เกริ่นก่อนเลย รีวิวนี้จะรีวิวเฉพาะเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ / สายการบิน KLM / ท่าอากาศยานอัมสเตอร์ดัม สคิปโพล / ท่าอากาศยานนานาชาติมาร์โค โปโลค่ะ ภาพไม่เยอะ เน้นแชร์ประสบการณ์ที่เราเจอ อะไรถูกอะไรผิดก็บอกกันได้ค่ะ ส่วนที่เที่ยวจะตามมาที่หลัง
เริ่มต้น
ก่อนบินเราก็ต้องเริ่มหาข้อมูลก่อน สายการบินไหนราคาโดนๆ บริการดีๆ โดยตอนนั้นมีเส้นทางในใจคือ สวนทิวลิป ปารีส สวิส แต่พอดูราคา ทั้งขึ้นลง ถ้ามีขาใดขาหนึ่งเริ่มหรือจบที่สวิส ราคามหาโหดเลยขอบอก เพื่อนอีกคนที่อยากไปด้วยบอกว่าอยากไปเวนิสแต่ต้องรอโบนัสออกก่อน เราก็ไปหาเส้นทางใหม่ อืมไปลงหรือกลับจากเวนิสราคาถูกลงเยอะเลย เลยเอาเส้นทางนี้ล่ะ เพื่อนไปได้หรือไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน ทีนี้ได้เส้นทางบินล่ะ ก็มาเริ่มดูแต่ละสายการบินว่าอันไหนราคาเป็นไงบ้าง ถ้าบินแบบเส้นทางเรา ก็ได้ราคามาแบบถูกสุด 29,500 แบบต่อเครื่อง แต่เวลาไม่ชอบเลยขากลับตั้ง 20 ชั่วโมงอ่ะ ใช้วิธีที่คุณเพียงเพื่อนแนะนำก็แล้ว ราคาที่ถูกลงกับเวลาที่เสียไปมันไม่คุ้มเลย ก็เลยตัดสินใจไป กับ KLM ได้ราคามา 30,600 ณ ตอนที่ซื้อนั้น ราคานี้ไม่ได้ถูกที่สุด แต่เวลาและจำนวนครั้งในการเปลี่ยนเครื่องใช้น้อยที่สุดแล้ว เราซื้อล่วงหน้า 6 เดือน ก็รู้สึกนานไปน่ะ ไม่ใช่โลว์ครอสที่ต้องจองล่วงหน้าเป็นปี จะรีบทำไหมหว่า
แต่ก็น่ะ หยุดยาวบ้านเรารีบซื้อก่อนดีกว่า พอซื้อมาสักพัก อยู่ๆก็คิดได้ว่าแล้ววีซ่าเราจะผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านทำไงดี ทำไงดี แต่ใครๆก็บอกว่าข้าราชการผ่านง่าย เราก็สบายใจไปนิด เราตั้งใจไปเที่ยวหนิ ผ่านอยู่แล้วล่ะ ปลอบใจตัวเอง ผ่านมาเดือนกว่าๆ อยู่ๆค่าเงินบาทก็ดีขึ้น ราคาตั๋วเราเลยเหลือ 30200 เศร้าซิ เท่านั้นไม่พอ Alitalia ปล่อยโปรฯ ไป KLM กลับ Alitalia 25000 เศร้าหนักกว่าเดิม เลยต้องดูรีวิว KLM ปลอบใจ ตั้งเป้าไว้ ขาไปไวน์ 3 ขวด ขากลับไวน์ 3 ขวด เพราะงั้นเรื่องตั๋วไม่ต้องรีบค่อยๆคิด 3 เดือนล่วงหน้าก็ราคาไม่ต่างกันมาก เส้นทางเราจะมาแพงเอาจริงๆก็ช่วงต้นมกราแล้วล่ะ
+++++ จะเดินทางละนะ
วันนี้ยังมีแลกเงินอีกนิด เขาบอกว่าชั้นใต้ดินมีร้านแลกเรทเท่าซุปเปอร์ริส เราก็จะมาแลกที่นี่เป็นจุดสุดท้ายก่อนเที่ยว เราแลกมาเรื่อยๆทุกเดือน จาก 37 36 แล้ววันนี้ที่ราคา 35.6 เนื่องจากทนรอแลก 35.2 ไม่ไหว ตรงใต้ดินคิวยาวเลย เลยแลกกับกสิกรแทน ก็ถือว่าซื้อเวลาไป 300 บาท ดีกว่าเสียเวลายืนรอ อย่าถามหาแผนที่ร้านในกระดานอิเล็คทรอนิกส์ของสุวรรณภูมิ หาไม่เจอ เปิดเฟสร้านดูรูปแล้ว ทำไมมันปิดล่ะ เฟสก็อัพน่ะ สรุปร้านย้ายที่ไปแอบอยู่ใกล้ทางเข้ารถไฟแล้วล่ะ ตอนแรกมองเข้าไปนึกว่าที่ขายตั๋วรถไฟฟ้าด้วยซ้ำ
แลกเงินผ่านไปไปเช็คอินดีกว่า เราเช็คอินออนไลน์มาแล้วแต่เราก็ยังต้องมาต่อแถวรอพิมพ์ Boarding pass อยู่ดี ไม่มีช่อง baggage drop พอถึงคิวเรา ก็โดนเลยค่ะไปเนเธอร์แลนด์แล้วทำไมขอวีซ่าฝรั่งเศส ขอดูตารางเที่ยว ว้ายเราปรับใหม่ให้ตรงตามการเดินทางของจริง ซึ่งตอนแรกจริงๆแล้วเราใช้เวลาที่ฝรั่งเศสเยอะกว่าอัมสเตอร์ดัม แต่พอดีว่าราคารถไฟแพงมากมายเราเลยเปลี่ยนแผนไปนั่งบัสรอบเที่ยงคืน ก็เท่ากับว่าอยู่อัมสเตอร์เท่ากับปารีสเลย แล้วทีนี้เอาไงละเนี่ย น้องเขาเอาตารางเราส่งไปให้หัวหน้าเขาดูก็ผ่านนะ ด่านแรกผ่าน คิดในใจแล้วเราจะผ่าน ตม.เนเธอแลนด์ไหมเนี่ย ถ้าเขาเห็นแผนเราเขาจะเรียกปรับเงินไหม คิดแล้วเศร้าช่างมันไปลุยเอาข้างหน้า ***แนะนำให้เอาตารางที่ยื่นขอกับสถานทูตพกติดไปด้วย***
+++++ เข้าด่านตรวจเตรียมช้อปกันเถอะ
จากนั้นก็เข้าสู่พิธีการช้อปกระจาย จะช้อปที่นี่เราต้องผ่านการตรวจร่างกายและ ตม.ไทย ก่อนน่ะค่ะ ที่ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าตอนตรวจของมีหยิบเงินในกระเป๋าตังค์เด็ก เราก็ป้องกันอย่างดี แต่ๆๆๆๆๆ ทำไม ไม่เคยมีใครบอกว่าต้องถอดรองเท้าตรวจด้วย ปีที่แล้วไปญี่ปุ่นไม่เห็นต้องถอดเลย ความซวยมาเกิดที่คนก่อนเรา เหม็นมากขอบอก แล้วไหนคนตรวจยังมัวแต่เมาท์ อิฉันยืนชูรักแร้จนแห้ง ก็ไม่สนใจ พอจะเดินออกเท่านั้นล่ะ “คุณผู้หญิงถอยไปก่อนแล้วเข้ามาใหม่ค่ะ” อืมมมมม
ด่านต่อมา ตม. โดนชี้ให้ไปเครื่องอัตโนมัติ เราก็ไม่ๆๆๆ เค้าจะเอาตราปั๊ม ทำเป็นเดินตามคนจีน เลยโดนเสียงดุๆบอกว่า “คนไทยทางนี้ค่ะ” เซ็งจริง แล้วพาสปอร์ตฉันจะขาดไหมเนี่ย แต่ก็ผ่านมาเรียบร้อย ทีนี้ก็ได้เวลาช้อป ก็ซื้อของตามสั่ง บอกเพื่อนๆไว้ในนี้ได้ 20000 ถ้าหิ้วมาได้แค่ 10000 เพราะงั้นรับซื้อแต่ของในนี้น่ะ ซื้อเสร็จก็ไปนั่งสวยๆในเลานจ์คิงค์
นั่งสวยจริงๆ ค่ะ น้องๆผลิตอาหารกันไม่ทันเลย ไอ้เราก็ไม่ได้กินข้าวมา กะมากินที่นี่ล่ะ สรุป ได้ของรองท้องไปหน่อยเดียวเอง สักพักได้เวลาก็ออกเดินทางไปเกต พอออกมาจากเลาจ์น แล้วหูก็ได้ยินคำว่า Final call for … ว้าย ของฉันหนิ วิ่งหูตูบเลยค่ะ เหนื่อยมา A ไป E หรือ G จำไม่ได้ (อันนี้ใน E-Boarding Pass ไม่มีระบุไว้) แบบว่าหายใจไม่ทันเลย เราก็ว่าน้องที่เคาท์เตอร์บอกไว้ว่าได้ถึง .45 นี่ยังไม่ถึง .30 ทำไมไฟนอล์แล้วอ่ะ แต่สรุปก็ทันน่ะค่ะ ได้ไปยืนรอในห้องอบสัก 10 นาที ก็ได้เรียกขึ้นเครื่อง โดยปกติแล้วเราไม่ชอบลงไปรอในห้องอบนั่นเท่าไหร่อ่ะ จะยืนรอข้างบนพอประกาศ Final call แล้วค่อยเดินลงแต่ครั้งนี้ผิดคาด วิ่งเหนื่อยเลย จริงๆแล้วดูเวลาผิด Boarding 10.45 เข้าใจไปเองว่า 11.45 เกือบซวยแล้วตรู ครึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องออกก็ Final call ถูกแล้ว ระวังให้ดีนะคะ นักช้อปทั้งหลาย อย่าเพลิน ดีน่ะเรามาทัน 20 นาทีก่อนเครื่องออก ไม่งั้นซวยแน่ๆเลยเรา
+++++ มานั่งหอบกันต่อบนเครื่อง
ที่นี่มาเรื่องบนเครื่องกันบ้าง KLM ให้หลายคนมารีวิวให้ชมแล้ว ครั้งนี้ดูรีวิวจากลูกค้าจริงๆบ้างนะคะ
ขอยาดเอาเจ๊ต่ายมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะหุ่นใกล้เคียงกัน Oop! เริ่มจากเก้าอี้ หมอนปรับระดับได้ ชอบค่ะ เคยขึ้น การบินไทย กับคาเธ่ย์ หมอนที่นี่ชอบสุด แล้วเพิ่งรู้ด้วยว่า หมอนพับข้างๆได้ ทำให้เวลานอนหัวเราจะไม่เอียงไปซบคนข้างๆให้เขารำคาญ ที่นี้มาที่ความกว้างด้านข้าง กำลังดีค่ะ ถ้าคนข้างๆไม่เอาศอกเลยมาที่เราอ่ะน่ะ กลมๆแบบเราเอาศอกวางไว้ด้านในได้สบายเลย ส่วนที่ว่าแคบน่าจะเป็นที่ตรงกลางมันดูหันซ้ายหันขวาไม่ได้ ถ้าใครหุ่นอวบๆอ้วนๆ เลือกนั่งริมๆดีกว่าค่ะ อย่างน้อยยังมีพื้นที่เพิ่มอีกนิด
ที่ว่างตรงเข่าบ้าง สำหรับเราถ้าเมื่อยนี่ลงไปนั่งได้เลย ตัวสั้น ขาสั้นก็ดีงี้ล่ะ แต่ถ้าเบาะข้างหน้าปรับนอนมาแล้วแคบอ่ะ การเข้าออกก็ยากล่ะทีเนี่ย ต้องลุกเท่านั้น แต่นั่งปกติยังได้อยู่
*** คำแนะนำ ถ้ารู้ตัวว่า
เข้าห้องน้ำบ่อยกรุณานั่งริมทางเดิน ถ้าเลือกนั่งริมทางเดินแล้ว
ต้องทำใจว่าต้องลุกบ่อยๆ เพื่ออีก 2 ที่ด้านในจะเข้าห้องน้ำ***
แต่เรานั่งริมหน้าต่างน่ะ ขาไปลุก 1 ครั้ง ขากลับลุก 2 ครั้ง คงไม่เป็นภาระใครมากเท่าไหร่มั้ง
[CR] เล่าประสบการณ์ยุโรปครั้งแรก กับ KLM มันเกือบจะเริ่ดแล้วเชียวน่ะ BKK – AMS//VCE – BKK (4-14 APR 15)
เกริ่นก่อนเลย รีวิวนี้จะรีวิวเฉพาะเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ / สายการบิน KLM / ท่าอากาศยานอัมสเตอร์ดัม สคิปโพล / ท่าอากาศยานนานาชาติมาร์โค โปโลค่ะ ภาพไม่เยอะ เน้นแชร์ประสบการณ์ที่เราเจอ อะไรถูกอะไรผิดก็บอกกันได้ค่ะ ส่วนที่เที่ยวจะตามมาที่หลัง
เริ่มต้น
ก่อนบินเราก็ต้องเริ่มหาข้อมูลก่อน สายการบินไหนราคาโดนๆ บริการดีๆ โดยตอนนั้นมีเส้นทางในใจคือ สวนทิวลิป ปารีส สวิส แต่พอดูราคา ทั้งขึ้นลง ถ้ามีขาใดขาหนึ่งเริ่มหรือจบที่สวิส ราคามหาโหดเลยขอบอก เพื่อนอีกคนที่อยากไปด้วยบอกว่าอยากไปเวนิสแต่ต้องรอโบนัสออกก่อน เราก็ไปหาเส้นทางใหม่ อืมไปลงหรือกลับจากเวนิสราคาถูกลงเยอะเลย เลยเอาเส้นทางนี้ล่ะ เพื่อนไปได้หรือไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน ทีนี้ได้เส้นทางบินล่ะ ก็มาเริ่มดูแต่ละสายการบินว่าอันไหนราคาเป็นไงบ้าง ถ้าบินแบบเส้นทางเรา ก็ได้ราคามาแบบถูกสุด 29,500 แบบต่อเครื่อง แต่เวลาไม่ชอบเลยขากลับตั้ง 20 ชั่วโมงอ่ะ ใช้วิธีที่คุณเพียงเพื่อนแนะนำก็แล้ว ราคาที่ถูกลงกับเวลาที่เสียไปมันไม่คุ้มเลย ก็เลยตัดสินใจไป กับ KLM ได้ราคามา 30,600 ณ ตอนที่ซื้อนั้น ราคานี้ไม่ได้ถูกที่สุด แต่เวลาและจำนวนครั้งในการเปลี่ยนเครื่องใช้น้อยที่สุดแล้ว เราซื้อล่วงหน้า 6 เดือน ก็รู้สึกนานไปน่ะ ไม่ใช่โลว์ครอสที่ต้องจองล่วงหน้าเป็นปี จะรีบทำไหมหว่า
แต่ก็น่ะ หยุดยาวบ้านเรารีบซื้อก่อนดีกว่า พอซื้อมาสักพัก อยู่ๆก็คิดได้ว่าแล้ววีซ่าเราจะผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านทำไงดี ทำไงดี แต่ใครๆก็บอกว่าข้าราชการผ่านง่าย เราก็สบายใจไปนิด เราตั้งใจไปเที่ยวหนิ ผ่านอยู่แล้วล่ะ ปลอบใจตัวเอง ผ่านมาเดือนกว่าๆ อยู่ๆค่าเงินบาทก็ดีขึ้น ราคาตั๋วเราเลยเหลือ 30200 เศร้าซิ เท่านั้นไม่พอ Alitalia ปล่อยโปรฯ ไป KLM กลับ Alitalia 25000 เศร้าหนักกว่าเดิม เลยต้องดูรีวิว KLM ปลอบใจ ตั้งเป้าไว้ ขาไปไวน์ 3 ขวด ขากลับไวน์ 3 ขวด เพราะงั้นเรื่องตั๋วไม่ต้องรีบค่อยๆคิด 3 เดือนล่วงหน้าก็ราคาไม่ต่างกันมาก เส้นทางเราจะมาแพงเอาจริงๆก็ช่วงต้นมกราแล้วล่ะ
+++++ จะเดินทางละนะ
วันนี้ยังมีแลกเงินอีกนิด เขาบอกว่าชั้นใต้ดินมีร้านแลกเรทเท่าซุปเปอร์ริส เราก็จะมาแลกที่นี่เป็นจุดสุดท้ายก่อนเที่ยว เราแลกมาเรื่อยๆทุกเดือน จาก 37 36 แล้ววันนี้ที่ราคา 35.6 เนื่องจากทนรอแลก 35.2 ไม่ไหว ตรงใต้ดินคิวยาวเลย เลยแลกกับกสิกรแทน ก็ถือว่าซื้อเวลาไป 300 บาท ดีกว่าเสียเวลายืนรอ อย่าถามหาแผนที่ร้านในกระดานอิเล็คทรอนิกส์ของสุวรรณภูมิ หาไม่เจอ เปิดเฟสร้านดูรูปแล้ว ทำไมมันปิดล่ะ เฟสก็อัพน่ะ สรุปร้านย้ายที่ไปแอบอยู่ใกล้ทางเข้ารถไฟแล้วล่ะ ตอนแรกมองเข้าไปนึกว่าที่ขายตั๋วรถไฟฟ้าด้วยซ้ำ
แลกเงินผ่านไปไปเช็คอินดีกว่า เราเช็คอินออนไลน์มาแล้วแต่เราก็ยังต้องมาต่อแถวรอพิมพ์ Boarding pass อยู่ดี ไม่มีช่อง baggage drop พอถึงคิวเรา ก็โดนเลยค่ะไปเนเธอร์แลนด์แล้วทำไมขอวีซ่าฝรั่งเศส ขอดูตารางเที่ยว ว้ายเราปรับใหม่ให้ตรงตามการเดินทางของจริง ซึ่งตอนแรกจริงๆแล้วเราใช้เวลาที่ฝรั่งเศสเยอะกว่าอัมสเตอร์ดัม แต่พอดีว่าราคารถไฟแพงมากมายเราเลยเปลี่ยนแผนไปนั่งบัสรอบเที่ยงคืน ก็เท่ากับว่าอยู่อัมสเตอร์เท่ากับปารีสเลย แล้วทีนี้เอาไงละเนี่ย น้องเขาเอาตารางเราส่งไปให้หัวหน้าเขาดูก็ผ่านนะ ด่านแรกผ่าน คิดในใจแล้วเราจะผ่าน ตม.เนเธอแลนด์ไหมเนี่ย ถ้าเขาเห็นแผนเราเขาจะเรียกปรับเงินไหม คิดแล้วเศร้าช่างมันไปลุยเอาข้างหน้า ***แนะนำให้เอาตารางที่ยื่นขอกับสถานทูตพกติดไปด้วย***
+++++ เข้าด่านตรวจเตรียมช้อปกันเถอะ
จากนั้นก็เข้าสู่พิธีการช้อปกระจาย จะช้อปที่นี่เราต้องผ่านการตรวจร่างกายและ ตม.ไทย ก่อนน่ะค่ะ ที่ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าตอนตรวจของมีหยิบเงินในกระเป๋าตังค์เด็ก เราก็ป้องกันอย่างดี แต่ๆๆๆๆๆ ทำไม ไม่เคยมีใครบอกว่าต้องถอดรองเท้าตรวจด้วย ปีที่แล้วไปญี่ปุ่นไม่เห็นต้องถอดเลย ความซวยมาเกิดที่คนก่อนเรา เหม็นมากขอบอก แล้วไหนคนตรวจยังมัวแต่เมาท์ อิฉันยืนชูรักแร้จนแห้ง ก็ไม่สนใจ พอจะเดินออกเท่านั้นล่ะ “คุณผู้หญิงถอยไปก่อนแล้วเข้ามาใหม่ค่ะ” อืมมมมม
ด่านต่อมา ตม. โดนชี้ให้ไปเครื่องอัตโนมัติ เราก็ไม่ๆๆๆ เค้าจะเอาตราปั๊ม ทำเป็นเดินตามคนจีน เลยโดนเสียงดุๆบอกว่า “คนไทยทางนี้ค่ะ” เซ็งจริง แล้วพาสปอร์ตฉันจะขาดไหมเนี่ย แต่ก็ผ่านมาเรียบร้อย ทีนี้ก็ได้เวลาช้อป ก็ซื้อของตามสั่ง บอกเพื่อนๆไว้ในนี้ได้ 20000 ถ้าหิ้วมาได้แค่ 10000 เพราะงั้นรับซื้อแต่ของในนี้น่ะ ซื้อเสร็จก็ไปนั่งสวยๆในเลานจ์คิงค์
นั่งสวยจริงๆ ค่ะ น้องๆผลิตอาหารกันไม่ทันเลย ไอ้เราก็ไม่ได้กินข้าวมา กะมากินที่นี่ล่ะ สรุป ได้ของรองท้องไปหน่อยเดียวเอง สักพักได้เวลาก็ออกเดินทางไปเกต พอออกมาจากเลาจ์น แล้วหูก็ได้ยินคำว่า Final call for … ว้าย ของฉันหนิ วิ่งหูตูบเลยค่ะ เหนื่อยมา A ไป E หรือ G จำไม่ได้ (อันนี้ใน E-Boarding Pass ไม่มีระบุไว้) แบบว่าหายใจไม่ทันเลย เราก็ว่าน้องที่เคาท์เตอร์บอกไว้ว่าได้ถึง .45 นี่ยังไม่ถึง .30 ทำไมไฟนอล์แล้วอ่ะ แต่สรุปก็ทันน่ะค่ะ ได้ไปยืนรอในห้องอบสัก 10 นาที ก็ได้เรียกขึ้นเครื่อง โดยปกติแล้วเราไม่ชอบลงไปรอในห้องอบนั่นเท่าไหร่อ่ะ จะยืนรอข้างบนพอประกาศ Final call แล้วค่อยเดินลงแต่ครั้งนี้ผิดคาด วิ่งเหนื่อยเลย จริงๆแล้วดูเวลาผิด Boarding 10.45 เข้าใจไปเองว่า 11.45 เกือบซวยแล้วตรู ครึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องออกก็ Final call ถูกแล้ว ระวังให้ดีนะคะ นักช้อปทั้งหลาย อย่าเพลิน ดีน่ะเรามาทัน 20 นาทีก่อนเครื่องออก ไม่งั้นซวยแน่ๆเลยเรา
+++++ มานั่งหอบกันต่อบนเครื่อง
ที่นี่มาเรื่องบนเครื่องกันบ้าง KLM ให้หลายคนมารีวิวให้ชมแล้ว ครั้งนี้ดูรีวิวจากลูกค้าจริงๆบ้างนะคะ ขอยาดเอาเจ๊ต่ายมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะหุ่นใกล้เคียงกัน Oop! เริ่มจากเก้าอี้ หมอนปรับระดับได้ ชอบค่ะ เคยขึ้น การบินไทย กับคาเธ่ย์ หมอนที่นี่ชอบสุด แล้วเพิ่งรู้ด้วยว่า หมอนพับข้างๆได้ ทำให้เวลานอนหัวเราจะไม่เอียงไปซบคนข้างๆให้เขารำคาญ ที่นี้มาที่ความกว้างด้านข้าง กำลังดีค่ะ ถ้าคนข้างๆไม่เอาศอกเลยมาที่เราอ่ะน่ะ กลมๆแบบเราเอาศอกวางไว้ด้านในได้สบายเลย ส่วนที่ว่าแคบน่าจะเป็นที่ตรงกลางมันดูหันซ้ายหันขวาไม่ได้ ถ้าใครหุ่นอวบๆอ้วนๆ เลือกนั่งริมๆดีกว่าค่ะ อย่างน้อยยังมีพื้นที่เพิ่มอีกนิด
ที่ว่างตรงเข่าบ้าง สำหรับเราถ้าเมื่อยนี่ลงไปนั่งได้เลย ตัวสั้น ขาสั้นก็ดีงี้ล่ะ แต่ถ้าเบาะข้างหน้าปรับนอนมาแล้วแคบอ่ะ การเข้าออกก็ยากล่ะทีเนี่ย ต้องลุกเท่านั้น แต่นั่งปกติยังได้อยู่
*** คำแนะนำ ถ้ารู้ตัวว่าเข้าห้องน้ำบ่อยกรุณานั่งริมทางเดิน ถ้าเลือกนั่งริมทางเดินแล้วต้องทำใจว่าต้องลุกบ่อยๆ เพื่ออีก 2 ที่ด้านในจะเข้าห้องน้ำ***
แต่เรานั่งริมหน้าต่างน่ะ ขาไปลุก 1 ครั้ง ขากลับลุก 2 ครั้ง คงไม่เป็นภาระใครมากเท่าไหร่มั้ง