วันนี้เกือบโดนรถเก๋งสอยแล้ว รถที่ผมขี่ถึงกับสะบัดเลยทีเดียว

เรื่องมันมีอยู่ว่า รถมอไซค์ที่ผมขี่ได้ใส่ที่ระงับเสียงไว้ทำให้เสียงเงียบเหมือนเครื่องปรับอากาศเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนเวลาขับรถยนต์ ทำให้เวลาผมขี่รถผมต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น โดยก่อนที่จะแซงรถคันหน้าผมจะต้องอยู่ในมุมที่รถยนต์สามารถมองเห็นได้โดยไม่อยู่ในมุมอับ (ผมขับรถยนต์ทุกวันทำให้รู้จุดบอดของรถมอเตอร์ไซค์ในกระจก) จากนั้นผมก็จะให้สัญญาณโดยบีบแตรสั้นๆเตือนเบาๆ ว่าเราจะทำการแซงตามที่ได้อบรมตอนสอบใบขับขี่มา แล้วก็ค่อยๆแซง ความเร็วที่ใช้แซงก็ประมาณ 90-120 จะไม่แซงแบบเร็วๆ 180 - 200+ อะไรแบบนั้นเพราะเดี๋ยวรถยนต์เค้าจะตกใจแล้วหมั่นไส้เอาได้ ซึ่งหลังจากใส่ที่ระงับเสียงก็มีเรื่องที่หน้าสังเกตุอยู่อย่างหนึ่งคือรถยนต์จะขับแบบเข้าซ้ายทีขวาที ปาดหน้าเราเหมือนเราไม่มีตัวตน บางทีข้างหน้าก็ไม่ได้มีอะไรก็เปลี่ยนเลนเล่นซะอย่างนั้นทั้งๆที่เราวิ่งไหล่ทางแล้วนะไม่รู้ว่าเค้าแกล้งหรือเหม่อหรือเปล่า ซึ่งไม่เหมือนตอนไม่ใส่ที่ระงับเสียงรถยนต์โดยรอบจะขับเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ทั้งที่เราก็ขี่ช้าๆแล้วนะ ค่อยๆแซง เพราะกลัวรถยนต์เปลี่ยนเลนกะทันหัน แต่รถยนต์ก็ยังขับเป็นระเบียบไม่แตกแถวไม่ลงมาวิ่งไหล่ทาง ไอ้เราก็งงมากทำไมใส่ที่ระงับเสียงแล้วเป็นแบบนี้รถล่องหนหรือเปล่าปาดหน้ากันดื้อๆไฟเลี้ยวก็ไม่เปิด
                       มาวันนี้ก็ขี่เลนซ้ายอยู่ดีๆ ก็ค่อยๆขี่มาเรื่อยๆ ความเร็วประมาณ 80 ถนนโล่งทั้งเลนซ้ายและขวา ขณะที่ผมขี่มาเรื่อยๆ ใช้ความเร็วตามปกติไม่เกินตามที่กฎหมายกำหนดประมาณ  80  ทั้งๆที่ถนนโล่งมากผมจะอัดสัก 245 ก็ได้แต่ผมไม่ทำเพราะผมกลายเป็นคนโลกสวยแล้วขณะนั้น ขณะที่กำลังขี่มาเรื่อยๆ ก็กำลังจะแซงรถเก๋งคันหนึ่ง  ผมก็เห็นเขาขับอยู่เลนขวา ผมเลนซ้ายคนล่ะเลนกัน แล้วเขาก็ขับช้าด้วยความเร็วคงประมาณ  60-70 สงสัยวิ่งขวาคงชิลๆเขาล่ะมั๊ง ขณะที่ผมกำลังจะแซงเขาไปอย่างเรียบร้อยโดยมีมารยาทให้มากที่สุดไม่เบิ้ลเครื่องไม่ส่งเสียงดัง วินาทีนั้นขณะที่ผมกำลังจะขับผ่านเขาไป รถเก๋งคันนั้นก็หักเข้ามาหาผม ก็ไม่รู้เพราะเหตุผลกลใดจึงหักเข้ามา ทำให้ผมต้องหักแฮนด์โยกหนีทำรถผมเสียการทรงตัวรถสะบัดไปมา ดีที่ผมดู motogp ทำให้ผมประคองรถเอาไว้ได้ จะว่าหิวข้าวก็ไม่ใช่เพราะข้างทางมีแต่ทุ่งนา หรืออยากจะดูรถผมใกล้ๆ ก็ไม่เห็นจะต้องทำกันขนาดนั้น ข้างหน้าก็ไม่มีหลุมสิ่งกีดขวาง ผมโมโหมากจึงบีบแตรเตือนเบาๆ แล้วมองเข้าไปข้างใน ผมเห็นอีกมือหนึ่งเขาถือโทรศัพท์อยู่แล้วเขาก็รีบวางลงแล้วประคองพวงมาลัยด้วยสองมือ ผมก็เลยยกนิ้วหัวแม่โป้งให้แล้วชี้ลงพื้น หลังจากเหตุการณ์เฉียดตายเพราะโลกสวยผ่านไป ผมก็มานั่งทบทวนความผิดพลาด ซึ่งความผิดพลาดในครั้งนั้นคือลืมบีบแตรให้สัญญาณทุกครั้งก่อนแซงนั้นเอง ซึ่งก่อนที่จะลืมได้บีบแตรให้สัญญาณมาหลายร้อยครั้งแล้ว ครั้งที่ลืมคือครั้งที่เกือบไม่รอด สุดท้ายผมเลยถอดที่ระงับเสียงออก กลับไปเหมือนเดิม หวังว่าเสียงเอ็นจิ้นเบรคคงน่าจะช่วยสร้างความรำคาญขณะเล่นโทรศัพท์ได้บ้าง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่