ผมกลัวการเกณฑ์ทหารครับ
แต่.....เมื่อ 10 ปีที่แล้วนะครับ
ตอนนี้เห็นกระทู้ตั้งกันเยอะมากๆ ที่ถามว่า เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ต้องเกณฑ์ หรือไม่ ยกเว้นหรือไม่ ผมเลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การเป็นทหารเกณฑ์ของผมให้ฟัง
ตั้งแต่เด็ก ผมกลัวมากครับ ทุกคนรอบๆข้างมักพูดกรอกหูเสมอๆ ว่า ฝึกหนักบ้าง โดนตบ โดนเตะ บลาๆๆๆ สิ่งนี้มันทำให้ผมกลัวจนถึงไม่กล้าที่จะเรียน รด. เมื่อมีโอกาสเรียนในช่วงชั้น ม.ปลาย ใช่ครับ ผมผ่อนผันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเรียนจบ และเรียนจบปีแรกยังได้สิทธิ์ผ่อนผัน ผมก็ผ่อนผันอีก เพราะความกลัวตัวเดียว จนถึงหมดสิทธิ์ในช่วงอายุตอนนั้น 24 ปี
วันเกณฑ์ทหารมาถึง 2 เมษายน 2548.....ผมเฝ้าบอกกับตัวเองว่า ไม่น่า เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก เค้าเอาไม่กี่คน แถมตำบลบ้านเราเป็นตำบลสุดท้ายที่ได้จับ ยังไงซะใบแดงคงออกหมดแล้ว
ใช่ครับมันออกใบสุดท้าย ของตำบลสุดท้าย ที่ผม !!!! ทบ.๒
หูอื้อ ตาลายไปหมดพร้อมกับเสียง โห่ เชียร์ ปนไชโยของบรรดาคนข้างหลังผมอีกไม่กี่คนที่บอกว่าตัวเองโชคดี
ที่เค้าบอกยิ่งเกลียดยิ่งกลัวมักได้เจอ ผมเชื่อเลยครับ แต่หลังจากเข้ารับใช้ชาติแล้วมันกลับทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเลยทีเดียว......
เป็นทหาร(เกณฑ์)แล้วได้อะไร ผมจะสรุปให้นะครับ
-ได้รู้จักกับคำว่า เหนื่อยที่สุด ร้อนที่สุด หิวที่สุด....หลังจากการเป็นทหาร ผมไม่เคยบ่นถึงเรื่องเหล่านี้อีกเลยเพราะอะไร เพราะ เราผ่านความเหนื่อยสุดๆ ของช่วงนั้นมาได้แล้ว หลังจากนั้น เหนื่อย ร้อน หิว ถือว่าเล็กน้อยมาก
-ได้ฝึกใช้อาวุธ....ในชีวิตนี้สักกี่คนจะได้จับอาวุธสงคราม... ผมได้ใช้ ปลย.เอ็ม 16 หรือปืนเล็กยาว M16 ได้ฝึกทั้งการยิงจริง ท่ายิง การดูแลรักษา การถอดประกอบปืน เป็น part ที่สนุกมาก
-ได้เรียนรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ การดูแผนที่ภูมิศาสตร์แบบละเอียด เข็มทิศ ตลอดจนเครื่องมือสื่อสาร (วิทยุสื่อสาร) ในแบบต่างๆที่ทหารใช้
-ได้ฝึกระเบียบวินัย อันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ ที่ติดมาจนถึงตอนนี้ก็คือ ที่นอนต้องตึง หลังตื่นนอนเก็บที่นอนทันทีให้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้วางเป็นระเบียบ
-มีร่างกายที่แข็งแรงที่สุด หุ่นดีที่สุด....ผมอวบๆมาตลอด ออกกำลังก็ไม่เคยลง จนกระทั่งเป็นทหาร จากน้ำหนัก 69 สูง 167 เอว 33 ผมเข้ามาเป็นทหาร จนถึวช่วงที่เค้ามาวัดชุดพรางตัดให้ไว้ใส่กลับบ้าน ช่างวัดเอว ผมเอว 29!!!! น้ำหนัก 58 และมี 6 pack ซึ่งช่วงชีวิตตอนนั้นถือว่าหุ่นดีที่สุดในชีวิตแล้วครับ 55
-ได้เรียนรู้ถึงการช่วยเหลือคนอื่น...ระหว่างฝึกถ้าเราผ่าน เราทำได้ แต่เพื่อนไม่ได้ ถือว่าไม่ผ่าน เช่นการฝึกระเบียบแถวบางครั้งทุกคนทำได้หมดแต่ครูฝึกจะแกล้งว่าบางคนยังทำไม่พร้อม เพื่อดูปฏิกิริยาสีหน้า ถ้ามีใครชักสีหน้านี่ก็ถือว่าไม่ผ่าน อันนี้นี่ได้ความมีน้ำใจ การให้อภัยครับ
-ผมได้ ทบ2. ซึ่งถือว่าโชคดีเพราะต้องสวนสนามปฏิญาณตน ถือว่าได้ทำหน้าที่ของชายไทยโดยสมบูรณ์ครับ
น้องชายทั้งหลายครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้าไม่แหกกฏ ทำตัวแหลม การเป็นทหารไม่น่ากลัวเลย โอกาสมาแล้วถ้าไม่ได้เจ็บป่วยจริงๆ ไขว่คว้าไว้นะครับ ทุกครั้งที่สมัครงานได้ถือใบผ่านทหาร ใบรับรองความประพฤติจากกรมทหารนี่มันภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกครับ
ขอบคุณกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่๔ ที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับการได้รับใช้ชาติจนถึงทุกวันนี้ครับ...
*ขอ tag ห้องสวนลุมด้วยนะครับเพราะน้องๆชอบทิ้งคำถามสุขภาพกับการเป็นทหารไว้ห้องนี้
ผมกลัวการเป็นทหารครับ !!!
แต่.....เมื่อ 10 ปีที่แล้วนะครับ
ตอนนี้เห็นกระทู้ตั้งกันเยอะมากๆ ที่ถามว่า เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ต้องเกณฑ์ หรือไม่ ยกเว้นหรือไม่ ผมเลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การเป็นทหารเกณฑ์ของผมให้ฟัง
ตั้งแต่เด็ก ผมกลัวมากครับ ทุกคนรอบๆข้างมักพูดกรอกหูเสมอๆ ว่า ฝึกหนักบ้าง โดนตบ โดนเตะ บลาๆๆๆ สิ่งนี้มันทำให้ผมกลัวจนถึงไม่กล้าที่จะเรียน รด. เมื่อมีโอกาสเรียนในช่วงชั้น ม.ปลาย ใช่ครับ ผมผ่อนผันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเรียนจบ และเรียนจบปีแรกยังได้สิทธิ์ผ่อนผัน ผมก็ผ่อนผันอีก เพราะความกลัวตัวเดียว จนถึงหมดสิทธิ์ในช่วงอายุตอนนั้น 24 ปี
วันเกณฑ์ทหารมาถึง 2 เมษายน 2548.....ผมเฝ้าบอกกับตัวเองว่า ไม่น่า เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก เค้าเอาไม่กี่คน แถมตำบลบ้านเราเป็นตำบลสุดท้ายที่ได้จับ ยังไงซะใบแดงคงออกหมดแล้ว
ใช่ครับมันออกใบสุดท้าย ของตำบลสุดท้าย ที่ผม !!!! ทบ.๒
หูอื้อ ตาลายไปหมดพร้อมกับเสียง โห่ เชียร์ ปนไชโยของบรรดาคนข้างหลังผมอีกไม่กี่คนที่บอกว่าตัวเองโชคดี
ที่เค้าบอกยิ่งเกลียดยิ่งกลัวมักได้เจอ ผมเชื่อเลยครับ แต่หลังจากเข้ารับใช้ชาติแล้วมันกลับทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเลยทีเดียว......
เป็นทหาร(เกณฑ์)แล้วได้อะไร ผมจะสรุปให้นะครับ
-ได้รู้จักกับคำว่า เหนื่อยที่สุด ร้อนที่สุด หิวที่สุด....หลังจากการเป็นทหาร ผมไม่เคยบ่นถึงเรื่องเหล่านี้อีกเลยเพราะอะไร เพราะ เราผ่านความเหนื่อยสุดๆ ของช่วงนั้นมาได้แล้ว หลังจากนั้น เหนื่อย ร้อน หิว ถือว่าเล็กน้อยมาก
-ได้ฝึกใช้อาวุธ....ในชีวิตนี้สักกี่คนจะได้จับอาวุธสงคราม... ผมได้ใช้ ปลย.เอ็ม 16 หรือปืนเล็กยาว M16 ได้ฝึกทั้งการยิงจริง ท่ายิง การดูแลรักษา การถอดประกอบปืน เป็น part ที่สนุกมาก
-ได้เรียนรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ การดูแผนที่ภูมิศาสตร์แบบละเอียด เข็มทิศ ตลอดจนเครื่องมือสื่อสาร (วิทยุสื่อสาร) ในแบบต่างๆที่ทหารใช้
-ได้ฝึกระเบียบวินัย อันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ ที่ติดมาจนถึงตอนนี้ก็คือ ที่นอนต้องตึง หลังตื่นนอนเก็บที่นอนทันทีให้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้วางเป็นระเบียบ
-มีร่างกายที่แข็งแรงที่สุด หุ่นดีที่สุด....ผมอวบๆมาตลอด ออกกำลังก็ไม่เคยลง จนกระทั่งเป็นทหาร จากน้ำหนัก 69 สูง 167 เอว 33 ผมเข้ามาเป็นทหาร จนถึวช่วงที่เค้ามาวัดชุดพรางตัดให้ไว้ใส่กลับบ้าน ช่างวัดเอว ผมเอว 29!!!! น้ำหนัก 58 และมี 6 pack ซึ่งช่วงชีวิตตอนนั้นถือว่าหุ่นดีที่สุดในชีวิตแล้วครับ 55
-ได้เรียนรู้ถึงการช่วยเหลือคนอื่น...ระหว่างฝึกถ้าเราผ่าน เราทำได้ แต่เพื่อนไม่ได้ ถือว่าไม่ผ่าน เช่นการฝึกระเบียบแถวบางครั้งทุกคนทำได้หมดแต่ครูฝึกจะแกล้งว่าบางคนยังทำไม่พร้อม เพื่อดูปฏิกิริยาสีหน้า ถ้ามีใครชักสีหน้านี่ก็ถือว่าไม่ผ่าน อันนี้นี่ได้ความมีน้ำใจ การให้อภัยครับ
-ผมได้ ทบ2. ซึ่งถือว่าโชคดีเพราะต้องสวนสนามปฏิญาณตน ถือว่าได้ทำหน้าที่ของชายไทยโดยสมบูรณ์ครับ
น้องชายทั้งหลายครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้าไม่แหกกฏ ทำตัวแหลม การเป็นทหารไม่น่ากลัวเลย โอกาสมาแล้วถ้าไม่ได้เจ็บป่วยจริงๆ ไขว่คว้าไว้นะครับ ทุกครั้งที่สมัครงานได้ถือใบผ่านทหาร ใบรับรองความประพฤติจากกรมทหารนี่มันภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกครับ
ขอบคุณกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่๔ ที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับการได้รับใช้ชาติจนถึงทุกวันนี้ครับ...
*ขอ tag ห้องสวนลุมด้วยนะครับเพราะน้องๆชอบทิ้งคำถามสุขภาพกับการเป็นทหารไว้ห้องนี้