ตอนนี้ ผมเป็น Agent อสังหาริมทรัพย์ สังกัดบริษัทนึง ผมจะเรียบเรียงความสับสนและสิ่งที่ผมหวังให้ฟังและช่วยบอกผมทีว่าผมควรลงมือทำยังไงต่อ
ผม 20 ปี ทำเอเจ้น อสังหามาได้ 3 เดือน ครับซึ่งทีแรกผมสมัครบริษัทนี้เพื่อจะทำงานประจำแต่วุฒิผมไม่ถึงก็เลยเป็นเอเจ้น freelance แทน บริษัทก็สอนผมให้หาลิสหมายถึงการหาของคืออสังหาริมทรัพย์มือสอง คอนโด,บ้าน,และที่ดิน บลาๆๆๆที่เจ้าของเค้าต้องการฝากขาย แต่ผมเน้นขายคอนโดเพราะผมชอบ developer ในการออกแบบห้องต่างๆผมก็หาคอนโดไปเรื่อยๆครับ ส่วนใหญ่เน้น สุขุมวิท สีลม สาทร และตามแนวรถไฟฟ้า จนตอนนี้ผมมีคนสนใจมาซื้อคอนโดย่านประชาชื่น ก่อนหน้านั้นผมพักอยู่บางซื่อประชาชื่นก็เลยได้โซนนั้นมาบ้าง ตอนนี้เค้ากำลังทำเรื่องกู้อยู่ และนี่คือความหวังผมครับ มันคือกำลังใจให้ผมทำงานต่อไป ผมค่อนข้างอ่อนหไหวกับความรู้สึกและท้อแท้เมื่อรู้ว่าผิดหวัง เพราะผมโหยหาความสำเร็จและฝันว่าจะใช้เส้นทางนี้เพื่อไปหามัน ผมจึงให้กำลังใจตัวเองเพื่อเดินเส้นทางนี้ต่อไปครับ แต่ผมก็ยังสะเปะสะปะจับไม่ถูกว่าเราจะหาคอนโดแบบไหนดี เรารู้แล้วว่าโซนนี้คนต้องการเรื่อยๆแต่จะทำยังไงต่อ
จะหาฝากเช่า หรือฝากขาย หรือทั้งสอง จับปลาสองมือดีหรอ เรายังไม่เก่งเอาอันไหนก่อน แล้วค่อยก้าวไปอีกขั้น มันอยู่ในหัวผมเต็มไปหมดครับ ไหนจะมีออเดอร์จากพี่ๆในบริษัทว่ามีคนต้องการนั้นต้องการนี้เราก็ไปมุ่งทางนั้น ซะ
และสิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดคือการโทรศัพท์แนะนำตัวและเสนอบริการฟังดูมันยังไงๆไม่รู้นะครับ ความกลัวของผมคือคำปฏิเสธ แต่ผมก็ยังทำตัวให้ชินกับมันไม่ได้สักที ทั้งๆที่ผมก็เคยโดนปฏิเสธบ่อยในการทำงานแบบนี้และแบบอื่นๆ มันคงเป็นเพราะผมยังสร้างเงินจากอาชีพนี้ไม่ได้จริงจังมั้งครับ ทุกครั้งที่เราเดินทางไปรับลิสเจ้าของก็จะถามว่าขายมาได้กี่ห้องแล้วซึ่งผมก็กระดากปากมากแต่ก็ต้องตอบไปว่าก็ได้บ้างครับ บริษัทก็ช่วยเหลือและสนับสนุนเหล่าเอเจ้นเต็มที่นะครับ เพื่อหาผู้ซื้อมาได้รวดเร็วมากที่สุด และอีกอย่างคือเจ้าของมักจะไม่อยากเซ็นสัญญา ผมอยากบอกแบบนี้เลยนะครับการเซ็นสัญญาฝากขายสำหรับเหล่าเอเจ้นมันเหมือนเป็นใบ อนุญาติฝากเราดำเนินการขายที่ถูกต้องโดยแท้จริง และเราก็เอาใบเนี๊ยไปยืนยันกับบริษัทเพื่อให้ทางแอดมิน ลงประกาศให้ และรับประกันว่าถ้าเราขายได้คุณจะไม่เบี้ยวค่านายหน้าเรานะ เพราะนี่คือกำลังใจที่จะทำให้เรามีแรงที่จะทำงานต่อไปได้ และบางทีเมื่อเราเจอคนที่เค้าต้องการซื้อ อันนี้ขอระบายเป็นการซื้อเพื่อลงทุน มีอยู่รายนึง มีงบ 5 ล้านจะซื้อเพื่อปล่อยเช่าผมก็แนะนำโซนสุขุมวิท ที่ราคาเพียง 3.6 ล้านพร้อมมีผู้เช่าให้ yield 6 % แต่ดันไปเชื่อสามีที่บอกว่า
รอ สอง-สามเดือนราคาจะตก ลงมากกว่านี้ ผมพยายามอธิบายสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ว่าถึงแม้มันจะทรงๆค่อนไปทางแย่ลงและโตช้าแต่ราคาไม่มีต่ำกว่านี้แน่นอน และไหนจะปีหน้าก็เปิด AEC แล้ว แต่เค้าก็เชื่อสามีว่าให้รอ สองสามเดือน ในความคิดผมตอนนั้นมันรู้สึกบางอย่างในหัวว่า เค้ามีเงินและมีความคิดที่ดีแล้วที่จะลงทุนแน่นอนผมคัดสิ่งที่ดีที่สุดให้เค้าเพื่อไม่ให้เค้าเสียเวลาเมื่อเดินทางมาดูคอนโดที่ผมเสนอให้ แต่เค้าแค่คิดแต่ไม่ได้ active ที่จะลงมือหาผลลัพย์มันก็ไม่เกิดเพราะมันอยู่แค่ความคิด
ผมกลับยคิดอีกว่าเสียดายเงินที่คนพวกนี้มีมันควรที่จะสร้างให้มีมูลค่าที่มหาศาลมากกว่านี้ หรือ งอกเงยมากกว่าการกินเงินเดือนที่ได้จากบริษัท
และอีกรายก็โดนแฟนหลอกให้ซื้อดาวน์ต่อจากอีกคนมา คอนโดย่านอโศกโดนไปสองห้องราคาเต็มรวมกัน 14 ล้าน ถ้าปล่อยไม่ได้ก็รับภาระไป
ความคิดผมคือ เค้าใช้เงินกับแบบนี้เหรอ **ขอโทษนะครับที่บ่นยาวเลย** บางทีเราไปยืนอยู่จุดเดียวกับเค้าอาจจะเหมือนเค้าก็ได้ แต่ผมเป็นคนไม่ได้อิงกับอะไรมาก คนทั่วไปคิดว่าอันนี้ดีที่สุดหรืออันนี้มันเลวที่สุด สำหรับผมมันอยู่ที่ว่ามันเหมาะสมที่สุดกับสิ่งๆนั้นรึป่าว ผมอาจจะคิดมากจนผมยังทำอะไรที่ไม่มีทิศทางและยังไม่เห็นอนาคตที่ชัดเจน
สำหรับคำถามที่จะถามคือ
1.ตอนนี้ลูกค้าผมยื่นกู้ธนาคารแล้วผมจะทำยังไงเพื่อให้เค้าได้เงินมาซื้อไวๆครับ นี่ผมปรึกษาเจ้าหน้าที่แล้วยังงงกับเค้าเลย เพราะพูดไวและใช้ภาษาธนาคารจนผมมึน
2.เรื่องการหาคอนโดผมควรหาเจ้าของที่เค้าฝากขายหรือฝากเช่า ช่วงราคาเท่าไหร่ถึงปล่อยได้เร็ว
ขอบคุณมากนะครับที่เข้ามาอ่านผมอาจจะระบายมาทางนี้ แต่ผมก็สบายใจขึ้นนะครับอย่างน้อยก็ยังได้พิมพ์ลงมา
ถามท่านผู้รู้ ครับ คือตอนนี้ผมอยากระบายและมีหลายคำถามเข้ามาอ่านก่อนนะครับ
ผม 20 ปี ทำเอเจ้น อสังหามาได้ 3 เดือน ครับซึ่งทีแรกผมสมัครบริษัทนี้เพื่อจะทำงานประจำแต่วุฒิผมไม่ถึงก็เลยเป็นเอเจ้น freelance แทน บริษัทก็สอนผมให้หาลิสหมายถึงการหาของคืออสังหาริมทรัพย์มือสอง คอนโด,บ้าน,และที่ดิน บลาๆๆๆที่เจ้าของเค้าต้องการฝากขาย แต่ผมเน้นขายคอนโดเพราะผมชอบ developer ในการออกแบบห้องต่างๆผมก็หาคอนโดไปเรื่อยๆครับ ส่วนใหญ่เน้น สุขุมวิท สีลม สาทร และตามแนวรถไฟฟ้า จนตอนนี้ผมมีคนสนใจมาซื้อคอนโดย่านประชาชื่น ก่อนหน้านั้นผมพักอยู่บางซื่อประชาชื่นก็เลยได้โซนนั้นมาบ้าง ตอนนี้เค้ากำลังทำเรื่องกู้อยู่ และนี่คือความหวังผมครับ มันคือกำลังใจให้ผมทำงานต่อไป ผมค่อนข้างอ่อนหไหวกับความรู้สึกและท้อแท้เมื่อรู้ว่าผิดหวัง เพราะผมโหยหาความสำเร็จและฝันว่าจะใช้เส้นทางนี้เพื่อไปหามัน ผมจึงให้กำลังใจตัวเองเพื่อเดินเส้นทางนี้ต่อไปครับ แต่ผมก็ยังสะเปะสะปะจับไม่ถูกว่าเราจะหาคอนโดแบบไหนดี เรารู้แล้วว่าโซนนี้คนต้องการเรื่อยๆแต่จะทำยังไงต่อ
จะหาฝากเช่า หรือฝากขาย หรือทั้งสอง จับปลาสองมือดีหรอ เรายังไม่เก่งเอาอันไหนก่อน แล้วค่อยก้าวไปอีกขั้น มันอยู่ในหัวผมเต็มไปหมดครับ ไหนจะมีออเดอร์จากพี่ๆในบริษัทว่ามีคนต้องการนั้นต้องการนี้เราก็ไปมุ่งทางนั้น ซะ
และสิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดคือการโทรศัพท์แนะนำตัวและเสนอบริการฟังดูมันยังไงๆไม่รู้นะครับ ความกลัวของผมคือคำปฏิเสธ แต่ผมก็ยังทำตัวให้ชินกับมันไม่ได้สักที ทั้งๆที่ผมก็เคยโดนปฏิเสธบ่อยในการทำงานแบบนี้และแบบอื่นๆ มันคงเป็นเพราะผมยังสร้างเงินจากอาชีพนี้ไม่ได้จริงจังมั้งครับ ทุกครั้งที่เราเดินทางไปรับลิสเจ้าของก็จะถามว่าขายมาได้กี่ห้องแล้วซึ่งผมก็กระดากปากมากแต่ก็ต้องตอบไปว่าก็ได้บ้างครับ บริษัทก็ช่วยเหลือและสนับสนุนเหล่าเอเจ้นเต็มที่นะครับ เพื่อหาผู้ซื้อมาได้รวดเร็วมากที่สุด และอีกอย่างคือเจ้าของมักจะไม่อยากเซ็นสัญญา ผมอยากบอกแบบนี้เลยนะครับการเซ็นสัญญาฝากขายสำหรับเหล่าเอเจ้นมันเหมือนเป็นใบ อนุญาติฝากเราดำเนินการขายที่ถูกต้องโดยแท้จริง และเราก็เอาใบเนี๊ยไปยืนยันกับบริษัทเพื่อให้ทางแอดมิน ลงประกาศให้ และรับประกันว่าถ้าเราขายได้คุณจะไม่เบี้ยวค่านายหน้าเรานะ เพราะนี่คือกำลังใจที่จะทำให้เรามีแรงที่จะทำงานต่อไปได้ และบางทีเมื่อเราเจอคนที่เค้าต้องการซื้อ อันนี้ขอระบายเป็นการซื้อเพื่อลงทุน มีอยู่รายนึง มีงบ 5 ล้านจะซื้อเพื่อปล่อยเช่าผมก็แนะนำโซนสุขุมวิท ที่ราคาเพียง 3.6 ล้านพร้อมมีผู้เช่าให้ yield 6 % แต่ดันไปเชื่อสามีที่บอกว่า
รอ สอง-สามเดือนราคาจะตก ลงมากกว่านี้ ผมพยายามอธิบายสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ว่าถึงแม้มันจะทรงๆค่อนไปทางแย่ลงและโตช้าแต่ราคาไม่มีต่ำกว่านี้แน่นอน และไหนจะปีหน้าก็เปิด AEC แล้ว แต่เค้าก็เชื่อสามีว่าให้รอ สองสามเดือน ในความคิดผมตอนนั้นมันรู้สึกบางอย่างในหัวว่า เค้ามีเงินและมีความคิดที่ดีแล้วที่จะลงทุนแน่นอนผมคัดสิ่งที่ดีที่สุดให้เค้าเพื่อไม่ให้เค้าเสียเวลาเมื่อเดินทางมาดูคอนโดที่ผมเสนอให้ แต่เค้าแค่คิดแต่ไม่ได้ active ที่จะลงมือหาผลลัพย์มันก็ไม่เกิดเพราะมันอยู่แค่ความคิด
ผมกลับยคิดอีกว่าเสียดายเงินที่คนพวกนี้มีมันควรที่จะสร้างให้มีมูลค่าที่มหาศาลมากกว่านี้ หรือ งอกเงยมากกว่าการกินเงินเดือนที่ได้จากบริษัท
และอีกรายก็โดนแฟนหลอกให้ซื้อดาวน์ต่อจากอีกคนมา คอนโดย่านอโศกโดนไปสองห้องราคาเต็มรวมกัน 14 ล้าน ถ้าปล่อยไม่ได้ก็รับภาระไป
ความคิดผมคือ เค้าใช้เงินกับแบบนี้เหรอ **ขอโทษนะครับที่บ่นยาวเลย** บางทีเราไปยืนอยู่จุดเดียวกับเค้าอาจจะเหมือนเค้าก็ได้ แต่ผมเป็นคนไม่ได้อิงกับอะไรมาก คนทั่วไปคิดว่าอันนี้ดีที่สุดหรืออันนี้มันเลวที่สุด สำหรับผมมันอยู่ที่ว่ามันเหมาะสมที่สุดกับสิ่งๆนั้นรึป่าว ผมอาจจะคิดมากจนผมยังทำอะไรที่ไม่มีทิศทางและยังไม่เห็นอนาคตที่ชัดเจน
สำหรับคำถามที่จะถามคือ
1.ตอนนี้ลูกค้าผมยื่นกู้ธนาคารแล้วผมจะทำยังไงเพื่อให้เค้าได้เงินมาซื้อไวๆครับ นี่ผมปรึกษาเจ้าหน้าที่แล้วยังงงกับเค้าเลย เพราะพูดไวและใช้ภาษาธนาคารจนผมมึน
2.เรื่องการหาคอนโดผมควรหาเจ้าของที่เค้าฝากขายหรือฝากเช่า ช่วงราคาเท่าไหร่ถึงปล่อยได้เร็ว
ขอบคุณมากนะครับที่เข้ามาอ่านผมอาจจะระบายมาทางนี้ แต่ผมก็สบายใจขึ้นนะครับอย่างน้อยก็ยังได้พิมพ์ลงมา