"Happiness only real when shared."
สวัสดีครับ เพื่อน พี่ น้อง กระทู้นี้ เป็นกระทู้แรกของผมเลยตั้งแต่ติดตาม pantip มา
ขอเริ่มการเดินทางเลยครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ผมจะนำรูปถ่าย ที่ผมได้เดินทางสะพายเป้ไปเองเดี่ยวๆ ไปที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี (เพราะเบื่อสงกรานต์แบบตามทุกหัวเมืองคือสาดน้ำรัวๆ เปิดเพลงดังๆ ขึ้นท้ายรถเข้าไปอัดกันในเมือง) ซึ่งที่สังขละ ต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
ผมไปในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ 11-14 เมษายน 58 ที่ผ่านมา เลยขอเอาภาพที่ผมได้จากที่นั่น มาให้เพื่อนๆที่รักการท่องเที่ยวดูกันว่า ผมได้ไปพบไปเห็นอะไรมาบ้าง ถึงแม้ว่า สังขละบุรี จะมีหลายคนเคยไปสัมผัสมาแล้ว แต่ที่นี่เป็นครั้งแรกของผมเลย ที่เลือกไปที่นี่ ส่วนนึงเพราะติดตามเรื่องราว รูปถ่าย ที่นี่มาสักพักนึง หลักๆ ก็จากเพจ สังขละบุรี รวมถึง ตามเว็บต่างๆ ทำให้ผมสนใจขึ้นมา สังขละบุรี มีเสน่ห์ อะไรงั้นหรือ จึงทำให้อยากไปนัก ....... ผม เลยตัดสินใจทันทีว่าหยุดยาวจะมาที่นี่
พอดีผมไม่ได้ทำงานอยู่ ที่ กทม.ครับ ทำงานอยู่ทางเหนือ มนุษย์เงินเดือน เลยต้องเดินทาง 3 ต่อ คือ รถทัวร์ ลง รถไฟฟรี(ที่สถานทีธนบุรี) แล้วลงรถโดยสารท้องถิ่นที่นั่นต่อเข้าสังขละบุรี ตั้งแต่เช้า 8.10 น.รถไฟออก จน ผมถึงที่พัก กว่าจะหาเจอ ฮ่าๆ ราวๆ 18.00 น. เกือบมืด ส่วนนึงเพราะวันนั้น นักท่องเที่ยว+คนกลับบ้าน เยอะมาก ผมยืนเกือบๆตลอดทางช่วงอยู่บนรถโดยสารไปสังขละ ฮ่าๆ แต่ผมรู้สึกชิวๆ มากกว่า เพราะความอยากด้านเที่ยว มี มากกว่า ความเบื่อหน่าย ทำให้วันนั้นเดินทางสนุกสนานมากกว่า ........แล้วนี่คือสิ่งที่ผมได้รับจากการไปอยู่ที่นี่ 4 วัน
ปล.1 รูปถ่ายทุกที่ที่ผมได้มา ผมใช้การเดินเท้าไปตามจุดต่างๆ อย่างเดียว ไม่ได้เช่าพาหนะ ไม่จ้างวิน ไม่โบก ฮ่าๆ (ผมอยากลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป แล้ว ผมมั่นใจว่า ทุกวันนี้ที่ผมออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ช่วยผมได้เยอะมาก ฮ่าๆ)
ขอยกเว้น เรื่องต้องนั่งเรือไปชมวัดใต้บาดาลนะครับ ว่ายน้ำไปไม่ไหว 5555 (จนพี่เจ้าของที่พักยังบอกน้องทรหด มาก คือ ไอนี่ ถึก จริงๆ นั่นเอง)
ปล.2 กระทู้นี้ จัดเต็มภาพ มากๆ นะครับ
ปล.3 ค่าใช้จ่ายในการอยู่ที่ สังขละบุรี ของผม 4 วัน ราวๆ 1500 บาท ครับ (ไม่ได้รวมค่าเดินทางใดๆนะครับ)
เพื่อให้ไม่เสียเวลา ผมไม่บรรยายให้มันยาว ขอบรรยายเล็กๆน้อยๆ ลงไปในรูปถ่ายแต่ละใบที่ผมจะลงไว้เลยนะครับ
ตอนเช้าก่อนมาถึงสถานีรถไฟ เจอทีเด็ดฮะ โบกแท็กซี่ จะมาที่สถานีธนบุรี เขาไม่จอด แต่ก็เจอคันที่รับมาจนได้
ผมไม่ได้เดินทางด้วยรถไฟแบบเต็มสูบอย่างนี้นานมากๆ มากกว่า 5 ปี เลยค่อนข้างคึกคักมาก
ซึ่งวันนั้น เจอนักท่องเที่ยวเยอะมาก มาคนเดียวก็มี มากับเพื่อนๆ ก็มี แล้วก็มีกลุ่มที่เดินทางกลับบ้านกัน
ที่นี่ สถานีน้ำตก ผมไม่เคยนั่งมาถึงตรงปลายทางนี้ เคยนั่งมาถึงอย่างมากแค่ สถานีกาญจนบุรีเท่านั้น
สถานีนี้ ผมเดินลงมาปุ๊บหายง่วงเลย เมื่อเห็นภาพ โบกี้รถไฟจอดอยู่นิ่งๆ ท่ามกลางเงาไม้แบบนี้มันสวยมาก
คือผมเดินถ่ายรูปจนเกือบลืมว่าต้องนั่งรถสองแถวจากที่นี่ ไปลงยังจุดที่จะต่อรถเข้าสังขละต่อ
ภาพนี้ คือ ช่วงที่กำลังเดินทางโดยรถเมล์พัดลม ตั๋วยืน คนเต็มมาก 555 แต่ ทุกคนที่ยืนผมคิดว่าเขาเข้าใจตรงกันว่า เป็นช่วงวันหยุดยาว
คนกลับบ้าน+นักท่องเที่ยว ดูจากสีหน้าแล้วอดทนกันได้สบายมาก
แล้วนี่คือที่พักคืนแรกของผม "บ้านแม่เล็ก อีโค แคมป์"
เท้าความนิดนึง ทีแรก ผมตั้งใจว่า มาที่นี่ 4 วันจะเปลี่ยนที่นอนไปตามบรรยากาศบ้าง แต่ไปๆมา ที่พักส่วนใหญ่จะเต็ม ในช่วงเทศกาล
หลายๆที่ต้องโทรจอง แล้วที่พักที่ตั้งใจจะไปพัก ก็เต็มเลย จัดที่นี่ไปเลยตลอดทริป ผมเอาเต๊นท์ไปเอง
เขาคิดแค่ค่าที่ วันละ 50 บาท เป็นโปรพิเศษ สงกรานต์
ส่วน หมอน ที่รองนอน พี่ๆเขาใจดีมาก ไม่ให้เช่า ให้ยืมนอนฟรี ทำให้ผมประทับใจมาก ชวนผมทานข้าวด้วยกันตั้งแต่วันแรกเลย
บรรยากาศตอนเช้า วันที่ 12 เมษายน 58 เต๊นท์อยู่ในร่มเงาของ ต้นอินทนิล ดอกบานเต็มต้น
แล้วนี่คือ ภาพที่มองออกไปจากที่ผมกางเต๊นท์อยู่ มองเห็นสะพานมอญ และ หมู่บ้านมอญฝั่งตรงข้าม ได้อย่างกว้างๆ เลย
ยามเช้า เช่นกัน
อาหารคืนแรกของผม เคยเห็นแต่ในภาพ มาลองกินดูแล้ว ตามภาพเลยครับ
หมูจุ่มพม่า ไม้ละ 1 บาท น้ำจิ้มอร่อยดีนะครับ แต่ไม้เนี่ยเขาเอาจุ่มต้มลงไปด้วยจริงๆ 55
คืนแรกที่ผมไป ก็เดินจากที่พัก มาไกลพอสมควร พอหิวมากๆ หนทางทำไมมันไกลจัง
คืนนั้นมีถนนคนเดินแล้ว ของกินเพียบ จัดเลย
จบวันแรกที่ผมมาถึง ผมเดินกลับมาถึงที่พักปุ๊บสลบเลย อากาศที่นั่นกลางวันร้อน แต่กลางคืน ในจุดที่ผมกางเต๊นท์มีลมพัดดีมาก ไม่ร้อนเลย
เดี๋ยวมาต่อครับ
เมื่อผมสะพายเป้ ไป "เดิน" ที่ สังขละบุรี 4 วัน ใน ฤดูร้อน เมษายน 58 แล้วทั้งหมดนี้คือภาพที่ผมได้จากที่นั่น
สวัสดีครับ เพื่อน พี่ น้อง กระทู้นี้ เป็นกระทู้แรกของผมเลยตั้งแต่ติดตาม pantip มา
ขอเริ่มการเดินทางเลยครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ผมจะนำรูปถ่าย ที่ผมได้เดินทางสะพายเป้ไปเองเดี่ยวๆ ไปที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี (เพราะเบื่อสงกรานต์แบบตามทุกหัวเมืองคือสาดน้ำรัวๆ เปิดเพลงดังๆ ขึ้นท้ายรถเข้าไปอัดกันในเมือง) ซึ่งที่สังขละ ต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
ผมไปในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ 11-14 เมษายน 58 ที่ผ่านมา เลยขอเอาภาพที่ผมได้จากที่นั่น มาให้เพื่อนๆที่รักการท่องเที่ยวดูกันว่า ผมได้ไปพบไปเห็นอะไรมาบ้าง ถึงแม้ว่า สังขละบุรี จะมีหลายคนเคยไปสัมผัสมาแล้ว แต่ที่นี่เป็นครั้งแรกของผมเลย ที่เลือกไปที่นี่ ส่วนนึงเพราะติดตามเรื่องราว รูปถ่าย ที่นี่มาสักพักนึง หลักๆ ก็จากเพจ สังขละบุรี รวมถึง ตามเว็บต่างๆ ทำให้ผมสนใจขึ้นมา สังขละบุรี มีเสน่ห์ อะไรงั้นหรือ จึงทำให้อยากไปนัก ....... ผม เลยตัดสินใจทันทีว่าหยุดยาวจะมาที่นี่
พอดีผมไม่ได้ทำงานอยู่ ที่ กทม.ครับ ทำงานอยู่ทางเหนือ มนุษย์เงินเดือน เลยต้องเดินทาง 3 ต่อ คือ รถทัวร์ ลง รถไฟฟรี(ที่สถานทีธนบุรี) แล้วลงรถโดยสารท้องถิ่นที่นั่นต่อเข้าสังขละบุรี ตั้งแต่เช้า 8.10 น.รถไฟออก จน ผมถึงที่พัก กว่าจะหาเจอ ฮ่าๆ ราวๆ 18.00 น. เกือบมืด ส่วนนึงเพราะวันนั้น นักท่องเที่ยว+คนกลับบ้าน เยอะมาก ผมยืนเกือบๆตลอดทางช่วงอยู่บนรถโดยสารไปสังขละ ฮ่าๆ แต่ผมรู้สึกชิวๆ มากกว่า เพราะความอยากด้านเที่ยว มี มากกว่า ความเบื่อหน่าย ทำให้วันนั้นเดินทางสนุกสนานมากกว่า ........แล้วนี่คือสิ่งที่ผมได้รับจากการไปอยู่ที่นี่ 4 วัน
ปล.1 รูปถ่ายทุกที่ที่ผมได้มา ผมใช้การเดินเท้าไปตามจุดต่างๆ อย่างเดียว ไม่ได้เช่าพาหนะ ไม่จ้างวิน ไม่โบก ฮ่าๆ (ผมอยากลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป แล้ว ผมมั่นใจว่า ทุกวันนี้ที่ผมออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ช่วยผมได้เยอะมาก ฮ่าๆ)
ขอยกเว้น เรื่องต้องนั่งเรือไปชมวัดใต้บาดาลนะครับ ว่ายน้ำไปไม่ไหว 5555 (จนพี่เจ้าของที่พักยังบอกน้องทรหด มาก คือ ไอนี่ ถึก จริงๆ นั่นเอง)
ปล.2 กระทู้นี้ จัดเต็มภาพ มากๆ นะครับ
ปล.3 ค่าใช้จ่ายในการอยู่ที่ สังขละบุรี ของผม 4 วัน ราวๆ 1500 บาท ครับ (ไม่ได้รวมค่าเดินทางใดๆนะครับ)
เพื่อให้ไม่เสียเวลา ผมไม่บรรยายให้มันยาว ขอบรรยายเล็กๆน้อยๆ ลงไปในรูปถ่ายแต่ละใบที่ผมจะลงไว้เลยนะครับ
ตอนเช้าก่อนมาถึงสถานีรถไฟ เจอทีเด็ดฮะ โบกแท็กซี่ จะมาที่สถานีธนบุรี เขาไม่จอด แต่ก็เจอคันที่รับมาจนได้
ผมไม่ได้เดินทางด้วยรถไฟแบบเต็มสูบอย่างนี้นานมากๆ มากกว่า 5 ปี เลยค่อนข้างคึกคักมาก
ซึ่งวันนั้น เจอนักท่องเที่ยวเยอะมาก มาคนเดียวก็มี มากับเพื่อนๆ ก็มี แล้วก็มีกลุ่มที่เดินทางกลับบ้านกัน
ที่นี่ สถานีน้ำตก ผมไม่เคยนั่งมาถึงตรงปลายทางนี้ เคยนั่งมาถึงอย่างมากแค่ สถานีกาญจนบุรีเท่านั้น
สถานีนี้ ผมเดินลงมาปุ๊บหายง่วงเลย เมื่อเห็นภาพ โบกี้รถไฟจอดอยู่นิ่งๆ ท่ามกลางเงาไม้แบบนี้มันสวยมาก
คือผมเดินถ่ายรูปจนเกือบลืมว่าต้องนั่งรถสองแถวจากที่นี่ ไปลงยังจุดที่จะต่อรถเข้าสังขละต่อ
ภาพนี้ คือ ช่วงที่กำลังเดินทางโดยรถเมล์พัดลม ตั๋วยืน คนเต็มมาก 555 แต่ ทุกคนที่ยืนผมคิดว่าเขาเข้าใจตรงกันว่า เป็นช่วงวันหยุดยาว
คนกลับบ้าน+นักท่องเที่ยว ดูจากสีหน้าแล้วอดทนกันได้สบายมาก
แล้วนี่คือที่พักคืนแรกของผม "บ้านแม่เล็ก อีโค แคมป์"
เท้าความนิดนึง ทีแรก ผมตั้งใจว่า มาที่นี่ 4 วันจะเปลี่ยนที่นอนไปตามบรรยากาศบ้าง แต่ไปๆมา ที่พักส่วนใหญ่จะเต็ม ในช่วงเทศกาล
หลายๆที่ต้องโทรจอง แล้วที่พักที่ตั้งใจจะไปพัก ก็เต็มเลย จัดที่นี่ไปเลยตลอดทริป ผมเอาเต๊นท์ไปเอง
เขาคิดแค่ค่าที่ วันละ 50 บาท เป็นโปรพิเศษ สงกรานต์
ส่วน หมอน ที่รองนอน พี่ๆเขาใจดีมาก ไม่ให้เช่า ให้ยืมนอนฟรี ทำให้ผมประทับใจมาก ชวนผมทานข้าวด้วยกันตั้งแต่วันแรกเลย
บรรยากาศตอนเช้า วันที่ 12 เมษายน 58 เต๊นท์อยู่ในร่มเงาของ ต้นอินทนิล ดอกบานเต็มต้น
แล้วนี่คือ ภาพที่มองออกไปจากที่ผมกางเต๊นท์อยู่ มองเห็นสะพานมอญ และ หมู่บ้านมอญฝั่งตรงข้าม ได้อย่างกว้างๆ เลย
ยามเช้า เช่นกัน
อาหารคืนแรกของผม เคยเห็นแต่ในภาพ มาลองกินดูแล้ว ตามภาพเลยครับ
หมูจุ่มพม่า ไม้ละ 1 บาท น้ำจิ้มอร่อยดีนะครับ แต่ไม้เนี่ยเขาเอาจุ่มต้มลงไปด้วยจริงๆ 55
คืนแรกที่ผมไป ก็เดินจากที่พัก มาไกลพอสมควร พอหิวมากๆ หนทางทำไมมันไกลจัง
คืนนั้นมีถนนคนเดินแล้ว ของกินเพียบ จัดเลย
จบวันแรกที่ผมมาถึง ผมเดินกลับมาถึงที่พักปุ๊บสลบเลย อากาศที่นั่นกลางวันร้อน แต่กลางคืน ในจุดที่ผมกางเต๊นท์มีลมพัดดีมาก ไม่ร้อนเลย
เดี๋ยวมาต่อครับ