ตำรวจเอาจริง! จับแท็กซี่จอมปฏิเสธผู้โดยสาร สุขุมวิทคืนเดียวเจอ 34 ราย
เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.ท.บวรภพ สุนทรเรขา สว.ส.ทท.2 กก.บก.ทท. ร่วมกันปล่อยแถวตำรวจท่องเที่ยวลงพื้นที่ระดมกวาดล้างเหล่าบรรดาแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยใช้กำลังตำรวจท่องเที่ยว และรถสายตรวจวิทยุกระจายไปตามจุดที่ได้รับการร้องเรียน บริเวณถนนสุขุมวิทซอย 3 (ซอยนานา) ตั้งแต่ด้านหน้าโรงแรมเกรซ ถ.สุมขุมวิท-สุขุมวิท ซอย 3/1 ตลอดจนถึงสุขุมวิทซอย 5 ในช่วงเวลากลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อเดินทางกลับที่พัก จนสามารจับกุมเหล่าโชเฟอร์ที่กระทำความผิดได้ทั้งสิ้น 34 ราย
พ.ต.อ.อาชยนกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการท่องเที่ยวและขานรับนโยบายปี 2558 ที่เป็นปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทยและขานรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการกวดขันจับกุม และนำเหล่าโชเฟอร์แท็กซี่มาปรับทัศนคติ พูดคุยกับปัญหาที่เกิดเหตุว่าเหตุใดถึงต้องปฏิเสธที่จะรับผู้โดยสาร
อย่างไรก็ตามไม่อยากให้มองว่าเป็นการจ้องจับผิด แต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากแท็กซี่ไทยจัดเป็นประตูด่านแรกในการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้บริการ จึงขอความร่วมมือจากคนขับรถแท็กซี่ให้ความร่วมมือช่วยกันให้บริการแก่นักท่องเที่ยวให้สมกับการทำหน้าที่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี
พ.ต.อ.อาชยนกล่าวต่อว่า สำหรับข้ออ้างในเรื่องส่งรถไม่ทัน แก๊สหมด หรือรถติดนั้นเป็นเพียงหนึ่งในหลากหลายเหตุที่บรรดาโชเฟอร์นำมากล่าวอ้างซึ่งได้อธิบายเหตุและผลว่า การปฏิเสธผู้โดยสารถือว่าเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 แต่ไม่ใช่ว่าโชเฟอร์แท็กซี่ทุกคันจะไม่สามารถปฏิเสธผู้โดยสารได้ เนื่องจากข้อกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 93 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร เว้นแต่การบรรทุกนั้นน่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนหรือแก่คนโดยสาร ซึ่งได้แนะนำว่าในกรณีที่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีความประสงค์จะไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารให้แสดงป้ายงดรับจ้างบรรทุกคนโดยสารวิธีการแสดงป้ายและลักษณะของป้ายงดรับจ้างบรรทุกคนโดยสารให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ก็สามารถกระทำได้เช่นกัน
เบื้องต้นหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการปรับทัศนคติบรรดาแท็กซี่ ก่อนนำตัวไปทำประวัติพร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่รับผิดชอบดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000046425 (รูปภาพด้านใน)
มาชมเชยการทำงานของตำรวจกันครับ คนทำงานเขาจะได้มีกำลังใจ
เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.ท.บวรภพ สุนทรเรขา สว.ส.ทท.2 กก.บก.ทท. ร่วมกันปล่อยแถวตำรวจท่องเที่ยวลงพื้นที่ระดมกวาดล้างเหล่าบรรดาแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยใช้กำลังตำรวจท่องเที่ยว และรถสายตรวจวิทยุกระจายไปตามจุดที่ได้รับการร้องเรียน บริเวณถนนสุขุมวิทซอย 3 (ซอยนานา) ตั้งแต่ด้านหน้าโรงแรมเกรซ ถ.สุมขุมวิท-สุขุมวิท ซอย 3/1 ตลอดจนถึงสุขุมวิทซอย 5 ในช่วงเวลากลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อเดินทางกลับที่พัก จนสามารจับกุมเหล่าโชเฟอร์ที่กระทำความผิดได้ทั้งสิ้น 34 ราย
พ.ต.อ.อาชยนกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการท่องเที่ยวและขานรับนโยบายปี 2558 ที่เป็นปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทยและขานรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการกวดขันจับกุม และนำเหล่าโชเฟอร์แท็กซี่มาปรับทัศนคติ พูดคุยกับปัญหาที่เกิดเหตุว่าเหตุใดถึงต้องปฏิเสธที่จะรับผู้โดยสาร
อย่างไรก็ตามไม่อยากให้มองว่าเป็นการจ้องจับผิด แต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากแท็กซี่ไทยจัดเป็นประตูด่านแรกในการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้บริการ จึงขอความร่วมมือจากคนขับรถแท็กซี่ให้ความร่วมมือช่วยกันให้บริการแก่นักท่องเที่ยวให้สมกับการทำหน้าที่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี
พ.ต.อ.อาชยนกล่าวต่อว่า สำหรับข้ออ้างในเรื่องส่งรถไม่ทัน แก๊สหมด หรือรถติดนั้นเป็นเพียงหนึ่งในหลากหลายเหตุที่บรรดาโชเฟอร์นำมากล่าวอ้างซึ่งได้อธิบายเหตุและผลว่า การปฏิเสธผู้โดยสารถือว่าเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 แต่ไม่ใช่ว่าโชเฟอร์แท็กซี่ทุกคันจะไม่สามารถปฏิเสธผู้โดยสารได้ เนื่องจากข้อกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 93 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร เว้นแต่การบรรทุกนั้นน่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนหรือแก่คนโดยสาร ซึ่งได้แนะนำว่าในกรณีที่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีความประสงค์จะไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารให้แสดงป้ายงดรับจ้างบรรทุกคนโดยสารวิธีการแสดงป้ายและลักษณะของป้ายงดรับจ้างบรรทุกคนโดยสารให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ก็สามารถกระทำได้เช่นกัน
เบื้องต้นหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการปรับทัศนคติบรรดาแท็กซี่ ก่อนนำตัวไปทำประวัติพร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่รับผิดชอบดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000046425 (รูปภาพด้านใน)