลายระดับ
- โรคหอบหืดเป็นแล้วไม่มีทางรักษาหาย แต่อาจจะเป็นมาก เป็นน้อย เป็นบ่อย หรือนานๆเป็น ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานสุขภาพของแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆเลยคือมันไม่มีทางหายขาดค่ะ ถึงจะทิ้งช่วงนานกว่าอาการจะกำเริบแต่ละครั้ง แต่นั่นก็เป็นแค่การทิ้งช่วงเพราะสุขภาพช่วงนั้นแข็งแรงดีหรือไม่มีตัวกระตุ้นให้อาการกำเริบ แต่ไม่ได้แปลว่าหาย
- แม่เราเคยเป็นมาทุกระดับค่ะ ตั้งแต่หอบเบาๆซอฟต์ๆแบบที่แค่นั่งพักหรือพ่นยานิดๆหน่อยๆก็หาย จนถึงระดับที่หอบหนักจนต้องหามเข้า รพ. คือเมื่อก่อนสุขภาพแม่ค่อนข้างอ่อนแอค่ะ ป่วยกระเสาะกระแสะแต่เด็ก ออกกำลังกายไม่มาก เวลาเจอปัจจัยที่ทำให้แพ้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ก็จะเป็นหนัก คือหนักมาก หนักแบบที่ต้องนอน รพ. หลายๆวัน แต่สิบปีที่ผ่านมานี้แม่เราพยายามออกกำลังกายค่ะ เริ่มจากเบาๆ พอเริ่มชินก็เพิ่มไปเรื่อยๆจนทุกวันนี้แม่แข็งแรงกว่าเรา สามารถยกของหนักได้มากกว่าเรา ไม่หอบบ่อยเท่าเมื่อก่อน พอหอบก็จะไม่หนักมาก ปกติจะแค่พ่นยาก็หาย ถ้ามากหน่อยก็คือไปพ่นยาที่ รพ. แล้วก็กลับ ไม่ได้แอดมิทนอนยาวแบบเมื่อก่อน
- แต่ถึงปกติจะแข็งแรงกว่าเราก็เถอะค่ะ เวลาที่เจอเกสรดอกไม้หรืออะไรที่เป็นตัวกระตุ้นอาการขั้นรุนแรง แม่จะหอบหนักมาก กำลังที่เคยมีจะลดฮวบฮาบเหมือนแบตไอโฟนและสามารถนอนซมหน้าซีดได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
- เราเคยถามแม่ว่าคนที่เป็นหอบเล่นกีฬาหนักๆได้ไหม แม่ตอบว่า "ได้" ถ้าค่อยๆเล่นแล้วขยับความหนักไปทีละนิด แต่ส่วนใหญ่จะเล่นกีฬาที่ไม่ใช้กำลังมากหรือถ้าหอบก็สามารถหยุดพักได้มากกว่า (อย่างณเดชก็ถนัดพวกเวคบอร์ด ปีนเขา พวกนี้ไม่ใช่กีฬาที่ออกแรงหักโหมเลย) แต่ก็มีบางกลุ่มที่ประเมินกำลังตัวเองไม่ได้ อุตริไปเล่นกีฬาหนักๆ เช่นพวกวอลเลย์ ฟุตบอล ตะกร้อ บาส ซึ่งกีฬาพวกนี้หมอจะห้ามค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งกลุ่มที่ดื้อและคิดว่าตัวเองสามารถเล่นกีฬาที่ต้องใช้กำลังเยอะๆได้แล้วก็มีบางคนที่ "ขาดใจตาย" คาสนาม เพราะหอบแล้วพ่นยาไม่ทันบ้าง พ่นแล้วแต่ก็ยังระงับอาการไม่ได้บ้าง ก็แล้วแค่เคสไป
- แม่เราไม่เล่นกีฬานะคะ แต่ออกกำลังกายโดยการทำสวนครัว เล่นฮูลาฮูป ฟิตเนส เต้นแอโรบิก และจะรู้ระดับของตัวเอง ไม่เคยเล่นเกินกำลังจนหอบ อีกทั้งพกยาพ่นติดตัวเสมือนเป็นอวัยวะหนึ่งตลอดค่ะ
- นอกจากแม่เราแล้วเรายังรู้จักเพื่อนๆแม่หลายคนที่ร่วมก๊วนคนหอบ อาการแต่ละคนไม่ได้กำเริบพร้อมกันและตอบสนองต่ออาการแพ้ต่างกันค่ะ มีบางอย่างเท่านั้นที่จะพร้อมใจกันแพ้ และระดับความถี่ของการหอบของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันค่ะ
เวลาที่มีคนดราม่าด่าณเดชเรื่องเกณฑ์ทหารเราหงุดหงิดมากค่ะ ทั้งที่อ้างว่าเพื่อนเป็น ญาติเป็น นั่นโน่นนี่และมีอีกส่วนที่ไม่มีใครรอบตัวเป็น แต่เดาว่ามันต้องแบบนั้นแบบนี้ทั้งที่ไม่ได้คลุกคลีกับคนที่ป่วยเป็นโรคนี้จริงจัง ในขณะที่เราเฝ้าแม่ตอนที่หอบมาตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบ เวลาแม่หอบหนักๆคือไม่กล้านอนเลย เพราะกลัวว่าแม่จะอาการทรุด เห็นพัฒนาการความแข็งแรงของแม่มาเรื่อยๆ และก็เห็นว่าทุกวันนี้พอหอบหนักมากๆ อาการก็ยังรุนแรงเหมือนเดิม
เราอยากบอกนะคะว่าการที่เขาละเว้นคนที่ป่วยเป็นโรคหืดหอบให้ไม่ต้องเกณฑ์ทหารได้ มันเพราะการฝึกทหารไม่สามารถที่จะวิ่งออกมาพ่นยาได้ทุกเวลาที่ต้องการ โอเค บางคนร่างกายรับสภาพไหวกับการฝึก แต่บางคนที่ไม่ไหวก็มีสิทธิ์ขาดใจตายคาสนามฝึกถ้ารักษาไม่ทัน การที่ยื่นเอกสารขอละเว้นในส่วนที่เขาให้เว้นได้ถือเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ณเดชทำไม่ผิดค่ะเพราะมันอยู่ในกลุ่มโรคที่เขายกเว้น แค่ใช้สิทธิ์ ผิดตรงไหน ถูกไหม?
ส่วนคนที่เป็นโรคนี้ที่สมัครใจเข้าเป็นทหารก็ไม่ผิดเหมือนกัน ถือว่าสมัครใจไงคะ จะด้วยไม่รู้ว่ามันละเว้นได้หรือรู้แต่มั่นใจว่าร่างกายตัวเองรับไหวก็ตาม สุดท้ายมันคือการสมัครใจ มันไม่ใช่ว่าเพราะณเดชเป็นดารา พออ้างเรื่องนี้แล้วก็ให้ผ่านง่ายๆ ตอนที่ดราม่ามากๆเห็นมีคนมาอ้างว่าเพื่อนเป็นหอบแต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ละเว้น จุดนี้ก็ต้องใช้คำถามย้อนกลับว่า 1.มีเอกสารรับรองมาไหมหรือแค่พูดปากเปล่า 2.เอกสารที่เอามายื่นมันครบถ้วนถูกต้องตามที่เขาระบุไหม 3.ถ้าทุกอย่างครบแล้วเจ้าหน้าที่ยังไม่ยอม จุดนี้เจ้าหน้าที่ผิด คุณมีสิทธิ์ฟ้องร้องนะ ถ้าคุณไม่ฟ้อง ไม่โวยวาย ไม่หาหลักฐานมาโต้แย้ง ปล่อยเลยตามเลย อันนี้ตัวใครตัวมันค่ะ เพราะจะถือว่าสมัครใจ
และจากที่เราอ่านดราม่าสมัยโน้นมาก็ทำให้รู้ว่าณเดชเองมีประวัติการรักษามาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้เพิ่งมาดัดจริตเป็นเร็วๆนี้ มีทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่ต้องการไปยื่น ทำตามระเบียบครบทุกขั้นตอน ก็ไม่เข้าใจว่าพวกที่ดราม่าไม่จบไม่สิ้นทั้งที่มีหลักฐานยืนยันนี่คืออะไร รู้จักโรคนี้ดีแค่ไหน เข้าใจถึงระเบียบการยื่นขอละเว้นหรือเปล่า หรือแค่สักจะหาเรื่องแบบไม่ลืมหูลืมตาเพียงเพราะว่าอคติล้วนๆ และต้องการยัดเยียดความผิดให้เพียงเพื่อความสะใจเท่านั้น
เราอยากจะฝากทิ้งท้ายนะคะว่าคนที่เป็นโรคหอบทุกคนมีระดับความไวต่อการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ต่างกัน แม่เราบางเดือนแพ้กลิ่นขี้หมู บางเดือนไม่แพ้ ไปแพ้เกสรดอกไม้ แพ้ควันไฟ แพ้อะไรต่ออะไรไปโน่น เอาแน่เอานอนไม่ได้ค่ะ แถมบางทีเจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าที่อาการกำเริบมันเพราะแพ้อะไร ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้คลุกคลีกับคนป่วยโรคนี้และไม่ได้อยู่เห็นตอนที่เขาหอบครบทุกเลเวล กรุณาอย่าตัดสินค่ะว่าโรคนี้ไม่มีอะไรมาก แค่หอบนิดๆหน่อยพ่นยาก็หาย เพราะระดับความแรงของอาการในแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ไม่รู้ด้วยว่าจะหอบเมื่อไหร่ บางอย่างที่คิดว่าจะแพ้อาจไม่แพ้และดันไปแพ้สิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะแพ้ก็มี บางทีตอนเช้าอาจจะหอบเบาๆ พ่นยาแล้ววิ่งเล่นต่อได้ กลางคืนอาจจะหอบจะเป็นจะตายต้องหิ้วปีกเข้า รพ ก็ได้ค่ะ
อ้อ แล้วจากดราม่าเมื่อครั้งกระโน้น เราเห็นเคยมีคนตั้งคำถามว่าเป็นโรคหอบทำไมณเดชแสดงฉากแอคชั่นได้ .. ก็อยากค้านนะคะ ว่าละครกับหนังมันมีการ "เทค" มีการ "คัท" มีการ "ตัดต่อ" ไอ้ที่เห็นวิ่งกระโดดฟัดกับผู้ร้ายที่เห็นนี่มีทั้งตัวจริง ทั้งแสตนอิน ทั้งถ่ายหลายๆรอบ รอบละสั้นๆแล้วเอามาตัดต่อใส่กัน หรือถ้าไม่ไหวก็พักพ่นยาก่อนแล้วมาถ่ายต่อ คือ จริงๆนี่คิดว่ารู้นะว่าระบบถ่ายทำมันเป็นแบบนี้แต่อคติตัวเดียวที่มันบังตาอยู่
การจับผิด ช่างสงสัย เป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ก็ไม่ควรปักใจเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนปล่อยให้อคติครอบงำหรือขังตัวเองอยู่กับความเชื่อใดความเชื่อหนึ่ง ใครมีอะไรอธิบายก็รับฟัง รับรู้ คิดตาม และหาข้อมูลเพิ่ม จะได้รู้แจ้งค่ะ
ย้ำอีกครั้ง เราไม่ใช่แฟนคลับณเดช ยอมรับว่าดูละครช่องสามเป็นหลัก แต่ไม่ใช่ติ่งช่องหรือติ่งดาราช่องแน่ๆ ข้อมูลเรื่องโรคนี้ของณเดชเรารู้เพราะคลิกอ่านเกือบทุกกระทู้ที่ดราม่าเรื่องนี้เมื่อคราวโน้นค่ะ
และสุดท้ายนี้ แปะลิงค์ให้อ่านเป็นวิทยาทานนะคะ เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/Respiratory/asthma1/Asthma.htm#.VTufWNysWSo
#เข้ามาแก้คำผิดและแก้บางประโยคที่พิมพ์ตกหล่นค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เห็นว่าเป็นหอบ!!! เหอะๆ หรือหายแล้ว!!!! #ณเดช งานช่อง3