ในบริบทคือ ญาติฝั่งพ่อกับแม่เราไม่ถูกกันมากๆค่ะ และญาติฝั่งพ่อของเราต้องการให้ญาติฝั่งแม่มีชื่อเสียงที่ไม่ดี เพื่อที่ญาติฝั่งพ่อจะได้มีความชอบธรรมในการหาภรรยาใหม่ให้คุณพ่อได้ค่ะ
โดยเขาอ้างว่า เขามีเพื่อนเป็นทนายเยอะ และกล่าวว่าญาติฝั่งแม่ของเรามีคดีอยู่ในชั้นศาลที่ทนาย(เพื่อนของเขา)ส่วนใหญ่รู้จักคดีนี้กันทั้งนั้น
ซึ่งถ้อยคำที่เขากล่าวใส่ร้ายนั้นไม่เป็นความจริงค่ะ ญาติฝั่งแม่ของเราไม่มีคดีใดๆ
แต่คำใส่ร้ายมันกลับมีน้ำหนักสำหรับบุคคลที่ 3 ที่ได้ฟังมาก เนื่องจากเขาอ้างว่ามีเพื่อนเป็นทนายและทนายที่เขารู้จักก็ยืนยันว่าคดีนี้อยู่ในชั้นศาลจริง
เพราะบุคคลที่ 3 ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายใด ไม่มีทางจะมานั่งเสียเวลาค้นหาตัวคดีที่เป็นลายลักษณ์อักษรและตัวทนายจริง พอเขาพูดโดยเอาทนายมาอ้างมันก็เลยดูน่าเชื่อถือไปเลย บุคคลที่ 3 ที่ได้ยินคำใส่ร้ายนี้ก็จะห่างๆจากญาติฝั่งแม่เราไปหมดค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะเชื่อไหม แต่ที่แน่ๆคือไม่อยากจะยุ่งหรือสนิทกับญาติฝั่งแม่มากนัก
ซึ่งตอนแรกที่เราได้ฟัง เนื่องจากว่ามันไม่เป็นความจริง เราก็ไม่ใส่ใจค่ะ และนิ่งไว้ โดยหวังให้เขาหยุดพฤติกรรมดังกล่าวและมโนไปว่าเวลาจะช่วยพิสูจน์ทุกอย่างเอง แต่มันไม่ไหวแล้วค่ะ รอให้เวลาพิสูจน์ไม่ไหวแล้ว เพราะเขาพูดอย่างนี้มาตลอดหลายปีแล้วค่ะ
เขายิ่งใช้คำใส่ร้ายนี้พูดทุกครั้งที่เจอหน้าเรากับบุคลลที่ 3 เนื่องจากเป็นวิธีที่ได้ผลสำหรับเขามาก
เราจะมีวิธีการใดบ้างไหมคะที่จะหยุดพฤติกรรมใส่ร้ายดังกล่าว โดยไม่ให้เกิดการวิวาทค่ะ
เขาพร้อมจะวิวาทกับเราได้ง่ายมากๆ เนื่องจากเขาก็ถือว่าเราเข้าข้างญาติฝั่งแม่เนื่องจากเราสนิทกับญาติฝั่งแม่มากกว่า
เช่น ถ้าเราถามต่อหน้าเขาว่า ทนายที่ว่านี่ชื่ออะไร เราจะโดนเหมาว่าเราพร้อมสู้กับเขาทันที ซึ่งจะเกิดการวิวาทแน่ๆ เนื่องจากเราเด็กกว่ามากค่ะ
ถูกญาติใส่ร้ายต่อหน้าบุคคลที่3 โดยเอาคำว่าทนายมาอ้าง มีวิธียุติอย่างไรคะ
โดยเขาอ้างว่า เขามีเพื่อนเป็นทนายเยอะ และกล่าวว่าญาติฝั่งแม่ของเรามีคดีอยู่ในชั้นศาลที่ทนาย(เพื่อนของเขา)ส่วนใหญ่รู้จักคดีนี้กันทั้งนั้น
ซึ่งถ้อยคำที่เขากล่าวใส่ร้ายนั้นไม่เป็นความจริงค่ะ ญาติฝั่งแม่ของเราไม่มีคดีใดๆ
แต่คำใส่ร้ายมันกลับมีน้ำหนักสำหรับบุคคลที่ 3 ที่ได้ฟังมาก เนื่องจากเขาอ้างว่ามีเพื่อนเป็นทนายและทนายที่เขารู้จักก็ยืนยันว่าคดีนี้อยู่ในชั้นศาลจริง
เพราะบุคคลที่ 3 ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายใด ไม่มีทางจะมานั่งเสียเวลาค้นหาตัวคดีที่เป็นลายลักษณ์อักษรและตัวทนายจริง พอเขาพูดโดยเอาทนายมาอ้างมันก็เลยดูน่าเชื่อถือไปเลย บุคคลที่ 3 ที่ได้ยินคำใส่ร้ายนี้ก็จะห่างๆจากญาติฝั่งแม่เราไปหมดค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะเชื่อไหม แต่ที่แน่ๆคือไม่อยากจะยุ่งหรือสนิทกับญาติฝั่งแม่มากนัก
ซึ่งตอนแรกที่เราได้ฟัง เนื่องจากว่ามันไม่เป็นความจริง เราก็ไม่ใส่ใจค่ะ และนิ่งไว้ โดยหวังให้เขาหยุดพฤติกรรมดังกล่าวและมโนไปว่าเวลาจะช่วยพิสูจน์ทุกอย่างเอง แต่มันไม่ไหวแล้วค่ะ รอให้เวลาพิสูจน์ไม่ไหวแล้ว เพราะเขาพูดอย่างนี้มาตลอดหลายปีแล้วค่ะ
เขายิ่งใช้คำใส่ร้ายนี้พูดทุกครั้งที่เจอหน้าเรากับบุคลลที่ 3 เนื่องจากเป็นวิธีที่ได้ผลสำหรับเขามาก
เราจะมีวิธีการใดบ้างไหมคะที่จะหยุดพฤติกรรมใส่ร้ายดังกล่าว โดยไม่ให้เกิดการวิวาทค่ะ
เขาพร้อมจะวิวาทกับเราได้ง่ายมากๆ เนื่องจากเขาก็ถือว่าเราเข้าข้างญาติฝั่งแม่เนื่องจากเราสนิทกับญาติฝั่งแม่มากกว่า
เช่น ถ้าเราถามต่อหน้าเขาว่า ทนายที่ว่านี่ชื่ออะไร เราจะโดนเหมาว่าเราพร้อมสู้กับเขาทันที ซึ่งจะเกิดการวิวาทแน่ๆ เนื่องจากเราเด็กกว่ามากค่ะ