หมาวัด

กระทู้คำถาม
อมยิ้ม01

ผมเป็นคนหล่อ  เลยชอบสังเกต  
สังเกตแบบเงียบ ๆ   อกน่าจะเท่าไร  เอวแค่ไหน  สะโพกประมาณใด   น่ารัก หรือขึ้หึง ขี้บ่น

เอ๊ยยยย.... บ่แม่น ๆ
ชอบสังเกตนั่น  พิจารณานี่  ลม ๆ แล้ง ๆ ไปตามเรื่อง

เห็นอะไรเป็นชอบเก็บรายละเอียด  มองแว่บ  เก็บปั๊บ  แล้วก็เอามาคิด


ผมเป็นคนใกล้วัดมาตั้งแต่เด็ก  ชีวิตวัยเด็กคลุกคลีตีโมงกับเพื่อนในวัดตลอด
มีทั้งเพื่อนที่เป็นเด็กวัด  เป็นเณร  

โตมาเลยติดวัด  เข้าวัดเป็นประจำ
แต่ไม่ใช่วัดอย่างวัยเด็ก  กลายเป็นวัดอย่างอื่นไปซะงั้น

วัดอะไรไม่บอก   ใครอยากรู้ไปถามคุณชูวิทย์เอาเองครับ   ผมมะเก่ว



ในวัดนี่  ผมสังเกตมาตลอด   ไม่ว่าวัดไหน
ที่ผมชอบสังเกตมาก  และสังเกตจนได้บทสรุปแล้ว  นั่นคือเรื่อง "หมาวัด"

หมาวัดนี่  ต่อให้ในวัดมีมากแค่ไหน  หมาพันธุ์อะไร  ตัวโตแค่ไหน  
แต่ผมไม่เคยเห็นหมาวัดตัวใดมีทีท่าดุร้าย  ก้าวร้าว  คึกคะนอง  เสียมารยาท
เห็นมีแต่หมาประเภท  รู้กาลเทศะไปหมด

คนเข้าคนออกวัด  เดินผ่าน   หมาจะมองดูเซื่อง ๆ ด้วยสายตาเป็นมิตร นอบน้อม
บางคนเข้าวัดมาด้วยท่าทีแปลก  อึกทึก  หมาก็จะมองแบบผมมองหมา  คือมองแบบสังเกต
ตอนนี้หมาจะมีทำหูชัน ๆ อันเป็นการบอกว่ากำลังพิจารณาเป้าหมาย

แต่สักพัก  เมื่อเห็นว่า  ไม่ได้มาร้าย  หมาก็จะเปลี่ยนท่าทีเป็นปกติดังเดิม

สองสามปีก่อน  ผมเคยเข้าไปในวัดพระสิงห์  เชียงราย
วัดนี้มีหมาอยู่สี่ห้าตัว (ที่ผมเห็น)   ผมก็เรียกมา  พวกหมาก็เดินมาต้อย ๆ
ก็มานั่งคุยกัน  ผมก็พร่ำพูดไป  หมาก็มองหน้าผมไปฟังไป  เหมือนรู้จักกันมานานปี

เรื่องคุยกับหมารู้เรื่องนี่  ผมไม่เป็นรองใครแล้วกัน



ผมสังเกตบอร์ดราชดำเนินในช่วงสองปีมานี่
สังเกตไปสังเกตมา  ทำให้ผมนึกถึงหมาวัด

หมาวัดไม่ได้เรียนหนังสือ  ไม่ได้เรียนธรรม  ไม่มีใครสั่งสอน
แต่ละตัวมาอยู่วัดด้วยเหตุต่าง ๆ กัน

บางตัวได้มาเพราะโดนเจ้าของเอามาทิ้ง  บางตัวมาเพราะได้อาศํยอยู่กิน  
บางตัวมาเพราะคนเอามาให้พระเลี้ยง  คือเห็นหมาจรจัดแล้วสงสาร  แต่ไม่มีเวลาเลี้ยง  เลยเอามาฝากพระซะงั้น

แต่ทุกตัวเมื่อมาแล้ว  แม้จะต่างพันธุ์ ต่างที่มา ต่างการเรียนรู้ ต่างประสบการณ์
จะมีบุคลิกเหมือนกัน  คือนอบน้อม  สุภาพ  ไม่มีท่าทีดุร้าย

เป็นการหลอมรวมลักษณะนิสัยเองโดยไม่ต้องมีใครสอน  เป็นการเรียนรู้สถานการณ์ของหมาเอง

เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง  เป็นการเรียนรู้สังคม   ว่าควรทำตัวอย่างไร

นี่เรียกได้ว่า  หมารู้ว่าอะไรควรไม่ควร



ต่างกับ "หมาบอร์ด"

หนังสือก็ได้เรียน  สังคมก็ได้ร่วมหลากหลาย   แต่ทำไมกลายเป็น "เรียนไม่รู้ สอนไม่จำ"  ไปได้
ได้รับข้อมูล  ข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น ๆ  แทนที่จะพิจารณา  สืบค้น  กลับไม่ทำ
ยิ่งเอาแต่ป่วน เกรียนแบบวนลูปไม่เลิก

วัน ๆ ไม่มีอะไรล่ะ   เข้าบอร์ดมาก็ตั้งหน้าตั้งตาเกรียนอย่างเดียว

ผมคิดว่า  ก่อนเข้าบอร์ด   พวกหมาบอร์ดนี่  คงคิดไว้แล้วว่าจะหาเรื่องอะไรมาป่วนมาเกรียน
แล้วก็เข้ามาตั้งทู้โรคจิต  แบบไม่โดนด่านอนไม่หลับ กินไม่ลง

อีกประเภท  คือเข้าบอร์ดมา  ก็ดูว่ามีข่าวอะไร  มีทู้เรื่องไหน  แล้วก็เกิดไอเดีย
พอได้ไอเดีย  ก็เกรียน ป่วนไปตามวิสัยหมาบอร์ด

ขี้เกียจสาธยายมาก   คิดว่าคงรู้ ๆ เห็น ๆ กันอยู่แหละครับ  ว่าหน้าไหนเป็นไง




ผมก็ไม่ได้ดีเด่อะไรหรอกครับ
แต่ผมเสียดายบอร์ด  ที่เคยได้ชื่อว่าบอร์ดการเมืองอันดับหนึ่งของเมืองไทย

แต่ก่อนประเภทเกรียน  ป่วน  มั่ว  นี่จะมีประมาณสิบเปอร์เซนต์   เพราะ "สำนึก"

สำนึกว่า  สิ่งที่จะแสดงความเห็นออกไป  สิ่งที่จะโพสต์ออกไป  มีข้อมูล มีข้อเท็จจริง มีเหตุผลอันสมควรรองรับหรือไม่
หากมีก็ถึงทำ  ถึงแสดงออก   หากไม่มีก็ไม่กล้าทำ  เพราะรู้ว่าต้องมีผลกระทบตามมา

แต่ตอนนี้  ดูเหมือนสำนึกไม่มีกันแล้ว   กลายเป็นบอร์ดที่มีเกรียนแปดสิบเปอร์เซนต์ไปแล้ว

จำนวนเกรียนไม่มากนะครับ  นับ ๆ ดูนี่   ประจำ ๆ นี่มีอยู่ราวห้าหกตัว  ผสมกับขาจรที่มีผ่านมาบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ
แต่จำนวนโพสต์  จำนวนทู้ที่เกรียนผลิตนี่สิ   แปดสิบเข้าไปแล้ว

ประเภทไม่รู้เรื่อง  มั่ว  แล้วเข้ามาโพสต์  ตอนนี้ไม่ค่อยมีครับ
เพราะโดนตอกหน้าหงายเงิบไปเยอะ  เลยจาง ๆ ไป

แต่ประเภทตั้งหน้าตั้งตาเกรียนนี่   กลับมากขึ้น   จะเงิบไง  ไร้เหตุผลไง  ไร้ข้อมูลหลักฐานไง  ไม่สน
เกรียนอย่างเดียว

แล้วคิดว่าสนุก



ประเภทที่คิดว่าเกรียนแล้วสนุกนี่   ทำให้ผมนึกถึง "คาถาหัวใจหมา"

เคยได้ยินไหมครับ  คาถาหัวใจหมา

ผมก็ไม่เคยเรียยเคยท่อง  รู้แต่ว่า คาถานี้ใครร่ำเรียนแล้ว
จะหน้าหนาเป็นพิเศษ

คือ  ดื้อ  ด้าน  ไม่รู้สึกรู้สา   ไม่รับผิดชอบใด    
ด้วยเหตุนี้  จึงได้ชื่อว่า  คาถาหัวใจหมา



ผมจึงคิดว่า  พวกหมาบอร์ดนี่  เอาหัวใจไปแลกกับหมาวัดมาแน่ ๆ

หมาวัดได้หัวใจคนไป  กลายเป็นหมาแสนรู้  มีมารยาท มีเหตุมีผล  รู้กาลเทศะ
แต่คนที่ได้หัวใจหมาวัดมา  กลายเป็นไม่รู้อะไร  ไม่รับผิดชอบอะไร  อยากทำอะไรก็ทำ  ไร้เหตุผล ขาดข้อมูล ไม่มีความคิด

พอแระ   เมื่อย




ก็คิดไปเขียนไปอย่างนี้แหละครับ    
ประสาคนหล่อ
อมยิ้ม01
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่